รายการ “รวมพลังภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 21
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564
เวลา 19.00 – 21.17 น.
ประเด็นเด่นจากรายการ
-
- ฉีดเพราะรัก
- การเมืองต่างกัน แต่ความห่วงใยเหมือนเดิม
- กาแฟแสนทุกข์
วันนี้มีจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม ภาคกลาง เข้าร่วมรายการทั้งหมด 33 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณจาริณี กวีวิวิธชัย (เอ๋) และคุณมาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (ต่าย)
บรรยากาศยังคงอบอุ่นเช่นเคย พี่น้องช่วยกันทำการบ้าน เพื่อให้สามารถเข้าใจอาริยสัจ 4 ได้ดียิ่งขึ้น ผู้รับฟังก็ร่วมมีใจเบิกบานกับการบ้านของเพื่อน ๆ ครั้งนี้จิตอาสาได้กลับมาทบทวนการบ้านอาริยสัจ 4 ที่ได้เคยนำเสนอไปแล้ว เพื่อนำมาให้พี่น้องได้ดูการสรุปที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในรอบนี้ มีจำนวน 2 ท่าน ได้แก่ คุณสำรวย เดชดี (รักศีล) และ คุณภคมน ถิระธรรมภณ (ษา) ดังนี้
-
- เรื่อง ทุกข์จริงหรือไม่? (คุณสำรวย เดชดี) [คลิกเพื่อรับชมคลิป]
- เรื่อง ทำอาหารแจกแก่บุคลากรทางการแพทย์ ( คุณภคมน ถิระธรรมภณ) [คลิกเพื่อรับชมคลิป]
และมีผู้ร่วมแบ่งปันการบ้านอาริยสัจ 4 เรื่องใหม่ จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ คุณจิราวรรณ ดาโรจน์ (หน่อง) คุณเรือนแก้ว สว่างวงษ์ (นก) และคุณจิตรา พรหมโคตร (ตา)
เรื่อง ไม่อยากฉีดวัคซีน (คุณจิราวรรณ ดาโรจน์) :
ทุกข์ คือ มีอาการกลัวเล็กน้อยกับผลข้างเคียงของวัคซีนที่ผลิตมาแบบเร่งด่วน ตนเองเคยเป็นเภสัชกร และมีข้อมูลเรื่องอาการข้างเคียง วัคซีนแต่ละตัว ต้องผ่านการทดสอบหลายปี แต่วัคซีนโควิด-19 ผลิตแบบเร่งด่วน กังวลว่าพ่อบ้านต้องถามเรื่องนี้อีกแน่นอน เพราะท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำงานในรพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง ถ้าตนเองไม่ฉีด ท่านคงลำบากใจ พิจารณาว่า ทำไมถึงกลัวผลข้างเคียง ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้น่ากลัวมากมาย เรายังยึดมีความกลัวผลข้างเคียงของยา ข้อมูลที่เคยได้รู้ได้เห็นมามากกับอาการข้างเคียงของยา เรามีข้อมูล แบบเรียกว่า ยิ่งรู้มาก เห็นมาก ยิ่งกลัวมาก ทำให้ใช้ยาเมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เมื่อได้พบการแพทย์วิถีธรรม รู้สึกประทับใจมาก และตระหนักว่า นี่คือทางรอดของการไม่ใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งไม่สามารถรักษาโรคได้ถึงสาเหตุที่แท้จริง แต่สุดท้ายได้ฉีดวัคซีนไป 2 เข็ม เพื่อให้เกิดความสบายใจภายในบ้าน
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- สำคัญที่สุด คือ ใจที่ไม่กลัว และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
- การบ้านอาริสัจ 4 เรื่องการฉีดวัคซีน สามารถเป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องที่ต้องเจอสถานการณ์ในการต้องฉีดวัคซีน เพื่อให้คนในครอบครัวสบายใจ
เรื่อง ขัดแย้งเพราะการเมือง (คุณเรือนแก้ว สว่างวงษ์) :
ทุกข์ คือ เป็นห่วงลูก เตือนลูกที่ออกความคิดเห็นทางการเมืองอย่างรุนแรง ขอให้ลูกเห็นใจคนทำงาน และขัดแย้งกันว่าข้อมูลของแต่ละฝ่ายต่างไม่เป็นความจริง จึงสร้างความหงุดหงิดใจให้ทั้งสองฝ่าย เป็นห่วงที่ลูกหลงผิด โดนล้างสมอง ทบทวนพิจารณาว่าต่างฝ่ายก็เพียงเห็นต่าง ถ้าลูกไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องธรรมดา พยายามหาบททบทวนธรรมมาช่วยยกจิตใจให้พ้นทุกข์ ได้แนะนำในฐานะของคนเป็น “แม่” แล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ก็ “วาง” ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของลูก
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- เป็นธรรมดาของหลาย ๆ ครอบครัวที่ต้องเจอปัญหาความขัดแย้งเรื่องนี้
- ลูกเป็นกระจกของเรา ระลึกกรรมได้ ตอนที่เคยเถียงกับแม่ของตนในอดีต เป็นเงาสะท้อนที่ตนเองไม่เคยเชื่อแม่เช่นกัน วันนี้ลูกจึงไม่เชื่อเรา ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตนเอง
- พยายามเอาความจริงมาคุยกัน ด้วยเหตุและผล สุดท้ายก็ต้องวางใจ ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างมีความคิดของตนเอง
- ลูกยังวัยรุ่น นำข้อมูลมาวิเคราะห์ แต่ยังขาดประสบการณ์ บางครั้งต้องเลี่ยงการพูดเรื่องการเมือง
- ไม่ควรดูถูกกัน เคารพกันและกัน ทุกท่านมีมุมดีของตนเอง อย่านำอารมณ์มาเป็นตัวตั้ง
- อย่าปะทะ เพราะโมหะจะเอาออกจากจิตวิญญาณยากมาก
- ล้างความยึดในความคิดของตนเอง ที่คิดว่าลูกไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
- อาจเป็นเรื่องดีที่ลูกได้เริ่มมองเห็นแก่ความเป็นส่วนรวม หรือประโยชน์ของบ้านเมืองมากขึ้นกว่าเมื่อยังเด็กกว่านี้ ที่อาจไม่สนใจอะไรเลย
- เราต่างก็ยึด “ดี” ในคนละมุม และต่างก็เห็นแก่ประโยชน์สูงสุดในมุมแบบฉบับของตนเองทั้งนั้น
- ต่างความเห็น แต่ต่างก็ยังมีความรัก ความห่วงใย และปรารถนาดีต่อกัน
เรื่อง ดูหมิ่นพ่อบ้านว่าขี้เกียจ (คุณจิตรา พรหมโคตร) :
ทุกข์ คือ รู้สึกไม่พอใจ ขุ่นอยู่ในใจ ที่สามีฝากซื้อกาแฟ ไม่อยากรับฝากเพราะดูหมิ่นเขาว่าขี้เกียจ ใจจริงอยากให้สามีไปซื้อด้วยกัน เพื่อช่วยกัน เมื่อได้พิจารณาจิตปรุงแต่งของตนเองที่ไปดูหมิ่นว่าที่เขาใช้เราเพราะเขาขี้เกียจ สามีเพียงเห็นว่าตนเองกำลังจะออกไปอยู่แล้ว จึงฝากซื้อ หากใจยังคิดแบบนี้ จะทำให้เป็นแรงเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นทำตาม เป็นวิบากร้ายต่อตนเองและผู้อื่น ไม่แจ่มใสเบิกบาน เมื่อคิดได้ ใจค่อย ๆ ผ่อนคลายความทุกข์ใจไปได้ 50%
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- ต้องแก้กิเลสในใจที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ และยังยึด และก็ยังไม่สามารถล้างได้ ยังยอมไม่จริง
- เพียรทำการบ้านให้มากขึ้น ไม่อยากให้เพียงมาระบาย แต่หากทบทวนถึงกรรมอย่างลึกซึ้ง จะสามารถให้อภัยสามีได้อย่างสุดใจ
- คิดว่าตนเองเป็นลูกหนี้ เพียงมาใช้หนี้ให้หมดในชาตินี้
- หากออกไปข้างนอกอยู่แล้ว การรับฝากซื้อของให้สมาชิกในครอบครัว จะยิ่งทำให้ประหยัด และปลอดภัยจากโควิดมากขึ้น
- มองประโยชน์ในการได้บำเพ็ญและทำสิ่งที่ดีให้กับสมาชิกในครอบครัว
- การกล้านำกิเลสที่ตนเองอายมาเปิดเผยให้กับหมู่กลุ่มนั้น เป็นสิ่งที่ดีและทำได้ยาก ซึ่งจะทำให้ค่อย ๆ ขัดเกลาจิตวิญญาณตนเองไปในทางที่ดีขึ้นทุกครั้ง
เป้าหมายของการทำการบ้านอาริยสัจ 4 คือ “การพ้นจากทุกข์” ในส่วนเรื่องภาษาในการเขียนข้อความการบ้านนั้น เป็นเรื่องรองลงมา พระพุทธเจ้าทรงได้ฝากคำสอนที่ดีที่สุดในโลกให้แก่มนุษยชาติ เพียงแต่เราจะนำมาใช้หรือไม่
สรุปเนื้อหาของวันนี้ คือ
-
- หลายครั้งยามทุกข์ใจจะยังไม่สามารถนึกหนทางการพ้นทุกข์ได้ง่าย แต่เมื่อเริ่มเขียนการบ้านอาริยสัจ 4 จะค่อยเริ่มเห็นว่าความทุกข์ของเรานั้นไม่ได้มีสิ่งใดเลย นอกจากความ “ยึด” ของตนเอง จึงสามารถยกจิตใจได้จนคลายจากทุกข์ และกลับมาผาสุกตามธรรม
- เราหลงเชื่อว่ากิเลสนั้น คือ “เรา” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เราจึงต้องมีหมู่มิตรดีมาช่วยกันให้ปัญญาให้ถูกตรง จิตที่แท้จริงของเรา คือ “พุทธะ” ใจที่ผาสุกยั่งยืน
รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง