รายการ “ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ New Normal” ครั้งที่ 16

รายการ “ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ New Normal” ครั้งที่ 16
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม 2564
เวลา 18.30 – 21.55 น.

ประเด็นจากรายการ

    • วิธีแก้แผลกดทับ สำหรับผู้ป่วยติดเตียง
    • เนื้องอกในมดลูก
    • กินยาเยอะ แน่นท้อง
    • โควิดบุกบ้าน ต้องทำอย่างไร

วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาและชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 50 ท่าน ดำเนินรายการ โดย ดร. นิตยาภรณ์ สุระสาย (น้อมพรฟ้า) และคุณประภัสสร วารี (กุ้ง) 


ก่อนเริ่มค่ายจิตอาสาได้ปรึกษาเรื่องแผลกดทับของผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากสงสารผู้ป่วย เพราะมีอาการเจ็บปวดมาก แพทย์และพยาบาลได้แนะนำให้ใช้น้ำสกัดฤทธิ์เย็น หรือน้ำปัสสาวะหมักเปลือกมังคุด ซึ่งจะช่วยสมานแผลได้อย่างดีมาก เช่น สาบเสือ ย่านาง แต่ผู้ป่วยและญาติท่านอื่นศรัทธาแต่แผนปัจจุบัน จึงต้องประมาณการรักษา [คลิกเพื่อชมคลิปนี้]

ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์เริ่มต้นด้วยยาเม็ดที่ 6 มาร์ชชิ่ง ลุกขึ้นขยับแข้งขยับขาตามเพลง วอร์มร่างกายให้เลือดไหลเวียนสะดวก ต่อด้วยกดจุดแบบง่าย ๆ อีก 8 จุด แล้วทำจิตใจให้ผ่องใสด้วยยาเม็ดที่ 8 ด้วยการอ่านบททบทวนธรรมข้อ 53-57 จากนั้นเข้าสู่รายการตอบคำถามปัญหาสุขภาพ ซึ่งในวันนี้มีผู้จองคิวสอบถามปัญหา 3 ท่าน และถามสดระหว่างจัดรายการอีก 1 ท่าน รวมเป็น 4 ท่าน คำถามมีดังนี้

    1. เนื้องอก 10 เซนติเมตรที่มดลูก
    2. หอบหืด ผื่นขึ้นตามแขนและขา
    3. คุณแม่วัย 93 ปี กินยาเยอะ แน่นท้อง ไม่ยอมทานข้าว 
    4. พ่อ แม่ และแม่บ้านเป็นโควิด ตัวเองมีอาการ ทำอย่างไรดี ?

[คลิกเพื่อชมคลิปนี้]

เนื้อหาของบททบทวนธรรมในวันนี้เป็นเรื่องของ “ศีล” เมื่ออ่านจบคุณอ้อย (ชาวค่าย) ได้แชร์ประสบการณ์ “อย่าดื้อต่อศีล”  คุณอ้อยบอกว่าตนเองกินโซเดียมเยอะ ทำให้ปวดกระดูก จึงสำนึกผิด พร้อมกับตั้งสัจจะว่าจะไม่กินอีกแล้ว และทำ ดีท็อกซ์ จึงหายป่วย จากนั้นคุณเพ็ญ (ชาวค่าย) แชร์ประสบการณ์ ตอนอยู่ที่อเมริกาเคยป่วยหนักมาก รักษาที่อเมริกาทุกทางไม่หาย มีคนแนะนำให้ดีท็อกซ์ของคุณหมอเขียว อาการก็ดีขึ้น คุณเพ็ญบอกช่วงคุณแม่อยู่ที่เมืองไทยป่วยก็มาเยี่ยมไม่ได้ หลังจากคุณเพ็ญเลิกทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ก็ได้กลับเมืองไทย

“คุณฌิมา (ชาวค่าย) เนื้องอกมดลูก 10 กว่าเซนติเมตร”

คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่าความไม่สบายทางมดลูก ทำให้ป่วยได้หลายโรค ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ร้ายแรง แต่อาการที่เป็นห่วงคือ ผลกระทบอวัยวะข้างเคียง คือ ทำให้ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำให้ กดจุดเส้นลมปราณซานเจียว และแช่สะโพก เนื่องจากคุณฌิมาไม่เคยเข้าค่าย คุณเสาวนีย์จึงแนะนำให้ผ่าตัดแล้วใช้วิธีการแพทย์วิถีธรรมดูแล และถ้าคุณฌิมาไม่ผ่าตัดแนะนำให้ลองปฏิบัติยา 9 เม็ด เป็นระยะเวลา 1-3 เดือน ซึ่งผลที่ได้บางท่านยุบเยอะ บางท่านใช้เวลาเป็นปี

จิตอาสาหลายท่านได้ยกตัวอย่างดูแลตามแพทย์วิถีธรรมโดยไม่ผ่าตัด ผลที่ได้คือก้อนเนื้อลดลง ส่วนท่านที่ไม่ได้ตรวจก็ยังอยู่ดี ขณะที่ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) บอกว่าสิ่งสำคัญคือ “ต้องไม่เร่งผล ไม่กังวล” มีกรณีผู้ป่วยเมื่อท่านวางใจได้ก้อนเนื้อก็ยุบ การวางใจได้จริงจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) บอกว่าให้คุณฌิมาประมาณจาก “ความเชื่อมั่น” เนื่องจากเพิ่งมาเรียนรู้ใหม่ ในการปฏิบัติยา 9 เม็ด อาจไม่เต็มที่ โดยบอกว่าอะไรทำแล้วสบายใจกว่า ให้ทำสิ่งนั้น พร้อมบอกว่าในช่วงสถานการณ์โควิดแม้อยากผ่าแต่อาจมีอุปสรรคผ่าไม่ได้ ให้เราวางใจ แล้วทุ่มเทกับการปฏิบัติยา 9 เม็ดอย่างเต็มที่ คำหนึ่งที่อาจารย์หมอเขียวสอน “ถ้าวิบากดีมา ทำอะไรก็จะถูกกัน ขอให้ตั้งจิตให้ถูก” เริ่มต้นให้ดูที่ศีล ถ้าเลิกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์โรคจะลดเร็ว


“คุณพัชนี (ชาวค่าย) มีอาการผืนคันพร้อมกับเป็นหอบหืด”

คุณหมอกานดา(จิตอาสา) บอกว่า กล้ามเนื้อต้องการระบายพิษโดยอาจมาคั่งค้างที่ระบบหายใจ และผิวหนังเป็นอีกระบบหนึ่งที่ใช้ระบายพิษ จากนั้นได้แชร์ประสบการณ์คันที่เกิดขึ้นกับตนเองนานเป็นปี จนตอนนี้เหลือที่ฝ่ามือ พร้อมบอกว่าเราสะสมพิษมา 72 ปีเท่าชีวิตเรา ให้ใจเย็น ๆ ไม่เร่งผล ต้องหาย เพราะโรคมีแต่แพ้เรา และเสมอเราเท่านั้น

ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) นำคำพูดของอาจารย์หมอเขียวมาว่า “ถ้าวิบากดีมา หยิบอันไหนก็ได้ผล” ตอนทำให้วางใจ ให้ยินดีว่าพิษมาถึงผิวหนัง ดีกว่าไปที่อวัยวะอื่นที่เราจับต้องไม่ได้ และให้ช่วยเขาสักนิด การวางใจว่า “หายก็ได้ ไม่หายก็ได้” การเอาสิ่งดีเข้าร่างกายและระบายพิษออก ไม่เร่งผล ไม่กังวล จะมีฤทธิ์แรงที่สุด

คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่าอยากหายต้องทำเม็ดหลัก คือ ทำศีลข้อ 1 ไม่ทานเนื้อสัตว์ ฝึกหายใจร้อนเย็น เมื่อทาน้ำปัสสาวะที่ผิวอย่าล้างออก ถ้าทาหลายครั้งโดยใช้แป้งเด็กลูกเบา ๆ พร้อมกับบอกว่าการกดจุดช่วยได้

คุณประภัสสร (จิตอาสา) บอกว่าตนเองมีอาการเหมือนคุณพัชนี (ชาวค่าย) หายใจไม่ออกเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง เคยคันที่แขนจนเป็นตุ่มหนอง บริเวณแขนและใกล้ ๆ ข้อมือจะเป็นวงคล้ายนาฬิกา ใครเห็นก็ต้องเดินห่าง เพราะเหมือนเป็นโรคติดต่อ คันจนนอนไม่ได้น้ำตาไหล ด้วยความใจร้อน จึงไปหาหมอ 2 ครั้งก็หายคัน พอครั้งที่ 3 หมอบอกรักษาไม่ได้ ท้ายสุดมาดูเรื่องอาหาร ตนเองยังทานรสจัด จึงมาทานจืด แล้วอาการคันก็หายไป

ส่วนอาการหายใจไม่ออก ตอนนั้นเป็นจิตอาสาแล้ว แต่ยังทานไข่และนม เมื่อมาช่วยงานที่ค่ายก็หายใจโล่ง พอกลับมาบ้านก็มีอาการหายใจไม่ออก ต้องใช้ยาพ่น หลัง ๆ มาสังเกต ช่วงอยู่ค่ายไม่ได้ทานนมและไข่ จากนั้นจึงเลิกทานนมและไข่ อาการที่หายใจไม่ออกบ่อย ๆ ก็หาย และคุณประภัสสร (จิตอาสา) ได้แชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ที่มีอาการคันตามตัว ทรมานมาก ๆ หาหมอแผนปัจจุบันแรก ๆ ก็หายตอนหลังไม่หาย ท้ายสุดคุณแม่มาตั้งศีลไม่ทานหมูเดือนละ 10 วัน อาการคันจึงหายไปอย่างอัศจรรย์

คุณวันเพ็ญ (ชาวค่าย) แชร์ประสบการณ์คัน 20 กว่าปี พอตั้งศีลลด ละ เลิกทานเนื้อสัตว์ ทานเกลือ ก็หายจากอาการคัน


“คุณรวีวรรณ (ชาวค่าย) สอบถาม คุณแม่วัย 93 ปี กินยาเยอะ แน่ท้อง ไม่ยอมทานข้าว”

คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่าสามารถทำดีท็อกซ์ได้ แต่ที่ไม่มีอะไรออกมาเพราะอาหารที่ทานไม่ค่อยมีกาก ขนมปังที่ทานจะย่อยยาก คุณแม่ทานยาเยอะ จนทานข้าวไม่ลง จากนั้นแนะนำให้ลองซื้อที่สวนของผู้ใหญ่ แล้วบีบน้ำทิ้ง แล้วนำน้ำสกัด หรือปัสสาวะใส่แทน แล้วทำการสวนให้คุณแม่ ท่านจะสบายขึ้น ท่านอายุมากแล้ว อย่าบังคับ ให้ทำแล้ววางอุเบกขา ในเรื่องการกินยากับน้ำมะพร้าวสามารถทำได้ แต่ไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้าคุณแม่ได้ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นกับมะพร้าว สามารถตัดยาลดกรดได้ แนะนำให้กดจุด 8 จุด ให้คุณแม่ การนวด การสัมผัสบำบัด เพื่อช่วยการหมุนเวียนของเลือด ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด คุณแม่อายุ 93 ก้าวไปสู่การวางร่างวางขันธ์จึงแนะนำให้อ่านบททบทวนธรรมให้คุณแม่ฟัง โดยบอกว่าถึงแม้ท่านไม่พูดแต่ท่านสามารถรับรู้ได้

ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) บอกว่า สิ่งที่เราไม่เคยรู้ คือ แม้นอนไอซียู แต่ท่านก็สามารถได้ยินเสียงได้ และบอกว่าเรามีคลิปวางร่างวางขันธ์ เรื่องการวางร่างวางขันธ์ ทุกคนควรจะได้เตรียมตัว ควรจะได้อ่านและทบทวนเสมอ

คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ให้ความเห็นว่าที่คุณแม่รับรู้และรู้สึกตัวน้อยลง น่าจะมาจากยากันชัก และท้องอืดเพราะทานยาเป็นอาหาร ท่านอิ่มแล้วจึงไม่ทาน


“คุณพวกบุปผา สอบถามว่า น้องที่รู้จัก พ่อ แม่ และแม่บ้านเป็นโควิด ตัวเขามีอาการ ทำอย่างไรดี?”

คุณประภัสสร (จิตอาสา) แชร์ประสบการณ์ว่า วันนี้ตนเองไปฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มมา ซึ่งตนเองไม่ได้รู้สึกกลัวกับการฉีดวัคซีน และได้เตรียมตัวก่อนฉีดคือ ทำดีท็อกซ์ตอนเย็นวานกับตอนเช้าวันนี้ เนื่องจากเมื่อวานนอนเที่ยงคืน ก่อนนอนเกิดความรำคาญพ่อบ้านที่บ่น ทำให้ตอนเช้ามีอาการปวดแถวคอด้านซ้าย จึงได้กดจุด ใช้น้ำมันเขียวนวดบริเวณคอ พอรู้สึกดีขึ้น ก็ดื่มน้ำเปล่าผสมน้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น แล้วไปฉีดวัคซีนที่แขนขวา หลังฉีดครึ่งชั่วโมงไม่มีอาการอะไร จากนั้นดื่มน้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น แล้วเดินทางกลับบ้านระหว่างทางนั่งรถ MRT มาลงที่สีลม จึงแวะซื้อของกินที่ห้าง เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว พอเดินได้สักระยะ เกิดอาการปวดท้อง ซึ่งช่วงนี้มีอาการปวดท้องอยู่แล้ว ทำให้ต้องรีบกลับบ้านมาถึงบ้านก็อ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา จากนั้นดื่มน้ำปัสสาวะแช่สาบเสือ หลังดื่มอาการก็ดีขึ้น จึงแนะนำว่าหากฉีดวัคซีนเสร็จควรรีบกลับบ้าน

คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แชร์ประสบการณ์ฉีดวัคซีนว่า ทำให้ให้เป็นปกติ ไม่รังเกียจ พร้อมปรับสมดุล ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นหลายแก้ว ทานอาหารจืด หลังกลับมาถึงบ้านปวดตรงที่ฉีดและตรงขมับ จึงใช้ยาหม่องทา แล้วอาการก็ดีขึ้น หลังฉีดวัคซีนก็ทานน้ำสมุนไพรปรับสมดุลเรื่อย ๆ ใช้ปัสสาวะบ้าง ทำดีท็อกซ์ก่อนนอน ตกดึกมีไข้ปวดหัว เลยทานพาราไป 1 เม็ด คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำว่าระหว่างวันอย่ารับพิษให้ทำร่างกายให้เย็น

ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า ในการฉีดวัคซีนที่ รพสต.ท่าไคร้ จ.กาฬสินธุ์ เกิดผลข้างเคียงน้อย เพราะระบายพิษโดยใช้ยาเม็ดที่ 1,2 และ 5  จากนั้นได้แนะนำให้ผู้ที่จะไปฉีดวัคซีนใช้หลักการแพทย์วิถีธรรม และหลังฉีดวัคซีนให้พักผ่อน

คุณใจถึงศีล (จิตอาสา) อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งเคยติดเชื้อโควิด ได้แชร์ประสบการณ์ดูแล ว่าส่วนใหญ่ใช้น้ำสมุนไพรในตัว แล้วนำผ้าขนหนูมากัวซา ดีท็อกซ์เพื่อระบายพิษ กดจุด ที่สำคัญที่สุด คือ ยาเม็ดที่ 8 เป็นก็ได้ หายก็ได้ ละบาป บำเพ็ญบุญตลอด ใช้น้ำสมุนไพร ผสมน้ำมันเขียวเช็ดตัวคลุมโปง ระบายพิษร้อน เมื่อเหงื่อออก อาการไข้จะดีขึ้น ดื่มปัสสาวะตลอดทั้งเก่าและใหม่ ใช้ยา 5X100 (ผงถ่าน+น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น+น้ำมันเขียว+ปัสสาวะ+เกลือ)

กรณีไม่แน่ใจว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่ แต่ถ้ามีอาการ ระคายคอ แน่นตัว ล้างจมูก ให้ใช้น้ำเกลือมะนาวกลั้วคอ เสลดจะจับเชื้อให้ค้างอยู่ในระบบหายใจให้มากขึ้น ในระหว่างป่วยสวนล้างโพรงจมูกบ่อย ๆ เพื่อขับพิษโควิดออกมา ไม่ให้คั่งอยู่อยู่ภายใน

หลังหายให้ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ถือศีล กินอาหารที่ปราศจากพิษ แช่น้ำถ่านหรือเกลือผสมมะนาว ทำเกษตรอินทรีย์ ใช้ดินระบายพิษจากสนามแม่เหล็กจากร่างกาย ได้ประสบการณ์จากเพื่อนว่าแม้รับวัคซีน การ์ดอย่าตก บางท่านเป็นครั้งที่ 3 ร้องเจ็บจริง ๆ ให้ดิ้นตาย อาการเหมือนคนใกล้ตาย และคุณใจถึงศีล (จิตอาสา) บอกว่าสำหรับกรณีต่าง ๆ สามารถโทรมาปรึกษาตนเองได้ 24 ชั่วโมง โดยใช้ไลน์คอล

ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสา) ได้ข้อสรุปของการปฏิบัติดูแล ระบายพิษ ข้อ 1-5 รับประทานสมุนไพรฤทธิ์เย็น กัวซา ดีท็อกซ์ แช่สะโพก พอกตา หยอดประคบ อบ อาบ เช็ดด้วยสมุนไพรที่ถูกกัน เมื่อมีสิ่งสิ่งแปลกปลอมเข้ามา เขาเกร็งตัวสิ่งดีเข้าไม่ได้ ไม่ดีก็ออกไม่ได้ ให้เติมสิ่งที่ดี คือ ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น

คุณเพชรแก่นพุทธ (จิตอาสา) รายงานสถานการณ์โควิดที่สหรัฐอเมริกาว่าลดเยอะมาก ตอนนี้ไม่ถึงร้อย เสียชีวิตไม่ถึง 10 จุดระบาดหนัก คือที่มิซูรี คนบ้านนอก ไม่เชื่อเรื่องฉีดยา เชื่อประธานาธิบดีทรัมป์ ออกมาสังสรรค์ และบอกว่าต้องรอผล 14 วัน หลังวันหยุดใหญ่ (4 ก.ค.) เพราะคนอเมริกาจะมาสังสรรค์ ไม่ใส่หน้ากาก คุณเพชรแก่นพุทธ แนะนำปลูกผัก กินหญ้า ดื่มน้ำปัสสาวะ ว่าเป็นภูมิที่ดีที่สุดในโลก

คุณชัชวาลย์ (จิตอาสา) บอกว่า เราคุยเรื่องโควิดมาเป็นปี ๆ พวกเราเอาอยู่ เรามีภูมิต้านทานด้วยยา 9 เม็ด และเป็นโอกาสพิสูจน์ 9 เม็ดใช้ได้จริงหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ฉีดวัคซีน สิ่งที่ใช้ดูแลตัวเอง คือ ไม่ประมาท ใส่หน้ากาก เป็นช่างแอร์ เราไม่รู้แต่ละบ้านมีไวรัส แบคทีเรียหรือไม่ หน้ากากเป็นกุญแจสำคัญตอบโจทย์มากขึ้น และล้างมือมากขึ้น แล้วคอยดูคนไหนติดโควิด เราจะให้กำลังใจก่อน อย่าคิดว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ และแนะนำกินฟ้าทะลายโจร บอกบอกว่ากินไม่เท่ากัน และบอกว่าตอนนี้เราเหมือนอยู่ในสภาวะสงคราม ทุกวันนี้เราประมาทไม่ได้

สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ

วันนี้เป็นพี่น้องชาวค่ายเราได้ความรู้ในการดูแลตนเองเมื่อป่วยด้วยแพทย์วิถีธรรม ในกรณีที่มาเรียนรู้ใหม่ การปฏิบัติยา 9 เม็ด อาจไม่เต็มที่ ให้ประเมินจากความเชื่อมั่น ระหว่างดูแลรักษาให้วางใจว่าหายก็ได้ ไม่หายก็ได้  ถ้าวิบากดีมา ทำอะไรก็จะถูกกัน ขอให้ตั้งจิตให้ถูก สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ว่า โรคหายอย่างรวดเร็ว คือ “การลดการเบียดเบียน” โดยการลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ และช่วงท้ายรายการได้มีการพูดถึงการดูแลตนเองก่อนและหลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด รวมถึงการดูแลตนเองของผู้ป่วยโควิดด้วยยา 9 เม็ด สิ่งหนึ่งที่ทำให้แทบไม่มีอาการหลังฉีดวัคซีน และโรคหายเร็ว คือ ใจไร้ทุกข์ ไม่กลัว ไม่กังวล

เจริญธรรมสำนึกดีมีใจไร้ทุกข์
ประภัสสร วารี
ผู้จดบันทึก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *