รายการ “รวมพลังภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 20
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2564
เวลา 19.15 – 21.45 น.
ประเด็นเด่นจากรายการ
-
- เสน่ห์ปลายจวัก ปรุงความดี ไม่ปรุงทุกข์
- เหยียบแก้ว เหยียบทุกข์
- วางมือ วางใจ
วันนี้พิเศษมากกว่าทุกครั้ง เพราะมีการสัญจรจากจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมทางภาคใต้ เข้ามาร่วมรายการพร้อมกับจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมภาคกลาง รวมทั้งหมด 38 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณกิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา (เม) และคุณมาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (ต่าย) ซึ่งครั้งนี้มีผู้ร่วมแบ่งปันการบ้านอาริยสัจ 4 จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ คุณภคมน ถิระธรรมภณ (ษา) คุณจิตรา พรหมโคตร (ตา) และคุณนงนุช พาสนาโสภณ (นุช)
________________________________________
พี่น้องทุกท่านช่วยกันวิเคราะห์การบ้านและร่วมกันหาเหตุแห่งทุกข์ให้กับผู้แบ่งปันการบ้าน ดังนี้
เรื่อง ฝีมือปลายจวักของใคร (คุณภคมน ถิระธรรมภณ) :
ทุกข์ คือ เมื่อต้องมาทำอาหารแบ่งปันบุคลากรการแพทย์ จึงทุกข์เพราะไม่เคยใช้หม้อใหญ่ และไม่ถนัดปรุงอาหารรสจัด อยากปรุงอาหารให้ผู้รับสามารถรับประทานได้หมด กลัวพวกเขาไม่ชอบและนำไปทิ้ง เมื่อปรุงอาหารเสร็จ จึงลองให้พี่น้องบางท่านชิม บางวันท่านก็ชอบ แต่บางวันไม่ชอบ อยากให้รสชาติอาหารฝีมือของตนเองเสถียรและเป็นรสชาติที่ทุกท่านชอบ ตนเองจะได้ปลื้มใจ พิจารณาตระหนักได้ว่า ตนเองนั้นก็ไม่ใช่เชฟมืออาชีพ เราได้ปรุงอาหารอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว พยายามวางใจให้พ้นทุกข์
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว ผู้รับจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร เมื่อวางใจได้ ใจจึงผาสุก
- ใจยังกดข่มอยู่ ยังล้างกิเลสในใจไม่หมด จึงเกิดทุกข์ เพราะใจยึดดี
- ให้ตรวจสอบว่าถ้าได้ไปทำอาหารอีกครั้ง ใจยังผาสุกหรือไม่
- ยังหาตัวอยากตัวยึดไม่ตรงจุด ค่อย ๆ ลองตรวจสอบไปเรื่อย ๆ
- ทำดีแล้ว ไม่ต้องรอให้ตนเองหรือใคร ๆ มาปลื้มหรือชื่นชม วางใจ “ให้ โดยที่ไม่คิดจะเอาอะไรจากใครให้ได้”
- ทบทวนธรรมข้อที่ 36 คือ จงทำดีเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร
คือสุดยอดแห่ง “ความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส” - เมื่อได้พูดกิเลสที่อัดแน่นออกมา ทำให้กิเลสค่อย ๆ เผยออกมาว่าจริง ๆ แล้ว ต้องการอะไร ซ่อนความกลัวใดไว้
- อยากให้ทั้งตนเองและผู้รับประทานสมใจ เพื่อให้ชอบทั้งสองฝ่าย ผู้ปรุงอาหารปลื้มใจ ผู้รับประทานบอกว่าอร่อย แต่ไม่พ้นทุกข์
- เรามีหน้าที่เพียง “ทำดี” แต่ไม่ได้มีหน้าที่ “ทุกข์”
เรื่อง เหยียบแก้ว เหยียบทุกข์ (คุณจิตรา พรหมโคตร) :
ทุกข์ คือได้ยินเสียงแก้วแตก จึงรีบไปดูว่าต้องช่วยอะไรหรือไม่ แต่กลับไปเหยียบโดนเศษแก้วบนพื้น โกรธและไม่อยากเก็บกวาดเศษแก้วที่สามีได้ทำแตกไว้ ระลึกถึงกรรมได้ว่า เคยทำงานไม่เรียบร้อย จนต้องทำให้ผู้อื่นมาคอยตามเก็บงานของเรา วันรุ่งขึ้นลองสอบถามสามีว่าเกิดอะไรขึ้น สามีเล่าว่าทำแก้วหล่นโดนเหวี่ยงเข้าไปตามซอก จึงยังไม่อยากเก็บเท่านั้น ในอดีตมีใจชอบเอาชนะสามีเสมอ จึงตั้งศีลว่าจะยอมน้อมรับในกรรมและการกระทำของสามีทุกเรื่อง
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- เป็นการกดข่มจากการกระทำในอดีตของสามี ร่วมกับการปรุงแต่ง ยอมยังไม่จริง ยังล้างกิเลสยังไม่ได้
- ฆ่าอารมณ์ลบที่ยังฝังไว้ของตนด้วยการคิดบวกกับเหตุการณ์ที่ได้ยินเสียง และเก็บแก้วด้วยใจที่เป็นสุข
- ยอมมี 2 แบบ คือ ยอมแบบจำนน และยอมจากใจจริง ๆ หากยอมแบบจำนนจะยังมีกิเลสตัวโกรธอยู่ แต่ยอมจากใจจริง ๆ จะไม่มีความโกรธเจืออยู่เลย จะน้อมพร้อมเข้าไปคุยกับสามีได้ทันทีด้วยใจที่บริสุทธิ์
- เหตุการณ์นี้ได้ประโยชน์ เพราะได้เห็นกิเลสที่ยังซ่อนอยู่
- ได้เปรียบเทียบความแตกต่างในกิเลสตัว “ชัง” ว่าลดลงมากน้อยเพียงใด กิเลสลดลง คือ “ความก้าวหน้า”
- เมื่อเราเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีขึ้นได้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
เรื่อง จิตที่กังวลอุ้งมือจะเจ็บเรื้อรัง (คุณนงนุช พาสนาโสภณ) :
ทุกข์ คือ จากการดูแลคุณแม่ยามป่วย มีอาการเจ็บอุ้งมือทั้ง 2 ข้างเรื้อรังมา 6 ปีแล้ว แต่ยังทำงานได้ปกติ จนเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว เริ่มมีอาการปวดมากขึ้น จึงกังวลว่าจะทำงานไม่ได้คล่องตัว เห็นความยึดที่อยากได้สภาพดี ๆ ให้อาการหายเจ็บจึงจะสุขใจ พากเพียรวางใจให้ไม่ทุกข์ น้อมรับในสิ่งที่ตนเองเคยทำมา จะต้องประมาณการตัดรอบทำงานให้ได้ดียิ่งขึ้น รู้เพียรรู้พัก อาการจะหายเจ็บตอนไหนก็ได้
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- หาเหตุของการบาดเจ็บว่าเกิดจากอะไร เพื่อจะสามารถแก้อาการได้ตรงจุด
- รักษาศีลข้อ 1 ให้ดี คือ การไม่เบียดเบียนตนเอง ยอมให้งานเสียได้ แต่อย่าให้จิตใจข้างใจเสียไป งานใดที่ยังไม่เหมาะสมในการทำตอนนี้ ต้องพร้อมวาง หากศีลข้อ 1 ยังทำไม่ได้ ทุกอย่างจะรวนทั้งหมด
- เป็นธรรมดาธรรมชาติ หากใช้งานร่างกายมาก ๆ ย่อมมีอาการเสื่อม จิตไปหลงยึดร่างกายว่า อยากให้หายได้ดั่งใจ
- การปล่อยวางในสิ่งที่ยึดนั้น ทุกชีวิตล้วนมีอาการยึด ต้องใช้เวลา ยังอาจไม่สามารถวางใจได้ตอนนี้
- กิเลสมีความอยากในทุกด้าน อยากหายป่วย อยากทำงาน เราไม่สามารถอยากได้ทุกอย่าง ให้ยอมรับความจริงในสังขารของตนเอง และทำงานที่สามารถทำได้
- อาการเจ็บครั้งนี้เป็นเรื่องดี ที่มาเตือนและทดสอบใจว่าจะยอมทิ้งภาระได้หรือไม่ เพื่อรักษาตนเองก่อน
- เหงาเคว้งคว้างที่ตนเองเคยทำงานได้เต็มที่ พอลดงานลงเพียงเล็กน้อย อาจรู้สึกว่าตนเองทำไม่ได้เต็มที่
สรุปเนื้อหาของวันนี้ คือ
-
- เมื่อหาทุกข์ยังไม่พบ หมู่มิตรดีมาร่วมช่วยกันหาเหตุแห่งทุกข์อย่างตั้งใจ ถึงอาจยังหาไม่พบบ้าง ก็สามารถพร้อมปล่อยวางให้เป็นไปตามธรรม ให้ทุกท่านได้ใช้เวลาและเจอผัสสะเพิ่ม เพื่อพิจารณาจนพบทุกข์ แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น
- พี่น้องได้ปัญญาและประโยชน์จากการรับฟังเหลี่ยมมุมอื่น ๆ จากหมู่มิตรดี เพื่อที่จะนำมาสังเคราะห์วิเคราะห์ให้ตนเองหลุดพ้นจากทุกข์ในทุกด้าน ด้วยใจผาสุก
รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง