รายการ “ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ New Normal” ครั้งที่ 21
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564
เวลา 18.30 – 21.45 น.
ประเด็นเด่นจากรายการ
-
- จุดถอนพิษที่ใหญ่ที่สุด คือ ลำไส้ใหญ่
- การสวนล้างลำไส้ใหญ่ ดีอย่างไร? อย่าเชื่อใคร พิสูจน์ด้วยตนเอง
- รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งไทรอยด์ แบบไม่ต้องฉายแสงคีโม
วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาและชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 58 ท่าน ดำเนินรายการ โดย ดร. นิตยาภรณ์ สุระสาย (น้อมพรฟ้า) และคุณประภัสสร วารี (กุ้ง)
ค่ายแพทย์วิธีธรรมออนไลน์ New Normal สัปดาห์นี้ ผู้ร่วมรายการจากต่างประเทศมีทั้งจากสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยมีชาวค่ายท่านใหม่ ๆ เข้ามาร่วมรายการหลายท่าน คุณผาสุข (ชาวค่าย) จากอินโดนีเซีย ติดตามในยูทูปได้เดือนกว่า เข้ามาในรายการครั้งแรก บอกว่าบรรยากาศอบอุ่นมากเลย ตอนนี้คุณผาสุขได้ตั้งศีล ลด ละ เลิกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
ก่อนเข้าสู่รายการ ดร.น้อมพรฟ้า ได้ให้ข้อมูลโควิดที่ประเทศอินเดีย พบว่า มีภูมิคุ้มกัน 69% ขณะที่ 60% ไม่เคยฉีดวัคซีน แต่มีภูมิ เป็นไปได้ว่าติดเชื้อแล้วไม่รู้มาก่อน เมื่อเทียบกับอัตราผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้น อินเดียติดเชื้อโควิด 800 กว่าล้านคน
วันนี้เริ่มต้นรายการด้วยยาเม็ดที่ 6 มาร์ชชิ่ง และการสาธิตการกดจุดลมปราณ ต่อด้วยการอ่านบททบทวนธรรมยาเม็ดที่ 8 เทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว ข้อ 27-31 โดยมีชาวค่ายมาร่วมอ่าน 5 ท่าน และจิตอาสาร่วมอ่าน 3 ท่าน [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม] จากนั้นเป็นการสาธิตการสวนล้างลำไส้ และเข้าสู่รายการตอบคำถามปัญหาสุขภาพจากผู้จองคิวสอบถามล่วงหน้า 2 ท่าน และถามสดในรายการ 1 ท่าน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการสอบถามปัญหาสดทางโทรศัพท์ สำหรับคำถามวันนี้มี
-
- เหมือนแมลงไต่แขน ขา หน้า และหัว ใช้น้ำปัสสาวะช่วยได้หรือไม่
- ปัสสาวะมีรสเค็มและกลิ่นเหมือนใบไม้เน่า
- มะเร็งเต้านม ตัดแล้ว รักษาสมุนไพรทำอย่างไร
- ปวดบวมตรงขมับ กลัวโลหิตแตก ของผู้ป่วยมะเร็ง ไทรอยด์ลามลงปอด
หลังอ่านบททบทวนธรรม คุณลดาวรรณ (ชาวค่าย) จากสหรัฐอเมริกาชาวค่ายที่เข้ามาร่วมรายการเป็นประจำ มีความประทับใจบททบทวนธรรมข้อ 27 ที่ตนเองได้อ่าน โดยบอกค่าใช้จ่ายในการผ่าต้อกระจกแพง จะใช้น้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็นหยอดตา หายไม่หายต้องตามนั้น จะจ่ายเงินก็ต้องจ่าย เงินไม่ใช่สาระสำคัญ และเคยเห็นแบ่งปันในประสบการณ์คนอื่นหาย ทำไมเราไม่หาย เลยวางใจ
สาธิตการสวนล้างลำไส้ (ดีท็อกซ์)
โดย แพทย์หญิงกานดา ศักดิ์ศรชัย และคุณนวลนภา ยุคันตพรพงษ์ (จิ๋ว)
เนื้อหาสาระมีดังนี้ลำไส้ใหญ่มีพื้นที่มีความกว้าง การสวนล้างลำไส้ไม่อันตราย เป็นแหล่งช่องทางระบายธรรมชาติ เป็นที่ระบายอุจจาระ ระบายความร้อน และระบายพิษในระยะเวลาอันสั้น เป็นช่องทางให้ยา ทำความสะอาดนำอุจจาระออกจากร่างกาย ปัจจุบันเป็นช่องทางส่องกล้อง
ลำไส้ใหญ่จะอยู่ด้านซ้ายวกลงข้างขวา สำหรับคนที่ท้องผูกมาก ๆ ลำไส้ยาว จะรับน้ำได้เยอะ ลำไส้ตรงของทุกท่านมีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ในการสอดปลายสายสวนเข้าไปจะสอดเข้าไปไม่เกิน 5 เซนติเมตร ในการสวนล้างลำไส้ คนที่เป็นริดสีดวงสามารถทำได้ เช่น ผู้ที่ท้องผูก หรือคุณแม่ผ่านการคลอด การสวนล้างลำไส้ไม่เหมาะสำหรับคนท้องอ่อน หรือใกล้คลอด เพราะจะไปกระตุ้นให้คลอด สำหรับผู้ผ่าตัดหรือส่องกล้องสามารถทำการสวนล้างลำไส้ได้ หลังหลังผ่าตัด 3 เดือน หรือหลังส่องกล้อง 3 วัน
น้ำที่ใช้ในการสวนล้างลำไส้ เราสามารถใช้น้ำเปล่า, น้ำเปล่า 1 ลิตร ผสมน้ำสกัด 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น, สมุนไพรในตัว (ปัสสาวะ) เลือกตัวใดตัวหนึ่ง สำหรับผู้ที่ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ให้ใช้น้ำถ่าน (¼ ช้อนชา) สำหรับท่านที่เริ่มทำการสวนล้างลำไส้ใหม่แนะนำใช้น้ำ 300 cc
ช่วงต่อมาจึงเริ่มสาธิตยาเม็ดที่ 3 คือ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ โดย โดย แพทย์หญิงกานดา ศักดิ์ศรชัย และคุณนวลนภา ยุคันตพรพงษ์ (จิ๋ว) เพื่อใช้ในการถอนพิษจากร่างกาย ซึ่งลำไส้ใหญ่นั้น ถือเป็นจุดลมปราณใหญ่ของร่างกาย
เทคนิคการสวนล้างลำไส้
-
- เลือกสมุนไพรที่เหมาะควร จะทำให้น้ำเข้าไปสู่ร่างกาย แต่ถ้าใช้ของที่ไม่ถูกกัน น้ำจะไม่เข้าไปสู่ร่างกาย
- น้ำสมุนไพรในตัว (น้ำปัสสาวะ) ที่ใช้สวนล้างลำไส้ถ้ามีความเข้มมากไป จะทำให้น้ำไม่เข้าไปสู่ร่างกาย
- ก่อนสวนล้างลำไส้ ให้ปล่อยน้ำออกจากขวดไปตามสายยางเพื่อไล่ลม
- ควรวางขวดให้สูงจากรูทวารถึงปลายขวด 2 ศอก ถ้าต่ำไปอุจจาระจะไหลเข้าขวด สูงไปจะกระแทกทำให้กลั้นอุจจาระได้ไม่นาน
- การนั่งบนโถส้วม ในช่วงแรกที่ทำการสวนล้างลำไส้ จะช่วยเพื่อป้องกันการเลอะเทอะ
- ผู้สวนล้างลำไส้ที่เริ่มหัดทำ จะรู้สึกถ่ายไม่หมด
- ในการสวนล้างลำไส้ อย่ารีบเร่ง ให้ทำด้วยความผ่อนคลาย
- ผู้ที่กลั้นอุจจาระไม่ค่อยได้ แนะนำให้ทำการสวนล้างลำไส้โดยใช้ท่ายืน
- ควรจับสายยางระหว่างสวนล้างลำไส้ เพราะถ้าสายยางหลุดออกมาจะเลอะพื้น
- ถ้ากลั้นอุจจาระได้ไม่ดี ให้ใส่น้ำช้า ๆ ขมิบก้น หรือใช้มือจับแก้มก้น หรือหายใจยาว ๆ
- อย่าปล่อยน้ำเร็วเกิน ลำไส้จะหุบ เมื่อน้ำไหลเข้าไปแล้วน้ำย้อนออกมา แสดงว่ายังมีสิ่งของคั่งค้างอยู่ด้านใน การที่เราใส่ไม่เข้า ลองกลั้นแล้วนวดท้อง ทำให้เป็นประจำ จนกากไม่มีมาก น้ำจะเซาะเข้าไปได้
- ระยะเวลาเก็บน้ำหลังสวนล้างลำไส้ คือ 5 นาที ถึง 20 นาที ถ้านานเกินนั้น พิษจะไหลกลับเข้าไปอีก
- ช่วงระหว่างรอการขับถ่าย ให้กดจุดเหอกู่ หรือที่เท้าบริเวณคล้ายจุดเหอกู่ จะช่วยระบายพิษที่ตับ
- เวลาที่เหมาะในการสวนล้างลำไส้ คือ สะดวก หรือตามนาฬิกาชีวิต (5.00-7.00 น.) หรือหลังขับถ่ายได้จะเก็บน้ำได้ หรือหลังทานอาหาร 1-2 ชั่วโมง
- การสวนล้างลำไส้ก่อนนอน ร่างกายจะเย็น มีผลให้ตื่นปัสสาวะบ่อย
- ยืดอายุการใช้งานสายยางสำหรับสวนล้างลำไส้ใหญ่ ด้วยการทำความสะอาด โดยใช้เส้นลวดหนาและแข็ง (ไม่คดเวลาใช้) นำมาพันด้วยสำลีหรือผ้าตรงปลาย และสอดเข้าไปในสายยาง จากนั้นถูขัดทำความสะอาดคราบที่ติดอยู่ภายในสายยางจนสะอาด และชำระล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาอเนกประสงค์ ตามด้วยน้ำสะอาด จากนั้นแกว่งสายยางเป็นวงกลม เพื่อสะบัดน้ำให้ออกจากสาย สุดท้ายจึงนำมาตากในที่ร่มให้แห้ง
- ผู้ที่เป็นริดสีดวงให้นำน้ำมันมาทา เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันสาบเสือ สำหรับน้ำมันสาบเสือจะช่วยลดอาการบวม และช่วยรักษาการอักเสบ ถ้าริดสีดวงมีขนาดใหญ่ให้จับก้อนเนื้อยัดเข้าไป
ประโยชน์ของการสวนล้างลำไส้ เช่น คลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงที่น่อง แก้ท้องผูก แก้ปวดหัว แก้อาการตะคริว อาเจียน ท้องเสีย มีลม มีแก๊สเยอะ เบาหวานขึ้น กรดไหลย้อน ริดสีดวงทวาร
[คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดวิธีการสวนล้างลำไส้ใหญ่]
วันนี้มีปัญหาสุขภาพ ทั้งหมด 4 คำถาม ดังนี้
-
- มีอาการเหมือนแมลงไต่บริเวณแขนและขา บางครั้งจะเป็นบริเวณที่หน้าและศีรษะ อาการนี้เกิดจากอะไร และน้ำปัสสาวะสามารถช่วยได้หรือไม่?
คำแนะนำ : อาการคัน เป็นกลไลขับพิษ ปลายประสาทรับรู้ความรู้สึก เป็นอะไรที่เบา ๆ กว่าคัน มากกว่านี้จะคัน อาการคัน คือ ภาวะไม่สมดุล อาการคันตามผิวหนังบางท่านใช้น้ำปัสสาวะทาบริเวณที่คัน ก็ทำให้หยุดอาการคัน บางท่านใช้การกัวซา จึงทำให้หายคัน ไม่ว่าจะใช้วิธีใดให้ท่องว่า หายหรือไม่หายก็ได้
-
- น้ำปัสสาวะมีรสเค็ม และมีกลิ่นเหมือนใบไม้เน่าเกิดจากอะไร เพราะปกติจะรับประทานผักผลไม้ และปลา ปู กุ้ง หอย ไม่ค่อยได้รับประทานเนื้อสัตว์
คำแนะนำ : รับประทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงค่อนข้างเยอะ ปัสสาวะมีโซเดียมออกมา ไตทำงานหนัก ปัสสาวะมีกลิ่นเน่าได้
-
- เป็นมะเร็งเต้านม ผ่าตัดออกแล้ว ไม่ได้ไปหาหมออีกเลยค่ะ อยากจะรักษาด้วยสมุนไพร ควรทำอย่างไร?
คำแนะนำ : อย่ากังวล ให้ปรับเรื่องอาหาร ไม่เร่งผล ไม่กังวลใจ มะเร็งส่วนใหญ่จะร้อนเกิน ให้ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น เรียนรู้ผักผลไม้ฤทธิ์เย็น ฤทธิ์ร้อน ลดการทานอาหารฤทธิ์ร้อน ให้นำพิษในร่างกายออกด้วยการสวนล้างลำไส้ และการกัวซาบริเวณแผ่นหลัง ซึ่งเป็นจุดสะท้อน ไม่กัวซาบริเวณหน้าอก ให้กดจุด 8 จุด โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ แช่มือแช่เท้า สิ่งที่สำคัญสุด คือ ยาเม็ด 8 ไม่เครียด เมื่อทำเต็มที่แล้วให้วาง
-
- บริเวณเหนือขมับศีรษะ กลัวโลหิตแตก ได้กัวซาและประคบ 3 -4 วันก็ยังไม่หาย เป็นมะเร็งไทรอยด์ ลามลงปอด หมอบอกทำคีโม ฉายแสง เจาะเลือดดูค่าการทำงานของตับ ทานยาครึ่งเดือน ค่าตับขึ้น เล็บขบ เล็บเน่า หมอให้หยุดครึ่งเดือน แล้วไปใหม่ ค่าตับปกติ ควรรับประทานยาอีกหรือไม่ รับประทานอาหารเก่ง นอนหลับดี แต่พูดแล้ว จะมีลมออกมาด้วย ไอมีอาการเหนื่อย ๆ
คำแนะนำ : อาการบวม เกิดจากภาวะร้อนเกิน ร่างกายจึงนำน้ำมาดับร้อน แพทย์แผนปัจจุบัน ต่อมไทรอยด์เป็นการแพร่กระจายของเขาก็ได้ วิธีดูแลตัวเองของแพทย์วิถีธรรม เราเริ่มต้นด้วยยาเม็ดเลิศ อย่ากังวล เร่งผล เพราะดูแลตนเอง 3 วันไม่หาย ให้วางใจก่อน จะหายก็ได้ไม่หายก็ได้ จากนั้นปรับอาหาร ดูแลภาวะสุขภาพร่างกายทั้งหมดต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง สำหรับผู้ป่วยมะเร็งแนะนำอย่ายุ่งกับน้ำพริก โดยแนะให้กินพืช จืด สบาย ไม่อย่างนั้นจะเนิ่นช้า และการที่ผู้ป่วยงดรับประทานเนื้อสัตว์มาเป็นเวลา 6 เดือนแล้วนั้น เป็นการปฏิบัติที่ดีมากอยู่แล้ว แนะนำให้ปฏิบัติต่อไป
เคล็ดลับ : หากผู้ป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคร้าย ขอให้งดรับประทานน้ำพริกไปก่อน เพื่อลดภาวะร้อนเกินภายในร่างกาย
ขอให้อย่าตกใจ อย่ากลัวเขา ความเจ็บป่วย สามารถทุเลาได้ด้วยหลายวิธีของแพทย์วิถีธรรม ถ้าทำแล้วไม่ดีให้หยุด แล้วเลือกใช้วิธีอื่น แนะนำใช้กากสมุนไพร ผสมเสลดพังพอน ใบเตย พอกทั่วศีรษะ ถ้าไม่ดีขึ้น ผสมผงพอก หรือน้ำปัสสาวะ หรือน้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น เมื่อทำเต็มที่แล้วให้วาง
วันนี้พี่น้องชาวค่ายได้มารู้จักวิธีสวนล้างลำไส้ บางท่านไม่กล้าสวนล้างลำไส้ บอกว่าไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเราเปรียบเทียบกับการแปรงฟัง อาบน้ำ ปลูกป่า ไม่ใช่ธรรมชาติ แต่ทำไมเราต้องทำ การทำความสะอาดลำไส้ก็เช่นเดียวกัน บางท่านบอกว่าการสวนล้างลำไส้ เหมือนได้สัมผัสสวรรค์ บางท่านเห็นคนอื่นกล้า ก็กล้าทำ บางท่านไม่มีทางอื่นก็ให้ลองมาทำดู วิกฤตโควิด เป็นโอกาสที่ทำให้พวกเรามาเจอกัน ได้มาพูดคุยสอบถามปัญหากันสด ๆ แบบเห็นหน้า เมื่อมีความเจ็บป่วยเกิดขึ้น แพทย์วิถีธรรมให้ใช้ยา 9 เม็ดในการดูแลตนเอง โดยยาเม็ดที่สำคัญที่สุด คือ ยาเม็ดที่ 8 และ 9 ไม่กลัว ไม่กังวล เมื่อทำเต็มที่แล้วให้วาง ยาเม็ดข้อที่ 3 นี้ คือ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ ซึ่งวิธีนี้เป็นการถอนพิษได้ที่ดีสุดสำหรับร่างกาย ขอส่งกำลังใจให้กับทุกท่านด้วยกรณีศึกษาและคำยืนยันจากคุณยายสูงอายุ และเด็กอายุวัยเพียง 7 ขวบ ที่ยืนยันไว้ว่า “การสวนล้างลำไส้ใหญ่นั้นดีมาก ๆ” แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างนั้นต้องทดลองพิสูจน์ด้วยตนเอง อย่าเชื่อใครง่าย ๆ
ท้ายนี้ขอฝากบททบทวนธรรมข้อ 28 กับทุกท่าน “ความกลัว กังวล ระแวง หวั่นไหว ทำให้เป็นโรคได้ทุกโรค ใจไร้ทุกข์ ใจดีงาม เป็นสิ่งที่มีฤทธิ์มากที่สุด ที่ทำให้หายหรือทุเลาจากโรค เป็นยารักษาโรคที่มีฤทธิ์เร็วและแรงที่สุดในโลก”
สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ
ถึงจะมีสถานการณ์โควิด 19 และมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งนี้ไม่ทำให้ใจหวั่นไหวได้ โดยเราก็ปรับเปลี่ยนการอยู่ร่วมกันตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแบ่งปันความรู้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกันนั้น ผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้แนวทางการรักษาศาสตร์แพทย์วิถีธรรมนั้น แต่ละท่านก็ได้ต่างแนะนำข้อมูลอย่างเต็มที่แล้ว แต่จะสามารถเชื่อมั่นได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยว่าต้องการทดลองพิสูจน์ด้วยตนเองหรือไม่ เพื่อที่ทุกท่านจะได้พบคำตอบได้ด้วยตนเอง
เจริญธรรมสำนึกดีมีใจไร้ทุกข์
ขอให้สิ้นอยาก สิ้นหวัง ผาสุกยั่งยืน
ประภัสสร วารี
ผู้จดบันทึก