ทบทวนชีวิต 63 ตั้งศีล 64 : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
ทบทวนสภาวธรรม ทบทวนชีวิต ในปี พ.ศ. 2563
ในภาพรวมชีวิตปีนี้ดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ทั้งความเป็นอยู่และสภาวธรรม รวมทั้งหมู่มิตรดีที่มีเพิ่มขึ้น
ต้นปีมีอาการปวดหลังอย่างมาก เนื่องจากนอนบนพื้นที่เย็นสะสมกันนาน ๆ สุดท้ายได้กลายเป็นประสบการณ์ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง แต่ผ่านไปประมาณ 2 เดือนก็หายไปโดยส่วนมาก
ที่สวนมีการปรับที่ให้เรียบ ให้ตัดหญ้าง่ายยิ่งขึ้น ในช่วงต้นปียังมีปลูกผักอยู่บ้าง แต่กลางปีถึงปลายปีมีแต่งานพัฒนาพื้นที่ ถากถาง ปรับที่ เทพื้น ก่อสร้างห้องเก็บของเพิ่มในปลายปี ทำให้หลาย ๆ ส่วน ดูลงตัวมากขึ้น แม้จะไม่มีเวลาปลูกผัก แต่ก็มีผักผลไม้บางชนิดให้ผลได้กินตลอด
หัดเข้าสู่โลกชอปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากจะวนออกไปหาซื้อของก็เสียเวลา บางทีก็หาไม่เจออีก ก็หาเอาใน app นี่แหละ ล่าสุดลองสั่งถังเหล็ก 200 ลิตร มาส่ง เขาก็มาส่ง สะดวกมากกว่าเดิม เหมาะกับยุคโควิด ต้องขยันตัดหญ้าทางเข้าออกไว้ เกรงใจคนมาส่งของ
ปีนี้เป็นปีแห่งการประชุม งานจิตอาสาที่ทำส่วนหนึ่งก็อยู่ในหมวดชวนคุย ขยับไปสอนโปรแกรม ไป ๆ มา ๆ สอนกันยาวไป 5 เดือน และดูท่าว่าจะไม่จบง่าย ๆ เพราะมีงานสอนต่ออีก อีกส่วนก็งานทำเว็บไซต์ ไม่เสียแรงที่ศึกษามา ตอนนี้ได้ใช้เต็มที่ ทำงานไม่ทัน นักศึกษาให้ความร่วมมือส่งการบ้านมาเยอะ เลยต้องเปิดสอนแอดมินฝึกหัดมารับงานต่อ …ไปเรื่อย ๆ
ในทางสังคม ปีนี้มีมิตรดีเพิ่มขึ้นเยอะมาก เหมือนยุคเปิดโลก สมัยก่อนเหมือนอยู่ถ้ำ นาน ๆ คุยกับคนที อย่างดีก็ฟังครูบาอาจารย์เทศน์ คนเขาก็เดา ๆ ว่าอยู่อย่างนี้น่าจะเหงา ความเป็นจริงคือ เจอคนเกือบทุกวัน เจอจนเมื่อย แต่เจอใน ZOOM นะ
ที่น่าแปลกคือปีนี้เป็นปีที่ไม่ได้ไปค่ายพระไตรปิฎกเลย เหมือนจะมีอะไรเอื้อ แต่ก็จะมีอะไรกั้น ไม่ให้ไป ไปไม่เหมาะ อย่าเพิ่งไป อะไรแนว ๆ นี้ สรุปก็เลยได้แต่ดูออนไลน์
สรุปปีนี้ให้เห็นภาพ ก็เหมือนคนตกงาน ได้งานใหม่มาเป็นครูน้อยหน้าใหม่ ที่ยังดูเหมือนจะรุ่ง ๆ อยู่ ยังไม่ร่วงสักที ก็เลยจะขยันทำกุศลต่อไป กอบโกยรายได้ไปก่อน เดี๋ยววันไหนวิบากร้ายเข้ามาทักทาย จะได้พออยู่พอกิน
ความตั้งใจที่จะตั้งศีล เพิ่มศีล ลดกิเลส ตั้งใจทำดี ในปี พ.ศ. 2564
ศีลนี้มีความมหัศจรรย์ไปตามสภาวธรรม ภาษาก็อย่างหนึ่ง แต่พอปฏิบัติศีลไปเรื่อย ๆ อธิศีล(ยกระดับศีล เพิ่มรายละเอียด ลดการเบียดเบียน ลดความหลง ฯลฯ) แล้วก็รู้สึกสนุกขึ้น เหมือนได้เล่นด่านใหม่ ๆ ที่มันสนุกเพราะมันผ่านล่ะนะ ถ้าไม่ผ่านมันก็ทุกข์อยู่แบบนั้นแหละ
ความตั้งใจที่จะตั้งศีลในปี พ.ศ. 2564 นี้ยังอยู่ในกรอบเดิม คือ ศีลข้อ 2 “รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่เขาให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมยฯ” แต่จะมีอธิศีลเพิ่มขึ้นในรายละเอียด คือ “รับแต่ของที่วิบากกรรมคัดเลือกให้” เช่น โอกาส เหตุการณ์ บางครั้งสิ่งที่ได้รับมันไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ มันจะเป็นเหตุการณ์ก็ได้ เราก็จะทำใจยินดียอมรับด้วยความเต็มใจ ไม่อยากได้ในส่วนที่เขาไม่ให้ ก็เป็นการตีความภาษาให้ปฏิบัติได้ละเอียดได้มากยิ่งขึ้น
อีกข้อก็ยังเป็นในส่วนของ “การรับ” ไปได้ยินเรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่ท่านยังบอกว่าแม้เศษเดนก็ยังสมควรแก่ท่าน “ แม้ก้อนภัตที่เป็นเดน เป็นของสมควรแก่เราเหมือนกัน ” และยังตรัสต่อว่า “ภิกษุผู้อาศัยอาหารที่บุคคลอื่นให้เลี้ยงชีพ ได้ก้อนภัตอันใดจากส่วนที่เลิศก็ตาม จากส่วนปานกลางก็ตาม จากส่วนที่เหลือก็ตาม. ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่ควรเพื่อชมก้อนภัตนั้น, และไม่เป็นผู้ติเตียนแล้ว ขบฉันก้อนภัตนั้น, ธีรชนทั้งหลายย่อมสรรเสริญแม้ซึ่งภิกษุนั้นว่า เป็นมุนี.” (เรื่องปัญจัคคทายกพราหมณ์ [๒๕๗] )
ตอนได้ยินครั้งแรกก็ถูกใจ หูผึ่ง ชอบธรรมแบบนี้ พอใจ มักน้อย กล้าจนมาก แม้ของเหลือเดนก็ยังรับได้ เป็นหมวดธรรมที่ขัดเกลาความโลภได้เป็นอย่างดี เอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อีกหลายเรื่อง ก็เป็นธรรมประจำใจของปีที่ผ่านมา และจะตั้งเป็นธรรมเพื่อปฏิบัติใจต่อ ๆ ไปด้วย
อนุโทนาสาธุสาธุค่ะคุรุ…