รายการ “รวมพลังภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 18
วันพุธที่ 23 มิถุนายน 2564
เวลา 19.05 – 21.38 น.
ประเด็นเด่นจากรายการ
-
- โดนอัดจนล้ม เพราะน้ำอัดลม
- ถามตรง ๆ กับ “จอมกิเลส”
- มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา
วันนี้มีจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม ภาคกลาง เข้าร่วมรายการทั้งหมด 28 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณกิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา (เม) ซึ่งครั้งนี้มีผู้ร่วมแบ่งปันการบ้านอริยสัจ 4 จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ คุณกัญจนา อบรมชอบ (ป้อม) คุณวิภาวัลย์ ถนัดธรรมกุล (หมวย) และ คุณจำเนียร ศิริธนะ (เนียร)
คุณมาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (ต่าย) ได้แนะนำวิธีการส่งการบ้านอาริยสัจ ๔ ของสถาบันวิชชาราม บรรยากาศเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการช่วยหาทุกข์เพื่อนพี่น้องทุกท่านได้ร่วมตั้งใจช่วยกันวิเคราะห์การบ้านอริยสัจ 4 ดังนี้
เรื่อง อยากดื่มน้ำอัดลมมาก และอยากทำงานกับหมู่กลุ่ม
(คุณกัญจนา อบรมชอบ) :
ทุกข์ คือ ตั้งศีลว่า “งดดื่มน้ำอัดลม” แต่อาการร้อนจนอยากดื่มมาก ๆ จิตตั้งมั่นว่าจะไปแอบซื้อนอกศูนย์ รีบเดินจนสะดุดสายพัดลม ทำให้หัวเข่าแตก เป็นเหตุให้กระเบื้องแตก มีอาการอ่อนแรงทันที แต่ก็อยากไปบำเพ็ญงานกับเพื่อน กลายเป็นว่าได้รับบาดเจ็บจนไปไม่ได้ เครียดยึดว่าอยากเดินได้ แต่ต้องรักษาแผลก่อน จึงพิจารณาโทษของความอยาก ว่าสร้างวิบากให้แก่ตน และจะพากเพียรระวังในการรักษาศีลให้มากยิ่งขึ้น เพราะเข้าใจในทุกข์ของความอยาก จนทำให้แผลหายไวมาก เพราะใจไร้ทุกข์
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- ไม่ได้ทุกข์เพราะอดดื่มน้ำอัดลมแต่ทุกข์เพราะผิดศีล จนทำให้ร่างกายเจ็บปวด และไม่สามารถบำเพ็ญกับเพื่อนได้
ชอบที่สามารถไปบำเพ็ญกับเพื่อน ชังที่ไม่สามารถไปบำเพ็ญได้ และอยากได้ดั่งใจ จึงทำให้เกิดความเครียด - ทั้ง ๆ ที่มีอาการเจ็บเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังอยากได้อาการไม่เจ็บเพิ่มเข้ามา จนเมาและทำให้ไม่เจอเหตุแห่งทุกข์แท้จริง
- ยอมรับเต็มใจรับความทุกข์ที่เราผิดศีล และเชื่อชัดในสิ่งที่ทำผิด ใจจะไม่ยึด ผาสุกไม่ว่าจะได้สิ่งที่ดีหรือไม่ดี ก็ยอมให้เกิดขึ้นได้
- เห็นความลวงของความอยากได้ดั่งใจหมาย แต่เมื่อตั้งศีลแล้ว จะสามารถจับตัวกิเลสลวงได้
- อยากมาก ทุกข์มาก ไม่อยากเลย ไม่ทุกข์เลย
- เศษส่วนเหลือของกิเลส ทำให้ปรุงแต่งต่อไม่รู้จบ จนเกิดทุกข์
- เมื่อสำนึกผิดว่า ได้ทำผิดศีลไปแล้ว พิจารณาเพิ่มว่า การผิดศีลเพียงเท่านี้ ยังได้รับความทุกข์มากขนาดนี้ ในการลดกิเลส จึงทำให้พบทุกข์ได้เร็วและชัดขึ้น ว่าอย่าไปแอบดื่มน้ำอัดลมนอกศูนย์อีก
- พลังงานความอยากของตนเองนั้นเยอะมาก จะเหนี่ยวนำทำให้ผู้อื่นอยากทำผิดเช่นกัน
- มาตาลีเทพสารถีเข้าช่วย ทำงานได้เร็วมาก มาช่วยเตือนไม่ให้ทำผิดศีล จึงแจ่มแจ้งว่า ความอยากนั้นเป็นทุกข์
- ช่วงรักษาอาการป่วย แนะนำให้บำเพ็ญ โดยการฟังธรรมเท่าที่ทำได้ และใช้งานอวัยวะอีกข้างที่ไม่บาดเจ็บ
- พบสัญญาเดิมที่ปรุงแต่งว่า น้ำอัดลมต้องรสชาติแบบนั้นแบบนี้ จึงหลงคิดอยากจะไปเสพ ในสิ่งที่ไม่ดีกับตนเอง
- ทำใจในใจใหม่ว่าสิ่งนี้ คือ “กามวิตก” พากเพียรในการกำหนดรู้ให้ได้ เพื่อให้เห็นชัดว่า เราได้รับวิบาก เพราะเรากำลังทำสิ่งที่ไม่ดี
- น้ำอัดลมเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ และมีโทษร่างกาย หากเราหลงเสพ จะทำให้เบียดเบียนตนเอง เราสามารถน้ำอัดลมได้ และไม่ใช่สิ่งผิด หากไม่มีอะไรให้ดื่มในเวลานั้น ๆ แบบไม่หลงเสพด้วยความอยาก และไม่หลงเชื่อว่า การดื่มน้ำอัดลมแล้วจะมีความสุข ซึ่งกิเลสความอยากจะก่อทุกข์แก่ตนเองไม่รู้จบรู้แล้ว
- สุขลวงที่หลงอยากดื่มน้ำอัดลม หลงคิดว่าอากาศร้อน ถ้าได้ดื่มแล้วจะสดชื่น หายกระหาย ทั้ง ๆ ที่ดื่มแล้ว จะยิ่งทำให้คอแห้งกว่าเดิม
- ไม่ได้ทุกข์เพราะอดดื่มน้ำอัดลมแต่ทุกข์เพราะผิดศีล จนทำให้ร่างกายเจ็บปวด และไม่สามารถบำเพ็ญกับเพื่อนได้
เรื่อง เพื่อนไม่ถาม (คุณวิภาวัลย์ ถนัดธรรมกุล) :
ทุกข์ คือ เพื่อนท่านหนึ่งซึ่งรู้จักและบำเพ็ญด้วยกันมานานแล้ว เพื่อนได้รับข้อมูลและเกิดความเข้าใจผิดในเจตนาของการทำกุศลแบ่งปันอาหารและสิ่งของต่าง ๆ ในครั้งนี้ของตนเอง ใจอยากให้เพื่อนนั้น มีอะไรก็คุยกันตรง ๆ พิจารณาไม่เอาอะไรจากเพื่อน หมดอยาก หมดทุกข์
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- เพียงแค่คิดดี มุ่งทำกุศล ใจก็มีความสุข
- เหมือนจะไม่เอา แต่ดูให้ลึกแล้ว คือ อยากเอาความเข้าใจจากเพื่อน
- เพื่อนจะถามหรือไม่ถามเราตรง ๆ หากวางใจไม่ชอบไม่ชัง จะหมดทุกข์
- พิจารณาว่าทุกท่านมีการกระทำที่แตกต่างกัน เราไม่สามารถให้แต่ละท่านทำเหมือนแบบที่เราทำได้ดั่งใจเราหมาย
- หากวางใจได้ไม่จริง ใจจะยังทุกข์ แสดงว่ายังยึดในการกระทำของเพื่อน
- มีสติรู้ว่า อดีตนั้นผ่านไปแล้ว ให้วางใจอยู่ในปัจจุบัน ไม่เอาจิตไปข้องกับอดีตที่ไม่เป็นประโยชน์
- ให้น้อมยอมรับความจริงว่า ใจอยากให้เพื่อนเข้าใจตนเองและต้องถามตรง ๆ เมื่อยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ จึงจะสามารถกำจัดทุกข์ได้
- ทุกชีวิตล้วนโดนนินทา แม้แต่ “พระพุทธเจ้า”
- กิเลสฉลาดมาก ๆ สร้างกลลวง ทำให้เราหลงคิดว่า เราไม่อยากได้อะไรจากใคร ที่อยากให้เขาถามตรง ๆ เพราะ เขาจะได้พ้นทุกข์ แต่จริง ๆ แล้วตัวเราเองนั้น ยังมีความอยาก “เราจะยังไม่หมดทุกข์”
เรื่อง ลูกน้องมาสาย (คุณจำเนียร ศิริธนะ) :
ทุกข์ คือ ลูกน้องคนหนึ่งจะเข้างานสายเกิน 15 นาทีทุกวัน ฟังจากคนรอบข้าง จึงเดาการกระทำว่า เขาน่าจะเล่นเกมส์ จนทำให้นอนดึก ชังที่ลูกน้องนำเวลาไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าใช้เวลาในทางที่เป็นประโยชน์ เช่น ดูแลครอบครัว ฯลฯ ที่เราคิดว่าดี ก็ไม่ถือสาอะไร จึงรู้สึกไม่ชอบใจ หงุดหงิด ไม่อยากโดนเอาเปรียบเวลาการทำงาน แต่โดยรวมลูกน้องเป็นคนซื่อสัตย์ รับผิดชอบในงาน วางใจว่า “กูทำมา”
สรุปการวิพากย์และสังเคราะห์ โดย หมู่มิตรดี :
-
- เหมือนจะอยากมอบสิ่งที่ดีให้กับลูกน้อง และเหมือนจะไม่เอาอะไรจากเขา แต่จริง ๆ แล้วนั้น คือ ก็ยังอยากเอาพฤติกรรมดี ๆ จากเขาอยู่ดี
- ลดความยึดมั่นถือมั่นเรื่องเวลา เห็นใจพนักงานที่อาจทำงานหนัก และในเวลาช่วงพักลูกน้องก็ไม่ได้พักเต็มเวลา
- ติดเกมส์ ยังดีกว่าติดยาเสพติด เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เพราะลูกน้องมีความรับผิดชอบงาน
- ทุกข์เพราะรู้สึกลูกน้องทำงานไม่ตรงเวลา คือ การเอาเปรียบตนเอง
- หากจะเตือน ควรพูดด้วยความเมตตา เตือนแบบครอบครัว ไม่ใช่เตือนแบบนายจ้าง
- ให้เชื่อชัดในวิบากกรรมว่า เราทำมาจริง ๆ และน้อมรับวิบากอย่างแท้จริง
- ไม่เดาใจว่าลูกน้องทำหรือไม่ทำไปด้วยเพราะอะไร การเดาจะไม่มีทางเคยเดาได้ถูกตรง
- ทุกกระทำของลูกน้องที่เราชังนั้น ยังไม่ใช่รากของความทุกข์ แต่เราทุกข์ ก็เพราะยังอยากได้การกระทำที่เราชอบจากเขา เพื่อให้ได้สมดั่งใจหมาย
สรุปเนื้อหาของวันนี้ คือ
1. เมื่อเราเจอวิบากครอบงำด้วยความดี หลายครั้งไม่สามารถรู้ได้ว่า มี “ความอยาก” ลึก ๆ ในจิตวิญญาณ เพราะเหตุผลของความดีนั้นหอมหวาน จนทุกข์ทำตามกิเลส หมู่มิตรดีจึงสำคัญในการช่วยคอยดูในสิ่งที่เรายากจะมองเห็น
2. ความอยากให้ทุกอย่างได้ดั่งใจหมาย ยึดมั่นถือมั่นในสภาพที่เราปรารถนาจากผู้อื่น เมื่อไม่ได้สมใจ ใจจึงลากความทุกข์คอยเกาะแน่น จนเผลอผิดศีลเพ่งโทษผู้อื่น หมู่มิตรช่วยกันพาเพื่อนออกจากนรกของวิบาก 11 ประการ เพื่อให้พ้นภัย
รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง