At bagon.is you can Buy webshells, phpmailer, Combo list
“สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” – 19 ม.ค. 65 | สถาบันวิชชาราม
Skip to content

“สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” – 19 ม.ค. 65

รายการ “สายด่วน สุขภาพพึ่งตนวิถีธรรมวิถีไทย”
ช่วง ถามตอบ ปัญหาสุขภาพ
ตามหลักการแพทย์วิถีธรรม
โดย กลุ่มแพทย์แผนไทยวิถีธรรม ค้ำจุนโลก
วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2565
เวลา 15.00 – 17.30 น.

ประเด็นเด่นจากรายการ

    • “ร้องไห้” มีน้ำตามากกว่า 4 มหาสมุทร จึงต้องสร้างกรรมดีต่อทุกชีวิต
    • พลาดก็ทำใหม่ ไม่ต้องอยากได้ดี “เกินตัว”
    • “มะเร็งปากมดลูก” เลือดไหลไม่หยุด กลัว “พญายมราช” มาเอาชีวิต
    • กดจุดเส้นลมปราณ มีอาการ “เจ็บแปลบ”

[คลิกเพื่อชมคลิปวิดีโอฉบับเต็ม]

วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมทั่วโลก และชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 96 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณกมลชนก ทุมวงษ์ (แหม่ม) คุณประภัสสร วารี (กุ้ง) และคุณวิจิตร ตันเดชานุรักษ์

รายการสายด่วนสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรมวิถีไทย เริ่มต้นรายการด้วยธรรมะเพื่อความผาสุก คือ การอ่านบททบทวนธรรมยาเม็ดที่ 8 ข้อ 32 – 40 [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม] และข้อ 41 – 42 [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม


“ช่วงแบ่งปันความประทับใจในบททบทวนธรรม”

“ที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อดับทุกข์ใจ”

บททบทวนธรรม ข้อที่ 34 “ทำดีให้มาก ๆ เพื่อจะให้ดีชิงออกฤทธิ์แทนร้าย ที่เราเคยพลาดทำมา ในชาตินี้หรือชาติก่อน ๆ จะได้มีดีไว้ใช้ ในปัจจุบันและอนาคต ในชาตินี้และชาติอื่น ๆ สืบไป”

คุณจิราภรณ์ ทองคู่ : เราทำชั่วมาหาที่ต้นที่สุดไม่ได้ ร้องไห้มามากมาย น้ำตาที่ไหลออกมามากกว่า 4 มหาสมุทร เพราะเราจะต้องทำดีต่อผู้อื่นและสัตว์อื่น เราได้มีดีไว้ใช้ในปัจจุบันและอนาคต ทำดีเต็มที่ ก็สุขเต็มที่แบบไร้กังวล

บททบทวนธรรม ข้อที่ 36 “จงทำดีเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร คือ สุดยอดแห่ง ความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส”

คุณเวียงทอง นุ่นภักดี : เมื่อเราตั้งศีลในดีที่เราทำได้ แต่บางครั้งเราก็พลาดทำไม่ได้ ข้อนี้จึงเตือนสติว่า เราไม่ต้องไปอยากได้ดีมากกว่าที่เราทำได้ แค่นี้ก็เบิกบานแจ่มใสแล้ว


“ช่วงถาม-ตอบปัญหาสดในรายการ”

คำถามที่ 1 : ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะ ที่ 2 และมีก้อนเนื้อ 2 ซม. งอกขึ้นที่ปีกขวาของมดลูก ในช่วงแรกมีภาวะ “เครียดมาก”
ลำดับอาการทั้งกายและใจ:

    • ช่วงก่อนเข้ารับการอบรมหลักสูตรกับทางแพทย์วิถีธรรม บางครั้งมีอาการปวดจนไม่สามารถนั่งหรือนอนได้ นอนหลับไม่เคยเป็นสุขแม้แต่วินาทีเดียว

    • ช่วงระหว่างเข้ารับการอบรมหลักสูตรฯ มีครั้งหนึ่ง “เลือดไหลพุ่งออกมาจากช่องคลอด” เยอะมาก ไหลออกมาไม่หยุด จนตนเองตกใจ แต่ไม่เจ็บ

    • ปัจจุบันรู้สึกเสียวที่ปากมดลูก เลือดยังไหลออกทางช่องคลอดอยู่ บางวันเลือดออกเยอะ บางวันเลือดออกน้อย

    • รวมแล้วเป็นเวลา 4 เดือน ที่มีเลือดไหลออกมา แต่ไม่รู้สึกเจ็บ

    • ยังรู้สึกกลัวความเจ็บปวด และกลัวเลือดออก

    • พบ “โค้ช” ท่านหนึ่ง ได้มา “เปิดไพ่” ชี้แนะโชคชะตาของตนเองว่า “พญายมราช” จะมาเอาชีวิต จึงแนะนำให้ตนเอง ต้องสร้างคุณค่าให้กับชีวิต และไปช่วยเหลือคน แต่ยังว่ารู้สึกตนเอง “ยังเอาตัวไม่รอด” เลย

การดูแลตนเองตามแนวทางแพทย์วิถีธรรม:

    • ปฏิบัติอย่างจริงจังมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ทั้งในเรื่องอาหาร และการปรับใจ โดยจะคอยปรึกษาจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม
    • ไม่เข้าใจวิธีการสวนล้างลำไส้ใหญ่
    • ใช้ยาเม็ดที่ 7 คือ ตัดสินใจ “เลิก” รับประทานเนื้อสัตว์ และเริ่มทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ยังต้องทำอาหารเมนูที่ “เนื้อสัตว์” ให้ครอบครัวรับประทาน
    • ใช้ยาเม็ดที่ 8 คือ “ฟังธรรมะ” ของอาจารย์หมอเขียว หลังจากฟังแล้ว รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก และเมื่อวาน”ตั้งศีล” ได้เห็นปาฏิหาริย์ เพราะเลือดไหลลดลง และรู้สึกเบาใจที่ได้ตั้งจิตถึงพระพุทธเจ้า
    • ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเข้ามาปรึกษาทางโปรแกรม Zoom เพราะรู้สึกอาย และกลัวโดนว่า จิตใจปรุงความคิดไปต่าง ๆ นานา จนวันนี้ที่ตัดสินใจ “กล้าพูด”

อยากสอบถามว่า “จะทำอย่างไรให้เลือดค่อย ๆ หยุด หรือลดลง?” และ “การที่ยังทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ให้ครอบครัวรับประทาน จะมีผลกระทบหรือไม่?”

คำแนะนำจากจิตอาสา :

    • ตรวจสอบตนเองว่า ถึงเลือดจะออกมา หากเบากาย และมีอาการปวดน้อยลง แสดงว่าเป็น “สิ่งที่ดี” เพราะมีอาการปวด แล้วไม่มีอะไรระบายออกมาเลย คือ การอั้นพิษไว้ข้างใน พิษก็ไม่ได้ถูกระบาย
    • หน้าตา ใบหน้าและกายภาพของผู้ถามยังดูผ่องใส สดชื่น สดใสเยอะมากกว่าเดิม มะเร็งไม่ได้ทำร้ายเราเท่าไร มีแต่เพียง “ใจที่ทุกข์” ที่ทำร้ายตัวเราเอง และเข้าใจเชื่อชัดในเรื่องกรรมและศีล
    • แพทย์ทุกศาสตร์วิจัยออกมาแล้ว ว่าเนื้อสัตว์เป็น “พิษ” ทำให้เป็นเบาหวาน ส่งผลต่อร่างกายจนเกร็งค้าง และเกิดเป็นโรค
    • เนื่องจากที่ผ่านมารับประทานเนื้อสัตว์และ “ไข่” มาเยอะ หรืออาจทำร้ายสิ่งใดที่เกี่ยวกับ “มดลูก” มาก่อน เป็นเหตุทำให้สัตว์อื่นต้อง “เลือดตกยางออก” ทุกข์ทรมานที่จะต้องตาย เพื่อมาเป็นอาหารให้รับประทาน ในเวลานี้ที่ผู้ถามจะต้องเลือดตกยางเลือดออกบ้าง จึงจะทำให้ “เข้าใจ” จิตใจของสัตว์เหล่านั้นมากขึ้น
    • เลือดไหลออกมา 4 เดือน “แต่ไม่เจ็บ” ถือว่ามีอาการที่ดีมากแล้ว จึงเทียบกันไม่ได้เลยกับความทุกข์ของสัตว์เหล่านั้นที่ถูกทำร้ายทั้งจิตใจและกายมา
    • ทุกชีวิตที่เราเคยทำร้าย พวกเขาไม่ได้มีโอกาสเลือก มีเพียงทางเลือกเดียว คือ “ตาย” อย่างเดียว แต่วิบากยังมอบโอกาสผู้ถามให้ยังได้ “มีชีวิตอยู่”
    • การแก้ปัญหาทุกโรคจะเริ่มที่ “ศีล” หากเรา “ไม่สำนึกผิด” ก็จะมัวเร่งให้โรคหาย เมื่อ “ใจไม่ได้ถูกแก้” ก็จะไปต่อไม่ได้ แต่หาก “สำนึกผิดในความชั่วมหาศาลที่เราเคยทำจริง ๆ” เราจะไม่กังวล ไม่เร่งผลใด ๆ เลย และจะไม่ฟูมฟายเลย เพราะเรายอมรับว่าตนเองได้เคยทำชั่วในอดีตมาเยอะ ได้สำนึกแบบสุดซึ้งว่า “เราทำมา” วางใจยอมรับ ตั้งใจรับ และให้อธิษฐานจิต รับในขีดที่ตนเองพอรับได้ จะทำให้อาการที่ป่วยดีขึ้น
    • ถ้าไม่มีเรื่องมะเร็ง ก็จะไม่ได้พบแพทย์วิถีธรรม เพราะฉะนั้นถือเป็น “เรื่องที่ดี” ในการสำนึกผิดต่อหน้า “หมู่กลุ่ม” และระลึกถึงบาปที่ตนเองเคยทำ การร่วมใจตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งศีลถึง “พระพุทธเจ้า” และคุณงามความดีของทุกชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอเต็มใจรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เร่งผล ไม่กังวล และขอให้เข้ามาในขีดที่ลูกเจริญได้ หรือตั้งศีลว่าจะไม่เบียดเบียนสัตว์ใด ๆ
    • การที่เข้ามา “ตั้งศีลท่ามกลางหมู่มิตรดี” จะทำให้พลังมากกว่า เพราะเราไม่ได้สู้คนเดียว นี่คือ “อริยศีลรักษาโรค” ก็ได้อานิสงส์ เพราะเพื่อน ๆ ได้ตั้งจิตมาร่วมตั้งศีลพร้อมกัน
    • เกิดอะไร จงท่องไว้ “กูทำมา ทำมามากกว่าที่ได้รับมา” ให้ “เต็มใจรับ” และขอบคุณวิบากดีร้าย กล้ามีความยุติธรรม “กล้าทำ กล้ารับ”
    • “ยาเม็ดเลิศ” ของแพทย์วิถีธรรม คือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นในทุกอย่างได้ดั่งใจเรา หากวางใจได้ จะมีผลในการรักษาโรคถึง 70% บวกเกินร้อย แต่ในกลับกัน หากยึดมั่นถือมั่น ก็จะป่วย 70 % บวกเกินร้อยเช่นกัน ถึงป่วยเป็นมะเร็งก็สามารถหายได้
    • ใช้ยาเม็ดที่ 1 คือ ดื่มน้ำสมุนไพรปรับสมดุล และน้ำสมุนไพรในตัว (ปัสสาวะ) เพื่อเพิ่มเม็ดเลือด หรือต้มน้ำสาบเสือ นำมาดื่ม
    • ใช้ยาเม็ดที่ 3 คือ การสวนล้างลำไส้ใหญ่ทางช่องทวารหนัก และการสวนล้างช่องคลอด เพื่อระบายพิษทั้ง 2 ทาง หากยังกลัวการสวนล้างช่องคลอด ก็สามารถสวนทางทวารหนักไปก่อน และทำเม็ดอื่น ๆ ไป
    • ใช้ยาเม็ดที่ 4 คือ ต้มน้ำสาบเสือ นำมา “แช่สะโพก”
    • ใช้ยาเม็ดที่ 7 คือ การงดรับประทานเนื้อสัตว์ และชัดเจนที่ไม่ชังในการรับประทานอาหารพืช จืด สบาย โดยสามารถเก็บประโยชน์ได้ ปฏิบัติมาถูกทางแล้ว เพราะอาหารรสจัด จะทำให้ร่างกายมีก๊าซ หากระบายไม่ออก ก็จะมีอาการเกร็งค้าง
    • หากต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ให้คนในครอบครัว ก็ทำด้วย “ความเต็มใจ” เพราะชัดว่าพวกเขายังต้องกินตามฐานของตนเอง
    • การช่วยเหลือผู้อื่นที่ดีที่สุด คือ การช่วยตัวเองให้ “รอด”
    • ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ “ไพ่” การที่เราอยากดูไพ่ เนื่องจากเรามีกิเลส “อยากรู้” ซึ่งการดูไพ่จะยิ่งทำให้มีความกลัวกังวลกันมากขึ้นไปอีก เพราะจะมีการโดนทักเรื่องนั้นเรื่องนี้ ให้เราเลือกเก็บฟังในสิ่งที่สบายใจ แม้แต่ความคิดของเราเอง ก็ยังทำให้เราสบายใจหรือไม่สบายใจได้เหมือนกัน จึงไม่จำเป็นต้องฟังผู้อื่น
    • จิตอาสาที่เคยเรียน “การเป็นหมอดูไพ่” เล่าว่าสิ่งนี้เป็น “บาป” เพราะสร้างทุกข์ให้กับผู้ที่มาขอคำปรึกษา ส่วนใหญ่จะต้องทักว่าจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำให้ผู้ฟังมีจิตกังวลและความไม่สบายใจ ให้เชื่อชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ “ตัวเรา” ทำใจผ่องใส ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
    • ตัวจริงของ “พญายมราช” คือ วิบากดีร้าย ความกลัวกังวล ความขี้ขลาดที่ทำให้ตนเองไม่กล้าทุกอย่าง หลอกลวงให้เรากลัวทุกอย่าง แม้กระทั่งไม่กล้าถาม สุดท้ายจะไปกลัวการไม่มีชีวิตอยู่ กลัวตาย จนยิ่งส่งผลให้ร่างกายเกร็งค้าง เป็นพิษมากกว่าเดิม คนที่เป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็งก็ต้องจบชีวิตทั้งนั้น ทุกคนอย่างไรก็ต้อง “จบชีวิต” กิเลสเพียงหลอกให้เรากลัวกังวลตลอดเวลา ทุกครั้งที่มีความกลัวมากระตุ้น จะมีพญายมราชมา “เตือนผ่านการเลือดออก” จนทำให้คิดกังวลต่าง ๆ นานา ทับถมจนกลัวตายมากขึ้น “ความกลัว” คือ “การผิดศีล”
    • ลองกล้าให้ “ยอมตาย” ไปเลย กล้าเอาชนะความกลัวจากความคิดของตนเองให้ได้ในทุกขณะ “ความกล้า” คือ “การถูกศีล” และทำให้ใจสงบ กลัวไม่ได้ตามที่อยาก พิจารณาทุกข์โทษภัยในการรับประทานอาหาร ซึ่งเชื่อมโยงกับความกลัวกังวลของตนเอง
    • การที่สามารถตรวจสอบตนเองได้ ถือว่าผู้ถาม “ผ่านแล้ว” โดยตรวจสอบอย่างแรก คือ หากว่าอาการร่างกายที่ดีขึ้น แสดงว่าปฏิบัติไปแล้ว ถือว่าได้ “กำไร” ก็สามารถเชื่อชัดแล้ว ว่ามันดีขึ้นตามจริง ต่อมาให้ตรวจสอบ “ศีล” ดังนี้ โชคชั้นที่ 1 คือ รู้จักศีล / โชคชั้นที่ 2 คือ ร่างกายแข็งแรง อายุยืน / โชคชั้นที่ 3 คือ หายทุกโรค แต่ถึงมีโรคก็จะมีอายุยืนยาวมากที่สุดเท่าทำได้
    • “การตั้งศีล” ทำให้ใจสงบส่วนหนึ่ง เพียรคอยดูอาการที่ไม่ได้ดั่งใจ ดีมากที่ผู้ตามสามารถจับอาการของตนเองได้ ให้ดูอาการตามความเป็นจริง อย่าดูอาการที่ยังไม่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจับอาการที่ดีขึ้นกว่าในอดีต และดูอาการ “ความกลัว” ที่เกิดขึ้น
    • “การเป็นโรค” กลายเป็นว่า ทำให้ได้สิ่งที่ดีให้กับชีวิต เพราะได้สามารถเรียนรู้ฝึก ในการจับอาการของตนเองได้ดีขึ้น กลัวตายน้อยลง เพราะเชื่อชัดในกรรม
    • สามารถตั้งศีลได้ “ทุกเวลา” ทุกวินาที และพิจารณาทุกข์โทษภัยของกิเลส หรือพิจารณาเอาประโยชน์ก็ได้
    • แพทย์วิถีธรรมจะไม่มีการบังคับใคร สำคัญที่ต้อง “ศรัทธา” ด้วยตนเอง
    • ไม่ต้องกลัว “การทดลอง” เพราะการทดลองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่เป็นการพัฒนา หาก “ไม่สำเร็จ” ก็ไม่ได้หมายถึงว่า “เราล้มเหลว”
    • เชื่อมั่นและกล้าในการปรับสมดุลร้อนเย็น และเมื่อสบายใจแล้ว ร่างกายก็คลายตัว
    • “การทำใจในใจ” และปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าตรัสได้ หมดอยากในปัจจุบัน ทำอย่างไรก็ได้ให้เรา “ใจสงบ” ความกลัวไม่เคยทำให้ใจสงบ เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม เห็นด้วยปัญญา ต้องฟังธรรมจึงจะพ้นทุกข์
    • “อ่านทบทวนธรรรม” ก่อนนอน เพราะจะมีความยึดมั่นถือมั่นมากมาย ทำให้หลับสบาย
    • พากเพียรเข้ามา “รับฟังหมู่กลุ่ม” โดยเข้ามาฟัง “รายการสายด่วน สุขภาพพึ่งตนวิถีธรรมวิถีไทย” ทุกวัน ทำไปปรับไป หากสงสัยอะไร ก็สามารถเข้ามาสอบถามได้

[คลิกเพื่อชมคลิปวิดีโอ]


คำถามที่ 2 : เวลากดจุดเส้นลมปราณ รู้สึกสบายตัว แต่บางครั้งจะมีอาการ “เจ็บแปลบ” ควรกดต่อหรือไม่?

คำแนะนำจากจิตอาสา :

    • อาจเผลอกดเส้นประสาท แนะนำให้กดเลื่อนมาอีกเส้นหนึ่ง แต่ไม่มีผลร้ายหรืออันตรายอะไร
    • หากกดจุดแล้ว ยังรู้สึกสบายตัว ก็สามารถกดต่อไปได้เลย

[คลิกเพื่อชมคลิปวิดีโอ]

สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ หากผู้ป่วยท่านใดยังไม่ศรัทธา ให้แนะนำเท่าที่ทำได้ ใช้เฉพาะยาเม็ดที่สบายใจ บางท่านอาจถูกกับแพทย์แต่ละศาสตร์ไม่เหมือนกัน  เมื่อเปลี่ยนจิตใจได้ ก็เหมือนมี “ชีวิตใหม่” ใน “ร่างเดิม” ทุกท่านสามารถเข้ามาคุยกันได้ทุกเมื่อ เมื่ออยู่คนเดียว ก็จะสู้เพียงคนเดียว แต่การได้เข้ามาพูดคุยกับหมู่มิตรดี จะเป็นการรวมพลัง บางครั้งเราเข้าใจไปเองว่า “การเข้ามาสอบถาม” อาจเหมือนเป็นการให้ผู้อื่นช่วยเหลือเรา แต่กลับกลายเป็นว่า เราได้เป็น “หัวขบวน” ให้พี่น้องทุกท่านมาร่วม “ตั้งศีล” ไปด้วยกัน

รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง

Tags:

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *