เรียนรู้อริยสัจ 4 ให้ดี

เรียนรู้อริยสัจ 4 ให้ดี

1. ทุกขอริยสัจ คือ
ทุกข์ใจในสภาพเกิด แก่ เจ็บ ตายที่ไม่ได้ดั่งใจหมาย
เจอสิ่งที่ไม่ชอบใจก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากสิ่งที่ชอบใจก็เป็นทุกข์
แต่ละวันก็ตรวจสอบว่า มีบ้างไหมที่ไม่ได้ดั่งใจหมาย
แล้วกลัว กังวล ระแวง หวั่นไหว อึดอัด ฟุ้งซ่าน รำคาญ น้อยใจ เว้าใจ แหว่งใจ
สภาพที่ไม่เข้าท่าในใจ ตรวจสิว่ามีไหม แล้วกำจัดออก

ทุกข์ใจคือทุกข์ที่ทุกข์ที่สุดในโลก แรงเท่ากับดินทั้งแผ่นดิน
ทุกข์กายกับเรื่องร้ายแรงเท่ากับฝุ่นปลายเล็บ

ดับทุกข์อะไรไม่ได้ ดับทุกข์ใจให้ได้
ทุกข์กายกับเรื่องร้ายมาแล้วก็ไป แต่ทุกข์ใจอยู่ตลอดกาล
ไม่ไปไหน ทำร้ายเราตลอดกาล แรงเท่ากับดินทั้งแผ่นดิน

พ.19 ข้อ 1717 เจลสูตร
ทุกข์ที่ควรดับให้ได้
ไฟไหม้หัวไหม้ผ้า ให้วางเฉย ไม่ต้องไปใส่ใจกับผ้าบนศีรษะที่ถูกไฟไหม้
ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย ให้วางเฉย
ดับได้หรือดับไม่ได้ให้วางความทุกข์ใจให้ได้
ไม่ได้โง่ที่จะไม่ดับไฟนะ ดับได้ก็ดับสิ ดับไม่ได้ก็วางความทุกข์ใจให้ได้
ไม่แคร์ว่าจะดับได้หรือไม่ได้ ไม่อยากได้ดั่งใจหมาย
คือยินดีให้ได้ ดับได้ก็ยินดีได้ ดับไม่ได้ก็ยินดีได้

ทุกขอริยสัจไม่ใช่ไฟไหม้หัวไหม้ผ้า
ไฟไหม้หัวเป็นตัวแทนของร่างกายที่เจ็บป่วย
ไฟไหม้ผ้าเป็นตัวแทนเหตุการณ์ร้าย
ไม่ใช่ทุกขอริยสัจ
ทุกขอริยสัจ คือทุกข์ใจที่มีกับสภาพในใจ ในกาย ในเหตุการณ์
เป็นทุกข์ที่แรงที่สุดในโลก และเป็นทุกข์ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล
ผิดศีล และเป็นผลจากการผิดศีลด้วย
ทุกข์จากร่างกายเหตุการณ์ก็ผิดศีล
ทุกข์ใจก็เป็นผลจากการผิดศีล และเป็นเหตุแห่งทุกขอริยสัจก็ผิดศีลอีก
ซ้อนไปซ้อนมา และยังเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นเป็นตามอีก
เป็นวิบากร้ายชั่วกัปชั่วกัลป์

อ่านทุกขอริยสัจให้ออก แล้วกำจัด
ทุกข์จากการอยากได้ดั่งใจ
แล้วดับทุกข์ใจอย่างไร?
ทำให้ได้ดั่งใจหมายใช่ไหม? ไม่ใช่ๆ
ได้ดั่งใจหมาย มันไม่อิ่ม ไม่พอ มันก็พร่องก็ทุกข์
ดับทุกข์ใจจากการอยากได้ดั่งใจหมาย ก็คืออย่าไปอยากได้ดั่งใจหมาย

วิธีดับทุกข์จากการอยากได้ดั่งใจหมาย ก็พิจารณาไตรลักษณ์
เห็นทุกข์ โทษ จากการได้ดั่งใจหมายของกิเลสตัณหา
มันสุขแว๊บเดียวก็หมดไป มันไม่ใช่สุขมันเป็นทุกข์
เมื่อเห็นทุกข์ เห็นโทษชัดจะเห็นความไม่เที่ยงของกิเลส

ตัณหาความอยากได้ดั่งใจหมาย มันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน
มันไม่น่าได้ ไม่น่าเป็น ไม่น่ามี
สลายความอยากได้ดั่งใจหมายได้
จะเห็นประโยชน์ของการไม่อยากได้ดั่งใจหมาย
การไม่มีกิเลสมันดีกว่า มันไม่ทุกข์ มันไม่น่าได้ ไม่น่าเป็น ไม่น่ามี
อยากได้ดั่งใจหมายมากๆ มันบ้า มันเบลอ มันเมาเหมือนถูกชกปลายคาง
มันไม่รู้ว่าอยากได้อะไร มึนไปหมด
กับอยากได้เรื่องเดียวแต่อยากได้มากๆ มันทุกข์แรง
สติแตก ถูกชกเห็นดาวเลย

บางทีพลัดพรากจากสิ่งที่ชอบมากๆ เอาอะไรมาให้ก็ไม่หายทุกข์
ทุกข์แรงจนเมาไปหมด
ปล่อยให้ทุกข์แรงไปเรื่อยๆ เป็นบ้าได้เลย
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์

อุปาทาน คือ ตัณหาที่กบดานอยู่
บางทีไปปลอบใจคนอื่นญาติเสียชีวิต
ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เป็นกำลังใจให้นะ
พอเจอเองสอนตัวเองได้ไหม ร้องให้อย่างเดียวเลย นี่กิเลสที่กบดานเอาไว้
เวลาเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจจะออกอาการเลย นี่คืออุปาทานขันธ์ 5
คือทุกข์ที่ซ่อนอยู่ ไม่ออกอาการ พอมีสถานการณ์มากระแทกจะออกอาการ
ไม่มีอะไรมากระแทกก็ไม่ออกอาการ เหมือนเป็นอรหันต์เลย
เหมือนมีแต่อาหารสุขภาพให้กินก็กินได้ เหมือนบรรลุแล้ว
พอมีอาหารอร่อยมากินไม่เหลือเลย มันเป็นความอยากได้ดั่งใจหมาย
ที่ซ่อนอยู่ถูกกระแทกออกมา ตัณหาก็ออกมาเผ่นผ่านเลย

การอยากได้ดั่งใจหมาย ติดสุขลวง ต้องกำจัดออก
พิจารณาว่ามันเป็นทุกข์ ไม่ใช่สุข อยากได้ก็ทุกข์ ได้มาก็ทุกข์ กลัวหมดไป
อยากได้มากก็ทำไม่ดีได้ทุกเรื่อง เหนี่ยวนำให้ผู้อื่นเป็นตาม
ไม่ชอบใจ ไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ แรงก็ตก ไม่สบาย
เป็นผลที่สืบเนื่อง ก็จะเกิดเรืองไม่ดีขึ้น ทุกข์ที่ต้านไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้
ทุกข์ 10 ก็จะตามมา นี่แหล่ะโลกสันนิวาส ไม่มีอะไรต้านทานได้

ยิ่งอยากได้ ยิ่งไม่ได้ ยิ่งเสื่อม ยิ่งทุกข์แรง
ยิ่งไม่อยากได้ ยิ่งได้ ยิ่งไม่เสื่อม ยิ่งไม่ทุกข์
อยากได้ดั่งใจหมาย ผิดศีล เป็นกิเลส เป็นทุกข์
ไม่อยากได้ดั่งใจหมาย ถูกศีล เป็นพุทธะ พ้นทุกข์

ต้องเรียนรู้ผลของการคิด พูด หรือ ทำ ตามกิเลส
ผลจะเกิดขึ้นทันที ณ วินาทีนั้นเลย
กัมมสโกมหิ กัมมทายาโท
ทำสิ่งใดต้องรับผล ทายาทรับมรดกของการกระทำนั้น
ได้รับดีหรือร้ายก็โทษใครไม่ได้ เราทำมาทั้งนั้น
กัมมโยนิ เรามีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมพันธุ เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เราจะเป็นพันธุ์ไหนๆ
กัมมปฏิสรโณ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เรียนรู้เรื่องกรรมให้ชัดๆ

……

พิสูจน์ความจริงได้ในทุกข์ปัจจุบัน
อยากได้ดั่งใจหมายมันทุกข์ มันมีอาการในใจอย่างไร?
พอเราสละได้ อิ่มเอิบ เบิกบาน แจ่มใส พลังกาย พลังใจที่เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ดีเพิ่มขึ้น เหตุการณ์ร้ายลดลง
ผลวิบากกรรมของการเสพกิเลส ผิดศีล เป็นบาปมีอยู่
ผลวิบากกรรมของการไม่เสพกิเลส ถูกศีล ไม่บาปมีอยู่
อ่านอาการให้ชัดในทุกปัจจุบัน อ่านความจริงในทุกปัจจุบัน
อย่างน้อยจะมีผลส่วนหนึ่งในทุกปัจจุบันนั้น เราทำไปเท่าไหร่ก็ได้รับผล
ในทุกปัจจุบัน ใจเบิกบาน แจ่มใสไร้กังวลจะเอาอะไรอีก
และมีผลสืบเนื่องต่อไปอีก

ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
ธรรมะพาพ้นทุกข์
ณ ดอยแพงค่า พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ
บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
๑๓ เมษายน ๒๕๖๔


ชม-รับฟังได้ทางยูทูป
https://www.youtube.com/watch?v=29I0jBA3I30

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *