ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 “รวมพลัง ภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 11 ในวันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 19.00 น. – 21.00 น.
ตรวจการบ้าน อริยสัจ 4
1.เรื่อง ทุกข์จริงหรือไม่
สำรวย เดชดี (รักศีล)
หมู่กลุ่มมีการนัดหมาย เข้าไปร่วมกันทำกิจกรรมที่สวนป่านาบุญ 9 ในช่วงวันที่ 2-5 กรกฏาคม 2564 เพื่อหว่านข้าว และตำน้ำพริก ต่อมามีการเปลี่ยนแปลง เพราะสถานการณ์โควิดที่กรุงเทพฯและสุพรรณบุรีมีความรุนแรงมากขึ้น มติหมู่จึงยกเลิกการเข้าสวนป่านาบุญ 9 เพื่องดการเดินทางและการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนทั้งที่อยู่ในและนอกศูนย์ และเป็นการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ
ทุกข์ :ไม่สบายใจที่ไม่ได้เข้าสวนป่า 9 ในช่วงวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2564 เพื่อไปทำกิจกรรมกับหมู่กลุ่ม
สมุทัย : ได้เข้าสวนป่า 9 จะสุขใจ ไม่ได้เข้าสวนป่า 9 จะไม่สบายใจ
นิโรธ : มีความสุขทั้งที่ได้เข้าหรือไม่ได้เข้าสวนป่า 9 ก็ได้ และจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับหมู่หรือไม่ก็เป็นสุขได้
มรรค : เมื่อเข้าสวนป่า 9 ไม่ได้ ก็ทำปัจจุบันให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด แล้วปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นว่า “ต้องไป”
เพราะอยู่ที่บ้านเราก็ทำงานหรือไปที่สวนป่า 9 ก็ไปทำงาน
ถามตัวเองว่า เราต้องการคำชื่นชมหรือ ? คำตอบ คือ ไม่ใช่
ใช้ทบทวนธรรมเตือนตนเอง บททบทวนธรรม 56 ทุกเสี้ยววินาทีทุกอย่างไม่เที่ยง อย่ายึดมั่นถือมั่น ต้องพร้อมรับ พร้อมปรับพร้อมเปลี่ยนตลอดเวลา
2. เรื่อง ทำอาหารแจกแก่บุคลากรทางการแพทย์
ภคมน ถิรธรรมภณ
มีโอกาสได้ทำอาหารแจกบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี การทำอาหารปริมาณมาก หม้อใหญ่ เป็นสิ่งที่ไม่ถนัดเลย ปกติจะทำกินเฉพาะในครอบครัว ปริมาณไม่มาก การปรุงอาหารที่มีรสชาติทั่วไปเพื่อให้ผู้อื่นกินได้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าจะปรุงรสอาหารอย่างไรให้ถูกใจคนกิน อาหารที่ทำแจกส่วนใหญ่เป็นแกงกะทิ + พริกแกง ซีอี้ว น้ำตาล ปรุงรสชาติเข้มข้นกว่าที่เราทำกินเอง ให้เพื่อนช่วยชิมทุกครั้งโดยมีเจตนาให้บุคลากรทางการแพทย์ได้กินอาหารมังสวิรัติบ้าง แต่ก็เป็นทุกข์ทุกครั้ง คิดเสมอว่าจะปรุงแบบไหนให้เขากินได้
ทุกข์ : อาการ ลังเล กังวลใจ กล้าๆ กลัวๆ ไม่มั่นใจในปรุงอาหารไม่รู้จะใส่เครื่องปรุงมากน้อยเพียงใด
สมุทัย : อยากให้อาหารออกมารสชาติดีที่คนทั่วไปกินได้ ชอบถ้าอาหารจะออกมารสชาติดี ชังถ้าอาหารออกมารสชาติไม่
นิโรธ : ทำอาหารไปแล้ว รสชาติจะออกมาดีหรือไม่ดี เขาจะกินได้หรือไม่ก็วางใจ
มรรค : พิจารณาว่าเราทำเต็มที่แล้ว จะออกมายังไง ก็ไม่ทุกข์ใจ เอาใจไปผูกกับอะไรที่ไม่เที่ยงคือ รสชาติหรือความชอบใจของคนกิน เฮ้ย นี่มันโง่นี่หว่า
จะโง่ทำไม เมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว
3. เรื่อง ไม่อยากฉีดวัคซีน
จิราวรรณ ดาโรจน์
พ่อบ้านมาถามเราว่า เราจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ไหม เราตอบว่าไม่ฉีด ไม่อยากเจอผลข้างเคียงของวัคซีนที่ผลิตมาแบบเร่งด่วน เราเคยเป็นเภสัชกร มีข้อมูลเรื่องอาการข้างเคียงของยาใหม่ ๆ ที่เมื่อใช้ไประยะหนึ่งแล้วเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจนต้องถอนตำรับและเลิกผลิต การจะผลิตยาหรือวัคซีนแต่ละตัว ต้องผ่านการทดสอบหลายปี แต่วัคซีนโควิด-19 ผลิตแบบเร่งด่วน ลัดขั้นตอนการทดสอบ จึงคิดว่า ไม่น่าฉีด แล้วยังมีข่าวอาการข้างเคียงต่างๆ และเรายังบอกว่า วัคซีนมีจำนวนจำกัด ให้ผู้ที่ต้องการฉีดได้รับการฉีดก่อนดีกว่า เราไม่ค่อยได้ไปไหน ไม่ได้ไปในที่เสี่ยงและมีการป้องกันตนเองอย่างดี (เราก็ยังคิดในใจว่า เรามีความรู้หลักการแพทย์วิถีธรรม เราไม่กลัว)
เราเริ่มกังวลว่าพ่อบ้านต้องถามเรื่องนี้อีกแน่นอน เพราะท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำงานในโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง แรงเหนี่ยวนำให้ฉีดวัคซีนย่อมมากกว่าการไม่ฉีด ข้อมูลที่เขาได้รับคืออัตราเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ร้ายแรงก็น้อยมาก คุ้มค่ากับการเสี่ยงที่จะฉีด (เราก็คิดในใจว่า ถึงน้อยอย่างไร เราก็ไม่อยากเสี่ยง)และท่านยังมีเรื่องโลกธรรมอีก ถ้าเราไม่ฉีด ท่านคงลำบากใจในการตอบคำถามจากเพื่อนร่วมวิชาชีพ
ทุกข์ : มีอาการกลัวเล็กน้อยกับผลข้างเคียงของวัคซีน
สมุทัย : ไม่อยากฉีดวัคซีน ไม่อยากได้รับผลข้างเคียง
นิโรธ : จะได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนหรือไม่ ก็ยินดีได้
มรรค : พิจารณาว่า ทำไมเราถึงกลัวผลข้างเคียง ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้น่ากลัวมากมาย เรายังยึดอะไรบ้าง
“กลัวผลข้างเคียงของยา” ข้อมูลที่เคยได้รู้ได้เห็นมามากกับอาการข้างเคียงของยา ทั้งทางทฤษฎีและการทดลองที่ทำให้ทราบผลข้างเคียงของยามากกว่าคนทั่วไป ตั้งแต่เล็กน้อยจนกระทั่งร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต พบเห็นความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยที่ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยา และในสาขาวิชาชีพเภสัชกรโรงพยาบาล เรามีข้อมูล แบบเรียกว่า ยิ่งรู้มาก เห็นมาก ยิ่งกลัวมาก ทำให้เราใช้ยาน้อยมาก จะใช้เมื่อมีความจำเป็นนจริงๆเท่านั้น
เมื่อมาพบการแพทย์วิถีธรรม เราประทับใจมากและคิดว่า นี่แหละทางรอดของการไม่ใช้ยาแผนปัจจุบัน และคิดดูถูกการแพทย์ตะวันตกว่า ไม่สามารถรักษาโรคได้ถึงสาเหตุที่แท้จริงและยังแถมอาการข้างเคียงมาให้กับผู้ป่วยอีกต่างหาก ถ้าทุกคนรู้จักใช้แพทย์วิถีธรรม แพทย์จะตกงานกันหมด ยกเว้นศัลยแพทย์กับทันตแพทย์เท่านั้น
หลังจากฟังธรรมะที่อ.หมอเขียว ท่านกล่าวว่า อย่ามีอัตตา อย่าชังหากมีความจำเป็นจริงๆที่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน ก็ใช้โดยยินดี เราก็คิดว่าเราล้างอัตตาตัวยึดว่าไม่ยอมใช้ยาได้แล้ว เนื่องจากมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่เรายอมกินยาแก้ปวดซึ่งยาตัวนั้นเราเคยกินมาก่อน เราจึงไม่กลัวผลข้างเคียง แต่ในครั้งนี้ วัคซีนนี้เป็นตัวใหม่ มันเป็นอีกเหลี่ยมมุมหนึ่งของความกลัว
เมื่อเราหากิเลสเจอแล้วว่า เรามีอุปาทานเรื่องกลัวผลข้างเคียงของยาใหม่(ยาที่เพิ่งทำการวิจัยและผลิต) เราก็พิจารณาต่อว่า
-ถ้าไม่ต้องฉีดวัคซีน และไม่มีการได้รับเชื้อ นั่นเป็นกุศลของเรา แต่ถ้ามีวิบากที่ต้องได้รับเชื้อและมีอาการ เราก็ยินดีรับวิบากและดูแลตัวเองตามหลักแพทย์วิถีธรรม
-ถ้าต้องได้รับการฉีดวัคซีน เราก็ยินดีที่ได้ชดใช้วิบากที่เราได้เคยเพ่งโทษดูถูกการแพทย์แผนตะว้นตกมา ยินดีให้วิบากหมดไป
และแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว เรายังได้รับเชื้อและมีอาการ เราก็ยินดีรับวิบากและดูแลตัวเองตามหลักแพทย์วิถีธรรม
และถ้าฉีดวัคซีน แล้วเราเกิดอาการข้างเคียงใดๆก็ตาม เราก็ยินดีชดใช้วิบากนั้น
เมื่อพิจารณาแบบนี้ ไม่ว่าเราจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ และเมื่อฉีดแล้วจะเกิดอาการค้างเคียงอย่างไร เราก็ยินดีได้
ขอขอบคุณ พ่อบ้านที่ทำให้เราได้เห็นกิเลส ได้ฝึกล้างกิเลส สาธุ
4. เรื่อง ขัดแย้งเพราะการเมือง
เรือนแก้ว สว่างวงษ์ (แก้วเย็นศีล)
เนื้อเรื่อง ลูกโทรมาคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันทุกวัน เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาลูกก็โทรมา แล้วเราถามถึงว่าเขาจะฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ก็เลยจุดประเด็นขึ้นมาเขาก็บ่นว่ารัฐบาลที่จัดหาวัคซีนไม่มีคุณภาพ เราฟังแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจ ก็เตือนเขาว่าอย่าเอาแต่บ่นเลย เห็นใจคนทำงานบ้าง บางครั้งมันไม่สามารถตัดสินใจนะเวลานั้นได้ เรามาพูดย้อนหลังมันก็พูดได้ เค้าก็ยังว่าต่อว่าเค้าน่ะไม่เป็นไร สงสารประชาชน ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง เราเลยตัดบท ไม่คุยกันต่อ คืนนั้นเราก็เจอะข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารวัคซีนของรัฐบาลเราเห็นว่าส่งให้เค้าอ่านจะได้เข้าใจดีขึ้น วันรุ่งขึ้นเขาโทรหาเราก็เตือนเรื่องว่าไม่ชอบไม่พอใจรัฐบาล แต่อย่าใช้คำไม่สุภาพในโซเชียลนะ เราเป็นปัญญาชนมีการศึกษา เพราะเราเห็นคนอื่นที่ใช้คำไม่สุภาพ เขาก็บอกไม่ เค้าไม่เคยทำอย่างนั้น แล้วเค้าก็บอกว่าข้อมูลที่แม่ส่งให้มันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เค้าเข้าถึงข้อมูลดิบที่เป็นความจริง เราเลยโมโห โกรธ เลยพูดประชดไปว่าเอาเถอะพวกเธอคิดว่าฉลาดเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริง รู้ดีทุกเรื่องก็ไม่เป็นไร ที่ส่งให้ก็แค่ไม่อยากให้ตั้งแง่คอยแต่บ่นว่ารัฐบาล เค้าก็บอกว่าก็อยากจะเตือนแม่ว่าข้อมูลมันถูกบิดเบือนไม่อยากให้แม่แชร์ เลยบอกว่าเรื่องการเมืองเราไม่เคยแชร์ต่อให้ใคร เพิ่งแชร์ให้เค้าคนคนเดียว ต่อไปจะไม่ส่งอะไรให้แล้ว ก็เลยไม่คุยด้วย เพราะโกรธ พอวางสายแล้วก็มาทบทวน ก็ยังไม่สบายใจ ทุกข์ว่าลูกบริโภคข้อมูลจนทำให้เค้าเกลียดชังรัฐบาลได้ขนาดนี้เลยเหรอ จะทำอย่างไรดี
ทุกข์ เป็นห่วงลูกที่รับข้อมูลจนเกิดความเกลียดชัง ต่อต้านรัฐบาล กลัวเค้าหลงผิด
สมุทัย ถ้าลูกคิดเหมือนเราก็จะชอบใจ คิดต่างจากเราก็จะทุกข์ใจ
นิโรธ ลูกจะคิดเหมือนเรา หรือคิดต่างก็ไม่ชอบ ไม่ชัง ไม่ทุกข์
มรรค เข้าใจเรื่องความเห็นต่าง และยอมรับความคิดเห็น รับฟังโดยไม่มีอคติ แล้วใช้บททบทวนธรรมในข้อ ที่ว่า เรามีหน้าที่ทำแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เท่าที่จะพึงทำได้ ให้โลกและเราได้อาศัย ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับไปเท่านั้น เราทำดีด้วยการช่วยไม่ให้คนอื่นทำผิดได้ ก็ช่วย แล้ว วาง ให้เป็นไปตามวิบากเีร้ายของเขา ช่วยไม่ได้ ก็ วาง ให้เป็นไปตามวิบากร้ายของเขา เมื่อเขาเห็นทุกข์จนเกินทน จึงจะเห็นธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสู่ความพ้นทุกข์
5. เรื่อง ดูหมิ่นพ่อบ้านว่าขี้เกียจ
จิตรา พรหมโคตร (ตา ลพบุรี)
พ่อบ้านฝากซื้อกาแฟ รู้สึกไม่พอใจ ขุ่นอยู่ในใจไม่อยากรับฝากเพราะดูหมิ่นเขาว่าขี้เกียจ
ทุกข์ : ไม่พอใจ ขัดเคืองอยู่ในใจไม่อยากรับฝาก
สมุทัย : ไม่อยากรับฝากซื้อกาแฟเพราะดูหมิ่นเขาว่าขี้เกียจ สุขใจถ้าพ่อบ้านไม่ฝากซื้อ ทุกข์ใจเมื่อพ่อบ้านฝากซื้อ
นิโรธ : พ่อบ้านจะฝากซื้อหรือไม่ฝากซื้อก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณาความอยากว่ามันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน มันทุกข์ มันไม่มี มันเกิดจากการปรุงแต่งจิตของเราเองที่ไปดูหมิ่นว่าที่เขาใช้เราเพราะเขาขี้เกียจ พ่อบ้านเห็นว่าเธอกำลังจะออกไปพอดีก็เลยฝากซื้อ ในเมื่อเธอปฏิเสธไม่ได้ก็เต็มใจรับฝากยินดีไปเลย นี่เธอมาโมโห คิดขุ่นเคืองในใจทำให้จิตทุกข์ เป็นแรงเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นทำตาม เป็นวิบากร้ายต่อตนเองและผู้อื่น ที่เห็นปัจุบันต่อตัวเองก็คือทำให้เราทุกข์ ไม่แจ่มใสเบิกบานเป็นพลังสันนิทานเชื่อมต่อวนไปมาไม่มีที่สิ้นสุดที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่นี่ไง เมื่อคิดได้ใจค่อยๆผ่อนคลายความทุกข์ใจไปได้ 50%