รายการ “ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ New Normal” ครั้งที่ 22
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564
เวลา 18.30 – 21.15 น.
ประเด็นเด่นจากรายการ
-
- ทบทวนธรรมเพิ่มพลังใจ พลังกาย
- ถาม-ตอบ เรื่อง “น้ำสกัดสมุนไพรพลังศีล”
- วันสารทจีน สู้สุดใจกับของหวาน และอาหารลดการเบียดเบียน
- แนวทางการดูแลผู้ป่วย “มะเร็งตับอ่อน”
- “นิ้วล็อก” ไม่ใช่โรคที่น่ากลัว
- ท่าบริหาร ผู้ป่วยเคยผ่าตัด “หมอนรองกระดูกปลิ้น”
วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาและชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 42 ท่าน ดำเนินรายการ โดย แพทย์หญิงกานดา ศักดิ์ศรชัย และคุณประภัสสร วารี (กุ้ง)
เริ่มต้นรายการด้วยยาเม็ดที่ 6 มาร์ชชิ่ง [คลิกเพื่อชมคลิปมาร์ชชิ่ง] และการสาธิตการกดจุดลมปราณ โยคะ [คลิกเพื่อชมคลิป] ต่อด้วยการอ่านบททบทวนธรรมยาเม็ดที่ 8 เทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว ข้อ 26-31 ร่วมกัน [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม] จากนั้นเป็นเปิดบรรยายการสาธิต “น้ำสมุนไพรสกัด พลังศีล” [คลิกเพื่อชมคลิปวีดีโอ] เพื่อพึ่งตนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
วิธีการใช้และประโยชน์ของ “น้ำสกัดสมุนไพรพลังศีล”
-
- ใช้ 1- 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำดื่ม ดื่มได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร
- ฉีดพ่นบริเวณรอบดวงตา ทำให้ลดอาการเมื่อยล้าได้อย่างดีเยี่ยม
- ฉีดพ่นบริเวณใบหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย
- ถอนพิษ ระบายความร้อน ปรับสมดุลในร่างกาย
คำถามเกี่ยวกับ “น้ำสกัดสมุนไพรพลังศีล”
-
- ถ้านำสมุนไพรไปคั้นสด จะได้พลังชีวิตจากสมุนไพรเท่าน้ำสกัดหรือไม่?
ตอบ น้ำสมุนไพรคั้นสดได้พลังชีวิตที่ดีที่สุดเช่นกัน เหมาะกับการนำไปดื่มทันที ควรดื่มก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง หากดื่มหลังอาหาร อาจทำให้ท้องอืด ในส่วนของการนำสมุนไพรมาทำเป็นน้ำสกัดนั้น จุดประสงค์เพื่อยืดอายุการใช้งานของน้ำสมุนไพร เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการทำบ่อย หรือไม่มีที่จัดเก็บในตู้เย็น เพราะการสกัดจะสามารถเก็บน้ำสมุนไพรนี้ไว้ได้นานถึง 1-3 ปี
- ถ้านำสมุนไพรไปคั้นสด จะได้พลังชีวิตจากสมุนไพรเท่าน้ำสกัดหรือไม่?
-
- ทำไมจึงใช้ชื่อว่า “น้ำสมุนไพร พลังศีล”?
ตอบ อาจารย์หมอเขียวแนะนำว่า การเพิ่มศีล จะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำสมุนไพรหรือยาใด ๆ ที่นำมาใช้รักษา หากเป็นคนไม่มีศีล ถึงจะมียาดีเพียงใด ก็ไม่สามารถช่วยรักษาได้ดีหรือมีประสิทธิภาพน้อย
- ทำไมจึงใช้ชื่อว่า “น้ำสมุนไพร พลังศีล”?
“สูตรน้ำ 3 พลังพุทธ”
[คลิกเพื่อชมบทความและคลิปวีดีโอ]
สรรพคุณ
ช่วยลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจลำบาก คันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสียขับพิษในร่างกาย ปรับสมดุลร้อน-เย็น ลดอาการไม่สบายอื่นๆ และเพิ่มภูมิต้านทาน
หมายเหตุ
ใช้ เมื่อไม่สบาย หยุดใช้เมื่อใช้แล้วเท่าเดิมหรือแย่ลง
ส่วนผสม
1. น้ำสกัดสมุนไพรพลังศีล 1-3 ช้อนแกง
2. ผงถ่าน 1 ช้อนชา
3. น้ำสกัดสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย 1-5 หยด
วิธีใช้
ผสมน้ำ 3 พลังเข้มข้น 1-3 ช้อนแกง กับน้ำเปล่า หรือน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน หรือน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น หรือน้ำสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หรือน้ำสมุนไพรฤทธิ์ร้อนเย็นผสมกัน เท่าที่รู้สึกสบายประมาณ 1 แก้ว (200 ซีซี) ดื่มประมาณครั้งละครึ่งถึง 1 แก้ว สามารถปรับปริมาณการเดิม และความเข้มข้นตามความต้องการของร่างกาย คือ ดื่มเท่าที่รู้สึกสบาย เบากาย มีกำลัง
ข้อควรตระหนัก
การเพิ่มศีลจะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา การผิดศีลจะลดประสิทธิภาพการรักษา “อย่ากังวล อย่าเร่งผล อย่ากลัวเป็น อย่ากลัวตาย”
คำถามสดในรายการ มีดังนี้
-
- หากตั้งไม่รับประทานของหวานตั้งแต่เข้าพรรษา ถึงออกพรรษา แต่เนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันสารทจีน จะมีอาหารไหว้เยอะมาก จึงอยากสอบถามว่า จะสามารถรับประทานของหวานได้หรือไม่ เพราะตามที่อาจารย์หมอเขียวได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อตั้งศีล ก็จะมีบททดสอบใจเข้ามา” ควรทำอย่างไร?
ตอบ แนะนำให้พากเพียรไม่ผิดศีลที่ได้ตั้งไว้ ลองฝืนดูก่อน ว่าสามารถอดทนไม่รับประทานของหวานได้มากน้อยเพียงใด อดทนฝืนเท่าที่ทำได้ เพื่อดูกำลังของตนเองก่อน จากประสบการณ์ของจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมที่เคยผิดศีลจากที่ได้ตั้งใจว่า จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ แต่ผิดศีลไปรับประทานเนื้อสัตว์พร้อมกับเครือญาติ จึงมีอาการอาเจียนและไม่สบายอย่างมาก ในการตั้งศีลจึงเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีบททดสอบในเรื่องที่ตนเองตั้งไว้เสมอ แต่หากพลั้งพลาดไป ก็อย่าตีตนเองที่ผิดศีล การปฏิบัติศีลอาจมีการเดินหน้าและถอยหลังบ้าง ให้เพียงพิจารณาว่าสิ่งที่เราจะรับประทานนั้นเป็นประโยชน์หรือไม่ ให้ละ ละ เลิกไปตามอินทรีย์พละของแต่ละท่าน ทุกสิ่งเราต่างต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง วางใจให้เบิกบานและพากเพียรตามกำลัง ขอส่งเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่พากเพียรตั้งศีล สาธุ
- หากตั้งไม่รับประทานของหวานตั้งแต่เข้าพรรษา ถึงออกพรรษา แต่เนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันสารทจีน จะมีอาหารไหว้เยอะมาก จึงอยากสอบถามว่า จะสามารถรับประทานของหวานได้หรือไม่ เพราะตามที่อาจารย์หมอเขียวได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อตั้งศีล ก็จะมีบททดสอบใจเข้ามา” ควรทำอย่างไร?
-
- ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน ระยะที่ 3 ทำการฉายแสงเรียบร้อยแล้ว และคุณหมอให้คีโมมาเรื่อยๆ มาถึงโดสที่ 3 ปัจจุบันมีการติดเชื้อ มีอาการท้องบวม แน่นท้อง ต้องเจาะน้ำออกจากช่องท้อง คุณหมอแจ้งว่า อาการของผู้ป่วยนั้นไม่สามารถรับคีโมได้เพิ่มแล้ว เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ ตอนนี้คุณหมอจึงให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่ถ้ามีน้ำในท้องอีก ก็จะให้มาเจาะเอาน้ำออกเรื่อย ๆ ผู้ป่วยเดินไม่ค่อยไหว มีแนวทางใดที่พอจะประคับประคองผู้ป่วยได้หรือไม่?
ตอบ ผู้ป่วยโชคดีมากที่ยอมรับการแพทย์วิถีธรรม เนื่องจากท่านอาจได้รับวิธีการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันมาแล้ว จนสุดหนทาง การเจาะน้ำออกจากช่องท้องนั้น อาจทำให้ผู้ป่วยขาดเกลือแร่ เริ่มแรกให้ใช้ยาเม็ดที่ 8 คือ การทบทวนธรรม โดยแนะนำให้ญาติของผู้ป่วยอ่านบทททบทวนธรรม ที่เป็นการวางใจให้ปล่อยวาง ไม่คาดหวังในผลของการรักษา แต่ดูแลตนเองอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ระลึกเสมอว่า “โรคไม่มีวันชนะเรา มีแต่อยู่หรือตายไปพร้อมกับเรา ไม่มีอะไรที่น่ากลัว” ในด้านวัตถุนั้น แนะนำให้ทำยาเม็ดที่ 1 คือ คั้นและดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น หากผู้ป่วยไม่ชื่นชอบกลิ่น ให้ต้มน้ำต้มใบเตย และใส่ผลมลงไปเล็กน้อย เพื่อให้มีกลิ่นหอม การดื่มน้ำสมุนไพรนี้จะช่วยเพิ่มการระบายน้ำปัสสาวะ จากนั้นให้ทำยาเม็ดที่ 3 คือ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำปัสสาวะ ซึ่งดีกว่าน้ำสมุนไพรชนิดอื่น โดยญาติสามารถช่วยผู้ป่วยในทำการสวนล้างลำไส้บนเตียงนอนได้ จากนั้นยาเม็ดที่ 7 คือ การรับประทานอาหารปรับสมดุล ด้วยการลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ รวมถึงสัตว์เล็กทุกชนิด อาจให้รับประทานโปรตีนถั่วเหลืองแทนไปก่อน ปั่นน้ำสับปะรดแทนน้ำเกลือแร่ เพื่อเพิ่มกำลังแขนขา
จากกรณีศึกษาของอดีตผู้ป่วยในโรคชนิดเดียวกัน หลังจากที่ได้ทำตามหลักยา 9 เม็ดแล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับ
- ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน ระยะที่ 3 ทำการฉายแสงเรียบร้อยแล้ว และคุณหมอให้คีโมมาเรื่อยๆ มาถึงโดสที่ 3 ปัจจุบันมีการติดเชื้อ มีอาการท้องบวม แน่นท้อง ต้องเจาะน้ำออกจากช่องท้อง คุณหมอแจ้งว่า อาการของผู้ป่วยนั้นไม่สามารถรับคีโมได้เพิ่มแล้ว เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ ตอนนี้คุณหมอจึงให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่ถ้ามีน้ำในท้องอีก ก็จะให้มาเจาะเอาน้ำออกเรื่อย ๆ ผู้ป่วยเดินไม่ค่อยไหว มีแนวทางใดที่พอจะประคับประคองผู้ป่วยได้หรือไม่?
-
- มีอาการนิ้วล็อกและมีอาการปวดเวลาอยู่ในห้องแอร์ มักใช้มือขับมอเตอร์ไซด์ ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นไม้สำหรับบริหารนิ้ว ขอคำแนะนำแนวทางการรักษา
ตอบ เริ่มแรกให้ใช้ยาเม็ดที่ 8 คือ วางใจให้สบาย ไม่เร่งผล ไม่กังวล โรคนี้ไม่เป็นอันตราย จะหายตอนไหนก็ได้ รับวิบากไป รับแล้วหมดไป ก็จะโชคดีขึ้น ในด้านวัตถุนั้น แนะนำให้ทำยาเม็ดที่ 4 คือ ต้มน้้ำใบเตย โดยใช้เพียง 5 ใบ และนำมาแช่มือเท้า 3 นาที พัก 1 นาที (3 รอบ) ทำเช้าและเย็น เนื่องจากใช้มือกำลูกบิดมอเตอร์ไซด์มาเยอะ ให้บริหารกลับด้านที่เคยได้ใช้งานหนัก คือ ดัดหงายมือ และหมุนมือแบบทวนเข็มนาฬิกา ดึงนิ้วทุกนิ้ว (โดยเฉพาะปลายนิ้ว) และกำแบมือ กดจุดที่มือและข้อมือ สุดท้ายทำโยคะของอาจารย์หมอเขียว จากนั้นบริหารด้วยการชกมือและแขนขึ้นฟ้า ต่อมาใช้ยาเม็ดที่ 2 คือ กัวซา โดยการขูดพังผืดให้ทั่วตามข้อร่องนิ้วฝ่ามือ จะใช้อุปกรณ์ใดก็ได้ ที่เป็นขอบเรียบ
- มีอาการนิ้วล็อกและมีอาการปวดเวลาอยู่ในห้องแอร์ มักใช้มือขับมอเตอร์ไซด์ ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นไม้สำหรับบริหารนิ้ว ขอคำแนะนำแนวทางการรักษา
-
- ส่องกล้องตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น มา 1 ปี แล้ว เป็นกระดูกช่วง L5 S1. ยังรู้สึกถึงแผลข้างในร่างกาย ได้ลองดื่มน้ำปัสสาวะ แต่ยังรับประทานเนื้อสัตว์อยู่ รู้สึกว่าตนเองยังไม่สามารถเลิกเนื้อสัตว์ได้ จะสามารถทำท่าโยคะของอาจารย์หมอเขียวได้หรือไม่ และมีท่าใดที่ไม่ควรทำหรือไม่?
ตอบ แพทย์ปัจจุบันอาจห้ามทำท่าบริหารในบางท่า แต่ในศาสตร์แพทย์วิถีธรรมจะแนะนำให้ทำได้ทุกท่า เท่าที่สบาย และให้ผู้ป่วยทดลองทำดูก่อน จึงจะทราบได้ว่า ท่าบริหารใดที่ไม่ควร ซึ่งนั่นก็คือ “ท่าที่รู้สึกไม่สบาย” เมื่อทราบแล้ว ให้หยุดทำ และทำท่าบริหารที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะแต่ละท่านจะไม่เหมือนกัน บริหารโดยค่อย ๆ ทำทีละนิด ยืดเยียดกล้ามเนื้อ ด้วยใจที่ไม่กังวล ผ่อนคลาย ไม่เกร็งต้าน กระดูกอาจไม่ได้ตรงปกติบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องกังวลใจ แต่สิ่งที่จะช่วยได้ คือ การยืดกล้ามเนื้อ ต่อมาแนะนำยาเม็ดที่ 7 คือ การรับประทานอาหารปรับสมดุล ด้วยการค่อย ๆ ลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ รวมถึงสัตว์เล็กทุกชนิด เท่าที่ทำได้ เพื่อจะได้เพิ่มพลังในการสู้โรคได้ ส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยว่า ท่านสามารถทำได้แน่นอน
- ส่องกล้องตัดหมอนรองกระดูกปลิ้น มา 1 ปี แล้ว เป็นกระดูกช่วง L5 S1. ยังรู้สึกถึงแผลข้างในร่างกาย ได้ลองดื่มน้ำปัสสาวะ แต่ยังรับประทานเนื้อสัตว์อยู่ รู้สึกว่าตนเองยังไม่สามารถเลิกเนื้อสัตว์ได้ จะสามารถทำท่าโยคะของอาจารย์หมอเขียวได้หรือไม่ และมีท่าใดที่ไม่ควรทำหรือไม่?
สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ
การรักษาตามแนวทางแพทย์วิถีธรรม จะไม่มีอะไรที่สามารถระบุตายตัวได้ว่า ต้องใช้วิธีใดวิธีหน่งไปตลอด ศาสตร์นี้ คือ ศาสตร์พึ่งตนที่เน้นให้ทุกท่าน “เป็นหมอดูแลตนเอง” ให้ได้มากที่สุด เท่าที่ทำได้ โดยองค์ความรู้ที่แบ่งปันนั้น เป็นการทำให้ผู้ป่วยสามารถวิเคราะห์อาการของตนเอง ณ ปัจจุบันได้ว่า ในภาวะร่างกายที่เกิดขึ้น แต่ละท่านควรใช้ยาเม็ดใดเข้ามารักษา แต่เหนือยาทุกเม็ด ก็ไม่มีการรักษาใดที่เป็นเลิศ เท่ากับ “ยาเม็ดที่ 8 คือ ธรรมะและปัญญาเพื่อใจไร้ทุกข์” โดยพากเพียรปฏิบัติการตั้งศีล ลด ละ เลิก สิ่งที่เป็นภัยต่อร่างกายและจิตใจของเรา เพราะทุกสิ่งย่อมสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ยาเม็ดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาที่ยั่งยืนแท้จริงให้กับทุกชีวิต โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันนี้ที่มีการแพร่ระบาดเชื้อไรรัสโควิด 19
รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง