รายการ “ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ New Normal” ครั้งที่ 14
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2564
เวลา 18.30 – 21.50 น.
ประเด็นจากรายการ
-
- มะเร็งลามกระดูก
- กังวลไป ไม่ได้อะไร
- ป่วยกาย แต่ยังใช้กายได้ ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว
วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาและชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 50 ท่าน ดำเนินรายการ โดย ดร. นิตยาภรณ์ สุระสาย (น้อมพรฟ้า) และคุณประภัสสร วารี (กุ้ง)
ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์เริ่มต้นด้วย การมาร์ชชิ่ง (ยาเม็ดที่ 6) จิตอาสาและชาวค่ายไม่ว่าจะเป็นคุณลูก คุณแม่ และคุณยาย ลุกขึ้นขยับแข้งขยับขาตามเพลง วอร์มร่างกายให้เลือดไหลเวียนสะดวก เพื่อสุขภาพที่ดี จากนั้นร่วมกันอ่านบททบทวนธรรมข้อ 41-46 (ยาเม็ดที่ 8) แล้วเข้าสู่รายการตอบคำถามปัญหาสุขภาพ ซึ่งในวันนี้มีผู้จองคิวสอบถามปัญหา 6 ท่าน และถามสดในระหว่างจัดรายการอีก 1 ท่าน รวมเป็น 7 ท่าน คำถามในวันนี้มีดังนี้
-
- ปัสสาวะสีเหมือนน้ำอัดลม หลังผ่าตัดไส้ติ่ง
- มะเร็งต่อมลูกหมากของผู้ป่วยติดเตียง ลามไปกระดูกสันหลัง
- อาการข้อเสื่อมต้องผ่าหรือไม่
- หยุดทานเนื้อสัตว์ ต้องทานวิตามินหรือไม่ (เข้ามาสอบถามครั้งที่ 2 )
- กังวลว่ามะเร็งลามไปที่กระดูกหลัง (เข้ามาสอบถามครั้งที่ 2)
- เป็นพาร์กินสัน ไวรัสตับอักเสบบี และกรดไหลย้อน
- ผ่าก้อนที่เต้านม
บรรยากาศวันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น พี่น้องจิตอาสาตอบคำถามพร้อมให้กำลังใจ พูดคุยกันเหมือนพี่น้องปรึกษาปัญหาสุขภาพ ช่วยเหลือกันในสิ่งที่พอทำได้ ทำให้ค่ายแพทย์วิถีธรรมออนไลน์ในวันนี้สร้างความสุขให้ผู้ที่มาเข้าฟังและผู้ตอบคำถาม
1. คำถามจาก คุณนวพร วันจะก๋า (ชาวค่าย)
“ปัสสาวะสีโค้ก หลังผ่าตัดไส้ติ่ง”
ลูกชายไปรับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเมื่อปี 2561 ได้รับการตรวจปัสสาวะ โดยปัสสาวะที่นำไปตรวจ ณ ตอนนั้นลักษณะสีเหมือนสีน้ำโค้กเลยคะ คุณหมอที่โรงพยาบาลจึงนัดติดตามอาการ ตรวจหาสาเหตุการปัสสาวะทุกครั้ง ถ้านำไปตรวจก็จะมีเลือดปนมาทุกครั้ง ปริมาณ 3+ เด็กมีอาการปกติ ไม่มีไข้ ไม่บวม และเริ่มใช้ยาเมื่อ ปี 2561 และ พ.ค. 2563 ได้รับยากดภูมิมาทาน ปัจจุบันยังได้ทานยากดภูมิ ก็ยังมีเลือดปนมาในปริมาณเท่าเดิม จึงคิดว่าจะรักษาโดยแพทย์ทางเลือก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีค่ะ
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) สอบถามข้อมูลเพิ่มว่า การรักษาที่คุณหมอให้ บอกว่าเป็นโรคอะไร
คุณนวพร (ชาวค่าย) บอกว่า ไม่ระบุ บอกว่ามีรอยรั่ว เคยเป็นนิ่ว
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) สอบถามเพิ่มว่า เป็นนิ่ว เคยฉีดสีมั้ยค่ะ
คุณนวพร (ชาวค่าย) บอกว่า ฉีดแต่ไม่เจอ เคยเป็นแต่หลุดออก
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่า ตอนนี้เลือดยังออกอยู่ 4 ปีแล้ว 4 ปี ที่มีเลือดออกไม่เจอนิ่ว แต่เป็นร่องรอย ถ้ามีเลือด ออกนานขนาดนี้ไม่ใช่ธรรมดา ให้ทำแบบเข้มข้น เราสามารถที่จะลดสภาวะที่จะผิดปกติได้ ไม่ว่าจะเป็นมากหรือไม่มาก ความเห็นของตัวเอง 4 ปี ไม่ธรรมดา ฉีดสีไม่เจอนิ่ว ให้ปรับสมดุล เขาเป็นพิษตรงนั้น เขาบอกฉันไม่ปกติ ดูแลฉันหน่อยนะ ในเมื่อไม่หาย มองทางเลือกอื่น แพทย์วิธีธรรมปรับสมดุลถอดรหัสสุขภาพ เมื่อสมดุลได้ ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ได้เคยศึกษามาบ้างหรือยังค่ะ
คุณนวพร (ชาวค่าย) บอกว่า ยังไม่ลงละเอียดลึก
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) สอบถามบุตรชายคุณนวพรว่า สำหรับคำถามแรก น้องที่เป็น เป็นนักกีฬาหรือไม่
บุตรชายคุณนวพร (ชาวค่าย) ให้ข้อมูลว่า มีกิจกรรมออกแรงไม่บ่อย ปัสสาวะสีโค้ก เป็นตอนผมไม่ค่อยดื่มน้ำ ไม่มีเลือด
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า สาเหตุปัสสาวะสีน้ำตาลเข้มเกือบดำมีหลายสาเหตุที่เรา ต้องหาสาเหตุ คือภาวะการทำลายเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือด กรณีนี้จะมีภาวะเลือดจางร่วมด้วย สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ จากอาหาร เช่น ถั่วบางชนิด ยาหลายอย่าง หรือแม้ดื่มน้ำน้อย จะทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นได้ ให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ปรับสมดุล ไม่ต้องตกใจ ทำใจให้หายกังวล การออกกำลังกายที่หนักเกินจะทำให้มีการสลายตัวของกล้ามเนื้อและปัสสาวะมีสีเข้มเป็นสีโค้กได้เช่นกัน
คุณหมอกานดาเคยมีประสบการณ์ปัสสาวะเป็นสีโค้กจากกินยาหมดอายุ โดยที่ยาตัวนั้นจะไปมีผลทำให้เกิดการทำลายเม็ดเลือดด้วยกลไกภูมิคุ้มกันของร่างกาย พอเลิกกินยาก็หาย ส่วนเรื่องนิ่ว จะเป็นเม็ดเลือดที่ปนมาในปัสสาวะ จากการระคายเคืองของนิ่ว ปัสสาวะจะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือสีแดงของเลือด ไม่เป็นสีโค้ก การดูแลตนเอง ก็อยู่ที่สาเหตุเกิดจากสิ่งใด ใช้การปรับสมดุล 9 ข้อของแพทย์วิถีธรรม เลือกกินสิ่งที่เป็นยา อย่ากินสิ่งที่เป็นพิษ ลองหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์หมอเขียวดอทเน็ตดูค่ะ
คุณนวพร (ชาวค่าย) สอบถามว่า กินยากดภูมิ ต้องกินต่อหรือไม่
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ในประเด็นเรื่องกินยา คำตอบคือ หากกินแล้วหายก็กิน ถ้าไม่หายก็ไม่ต้องกิน กลไกการเกิดปัสสาวะเป็นสีโค้กจากการทำลายของเม็ดเลือด เนื่องจากสารเม็ดเลือดแดงจะผ่านการกรองที่ไตออกมาในปัสสาวะ จึงเห็นเป็นสีโค้ก ยาที่คุณหมอให้ เป็นยาที่ใช้ป้องกันการทำลายเม็ดเลือดแดง โดยสันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดแดงเปราะแตกง่าย การดูแลสุขภาพตัวเองด้วยแพทย์วิถีธรรมจะทำให้เซลล์แข็งแรงแตกตัวได้ยาก การลดละเลิกเนื้อสัตว์อาจจะยากสำหรับเด็ก เช่น เลิกไก่ทอดก็ค่อย ๆ ลดเอา
หมอกำลังจะลดยาสเตียรอยด์ ต้องค่อย ๆ ลดยาลง จนร่างกายปรับสมดุลได้ ถ้าน้องไม่มีเลือดจาง อาการไม่มีอะไร ทานยาจะเกิดเหมือนเดิมอีก น่าจะเกิดจากดื่มน้ำน้อย
คุณนวพร (ชาวค่าย) ให้ข้อมูลว่า ได้ให้บุตรชายทานย่านางกับใบเตย
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำว่า ให้ทานเท่าที่สบาย อย่างอื่นต้องปรับด้วย อย่างนี้ให้ผล 10-30% อย่ากังวล ทำกุศล จะได้ผลในการรักษาเยอะขึ้นไปอีก 70% บวก บวก กินยาแล้วไม่หาย ไม่จำเป็นต้องกิน เมื่อกินไปแล้ว ยาชนิดนี้ต้องค่อย ๆ หยุด ต้องให้คุณหมอหยุดให้
2. คำถามจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ชาวค่าย)
“มะเร็งต่อมลูกหมากของผู้ป่วยติดเตียง ลามไปกระดูกสันหลัง”
ผมเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากลามไปกระดูกสันหลัง ผ่าตัดหลังใส่เหล็ก พ.ค.2562 เป็นผู้ป่วยติดเตียง ใส่สายสวน ปัจจุบันปัสสาวะเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ เดินได้ในบ้าน-เข้าห้องน้ำ-อาบน้ำ-ทานข้าว เดินได้ ยังอาศัยตัวช่วย 4 ขาในการเดิน เพื่อป้องกันการล้ม หลังตึง ขาตึงหนักชาตลอดเวลา ทำให้เดินยาก ค่ามะเร็งยังขึ้นลง ไม่คีโมไม่ฉายแสง รักษาแพทย์ทางเลือกโดยใช้สมุนไพร มีฉีดยาลดฮอร์โมนตามที่หมอแนะนำ (เข็มละ 8,000 บาท) ต้องฉีดทุก 3 เดือน แต่ผมฉีดไม่ต่อเนื่อง ต้องการหาวิธีอื่น หมอแนะว่าถ้าไม่ต้องการเสียเงินฉีดยา ให้ตัดอัณฑะ ซึ่งจะให้ผลแบบเดียวกับการฉีดยาลดฮอร์โมน
คำถาม
1. แนวทางการบำบัดด้วยธรรมชาติ
2. อาหารที่ทานได้ ห้ามทาน
3. การปฏิบัติตัวในการรักษา
4. หากพี่หมอเขียวเปิดค่าย ต้องการเข้าค่ายด้วยครับ
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) ให้ความเห็นว่า อวัยวะของเราถ้ารักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ดีกว่าตัดออกจากร่างกาย รักษาด้วยแพทย์วิถีธรรมจะหายจากโรค ถ้าตัดออกชีวิตคุณสั้นลง 15 ปี จากนั้นเล่าเรื่องคนรู้จักได้ผ่าตัดม้าม อวัยวะเพศ 3-4 ปี ยังบังคับอวัยวะไม่ได้ โรคที่ไม่เคยเป็นต้องเป็น
การกินยาแผนปัจจุบัน ที่ผมไม่เชื่อก็คือ กินยาเข้าไปแล้ว 10 ปีก็ยังไม่หาย มีแต่เพิ่มโรค ยิ่งเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ให้คิดให้ดี ๆ ก่อนจะให้คนอื่นมาตัดอวัยวะออกจากร่างกาย ผู้ยังมีชีวิตอยู่ใกล้ตัว และไม่มีชีวิต ขอให้ตระหนักด้วย
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า ผู้ป่วยดูมีจิตใจดี ดูปกติ เข้มแข็งแล้ว ขอตอบคำถามข้อ 1 เรื่องโรค มะเร็ง ใครบอกเป็นแล้วต้องตาย ไม่ต้องกลัวมะเร็ง พระพุทธเจ้าบอกว่า โรค จะมีชนิดรักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย ต้องรักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย รักษาก็ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย โรคที่เราเป็นอยู่ ผู้ป่วยไม่ปฏิเสธศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบัน เราใช้แผนปัจจุบันเข้าประคับประคอง
เทคนิค 9 ข้อ หายทุกโรค ไม่ได้หายทุกคน คนที่ไม่หาย คือ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ ให้คนไข้เลือกเอาว่าจะใช้แบบไหน
ข้อ 2 แพทย์วิถีธรรมมีคำตอบง่าย ๆ อะไรกินแล้วสบาย แข็งแรง กินค่ะ
ข้อ 3 ถ้าเราเชื่อมั่นจะใช้ศาสตร์แพทย์วิถีธรรม คิดแบบใหม่แบบแพทย์วิถีธรรม กินแบบใหม่ คือ กินอาหารให้เป็นยา ถ้าเจ็บป่วยน้อย เบากาย มีกำลัง สามารถดำเนินตามแนวนี้ได้เรื่อย ๆ
ตัดมี 2 วิธี ไม่ตัดเอาออก จะฉายแสง จะทำให้เซลสร้างฮอร์โมนสร้างฮอร์โมนไม่ได้
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ชาวค่าย) บอกว่า ผมเลือกแพทย์วิถีธรรม หมอแผนปัจจุบันกดดันผม ล่าสุด เขาบอกมียา มีคนบริจาค แต่กินแล้วมีผลข้างเคียง ผมปฏิเสธ คุณหมอบอกฉายแสงไม่มีอะไรเลย กลับบ้านได้เลย ผมเคยอ่านของหมอเขียว ถ้าหมอบอกฉายแสงไม่อันตราย ทำไมไม่ไปยืนเกาะข้างเตียง จากนั้นผู้ไม่ประสงค์ออกนามเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและบอกว่า ผมจะสู้ต่อ เมื่อผมหาย ผมจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ “ผมรู้แล้ว ทุกข์เป็นอย่างไร”
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า คนอื่นคิดอย่างไรให้เขาคิดไป วางไปเลย เขาปรารถนาดี
คุณประณีตบุญ (จิตอาสาหมวย) แชร์สภาวะตนเองเป็นมะเร็งมดลูก ผ่าจริง 7 นิ้ว ก่อนไปผ่าสุขภาพแข็งแรง
ผ่าแล้วได้ของแถม พอเจอแพทย์วิถีธรรมชีวิตเปลี่ยน ไม่เคยหาหมอ ตอนนี้แข็งแรง ที่หมวยเริ่มทำยาเม็ดที่ 1-7-8-9
จากนั้นเล่าเรื่องเพื่อนของพ่อบ้าน รักษาโรงพยาบาลริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุณหมอได้เปอร์เซ็นต์จากยา บอกว่าคุณเป็นคนไข้ที่ดี หมอจะช่วยรักษาให้ฟรี เดือนหนึ่ง 400,000 บาท สุดท้ายก็เสียชีวิต หมวยมาเจอแพทย์วิถีธรรม จบเลย เพื่อนพ่อบ้านหลังเสียชีวิต ภรรยาทราบว่าเขานำไปทดลองยา
คุณแสงอรุณ (จิตอาสาต้นหลิว) บอกว่า เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย แม้คนละประเภท แต่เรื่องเดียวกัน เสริมคุณหมอกานดา สูตรในพระไตรปิฎก ชื่อว่า คิลานสูตร “คนเจ็บคนไข้” ประเด็นผู้ป่วยคือ เรื่องใจ พอได้ฟังอาจารย์พูด อย่ากลัวตาย อย่ากลัวโรค พี่ก็ปลดล็อค ถ้าเราลดความกลัว เราจะมีสติ เราเจ็บป่วย สมดุลร้อนเย็น เรื่องวิบากกรรม
หนูก็ปฏิเสธไม่ฉายแสง หนูได้มิตรดี แพทย์แผนจีนบอกอย่าไปฉายแสง เราเห็นผลข้างเคียง เราเข้าใจ ท่านได้ข้อมูลมาแบบนี้ มีประโยคนึง “เอาชีวิตเรามาพิสูจน์ตรงนี้ มันได้ผล” เรามาพิจารณาข้อมูล จึงปฏิเสธไป พอมาปฏิบัติแบบอาจารย์หมอเขียว 3 เดือน แบบไม่เร่ง ทำทุกวัน อยู่ที่บ้าน อาจารย์พาทำอะไร ก็ทำหมด โยคะ ออกกำลังกาย เราทำเท่าที่ทำได้ ใจต้องไม่กังวล จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้น ใจสำคัญมากกับการรักษาโรค เม็ดที่ 8 สำคัญมาก แค่ทุกข์ใจที่ทำมาทั้งหมดไม่มีผล เป็นกำลังใจให้ ทำจริงได้จริง ทำเล่นได้เล่น
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) ให้กำลังใจผู้ป่วย พร้อมเล่าเคสผู้ป่วยที่เจอมะเร็งระยะกระจาย 3 เดือนมะเร็งลดลง เป็นที่ตับอยู่ 2 จุด โดนกดดันเหมือนผู้ป่วย เมื่อท่านนั้นไปตรวจเลือด และดีขึ้นผิดหูผิดตา แล้วมาลา ท่านผู้นั้นบอกว่า “แค่หนูไม่ได้ทำตาม หนูก็ได้เป็นนางงามแล้ว”
คุณเสาวนีย์แนะนำให้ผู้ป่วยทำตามแพทย์วิถีธรรม เริ่มต้นจากตัวเอง ถือศีลข้อ 1 ถึงข้อ 5 ลดสัตว์ใหญ่ เป็นสัตว์เล็ก ลดเนื้อ ลดปลา เรียนรู้เทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว สร้างเซลล์ ด้วยการใช้อาหาร การกดจุด การสร้างเซลล์ ใหม่ด้วยน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น ให้กำลังใจนะคะ มาถูกทาง
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ชาวค่าย) ผมอยากมีไลน์จิตอาสา ผมอยู่บ้านคนเดียว ผมอยากทำ 9 เม็ด ส่วนใหญ่ผมอยู่บ้านคนเดียว หาอาหารทาน ประคองเท่าที่ทำได้
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) หารือหมู่ แนะนำห้องมะเร็งดีมั้ยค่ะ
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำให้อยู่ห้องค่าย มีปัญหาถามในห้องไลน์ได้เลย คำถามเราได้รับคำตอบ สิ่งที่เราถามจะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่น คุณแต่จะได้กุศลจากตรงนี้
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า ถ้าน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นไม่ได้ ใช้น้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น พร้อมบอกว่าพลังชีวิตสด ๆ ต้องจากน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นจะมีมากกว่าน้ำสกัดสมุนไพรฤทธิ์เย็น ศึกษาแล้วมีปัญหาอะไรมาถาม
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) กล่าวขอเป็นกำลังใจให้คนป่วย คนป่วยอยู่ในห้องไลน์ เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และแนะนำว่าการกัวซา ทำได้ตลอดเวลา สามารถติดตามได้จากจิตอาสาในห้องค่ายที่คุณอยู่ ติดตามได้ทาง Facebook และ YouTube สามารถติดต่อส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะอะไร พูดกับผู้ชายด้วยกันสามารถเปิดเผยได้ คุณสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา มาถูกทางแล้ว อย่าตัดส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากร่างกาย
คุณประณีตบุญ (จิตอาสาหมวย) ขอถามผู้ป่วยว่าอยู่ที่ใด
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ชาวค่าย) ให้ข้อมูลว่า อายุ 53 ปี อยู่กรุงเทพฯ ใกล้สายใต้ใหม่ พุทธมณฑลสาย 1 แถวคลองลัดมะยม ทางบ้านไม่มีย่านาง
คุณประณีตบุญ (จิตอาสาหมวย) บอกว่า ถ้าคุณอยู่แถบนี้ ในระยะแรกหมวยบำเพ็ญ น้ำเขียวสัปดาห์ละครั้ง
อาจช่วยเหลือคุณได้ด้านประกอบอาหาร
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกผู้ป่วยว่า อยากให้ลืมคำพูดที่หวังดี แต่ประสงค์ร้าย เมื่อเรียนธรรมะไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่าทำไมถึงเจอส่วนนี้
3. คำถามจากคุณสรวงภัทร์ เรวัตบวรวงศ์ (คุณแม่จิตอาสาจิ๊บ)
อาการข้อเสื่อมต้องผ่าหรือไม่
คุณจิ๊บ (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า คุณแม่จิ๋บ อายุ 70 ปี ข้อเสื่อมแถวสะโพก ข้อต่อหายไป กระดูกมาชนกัน หมอให้ยาแก้ปวด เดินจะเจ็บ นั่งไม่เจ็บ นอนไม่เจ็บ เดินลำบาก คุณหมอไม่ให้นั่งพื้นราบ เจ็บมาก ๆ ให้ผ่าตัด แม่ไม่แน่ใจว่าจะผ่าหรือไม่ผ่า คุณแม่เป็นคริสต์ เรื่องวิบากอาจไม่เข้าใจค่ะ
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) สอบถามว่า เป็นข้างไหน
คุณจิ๊บ (จิตอาสา) บอกว่า เป็นข้างเดียว ข้างขวา
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ยังไม่แน่ใจว่าเป็นโรคข้ออักเสบ หรือกระดูกหายไป พอเดินได้ไม่ลำบาก ใช้เทคนิค 9 ข้อ
ถ้าดีขึ้นต้องทำต่อ เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะโพกและยึดหยุ่นด้วยโยคะ จะได้ไม่ปวด การผ่าตัดไม่จำเป็น ถ้าตัวโครงสร้าง เช่น กระดูกหายไป การทำลายหัวกระดูกโดยไม่รู้ จะพบบ่อย ๆ ในผู้สูงอายุ กรณีนี้การผ่าตัดก็จำเป็น
คุณประณีตบุญ (จิตอาสาหมวย) สอบถามว่า หมวยขอถามเป็นความรู้ กรณีอย่างนี้เคยรักษาคุณแม่แถวบ้าน หกล้มแล้วกระดูกขาหัก 3 ท่อน เข้าเฝือกเป็นเดือน หมวยได้ทำน้ำย่านางไปให้ผู้ป่วยดื่มขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 3 ขวด ต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ก็ทำให้กระดูกที่แตกก็สมานได้
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า ถ้าเป็นกระดูกปกติเขาจะซ่อมแซมตัวเองได้โดยการที่ดามเข้าไว้ แล้วได้สารอาหารที่มีความจำเป็นในการซ่อมแซม เช่น แคลเซียมที่ได้จากน้ำย่านาง เขาก็จะหายได้ แต่กรณีของคุณแม่น้องจิ๊บยังไม่แน่ใจว่าพยาธิสภาพเป็นอย่างไรค่ะ
คุณจิ๊บ (จิตอาสา) ให้ข้อมูลเพิ่มว่า แม่เป็นไทรอยด์ กินยามาหลายสิบปี ทำให้ตรงนี้เสื่อม
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า อย่าโทษ ถ้าจากยาต้องเป็นหมด ถ้าข้างเดียว ติดเชื้อ กระทบ กระแทก หัก
วางใจแม่จะกิน แม่สบายดี แม่กินไป
คุณหมอสิริรัตน์ (จิตอาสารัตน์) แนะนำคุณแม่น้องจิ๊บ ใช้วิธีนอน แล้วใช้ท่าโยคคะ พับขาซ้าย ขาขวาวางบนเข่า 4 ท่าสุดท้าย ในท่าโยคะของอาจารย์หมอเขียว ยกขาขึ้นแยกขาออก ทำให้เข่าขวาที่เสื่อมหายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ พับเข่า เอาขาตั้งชี้ฟ้า ท่าโยกเข่า จะช่วยทุเลา เพราะตัวเองเห็นผล และแนะนำให้คุมเรื่องอาหาร ทำสมดุลร้อนเย็น
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำคุณแม่น้องจิ๊บต้องเหยียดยึดข้อสะโพกค่ะ ของคุณหมอรัตน์เป็นเรื่องเข่า จากนั้นคุณหมอสาธิตการบริหารสะโพก โดยยืนเกาะหลังเก้าอี้ แยกขา แล้วก้มลงหลังตรง ๆ แขนจะตรงไม่ตรงก็ได้ ต้องผ่อนคลาย เน้นหลังกับสะโพก พร้อมบอกว่าโยคะท่ายืนของอาจารย์ได้หมด แนะนำให้คุณแม่ทำโยคะ 1 ชั่วโมง ครบทุกท่า ไม่ต้องทำเสร็จทีเดียว
4. คำถามจากคุณณิ (ชาวค่าย)
“หยุดทานเนื้อสัตว์ ต้องทานวิตามินหรือไม่”
วิตามินต่างๆ ควรรับประทานหรือมั้ย เลือกเป็นบางตัว เช่น วิตามินดี วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 เนื่องจากว่าตัวเองได้หยุดทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่ปีใหม่ รับประทานแต่ธัญพืชและพืชผักมาตลอด พวกขนมต่างก็งด เพราะมีส่วนผสมของนมและไข่ และตอนนี้น้ำหนักจาก 54 ค่อย ๆ ลดลงมาเหลือ 50 แล้วค่ะ เกรงจะลดลงกว่านี้ ไปเจอเพื่อนใครๆ ก็ทักว่าทำไมผอมลงไม่สบายหรือเปล่า ควรจะรับวิตามินเสริมไหมคะ
คุณณิ (ชาวค่าย) ให้ข้อมูลว่าน้ำหนักลดลงเหลือ 49.9 กิโลกรัม พี่สาวเพื่อนที่เจอถาม ทำไมต้องหยุดกินเนื้อสัตว์ คุณณิตอบกินแล้วป่วย กินนมได้มั้ย เราบอกไม่อยากทาน ไข่ก็ลด กลัวว่าปฏิบัติถูกมั้ย
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า ยังจะลดอีก ป้าลด 12 กิโลกรัม คนที่เคยเห็นเราอ้วน ก็ว่าเราผอม คำเขาว่าฟังเอาไว้ อย่าเอามาเป็นกังวล ถ้าเราเบากาย สบาย เขาเอามาฝึกใจเรา ลดกิเลส รักษาโรค
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) เป็นกำลังใจให้ผู้ที่มาทานผักผลไม้แทนเนื้อสัตว์ น้ำหนักลดเป็นธรรมดา อย่างกังวลกับคำพูดของคนอื่น ไม่มีใครรู้ดีกว่าเรา ร่างกายของเราเราต้องรู้ดีกว่าคนอื่น ทานแล้วร่างกายก็เบา
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ให้ข้อมูลว่า ไม่มีความจำเป็นต้องทานวิตามินเสริม อาจารย์หมอเขียวเป็นตัวอย่าง ทานมื้อเดียว ไม่มีเนื้อสัตว์ อาจารย์ทานตั้งแต่อายุ 24 ปี
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) บอกว่าพืช ผัก ให้ครบ 5 หมู่อยู่แล้ว ถ้าขาด ตายไปนานแล้ว วิตามินไม่มีความจำเป็น อย่าหาสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า คนเราจะไม่มีวันขาดสารอาหาร ยกเว้นเป็นโรค เช่น โรคไม่มีจะกิน ขาดวิตามินแน่นอน ที่น้ำหนักลด คือ ของเกินค่ะ
คุณอรวิภา (อร) แชร์ประสบการณ์ตัวเอง ตอนเริ่มใหม่ ๆ น้ำหนักลดลงเยอะมาก จาก 46 เหลือ 36 คนที่เห็นเหมือนเราป่วย ช่วงแรกปรับตัว จะลดลงมาก่อน ร่างกายปรับได้ เราต้องไม่กังวล อรผอมและความดันต่ำ แต่อรรู้สึกสบาย ร่างกายปรับ ขับทั้งพิษ พอปรับตัวได้ น้ำหนักขึ้นมาในภาวะปกติ ตอนนี้น้ำหนัก 42 โดยตลอด ไม่ต้องกังวล ถ้าเราสบายดี กินอาหารถูกสมดุลร้อนเย็น อนุโมทนาค่ะ
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า ถ้าเจอคำถามแบบนี้ ป้าจะถาม มาชักคะเย่อกัน
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) บอกว่า ตอนนี้ตนเองน้ำหนักขึ้น ต้องระวัง ขนาดกินวันละครั้ง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล
คุณณิ (ชาวค่าย) บอกว่า บางทีกิน 4 มื้อ กินก็กลัวน้ำหนักจะลงไปกว่านี้
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) บอกว่า น้ำหนัก เวลาไม่ทานเนื้อสัตว์จะลดลง เป็นเรื่องธรรมชาติ ให้ดูว่าเราอ่อนเพลียมั้ย
ร่างกายจะเบา ดูว่าเดินโซซัดโซเซมั้ย พวกที่อยู่ แพทย์วิถีธรรมสารอาหารเกิน ไม่ต้องวิตกกังวล
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) แนะนำวิธีตรวจสอบสารอาหารเกิน โดยดูจากอุจจาระ
อุจจาระจมน้ำ … สารอาหารเกิน
อุจจาระลอย … ร่างกายดูดสารอาหารไปใช้หมดแล้ว
คุณณิ (ชาวค่าย) บอกว่า อาจารย์หมอบอก ถ้าเรางดเนื้อสัตว์ไม่ได้ ให้ทานปลา นม ไข่ ล่าสุดที่เกิดกับตัวเอง ที่ชลบุรี มีปลาแช่ ไปซื้อจาระเม็ด ขณะบั้ง มีดเสียบโดนนิ้ว แต่มีดไม่คม เหมือนอะไรมาเตือน เราไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ทำไมกินปลา
ตั้งแต่ม.ค. ไม่ทาน ไม่กล้าลอง เป็นไปได้ว่ามีอะไรมาเตือน
คุณหมอสิริรัตน์ (จิตอาสารัตน์) ให้ข้อมูลว่าไม่มีโรคอะไร และเล่าว่าตนเองเลิกทานเนื้อสัตว์ เลิกหมูไก่ น้ำหนักลดไป 4 โล น้ำหนักเกินอยู่ เกินเยอะ จึงลงเยอะ ตอนนั้นยังไม่เลิกเด็ดขาด
คนที่ทักเรา คือ ผัสสะที่ต้องเจอ เขาห่วงเรา จึงทักเรา เราต้องรู้ตัวเรา ถ้าแข็งแรงมีกำลัง บางครั้งไม่ต้องคุยเยอะ สำคัญจิตอย่าตก ถ้าเขาปฏิบัติธรรมจะไม่ทักเราอย่างนี้ เราต้องเจอคนแบบนี้อีกเยอะ ปัญหาอยู่ที่ใจเรา ถ้าเราล้างโลกธรรมได้ เราต้องแข็มแข็งอดทน ยึดหยัดยืนยัง ล้างโลกธรรม ว่าสิ่งที่เราทำถูกต้อง เป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน
น้ำสมุนไพร ผลไม้ ผักสด ผักลวก กับข้าว เราไม่มีอาการเจ็บป่วยแล้ว น้ำหนักจะไม่ลงมาก ยิ่งคนป่วยยิ่งเจอหนัก ทุกคนที่ทักเรา เขาหวังดี แต่เขาไม่เข้าใจ เราต้องล้างโลกธรรมอยากสวย เรามีวิธีเพิ่มน้ำหนัก คือ ให้ทานกลับไปกลับมาได้
คุณณิ (ชาวค่าย) พอใจที่เป็นแบบนี้ แต่ค่อย ๆ ลดลงมั้ย
คุณใจถึงศีล (จิตอาสาเท่) ขอเสริมหมอรัตน์ “คนโลก โรค”
คุณเย็นน้อมพุทธ (จิตอาสาจิ๋ว) แชร์ประสบการณ์จากน้ำหนัก 45 พอเข้ามาเหลือ 32 ตอนนี้ 36 ไม่เกิน 37 เราจะสวยจากข้างในได้ การที่เราได้ล้างโลกธรรม เราสวยจากข้างใน เรื่องอาหารการกินจิ๋วก็กลัว ตอนนี้ทานหนึ่งเดียวทำให้เนื้อฟู ร่างกายทำงานหนัก นอกมื้อทานปัสสาวะได้ ลดการหิวการโหย ช่วยปรับทุกอย่าง นอกมื้อมีน้ำสมุนไพร น้ำปัสสาวะ เป็นกำลังใจค่ะ
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า ข้อสำคัญ เป็นการล้างกิเลส รักษาโรค คุณณิทำได้เรื่องการล้างกิเลส ดินทั้งแผ่นดิน ทำเรื่องการลดละเลิกเนื้อสัตว์ได้ยาก เราเห็นประโยชน์ สัมผัสได้ถึงผล เบากาย สบาย มีกำลัง ที่เราต้องล้าง คือ ผัสสะจากคนรอบข้าง นี่คือ กิเลสอีกตัวที่เราต้องมาล้าง และสอบถามคุณณิว่า ที่เพื่อนว่าเราทุกข์ใจประเด็นไหน
คุณณิ (ชาวค่าย) บอกว่า ทุกครั้งเจอใคร จะทักผอมลง
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า เราเข้าใจท่านที่ถามมั้ยค่ะ ก่อนเจอเพื่อนที่ผอมลง เราทักมั้ยค่ะ เพื่อนที่ทักอาจปรารถนาดี ตอนนั้นท้วม ตอนนี้มาพอดี ท่านยึด คุณณิเคยทำมา เราเคยไปคิดกับเขาแบบนั้น กลับมาหาเราเอง ให้เข้าใจท่านนั้น ๆ ท่านเอากิเลสตัวเองเป็นตัวตั้งเท่านั้น ๆ จึงจะยินดี สิ่งที่ชัดเจน คือ
1. สบาย เบากาย มีกำลัง
2. เป็นกิเลสตัวใหม่ที่เราต้องล้าง ถ้าชมเราจะชอบ ถ้าพูดแบบนี้ เราชัง เราไม่ชอบ
เราต้องได้ล้าง ต้องขอบคุณท่านที่แสดงความคิดเห็นมา ถ้าเราต้องการคำชม เราทุกข์ได้อยู่ มีทั้งนินทาสรรเสริญคู่กันตลอดอยู่แล้ว เราชอบอยากได้สิ่งนี้ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอดไม่เที่ยง อาจเจอคนทักว่าหุ่นดีและผอม พอบอกผอม เราทุกข์ หุ่นดีเราไม่ทุกข์ สุดท้ายเราจะอยู่ตามความเป็นจริงของเรา จิตอาสาบางท่านดูอ้วน ปกติ เคย 80 เหลือ 70
บางท่านมาเป็นแพทย์วิถีธรรม ผอมจัง พอปรับ ร่างกายจะปรับเป็นพอดี เราอาจผอมหรืออ้วน ให้ยึดที่สบาย เบากาย มีกำลังเป็นหลัก เราจะเป็นสุข กับความสบาย เบากาย มีกำลัง ถ้าแม่นตรงนี้จะไม่ยึดภายนอก อ้วนได้วันนี้ ก็ผอมได้วันนี้ เราไปยึดกับตาชั่งมาก เรามีกุศลที่ดี พอไปแตะสิ่งไม่ดี ก็ฟ้อง ก็เร็ว ล้างกิเลสรักษาโรค เราก้าวหน้าเป็นลำดับ ๆ
5. คำถามจากคุณรวีวรรณ วงค์กะวัน (ชาวค่าย)
“กังวลว่ามะเร็งลามไปที่กระดูกหลัง”
คุณอรวิภา (จิตอาสาอร) บอกว่า สังเกตว่าความกังวล เพิ่มความหวั่นไหวแก่ท่าน ไม่ช่วย ถ้าเรากังวล จะเป็นทุกข์ที่หนักเข้าไปอีก อยากให้ท่านทำใจให้สบาย และปรับสมดุล ใช้สมุนไพรที่หาได้ กล้าดื่มน้ำปัสสาวะ ให้ดื่ม ให้ทำใจให้สบาย สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ต้องรับได้ว่า ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ ตอนนี้เป็นแล้วอยากให้หาย ถ้าไม่หายเป็นทุกข์ ให้ยินดีรับ ยินดีให้หมดไป ทำให้เราต่อสู้โรคภัยที่เป็นอยู่
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า ทางกายไปตรวจ จึงได้รู้ พอรู้ จึงกังวล ยังไม่เกิด ไม่รู้จะเกิดหรือเปล่า อยากให้เรียนรู้และศึกษาเทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว ให้สร้างกำลังใจ มะเร็งเล็กลง เขาอยู่ที่กระดูกดีแล้วจะได้ระวัง ไม่ให้กระทบกระดูก
ให้ร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ
คุณหมอสิริรัตน์ (จิตอาสารัตน์) บอกว่า อาจารย์หมอเขียวเคยบอกว่า ตัวเลขไม่สำคัญ บางครั้งผิดปกติ ใจเราไม่ต้องกังวล อย่าไปใส่ใจมาก ยิ่งทำให้เราทุกข์ และไม่มีพลังรักษาตัวเอง เราต้องอยู่กับมะเร็งอย่างเป็นเพื่อนกัน จิตอาสาที่เป็นมะเร็ง มะเร็งก็อยู่กับท่าน อยู่อย่างไม่ทุกข์ เบิกบาน
กิน ขับถ่าย นอนหลับ ปกติ ถ้าเรากินได้ นอนหลัก ผักผ่อนได้ ถือว่าสุดยอดแล้วค่ะ เราใช้ชีวิตปกติสุดยอดแล้ว เป็นแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ไม่ใช่นอนพะงาบเข้าซูม ต้องให้คนอื่นพูดแทน ถือว่าสภาพดีแล้ว ปรับสมดุลไปเรื่อย ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่า ไม่อยากให้กังวลกับค่ามะเร็ง เรื่องจิตใจสำคัญ ถ้าลดเนื้อสัตว์ได้แล้ว ให้ดื่มปัสสาวะ วันละ 2 ครั้ง ดื่มอย่างมีความสุช เวลาดื่ม ให้บอกว่าตัวเองเวลาดื่มจะยกขึ้นเหนือหัว แล้วนึกถึงพระพุทธเจ้า
คุณระวิวรรณ (ชาวค่าย) บอกว่า พี่สาวฝากถาม กลัวพิการ กลัวจะช่วยตัวเองไม่ได้ค่ะ
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า กิเลสหลอกได้เนียน ไม่กลัวตาย กลัวพิการ ไม่กลัวเป็น พี่ระวิวรรณกลัวเป็น ไม่กลัวตาย ในความเป็นจริงเลือกไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นคนมีกุศลดี เราได้มาเจอหมู่มิตรดี เจอช่องทาง สิ่งที่ติดตัวเราไปคือ การลดกิเลส เจอหมู่มิตรดี ยินดีกับชีวิตได้แล้ว มีโอกาสได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ
กลัวจะเป็นนั่นเป็นนี่ จิตคิดเอง กิเลส หาเรื่องให้เราทุกข์ตลอด เราโต้กลับได้ยังไม่ทุกข์เลย นี่คือ กลลวงของกิเลส ทำให้ทุกข์ใจ ทุกข์ใจทำให้เราแย่ลง ตอนนี้เราถูกกิเลสหลอกให้ทุกข์ ซุ่มเปิดทบทวนธรรมแล้วิจารณาตามคำสอนอาจารย์ไป นี่คือ สิ่งที่เราต้องกำจัด เพราะเป็นสาเหตุความเจ็บป่วยทางกาย สูตร ไฟไหม้หัว ไหม้ผ้า ให้ดับทุกข์ใจก่อน จิตเราคิดแบบนี้ เหตุการณ์ยังไม่เกิด พี่น้องเราพอฟัง คิดแบบนี้ทำให้เราแย่กว่าเดิม ถ้าใจเบิกบาน โรคจะเป็นฝุ่นปลายเล็บ
ผู้ป่ายเข้าค่ายเป็นมะเร็ง คนมาถาม ทำไมเบิกบาน ท่านบอก แค่เป็นมะเร็ง ฝุ่นปลายเล็บ แม้เราไม่ได้เป็นมะเร็งทุกคนต้องดูแลตามแบบแพทย์วิถีธรรม คนที่เสียชีวิต ไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง บางคนเจออุบัติเหตุ เขาไม่ใช่จุดที่มาทำให้เราเสียชีวิต ชื่อโรคนี้ เราจะหวั่นไหว เราต้องพิจารณาตาม ในห้องนี้พี่น้องเราเป็นมะเร็ง ตัวเลขแค่กระดาษ ให้กำลังใจค่ะ
เอาประโยชน์จากการเห็นตัวเลข
6. คำถามจากคุณบุญพา (ชาวค่าย)
พาร์กินสัน และไวรัสตับอักเสบบี กดไหลย้อน
คุณบุญพา (ชาวค่าย) สอบถามว่า เป็นพาร์กินสันปลายปี 2557 จะรักษาอาการสั่นอย่างไร
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่า เรื่องกายไม่สบายจะดูแลอย่างไร ถ้าคุณบุญพาได้ฟัง ดร.นิดหน่อย
อาการไม่สบายจะทำอย่างไรจึงจะหาย เราก็ทำใจให้เป็นปกติก่อน ไม่ให้อยากหาย แล้วดูแลตัวเองในสิ่งที่ทำให้เราป่วยมากขึ้น ด้วยการกินอาหารเป็นยา ปรับสมดุลเอาพิษออก
สาเหตุ ที่แท้จริงไม่มีใครรู้ ไม่มีวิธีรักษาที่หายได้ เป็นสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ เป็นพิษสะสม จึงไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ให้เราใช้เทคนิค 9 ข้อ เริ่มด้วยยาเม็ดเล็ศ ทำใจให้หายเร็ว ตามด้วยยาเม็ดหลัก ดูแลอาหารให้ปนเปื้อนเนื้อสัตว์น้อย รสชาติไม่จัดจ้าน ออกกำลังกาย โดยการกดจุดลมปราณ กัวซา เมื่อร่างกายไม่มีพิษ อาการเหล่านั้นจะดีขึ้นเป็นลำดับ
บางท่านหายไปได้เมื่อไหร่ไม่รู้
คุณบุญพา (ชาวค่าย) บอกว่า ฝึกทานอาหารล้างพิษ ฤทธิ์เย็นร้อน ฝึกโยคะ
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) บอกว่าสังเกตการตอบสนองร่างกายเรา ต้องไม่เร่งผล ทำเต็มที่ ลองปฏิบัติดู ถ้ามีข้อขัดข้อง
ถ้าทำแล้วถูกทางจะสบายขึ้น
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่า ขอให้กำลังใจก่อนนะคะ เคยเห็นเคสลมชัก พาร์กินสัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็ดีขึ้น
อันดับแรก คือ เรื่องจิตใจ ต่อมา ทานอาหารเป็นยา ต่อมากดจุดระบายพิษ การดีท็อกซ์ดีมากกับคนไข้ ทำแล้วดีขึ้นมา แนะนำอย่าได้ขาด เพราะเราร้อนเกินมาก จนกระตุก ให้ทำด้วยความอย่างกังวลอย่าเร่งผล เอาใจช่วยค่ะ
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า วิธีคิดให้ไม่กังวล คำสอนถ้าเราเก็บมาใช้ประโยชน์แต่ละชีวิต ถ้าเกิดอะไรให้คิด “ยังดีไม่ร้ายกว่านี้” เมื่อเราทุกข์ทำให้ร่างกายแย่ ทางเดียวกัน ถ้าคิดยินดีนะ ไม่แย่กว่านี้ “ยินดีนะ” เป็นความคิดด้านบวก เอาความคิดไว้ในจิต ยินดี ยังทำได้ แม้สั่น ๆ เอาความยินดีกับสิ่งที่เรารับให้อยู่ในหัวใจ
ยินดีที่ได้ทดลองทำดู ไม่ต้องหวังผล ตามที่พี่น้องจิตอาสาบอก ถ้าคิดแล้วหวังผล อาจจะเป็นหรือไม่เป็น มีเวลา หรือโอกาส ทำตามหลัก 9 ข้อ พี่น้องเราเลือกหยิบมาทำ บางท่านอาจแนะนำแช่มือแช่เท้า บางท่านแนะนำกัวซา แต่ละท่านจะหยิบยา 9 เม็ดไปทำ ลองไปทำดูว่าจะดีมั้ย ไม่ต้องคาดหวังว่าจะดี ไม่ได้ดีขึ้นอย่างเห็นชัดด้านบวกอย่างเดียว เราลดการเบียดเบียน เอาพิษออก เป็นการทำดี บางทีหยิบเรื่องใดที่เราไม่ได้แนะนำ ก็จะดีขึ้นได้เช่นกัน
บางท่าน นิ้วล็อค 10 ปี ได้แช่มือแช่เท้าครั้งเดียวนิ้วล็อคหาย เป็นวิบากดีร้ายสังเคราะห์ ท่านได้ทำกรรมใหม่ ดูแลเอาพิษออก ให้เราทำใจว่าหนีไม่พ้นสามกลุ่ม ให้เรายินดี เราจะไม่ทุกข์ใจ เราทำเต็มที่เท่าที่เราจะทำได้ การดูแลเป็นหน้าที่ของเรา เราต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง คือ ทำสิ่งดีให้ตัวเอง รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เป็นอยู่กับปัจจุบัน
คุณบุญพา (ชาวค่าย) บอกว่า ชอบคำที่ว่า “ยินดีที่เป็นแค่นี้”
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า ยินดีได้อย่างมนสิการ เข้าถึงใจของเรา ฟังรายการธรรมะพาพ้นทุกข์ อาจารย์หมอเขียว สุดท้ายทุกคนไปสู่จุดเดียวกัน คือ ตายทุกคน ตอนนี้ทำสิ่งที่ดีที่สุด คือ ดูแลตัวเอง ไม่กลัวโรค โรคเป็นสมบัติของทุกคน ไปตรวจแลป เข้าไปรังของโรค เป็นค่าเฉลี่ยไม่ได้เท่ากันทุกคน คนส่วนใหญ่มีอาการไม่สบาย เราอาจไม่ใช่ก็ได้ เคยเจอผลแลปสูงมาก ๆ แต่เขาสุขสบายดี
7. คำถามจากคุณชลิดา วรรณเกษมสุข (ชาวค่าย)
ผ่าก้อนที่เต้านม
คุณชลิดา (ชาวค่าย) ให้ข้อมูลว่า เนื้องอก 5 เซนติเมตร ปล่อยแล้วมารักษาแพทย์วิถีธรรม เนื้อนมไข่ไม่ทานแล้ว บางครั้งปวดจี๊ด ๆ เป็นอาการของมะเร็งหรือเปล่าค่ะ มีก้อนที่เต้านมยังไม่ผ่าตัดออกจึงมีคำถาม ไม่ผ่า มารักษาทางด้านแพทย์วิถีธรรม
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) สอบถามว่า มั่นใจกับการปฏิบัติตามหลักแพทย์วิถีธรรมได้แค่ไหนค่ะ
คุณชลิดา (ชาวค่าย) บอกว่า ทำได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เกือบสองเดือนยังไม่ได้ไปตรวจ เมื่อวานเจ็บมาได้ 2 วัน
คุณหมอกานดา (จิตอาสา) ให้ความเห็นว่า มีก้อนที่เต้านมแล้วกังวล ไม่สามารถลดความกังวลได้ ก็ควรเอาก้อนออกก่อน เพื่อตัดความกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหายช้า ก่อนมาปฏิบัติตัวตามศาสตร์ของแพทย์วิถีธรรมได้อย่างสบายใจ
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) บอกว่า ก่อน 5 เซนติเมตร ตัวเองเป็น 4 เซนติเมตร หลายก้อน มีอาการคัดและตึงคัด ก่อนเป็นประจำเดือน ถ้านั่งสามล้อ ต้องกอดหน้าอก ถ้าเราปฏิบัติตัวตามแพทย์วิถีธรรม อาการคันลดลง นี่เป็นสิ่งละเอียดอ่อน อาการตึงจะค่อย ๆ ลดลง นี่คือแนวโน้มไปในทางทีดี ตัวเองมีหลายก้อนไม่รู้จะตัดก้อนไหน ถ้ามีก้อนเดียว ลองถามคุณหมอ บางท่านไม่ตัดแล้วกังวล พอตัดแล้วสบายใจ เกิดผลดี ถ้าไม่เอาออกแล้วคลำ เราจะเครียด ดูว่า ความคันลดลงมั้ย ความตึง บางทีเห็นเส้นเลือดที่ฟูขึ้นมา เห็นพี่ที่ตัดเต้านม ท่านแมมโมแกรมทุก 6 เดือน เราเป็นไม่มาก แต่เราคัน ปฏิบัติตัวตามแพทย์วิถีธรรม แล้วอาการคัดก็ลดลง
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่าฟังสดไม่ชัด ฟังย้อนหลังได้ เอาที่ตรงที่คุณชลิดาสบายใจ หลักแพทย์วิถีธรรมเน้นเรื่องใจ พอใจกังวล จะสู่โรคทางกายยิ่งขึ้น ถ้าเอาไว้กับตัวเราแล้วรู้สึกสบาย ไม่กลัวตาย ไม่กลัวโรค แล้วเรามาปฏิบัติ ก็ทำ เจอบางท่านใช้แพทย์วิธีธรรม ไม่หายก็มี
หลักการแพทย์วิถีธรรมบอกว่าเราเป็นหมอดูแลตนเอง ถ้าเราทำใจไร้กังวลได้ อยู่ก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ ก้อนจะลดลงเร็ว ก้อนลดลงได้ของแพทย์วิถีธรรม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่สามเดือน ถ้ามีเวลาให้เลือกลองดูก็ได้ เอาที่ใจของเรา เราไม่เลือกให้ ให้เลือกเอง ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน
คุณชลิดา (ชาวค่าย) บอกว่า ทำกับข้าวให้ที่บ้าน ที่บ้านไม่ทาน เลยขอกินลูกชิ้น 2 ลูก พอตั้งใจว่าไม่ทาน แล้วทานทำให้เจ็บ เป็นไปได้มั้ยค่ะ
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า จะเชื่อแบบนั้นก็ไม่ผิดค่ะ ประเด็นคำถาม ว่าจะตัดหรือไม่ตัดดี ได้คำแนะนำเราไปแล้ว
คุณเสาวนีย์ (จิตอาสา) ให้ความเห็นว่า บางทีหมอบอก 2-3 เซนติเมตร พอเปิดอาจต้องตัดเต้านม ถ้าตัดชิ้นเนื้อวันที่ตัดไม่เป็น พรุ่งนี้เป็นได้ เปิดเข้าไป อาจใหญ่กว่าที่คลำก็ได้ เราเลยไม่ผ่าตัด
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) ให้ความเห็นว่า แต่ละเคสไม่เหมือนกัน ศึกษากับคุณหมอที่ดูแล แล้วเปรียบเทียบกันได้ จิตอาสาเราบางทีก็ปรึกษาแพทย์ เอามาเป็นข้อพิจารณาได้เหมือนกัน แพทย์วิถีธรรมบูรณาการแพทย์ทุกแผน เราจะใช้การเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าปัจจุบันดีกว่า เราจะเลือกแผนปัจจุบันค่ะ พอรวมกัน เลือกแผนที่ดีทุกแผน เราจึงเรียนแพทย์วิถีธรรม เราใช้ทุกแผนได้ไม่ตีทิ้ง เลือกตามที่เหมาะควรกับตนเอง
คุณชลิดา (ชาวค่าย) บอกว่า อยากมาเข้าค่าย ต้องดูแลพี่น้อง ไปซื้อที่สันติอโศกทาน หนูอยากไปทำความดี ออกจากสังคมวุ่นวาย ถึงกลับมาดูแลทางบ้านได้
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) บอกว่า เราจะดูว่ากรณีแบบนี้จะช่วยเหลืออย่างไร
คุณชลิดา (ชาวค่าย) บอกว่า จะลองตามอาจารย์ 3 เดือน แล้วจะกลับมา หนูชอบลอง เป็นแผลที่นิ้วแล้วจุ่มน้ำวิเศษแล้วหาย หนูลองไปทำดูแล้วหาย รู้จักน้องจิ๊บ ไปเจอกันที่สันติอโศก
ดร.น้อมพรฟ้า (จิตอาสานิดหน่อย) แนะนำว่า ให้ติดตามข้อมูลการดูแล แล้วปฏิบัติตามเท่าที่เป็นไปได้ ติดตามธรรมะพาพ้นทุกข์ตอนเช้า ถ้าไม่ได้ดูคลิป การล้างกิเลส รักษาโรค ให้ติดตามตรงนั้นไป จะถามหมู่กันก่อน
มองดูเวลาตอนนี้ใกล้สี่ทุ่ม 3 ชั่วโมงกว่าที่ได้ตอบคำถามสุขภาพผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชาวค่ายที่สอบถามปัญหาในครั้งนี้หลายท่านรักษาแผนอื่นแล้วไม่หาย บางท่านรักษามา 2 ปี บางท่าน 3 ปี บางท่าน 7 ปี จึงได้ลองที่จะมาศึกษาแพทย์วิถีธรรม
หนึ่งในสิ่งที่ผู้ป่วยหลายท่านคิดเหมือนกัน คือ “มีความกังวลกับโรคที่เป็นอยู่” ภาวะกังวลกับผลของตัวเลขจากแลป เมื่อเราได้ตรวจโรค นั่นหมายความว่าเราเข้าไปดูรังของโรค ไปตรวจจึงได้รู้ สิ่งที่เราทำได้ คือ คิดในแง่บวกว่า “ยังดีนะที่ไม่ร้ายไปกว่านี้” เพราะเมื่อเราทุกข์ใจก็ส่งผลต่อร่างกาย เพราะ “ความกลัว กังวล ระแวง หวั่นไหว ทำให้เป็นได้ทุกโรค” สุขภาพกายจะดีได้เริ่มต้นที่ใจ ใจไร้ทุกข์ ใจดีงาม เป็นยารักษาโรคที่มีฤทธิ์เร็วและแรงที่สุดในโลก
สรุปเนื้อหาของวันนี้ คือ
-
- “ความกังวล” จะยิ่งทำให้ร่างกายทรุดโทรม แต่การหมั่นทำใจให้เบิกบานสู้โรค ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ใจก็มีแต่ความผาสุก ร่างกายย่อมแข็งแรงไปพร้อมกัน
- โรคร้ายที่เราได้เผชิญนั้น เป็นเพียงเท่านี้ก็โชคดีมากแล้ว การได้มีโอกาสเข้ามาร่วมสนทนากันกับหมู่มิตรดี และรับพลังใจในการต่อสู้โรคภัยต่าง ๆ นับว่าได้บำเพ็ญกุศลมา เพื่อได้เชื่อมโยงจิตวิญญาณของกันและกัน
เจริญธรรมสำนึกดีมีใจไร้ทุกข์ค่ะ
ประภัสสร วารี
ผู้จดบันทึก