“สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” – 17 พ.ย. 64

รายการ “สายด่วน สุขภาพพึ่งตนวิถีธรรมวิถีไทย”
ช่วง ถามตอบ ปัญหาสุขภาพ
ตามหลักการแพทย์วิถีธรรม
โดย กลุ่มแพทย์แผนไทยวิถีธรรม ค้ำจุนโลก
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564
เวลา 15.00 – 17.30 น.

ประเด็นเด่นจากรายการ

    • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 4 ไวรัสตับอักเสบซี รูมาตอยด์ กินไม่ได้ ไม่มีแรง หนักตัว ทำอย่างไรดี
    • เป็นมะเร็ง ดื่มน้ำและกินเนื้อมะพร้าวอ่อนได้ไหรือไม่?
    • สวนล้างลำไส้แล้ว ผายลมตลอด เพราะอะไร?
    • รูมาตอยด์ ใช้ยามา 10 ปี ไม่อยากกลับไปใช้ยา ขอคำแนะนำ
    • ในบ้านมีแต่ฟ้าทะลายโจร ทำอะไรได้บ้าง?
    • เป็นโรคไต ระยะ 5 ภาวะ ร้อนเย็นพันกัน เป็นอย่างไร?

[คลิกเพื่อชมคลิปวีดีโอฉบับเต็ม]

วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมทั่วโลก และชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 120 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณกมลชนก ทุมวงษ์ (แหม่ม) และคุณปัทมา ลีฬหาวงศ์ (หมู)

รายการสายด่วนสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรมวิถีไทย เริ่มต้นรายการด้วยธรรมะเพื่อความผาสุก คือ การอ่านบททบทวนธรรมยาเม็ดที่ 8 ข้อ 153 – 165 [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม]


“ช่วงแบ่งปันความประทับใจในบททบทวนธรรม ที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อดับทุกข์ใจ”

บททบทวนธรรม ข้อที่ 163 “ อาหารเป็นหนึ่งในโลก สิ่งสำคัญในชีวิต คือ อาหาร ได้แก่ สมุนไพร ผลไม้ ผักสด ผักลวก ข้าว เกลือ ถั่วหลากหลายชนิด ธัญพืชรสมัน ทำให้แข็งแรง สบาย เบาท้อง มีกำลัง อิ่มนาน สิ่งสำคัญมีเพียงเท่านี้ แล้วจะโลภจะโง่ไปทำไม”

ในอดีต ตนเองยอมรับว่าตนเองโง่ โง่มานาน เวลารับประทานอาหาร ก็จะต้องมีเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะต้มหรือเมนูอะไร ก็จะมีเนื้อสัตว์ที่มาทำเป็นน้ำซุปและผลที่ได้รับก็คือ ตนเองป่วยและมีภาวะเรื่องไทรอยด์ ตอนนี้ก็ยังไม่มีความรู้เรื่องอาหารฤทธิ์ร้อน-เย็น พอดีเมื่อวานได้ฟังท่านอาจารย์หมอเขียวบรรยายเรื่องอาหารฤทธิ์ร้อน-เย็น ก็เลยรู้สึกว่าตนเองนั้นได้รับประทานอาหารผิดมาโดยตลอด ตนเองมักจะรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์ นม ไข่ ของทอดของมัน ของหวานและเมนูกะทิ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นฤทธิ์ร้อนหมดเลย ตอนนั้นเข้าใจว่าตนเองทานอาหารถูกต้องแล้ว ถ้ามองกลับไป ณ ตอนนั้น ก็รู้สึกสงสารตนเอง พอตนเองทานอาหารพวกนี้เข้าไป ก็ไปส่งผลให้ค่าไทรอยด์ขึ้น มีอาการร้อนข้างใน เหงื่อออกมาก และต้องไปอาบน้ำ หรือไม่ก็พยายามอยู่ในสถานที่เย็น ๆ บ้าง กินน้ำแข็งบ้าง แต่อาการมันก็ไม่ดีขึ้น พอหลังจากได้เข้ามาในแพทย์วิถีธรรม ตนเองได้มาลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ ตอนนี้ก็เลิกมาได้เกือบ 1 ปีแล้ว ตอนนี้ตนเองก็ได้เข้าใจเรื่องอาหารฤทธิ์ร้อน-เย็นว่ามีอะไรบ้าง และได้ใช้หลักยา 9 เม็ด ส่วนพวกเรื่องพวกผลไม้ ผักสด ผักลวก ถั่วและอาหารปรับสมดุลต่าง ๆ ตนเองก็ได้ศึกษาจากคุรุและจิตอาสาที่ท่านได้มาทำอาหารให้ดู ผลที่ได้รับคือ ค่าไทรอยด์ต่ำลง และสภาพร่างกายกลับมาปกติ ที่สำคัญที่สุดคือได้ใช้ยาเม็ดที่ 3 การสวนล้างลำไส้ พอได้ทำแล้ว ตนเองรู้สึกว่าร่างกายโล่งมาก เบาท้อง เบาสบาย มีกำลัง ต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียว ที่ทำให้ตนเองได้ชีวิตใหม่ มีสุขภาพดีขึ้น

บททบทวนธรรม ข้อที่ 161 “ชีวิต…ต้องฝึกให้อยู่อย่างประหยัดเรียบง่ายให้ได้ ประหยัด คือกินน้อยใช้น้อยในขีดที่แข็งแรงที่สุด ไม่ทรมานตน ไม่เสียหาย จำเป็นจึงใช้ ไม่จำเป็นไม่ใช้ เป็นประโยชน์จึงใช้ เป็นโทษไม่ใช้ เพื่อก้าวไปสู่…ชีวิตที่พอเพียงเรียบง่าย ร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่ดีงาม จิตใจที่เป็นสุข”

ตั้งแต่ได้เข้ามาแพทย์วิถีธรรม ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย อะไรที่เคยฟุ่มเฟือย ตอนนี้ก็รู้จักประหยัดขึ้น และเลิกใช้สิ่งสวยงามต่าง ๆ เครื่องสำอางแพง ๆ และไม่คิดที่จะอยากได้อะไรแล้ว ตนเองได้ใช้ยา 9 เม็ด ได้ปลูกพืช ผัก ซึ่งมีน้องจิตอาสาก็ได้ส่งเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ มาให้ตนเองตั้งแต่เข้ามาใหม่ ๆ เลย ตอนนี้พืชผักก็กำลังเติบโต ถึงจะปลูกได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตนเองก็เพิ่งเริ่มหัดทำ โดยสมัยก่อนที่ทำงานรับราชการมา ก็ไม่เคยได้ทำอะไรเกี่ยวกับกสิกรรมเลย ก็เลยคิดว่าบททบทวนธรรมนี้ตรงกับตนเองที่สุด ก็เลยอยากแชร์ เพราะว่าพอตนเองได้มาทำตามหลักแพทย์วิถีธรรมแล้ว สภาพจิตใจของตนเองก็มีความสุข ทำด้วยใจที่ไร้ทุกข์ และใจที่ดีงาม

บททบทวนธรรม ข้อที่ 153 “มาเป็นหมอดูแลตัวเองกันเถอะ”

ที่ตนเองชอบข้อนี้ก็เพราะว่า หากพี่น้องประชาชนทุกคนรู้จักดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีโรคระบาด ก็จะทำให้ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยประหยัดงบประมาณของภาครัฐด้วย ซึ่งเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง

ตนเองอายุ 50 ปี อาศัยอยู่จังหวัดนครพนม ตนเองได้ตั้งศีลกับหมู่มิตรว่าจะเลิกกาแฟ จนถึงขณะนี้ ก็ยังมีอาการปวดศีรษะอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตนเองได้ตรวจดูเวทนาทางใจดูแล้วว่า ตนเองไม่มีความทุกข์ แต่ก็ยังความคิดแว๊บ ๆ บ้างว่า “เราปวดหัว จะกลับดื่มอีกดีไหม” ก็อยากจะทดสอบดูว่า ถ้าตนเองกลับไปดื่มแล้ว จะหายปวดศีรษะไหม? แต่ก็บอกตนเองว่า “ไม่เอาดีกว่า เพราะเราตั้งศีลแล้ว” พอปวดศีรษะอีก ตนเองก็ได้ทำการกัวซาไป บังเอิญว่าวันนี้เป็นวันที่ 2 ของประจำเดือน ตนเองก็สงสัยว่า ที่ปวดศีรษะนั้นเกิดจากเพราะกาแฟ หรือเกิดเพราะประจำเดือนกันแน่? แต่ก็ทำใจว่า “ไม่เป็นไร เรามาเป็นหมอดูแลตนเองกันเถอะ” ปกติตนเองก็เป็นหมอแพทย์แผนไทยอยู่แล้ว ก็ได้ช่วยดูแลคนอื่นมาเยอะ ด้วยความที่ตนเองยังโง่อยู่ โง่ที่หลอกตนเองเรื่องกาแฟมาตั้งนาน ตอนนี้ตนเองก็ตั้งใจจะตั้งศีลเลิกกาแฟให้ได้ในช่วงจบค่ายพระไตรปิฎกถึงจะมีอาการปวดศีรษะ แต่ตนเองก็จะทำใจไร้ทุกข์ และรู้ว่าตนเองสามารถหาวิธีแก้อาการได้ด้วยหลักยา 9 เม็ด

บททบทวนธรรม ข้อที่ 156 “กิเลส โลภโกรธหลง เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่วงการสุขภาพส่วนใหญ่ไม่รู้”

กิเลสเนี่ยมันจิปาถะมากมาย เวลาเราอยู่ในโลกนี้ เราจะหลงใหลไปกับกิเลส สมัยก่อนตนเองก็เป็นคนโลภ อยากมีบ้าน มีรถ มีที่ดิน อยากมีอะไรที่เหมือนเพื่อน ตอนนั้นตนเองก็ยังคิดไม่ได้ และไม่รู้ว่าสิ่งที่เราต้องการมีเพียงปัจจัย 4 คือ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค สิ่งนี้ทำให้ตนเองเป็นแรงเหนี่ยวนำให้ลูกหลานทำตาม ตนเองก็เคยไปสะสมสมบัติซะมากมาย ยิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทุกข์เท่านั้น ตอนนั้นตนเองก็ยังหลง หลงไปกับคนโลก ๆ เหมือนโรคติดต่อที่ร้ายแรง และวงการสุขภาพก็ไม่รู้ เพราะเวลาตนเองไปหาหมอ หมอจะบอกว่า “ป้าต้องกินเนื้อ นม ไข่นะ อายุเยอะ ๆ แบบนี้” หมอก็จะต้องให้เราทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เพราะหมอบอกเรา เราก็เลยทำตาม และเราก็ไปหลงใหลรสชาติอาหารตรงนั้น เป็นอย่างนี้มานานแสนนาน กว่าตนเองจะกลับลำได้ พอตนเองได้มาเจอท่านอาจารย์หมอเขียว ตนเองก็ได้มากลับตัว ความโลภเนี่ย! เราก็เอาออกเสีย เราเอาไปบำเพ็ญช่วยเหลือผู้อื่น พอตนเองมาปฏิบัติแบบกลับหัวแบบนี้ อะไร ๆ ก็เบาบางลง ส่วนหมอท่านก็รู้เท่าที่ท่านรู้ ตนเองก็ไม่ได้ไปว่าอะไรท่าน ตนเองโชคดีที่ได้มาอยู่กับหมู่มิตร และสัตบุรุษที่ดี ขอขอบคุณท่านอาจารย์หมอเขียว

บททบทวนธรรม ข้อที่ 161 “ชีวิต…ต้องฝึกให้อยู่อย่างประหยัดเรียบง่ายให้ได้ ประหยัด คือกินน้อยใช้น้อยในขีดที่แข็งแรงที่สุด ไม่ทรมานตน ไม่เสียหาย จำเป็นจึงใช้ ไม่จำเป็นไม่ใช้ เป็นประโยชน์จึงใช้ เป็นโทษไม่ใช้ เพื่อก้าวไปสู่…ชีวิตที่พอเพียงเรียบง่าย ร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่ดีงาม จิตใจที่เป็นสุข”

สมัยก่อน ปกติตนเองเป็นคนที่รับประทานอะไรตามที่ชอบ โดยเฉพาะผลไม้รสหวาน จะชอบมากเลย ก็กินจนเกินพิกัด เลยมารู้ว่า มันไม่ใช่ของดีเสมอไป ตนเองก็พยายามลด ละ เลิก คือกินแต่น้อย ๆ แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่า “แค่ไหนคือความพอดี?” ตอนนี้ในแต่ละวัน ก็จะพยายามไม่กินขนมหวาน น้ำตาล ส่วนเรื่องการซื้อของ ตนเองเป็นคนชอบซื้อของมาเก็บไว้ โดยเฉพาะเครื่องครัวสแตนเลส ซื้อมาไว้มากมาย แต่ก็ไม่ได้ใช้หมดทุกชิ้น ลูกของตนเองก็บอกว่า “ทำไมแม่ซื้อเยอะจัง ไม่ลด ละ เลิกบ้าง” ตนเองก็ได้มานั่งทบทวนว่า “เออใช่ ลูกก็พูดถูก”

อีกข้อนึงคือ บททบทวนธรรม ข้อที่ 165 “คุณค่าและความผาสุกของชีวิต คือ ชีวิตที่พอเพียงเรียบง่าย ร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่ดีงาม จิตใจที่เป็นสุข สาธุ”

ตนเองก็มีเป้าหมายในชีวิตแบบในบททวนธรรมข้อนี้จริง ๆ


“ช่วงถาม-ตอบปัญหาสดในรายการ”

คำถามที่ 1 : เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 4 อายุ 47 ปี ทำคีโม ฉายแสงแล้ว เป็นมาแล้ว 2 ปี รวมถึงเป็นไวรัสตับอักเสบซี และรูมาตอยด์ด้วย ช่วงนี้รับประทานข้าวไม่ได้ ไม่มีแรง หนักตัว มือเท้าชา ผอมลงเยอะ ไม่รู้รสชาติอาหาร ได้รับประทานอาหารปั่นแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผักไชยา แต่พอรับประทานก็อาเจียนออก มีอาการพะอืดพะอมตลอด ตนเองเป็นลูกกำพร้า ส่วนคุณแม่อุปถัมภ์ก็มานอนติดเตียงอีก มีภาวะความเครียด เพราะมาป่วยพร้อมกันเลย อยากขอคำแนะนำ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 1: 

    • ขออนุโมทนาในความขยันของท่าน ที่จะมาเป็นหมอดูแลตนเอง เห็นท่านสามารถทำได้มาเป็นลำดับ ๆ และมีความก้าวหน้าเลยนะ เราได้ลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ ได้มาทำตามพระพุทธเจ้า ได้มาทำตามอาจารย์หมอเขียว ทำตามหมู่มิตรดีที่ช่วยแนะนำเติมเต็มกัน และเราก็ทำตามฐานของเราที่เราทำได้ และนี่ก็ดีที่สุดเท่าที่มันเป็นไปได้แล้ว ที่เหลือเราก็ทำในส่วนของภายนอกให้ดีมากขึ้นในเรื่องของร่างกาย และทำใจให้มันเข้มแข็ง ทำใจให้ไม่กลัว ไม่หวั่นไหว ถ้าเรามีกำลังเต็มเลยนะ แต่ใจของเรามีความหวั่นไหวหลาย ๆ เรื่อง เทียบกับตอนที่เรามีรูปร่างผอม แต่เราไม่กลัว เราจะเลือกอันไหนล่ะ?
    • ท่านเป็นคนมีปัญญานะ ที่ท่านได้กล้าทำมาหลาย ๆ เรื่อง และให้ท่านปรับสมดุลร้อน-เย็น ให้ท่านกล้าทำ ให้ยินดีทำ และหมั่นทบทวนธรรม ฟังธรรม ไม่ใช่ทุกชีวิตนะ ที่จะได้มาฟังธรรม และมีคนให้เรามารู้จริง ให้ได้เห็นผลจริง ให้เราได้มาเจอหมู่มิตรดีอย่างนี้ และให้เราไปฝึกฝนเท่าที่ได้ เพราะสุดท้ายทุกคนก็ต้องตายอยู่แล้ว ต้องดับไปอยู่แล้ว ต้องเปลี่ยนร่างอยู่แล้ว แต่ในโอกาสที่เรายังมีชีวิตเหลืออยู่นี่แหละ ที่จะใช้ร่างกายนี้มาทำประโยชน์ตน คือ ทำความผาสุก ล้างความกลัวไปให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และก็เป็นองค์ประกอบที่จะทำให้เราบรรลุธรรม ที่ท่านถามว่าทำไม? ทำไม? ตอนนี้ท่านก็ได้รู้แล้วว่า เราทำมา ทำมา เพราะเราทำมามากกว่านั้น เราทำมายาวนาน เราไปเบียดเบียนชีวิตใครมา ให้เขาพลัดพรากจากพ่อแม่ของเขามา ให้พ่อแม่ของเขาโดนขังหรือโดนเชือด และที่เราเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ชีวิตอื่นต้องทุกข์ทรมานมา เราฟังกิเลสมายาวนาน ที่เหลือ ให้เรามาฟังพุทธะให้มันมากขึ้น ๆ ถ่ายพลังอวิชชาและอกุศลออกไป ถ่ายพลังที่เราไม่รู้การทำสมดุลร้อนเย็น และที่เราไม่ได้ฟังธรรมออกไปเป็นลำดับ ๆ แต่มันต้องใช้เวลา ที่เรายังลังเลสงสัย ก็คือส่วนที่เหลือของกิเลสของเรา ที่มาบัง ที่ทำให้เรากังวล หวั่นไหว และทำให้เรายังไม่กล้าอยู่ ให้เราพากเพียรล้างกิเลสของเราด้วย มีผัสสะเมื่อไหร่ ให้เรากล้ารับ ให้ท่านลองมาพิสูจน์ตรงนี้แหละ
    • กล้าที่จะผอม กล้าที่ไม่มีกำลัง ให้มันอยู่เท่าไหร่ก็อยู่ไป ความกล้าจะทำให้กล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวบีบออก มันจะอ้วน จะผอมก็ได้ ความผอมมันไม่ใช่สาระสำคัญหรอก ให้ท่านมาเติมปัญญากับหมู่มิตรดีทุกวัน และใส่สัญญาและข้อมูลเติมเต็มใหม่ ๆ ว่า “เราโชคดีอีกแล้ว ร้ายหมดไปอีกแล้ว” ลองใช้คาถานี้ดูนะ เราก็ต้องใช้วิบากในส่วนที่เราเคยทำผิดศีลมา และให้เราใช้ญาณ 7 พระโสดาบัน ให้เราสำนึกผิดทุกครั้งเท่าที่เราทำได้ เวลาที่เรามีอาการเจ็บป่วย หรือสภาพที่ไม่น่าได้ ไม่น่าเป็น ไม่น่ามี ให้รู้ว่าทุกอย่างเกิดจากการผิดศีลทั้งหมด ให้เราชัด กล้าทำ กล้ารับ พอเราทำใจได้แบบนี้มากเท่าไหร่ มันก็สบายเท่านั้น ตอนนี้เราก็ตั้งศีล หรือลดอะไรก็ได้เท่าที่เราทำได้อีก เราก็ทำอย่างนี้ไปเป็นระยะ ๆ และก็ทำอย่างตั้งมั่นยิ่งขึ้น ๆ มันก็มีแต่ประโยชน์และสิ่งที่ดีงามยิ่งขึ้น ๆ เท่านั้นแหละ ตนเองเชื่อมั่นว่า อาการของท่านก็จะเบาไปเองนะ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 2:

    • อาการชาต่าง ๆ มาจากเซลล์ที่โดนเผามา ให้เราใช้หลักยา 9 เม็ด ให้ทำใจว่า กล้าให้ดีเกิด ตอนนี้ความร้อนจากการเผานั้นก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย จากที่ตนเองได้เคยดูแลญาติที่ไปทำคีโม ฉายแสงมานั้น กว่าที่เซลล์มันจะฟื้น ก็ต้องใช้เวลานาน แต่ท่านได้มาเจอแพทย์วิถีธรรมนั้น ท่านเดินมาถูกทางแล้ว ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ร่างกายมันก็จะค่อย ๆ ฟื้น ช่วงนี้หากรับประทานอะไรไม่ค่อยได้ ถ้าหิว ให้ท่านดื่มน้ำสมุนไพรในตัว ตนเองรู้สึกว่าดื่มแล้ว ก็ทำให้อิ่มได้นะ และทดแทนเวลาหิวได้เลย
    • แนะนำให้ทำการสวนล้างลำไส้ และให้สังเกตว่าอาการดีขึ้นไหม
    • ให้ท่านกล้าที่จะเข้ามาคบกับหมู่มิตรดี ทำใจให้เข้มแข็งไว้ เพราะใจของเรานั้นเป็นใหญ่ กล้าให้วิบากร้ายนั้นเข้ามาบ้าง ในบางครั้งบางคราว

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 3: 

    • ตนเองเคยมีอาการปากไม่รู้รสชาติ และจมูกไม่ได้กลิ่นมา 2 ปี เช่นกัน สิ่งหนึ่งที่ตนเองทำได้ตอนนั้นเลย ก็คือ เรื่องใจ ให้เราทำใจว่า ไม่ได้กลิ่น ก็ไม่เป็นไร
    • เวลาเรารับประทานอาหาร ก็ให้เรารู้ว่าเรารับประทานอาหารเป็นยา เพื่อรักษาโรค
    • ให้ทำการกัวซาบริเวณคอไปเรื่อย ๆ และไม่เร่งผลว่าจะหายเมื่อไหร่
    • การดื่มน้ำน้อย จะทำให้เราคลื่นไส้ ให้ดื่มให้เยอะขึ้น และให้ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นแบบเจือจาง เพราะถ้าดื่มแบบเข้มมากเกินไป อาจจะทำให้คลื่นไส้
    • ทำใจคิดว่า เราจะมีแรงก็ได้ ไม่มีแรงก็ได้ การปรับสมดุลต่าง ๆ ก็ให้เราทำได้เท่าที่เราทำ ทำแล้ว ให้เราวางใจว่า มันจะหายเมื่อไหร่ก็ได้ หากเรามีใจที่จะอยากมีแรงนั้น ความอยากจะทำให้กินพลัง ยิ่งอยากเท่าไหร่ แรงมันยิ่งตก ตัวก็ยิ่งหนัก
    • หากรับประทานอาหารปั่นแล้ว รู้สึกไม่สบาย ให้ลงปั่นอาหารทีละชนิดดู และเวลารับประทานอาหาร ให้ท่านดูใจว่า ท่านมีความกลัวหรือไม่ หากเรารับประทานอะไรด้วยความกลัวเนี่ย! พอรับประทานอะไรลงไป ก็ยิ่งทำให้อาเจียนออก และทำให้ไม่สบายตัว
    • อาการหนักตัวไม่ได้เกิดจากภาวะร้อนเกินอย่างเดียว อาจจะเกิดจากอาการเครียดด้วย อาจจะเกิดการความคิดที่กลัวนั่นกลัวนี่ เวลาที่มีอาการหนักตัว ให้เราตรวจสอบความคิดว่า ตอนนี้เราคิดอะไรอยู่
    • ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และไม่กลัวนะ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 4: 

    • อยากให้ท่านเข้าใจในภาวะปกติของคนที่้เป็นมะเร็งระยะที่ 4 นั้นคือ ตอนนี้ท่านมีพิษอยู่เต็มในร่างกาย ไม่มีพื้นที่ที่จะใส่พิษแล้ว ทีนี้ร่างกายของเรา เขาจะมีความวิเศษคือ ร่างกายจะทำการดันพิษออกโดยอัตโนมัติ และดันออกอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้ที่ท่านรับประทานอะไรไม่ได้เนี่ย เพราะว่ากลไกของร่างกายนั้น เขาต้องการจะเอาพิษออก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรับอะไรเข้าไป อันนี้ให้เข้าใจธรรมชาติของร่างกายนะ เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องทุกข์ใจในเรื่องนี้นะ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดแรง ไม่ต้องกลัวว่าจะตาย ฟังจากน้ำเสียงของท่าน รู้เลยว่า ท่านไม่ได้ตายง่าย ๆ
    • พลังชีวิตของท่านยังเยอะอยู่ ก็ขอให้ทำใจให้สบายให้ได้ เบิกบานให้ได้ และไม่อยากให้ท่านไปคิดมากเรื่องที่ญาติของท่านที่ป่วยติดเตียง หรือเรื่งที่ป่วยกันทั้งคู่ และต้องมาดูแลกัน อันนั้นคือเหตุการณ์ เหตุการณ์มันจะเลวร้ายแค่ไหน ถ้าเราทำใจของเราให้ไม่ทุกข์ได้เนี่ย มันจะเป็นบุญกุศลเยอะนะ
    • ท่านไม่ต้องไปทุกข์ เพราะแต่ละคนก็มีวิบากกรรมของตัวเอง ญาติของท่านก็มีวิบากกรรมของท่าน ญาติก็มาป่วยในขณะที่ท่านเองก็ป่วยด้วย มันก็เป็นวิบากกรรมกันมาน่ะ
      เพราะฉะนั้น เราก็เต็มใจรับ มันอาจจะลำบากหน่อย แต่ขอให้อดทน แต่มันคงจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้
    • นอกจากทำใจไม่ให้ทุกข์แล้ว ท่านจะต้องทำการถอนพิษออกจากร่างกายให้ทัน ท่านต้องช่วยร่างกายของท่านอย่างเต็มที่นะ ก็คือ ถ้าท่านสามารถปฏิบัติยาเม็ดไหนได้ ให้ท่านทำเลยนะ
    • ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น หรือปรับอาหาร มะเร็งระยะ 4 ขนาดนี้ต้องรับประทานสูตร 1 (อาหารธรรมชาติล้วน ๆ สูตรมารสยอง สูตรพลังพุทธ) ทานข้าวแบบไม่มีกับข้าว หรือรับประทานข้าวกับเกลือไปเลย รับประทานแบบนี้ให้ได้เป็นประจำ ทำให้มันเป็นปกติ ลองฝืนทานดูสัก 3 – 4 วัน ท่านจะเริ่มชินกับอาหารแบบนี้นะ ท่านจะเริ่มรับประทานข้าวเปล่าอร่อยขึ้น ลองเคี้ยวข้าวเปล่าดู เคี้ยวไป ข้าวมันจะออกรสหวาน แป้งก็จะกลายเป็นน้ำตาล ก็คือ รสอร่อยไม่ได้ไปไหนเลย ท่านไม่ต้องกังวลเลย
    • ให้เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ให้รับประทานถั่วเขียว ถั่วเขียวซีก หรือถั่วลิสง อย่างน้อยให้รับประทานวันละ 1 – 2 ช้อน เพราะว่าร่างกายของเราต้องการโปรตีนเพื่อเอาไปสร้างเซลล์ที่สึกหรอจากมะเร็งที่ทำลายเซลล์ของเรา ร่างกายของเราขาดโปรตีนไม่ได้
    • หากฟันของท่านไม่ดี ให้ใช้เครื่องบดหรือเครื่องปั่นเลย หรือตำเอาก็ได้ ให้ต้มถั่วให้สุก แล้วใช้ครกตำเลย และเอาเกลือโรยเล็กน้อย รับรองว่ารสอร่อยไม่ไปไหน เพราะเรากินแบบธรรมชาติ
    • หลังจากนี้ พอเรากลับไปรับประทานอาหารรสจัด เราจะทานไม่ได้หรอก เพราะร่างกายของเราจะปรับการรับอาหาร ประสาทการรับรสต่าง ๆ ของเราก็จะดีขึ้น ร่างกายของเราจะค่อย ๆ ฟื้น
    • ให้รับประทานผักให้มากที่สุด ทานอาหารธรรมชาติให้มากที่สุด ให้พลังจากผักเข้าไปทดแทนภายในที่ร่างกายของเรามันร้อน ถ้าเราทานผักไม่พอ ร่างกายก็จะดับร้อนและปรับสมดุลได้ยากนะ พยายามใส่พลังเย็นให้ได้เยอะ ๆ จะทานผักสด หรือช่วงหน้าหนาวก็ทานผักลวก จะนำไปปั่นก็ได้ จะทำให้ทานได้ง่าย ทานได้เยอะ เพราะโมเลกุลของเขา ร่างกายจะดูดซึมได้ง่าย ร่างกายก็จะสดชื่นและได้พลังในการดันพิษ
    • ให้ท่านทำเต็มที่ในการถอนพิษเท่าที่ทำได้ ให้แช่มือ-เท้า ด้วยน้ำอุ่นในกะละมัง หรือต้มน้ำสมุนไพรฤทธิ์ร้อน-เย็นที่หาได้ แล้วกรองกากออก จะใช้กล่องพลาสติกขนาดใหญ่ก็ได้ ที่ท่านสามารถแช่ได้ทั้งตัวและก็ประหยัดน้ำ แช่ในน้ำที่อุ่นกำลังดี เช็คโดยเอามือจุ่ม แช่แบบที่เรารู้สึกสบาย แต่อย่านานเกินไป เดี๋ยวจะหมดแรง ท่านสามารถแช่ได้ทุกวัน หากมีความรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว ก็สามารถแช่ได้เลย
    • ทำการสวนล้างลำไส้แบบชุดใหญ่ คือ เราทำหลายครั้งต่อกัน และเก็บน้ำสมุนไพรในตัวใส่ถังไว้ทั้งวัน เวลาทำ ให้นำน้ำสมุนไพรอุ่น ๆ มาผสม (น้ำอุ่นจะทำให้ขับพิษออกได้หมด) และเติมน้ำเปล่าเข้าไป ให้น้ำที่ผสมนั้นมีอุณหภูมิที่อุ่นพอดี (ท่านที่เพิ่งทำใหม่ ๆ อย่าเพิ่งยกขวดสูง ให้ยกขวดให้สูงไม่เกิน 1 เมตร น้ำจะได้ไหลเข้าทวารช้าหน่อย โดยไม่ต้องไปบีบสาย หากท่านทำอย่างมืออาชีพแล้ว ค่อยยกขวดให้สูงขึ้น) ให้ท่านทำทีละขวดนะ พอถ่ายออก ก็ให้ทำขวดใหม่ได้ เอาเท่าที่สบาย
    • ตอนทำอยูู่ ก็ให้นวดท้องตามแนวลำไส้ จากนั้นให้ท่านให้เวลาเต็มที่เลย ให้ท่านดูกำลังของตนเองด้วยนะ เช่น ทำการสวนล้างลำไส้ครั้งที่ 1 รู้สึกอย่างไร ทำครั้งที่ 2 รู้สึกอย่างไร ทำครั้งที่ 3 รู้สึกอย่างไร พอมาทำครั้งที่ 4 หากท่านรู้สึกไม่มีกำลังแล้ว ให้ท่านหยุดแค่นั้นพอ ร่างกายเขาจะบอกเราเองว่าเราควรหยุดเมื่ไหร่ ให้ท่านประมาณกำลังและความเบาสบายเป็นหลัก
    • ตอนนี้ร่างกายของเราดันพิษออกเต็มที่ เราก็ช่วยให้พิษมันออกทุกทางเลยเท่าที่ทำได้ การทำสวนล้างลำไส้เนี่ย มันจะทำโล่งหลายจุดเลยนะ มันจะทำให้โล่งไปทั้งตัวเลย
    • ให้หยอดหู หยอดตาด้วย หรือจะกัวซาโดยใช้ผ้า เวลาอาบน้ำ ทำตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเลย ให้นวด ๆ ศีรษะและใบหน้าด้วย หรือจะกัวซาด้วยผ้าขณะแช่ตัวด้วยก็ได้ ให้เช็ดไปตามทิศทางของเส้นลมปราณ
    • พอกตัวด้วยโคลน ผงถ่าน หรือดินสอพอง และผสมกับน้ำสกัดหรือน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น ให้พอกทาตามร่างกายแบบหนา ๆ หน่อย พอกทาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเลย
    • หากเราทำการถอนพิษยังไม่ถึงขั้น ร่างกายของเราก็ยังอ่อนแอ ถดถอย และเราก็ยิ่งทุกข์ พอเราทุกข์ ร่างกายก็จะทรุดเลยทีนี้ ในมะเร็งระยะ 4 เนี่ย ถ้าเราทุกข์ใจเนี่ย จะตายอย่างเร็ว จะไปอย่างเร็วเลยนะ
    • ให้ทำใจว่า ดีใจแล้วที่ได้มาเจอหมู่มิตรดี ให้มีกำลังใจว่าเราได้มีโอกาสได้มาพูดคุยกับครูบาอาจารย์
    • พี่น้องบางท่านที่มีอาการหนักกว่านี้ อาการของท่านก็มาหาย จากการดูแลตัวเองแบบนี้เยอะเลยนะ ท่านเป็นคนมีบุญนะเนี่ย ท่านยังสามารถมีชีวิตมาทำบุญกุศลร่วมกันอยู่ พอท่านกำลังทุกข์เรื่องป่วยอยู่ ก็มีคนมาบอกทางออกให้ทันทีเลย
    • ให้ท่านปฏิบัติศีล โดยปฏิบัติยา 9 เม็ดให้ต่อเนื่องเลย อันนี้ก็คือศีลประการหนึ่ง หากท่านทำอย่างต่อเนื่อง ขอให้เชื่อมั่นเลยว่า ท่านจะอาการดีวันดีคืน ให้ท่านมีกำลังใจสู้นะ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 5: 

    • อยากมาเป็นกำลังใจให้ท่านนะ ตนเองได้ฟังอาการของท่านแล้ว อยากแนะนำให้ท่านวางใจ ไม่เร่งผล ให้ทำที่เหตุนี่แหละ ให้ปฏิบัติตามยาเม็ดที่ 1 2 3 และ 4 เพื่อที่จะระบายพิษออกไป และเช็คตนเองว่า เราได้ถอนพิษออกไปได้ดีแล้วหรือยัง?
    • แต่ว่าท่านโชคดีนะที่รับประทานอาหารแล้ว ปากไม่รับรส สิ่งนี้จะทำให้เราไม่มีชอบ ไม่มีชัง และเราก็สามารถพิจารณาว่าสิ่งที่รับประทานเข้าไปนั้นเป็น “ยา” แม้ว่ารสชาติมันจะไม่ถูกปากของเราก็ตาม ให้เรารับประทานอาหารแบบธรรมชาติล้วน ๆ ไม่ต้องไปปรุงรสอะไรแล้ว ให้พิจารณาอาหารที่รับประทานนั้นเป็น “ยา” ได้เลย
    • เวลาดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น แนะนำให้ปรับอุณหภูมิของน้ำนิดนึง ที่เราดื่มเข้าไป แล้วรู้สึกมวนท้อง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่เราดื่มนั้น มันเย็นไป ให้ท่านลองเติมน้ำอุ่น ๆ ลงไป
    • ทำใจให้ไม่กังวล ไม่ว่าจะเรื่องภาระของพ่อแม่ หากพ่อแม่ท่านยังป่วยอยู่ ก็ให้ท่านรับประทานอาหารแบบสูตรสุขภาพที่เรารับประทานนี่แหละ พ่อแม่ท่านจะได้แข็งแรงขึ้น ตัวผู้ถามเอง แม้ว่าจะเป็นคนป่วย แต่ก็ยังสามารถดูแลคนอื่นได้เลย เหนือสิ่งอื่นใด ตัวผู้ถามเองก็ต้องดูแลตนเองด้วยนะ ให้ท่านทำใจไร้ทุกข์ อย่ากังวล เวลานี้แหละเป็นโอกาสที่ให้ท่านจะได้บำเพ็ญ กุศลที่เราบำเพ็ญนี้ จะทำให้เราแข็งแรง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นมะเร็งระยะที่ 4 แล้วก็ตาม
    • เรื่องกัวซา หากท่านทำแล้ว มีอาการเจ็บ มันจะทำให้ไม่ถอนพิษ นี่ทำให้เพิ่มพิษ เวลาท่านทำแล้ว ต้องรู้สึกสบาย หากท่านทำกัวซาที่แผ่นหลังไม่ได้ ให้ท่านทำกัวซาด้านหน้าของลำตัวเลย หรือจะใช้ผ้ามาเช็ดตัวก็ได้ นี่ก็คือการทำกัวซาเหมือนกัน ที่แผ่นหลัง เราก็ใช้มือสองข้างจับผ้า แล้วถูเอา ถูไปมา ท่านจะได้รู้สึกสบายขึ้น
    • เป็นกำลังใจให้ท่านสู้ ๆ นะ และอยากให้ท่านเข้ามาในห้องสายด่วนทุกวันเลย ตนเองชอบมากเลยที่ผู้ถามเข้ามารายงานตัว รายงานผลทุกวัน ทำอย่างนี้ดีแล้วนะ ท่านจะได้มีพลัง สาธุ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 6: 

    • หากท่านมีโอ่งหรือกะละมังใหญ่ ๆ ที่บ้าน ท่านสามารถนำมาใช้แช่ตัวได้นะ ขณะที่แช่ให้พอกผ้าชุบน้ำ แล้วโพกไว้บนศีรษะ การทำแบบนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นลงไปมามาก ๆ ท่านจะได้แช่ตัวได้ในระยะเวลาที่ยาวขึ้น

คำถามที่ 2 : ผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับประทานน้ำมะพร้าว เเละเนื้อมะพร้าวอ่อนได้ไหม?

คำแนะนำจากจิตอาสา: 

ท่านสามารถรับประทานได้ หากรับประทานแล้ว ท่านรู้สึกสบาย น้ำมะพร้าวเป็นฤทธิ์เย็นอยู่แล้ว บางครั้งถ้าเรารับประทานอาหารฤทธิ์เย็น แล้วเราอยากเสริมฤทธิ์ร้อนนิดหน่อย การรับประทานเนื้อมะพร้าวอ่อน ไม่ใช่มะพร้าวแก่ มันก็ไม่ถึงกับมีฤทธิ์ร้อนอะไรมากมาย เพราะเนื้อมะพร้าวไม่ได้ผ่านการคั่วด้วยไฟ เหมือนอย่างพวกมะพร้าวแห้ง ที่ใส่ในเมี่ยงคำ
แต่แนะนำให้ท่านสังเกตภาวะของร่างกายตนเอง ณ ปัจจุบันว่า มีภาวะอย่างไร หากมีภาวะร้อน ให้ท่านดื่มแต่น้ำมะพร้าวอย่างเดียวก็ได้


คำถามที่ 3 : แนะนำให้ผู้ป่วย ใช้ยาเม็ดที่ 3 โดยใช้น้ำสมุนไพรในตัว มีอาการคือ หลังทำการสวนล้างลำไส้แล้ว จะมีอาการผายลมออกมาตลอด ตอนนี้ยังรับประทานเนื้อสัตว์อยู่ ที่มีลมเป็นเพราะสาเหตุอะไร? และนี่คือภาวะปกติไหม?

คำแนะนำจากจิตอาสา:

    • อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตุของการสวนล้างลำไส้ก็ได้ ช่วงนั้นท่านอาจจะรับประทานผักสดเยอะ มันอาจจะทำให้มีลมในกระเพาะ
    • อยากให้ท่านวางใจ ไม่ต้องกังวล ให้ท่านจับอาการว่า หลังจากท่านทำการสวนล้างลำไส้แล้ว ท่านรู้สึกเบาตัวขึ้นไหม สบายขึ้นไหม
    • หรืออีกสาเหตุนึงคือ ท่านที่เพิ่งเริ่มหัดทำการสวนล้างลำไส้ใหม่ ๆ ท่านอาจจะไม่ทราบว่า มันมีลมค้างอยู่ในสายดีท๊อกซ์ด้วยหรือเปล่า ให้ท่านไล่ลมในสายออก โดยการปล่อยน้ำออกก่อนทำการสวนล้างลำไส้
    • ให้ท่านลองตรวจสอบดูว่า ร่างกายของท่านอาจต้องการเสริมด้วยอาหารฤทธิ์ร้อนหรือไม่ ให้ท่านลองหาสาเหตุดูนะ ให้เราแก้ที่เหตุ
    • ทางเราอาจตอบคำถามได้ประมาณนึงนะ เพราะท่านที่ถามไม่ได้มาถามด้วยตนเอง แต่อย่างไร ก็ลองสอบถามอาการของท่านดูนะ บางทีเวลาเราเพิ่งเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ใจของเราอาจจะยึดว่าเป็นสาเหตุมาจากสิ่งนี้ก็เป็นได้
    • หากผายลมแล้วยังมีกลิ่น แสดงว่าลำไส้ของเรายังมีพิษอยู่ ให้ทำการสวนล้างลำไส้ต่อเนื่องได้เลย
    • หากมีอาการคืบหน้าอย่างไร อย่าลืมเข้ามาเล่าอาการให้พวกเราฟังด้วยนะ สาธุ

คำถามที่ 4 : ตนเองเพิ่งเข้ามาศึกษา อายุ 54 ปี ไม่ได้ทำงาน เป็นแม่บ้าน ตอนนี้เป็นโรครูมาตอยด์ ใช้ยามา 10 กว่าปี มีเนื้องอกที่มดลูก ตัดรังไข่ข้างซ้าย มีภาวะกระดูกพรุนด้วย เพราะว่าใช้ยามานาน ตอนนี้หยุดยา มา 1 เดือน ทำให้เป็นเริม บ่อย ๆ และเป็นงูสวัด เพิ่งจะหาย

พอหยุดยาข้อศอกก็จะกลับมาเจ็บ บวมแดง ค่าอักเสบสูง 65 (ค่ามาตรฐานคือ 1 – 20) ควรทำอย่างไรดี? ตนเองไม่อยากกลับไปใช้ยากดภูมิ และเราควรดื่มน้ำสมุนไพรได้ทั้งวันไหม? ตนเองสามารถลดเนื้อสัตว์ได้ แต่ยังมีรับประทานปลากับไข่บ้าง ได้มีการทำสวนล้างลำไส้วันละ 2 ครั้ง รับประทานอาหารฤทธิ์เย็นบ้าง แต่ยังไม่เก่งมาก มีทำโยคะ ตอนนี้ก็ฝึกดื่มน้ำสมุนไพรในตัวด้วย

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 1:

    • หากเรามีอาการร้ายแรงพวกนี้ ขอแนะนำให้ลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ทุกชนิดให้ได้เลยนะ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 2: 

    • สิ่งแรกที่อยากให้ท่านทำคือ ทำใจไร้ทุกข์ไว้ก่อนนะ ทำใจว่า จะหายเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าเร่งผล อย่ากังวล เมื่อเราได้รับโรคนี้มาแล้ว แสดงว่าเรากำลังได้ใช้วิบาก เมื่อรับแล้ว ก็หมดไป เราก็จะโชคดีขึ้น
    • การทำใจให้ไม่เร่งผลนี่ สำคัญมากนะ นี่มาจากประสบการณ์ของทุก ๆ ท่านเลยนะ ขนาดจิตอาสาเองก็เป็นนะ ที่สอนให้ผู้เข้าค่ายว่า “อย่าเร่งผลนะ อย่าเร่งผลนะ” แต่พอจิตอาสามาป่วยเอง ก็ยังเป็นนะ แม้ตัวผู้พูดเองก็เป็น ชอบคิดว่า “เมื่อไหร่จะหายสักที เมื่อไหร่จะหายสักที” พอตนเองนึกได้ว่า “นี่เราเร่งผลอยู่นะ” พอทำใจได้แบบนั้น ภายใน 1 สัปดาห์ อาการคันต่าง ๆ ของตนเองก็หายเลย ทุกครั้งที่ท่านมีความทุกข์ ให้ท่านอ่านบททบทวนธรรม อ่านไปแล้ว ลองตรวจสอบว่าเหตุการณ์ตอนนี้ตรงกับข้อไหน ท่านจะได้ล้างทุกข์ใจได้ทันนะ
    • อันดับต่อไปคือ ให้ท่านลงทะเบียนเข้าค่ายออนไลน์เลยนะ วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเข้าค่ายพระไตรปิฎก ท่านสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง และให้ท่านเข้ามาร่วมในห้องโปรแกรม Zoom อยู่ตลอดเลยนะ อยากให้ท่านเรียนรู้ให้เต็มที่ก่อน โดยเฉพาะธรรมะของท่านอาจารย์หมอเขียวในช่วงเช้าและเย็น ให้ท่านพยายามอย่าขาดการฟังธรรมนะ ส่วนช่วงกิจกรรมอื่น ๆ ของค่าย หากท่านอยากจะพัก ท่านก็พักได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าท่านจะขาดการฟังธรรมไปบ้าง ก็ให้ทำใจไร้ทุกข์ วางใจ และให้ท่านเข้ามาชมคลิปย้อนหลังก็ได้
    • ให้ท่านขยันปฏิบัติยา 9 เม็ด โดยเฉพาะการสวนล้างลำไส้ เพราะอาการของท่านจะอยู่บริเวณช่วงล่างของร่างกาย การสวนล้างลำไส้ทำให้ระบายพิษได้เร็วที่สุด ท่านสามารถทำการสวนล้างลำไส้วันละ 2 – 3 ครั้งได้เลยนะ และให้ท่านลองตรวจสอบดูว่าน้ำสมุนไพรฤทธิ์ร้อนหรือเย็นที่ท่านใช้แล้วสบายและถูกกัน จะใช้น้ำสมุนไพรในตัวผสมกับน้ำอุ่นก็ได้ ให้เราเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ได้ หากร่างกายไม่ถูกกัน ที่สำคัญคือ ท่านอย่าเติมพิษเพิ่มเข้าสู่ร่างกาย อาจารย์บอกว่าให้เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ “อย่าเชื่อใครง่าย ๆ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ทำแบบนี้ได้ เราก็ได้ในสิ่งเราที่ได้แล้ว เราก็ได้เลยนะ มันจะตามไปข้ามภพข้ามชาติเลย”
    • พยายามทานอาหารสุขภาพ หากท่านยังปลูกผักเองไม่ได้ ก็พยายามหาแหล่งที่ขายผักไร้สารพิษ จะมีแถวนวมินทร์ สันติอโศก หรือแถวรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงข้ามตลาด อตก. ท่านสามารถซื้อผัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ได้ หากท่านไปซื้อผักไร้สารไม่ได้จริง ๆ ท่านก็ไม่ต้องไปกังวลนะ ให้ท่านซื้อผักตามตลาดทั่วไป แล้วนำไปแช่ในน้ำกับถ่านหรือน้ำซาวข้าว เพื่อล้างสารพิษก็ได้ แต่หากท่านมีพื้นที่ปลูก ก็สามารถปลูกวอเตอร์เครส อ่อมแซ่บ เสลดพังพอน ผัก 3 ชนิดนี้ปลูกง่าย เอาแค่ก้านของมันไปปักชำ มันก็ขึ้นแล้วนะ พยายามปลูกผักเหล่านี้ เพื่อให้พึ่งตนให้ได้ และให้เรามีรับประทานทุกวัน
    • ส่วนเรื่องเมนูอาหารสุขภาพต่าง ๆ ท่านสามารถเข้าไปดูสูตรการทำอาหารต่าง ๆ ได้ทาง morkeaw.net หรือชมคลิปทำอาหารของเราทาง Youtube ให้ท่านหัดทำอาหารวันละอย่างสองอย่าง และลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ด้วย ก็จะดีมาก ๆ นะ เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสาเหตุของโรคทุกโรคเลย ปฏิบัติไปแบบใจไม่ทุกข์นะ
    • การดื่มน้ำปัสสาวะ ท่านสามารถดื่มได้เลยในช่วงเช้าหลังตื่นนอนทุกเช้า ตื่นมาแล้ว ให้ท่านเก็บน้ำสมุนไพรในตัวได้เลย ให้ท่านดื่มเท่าที่ท่านดื่มไหว จะประมาณครึ่งแก้ว หรือ 1 แก้ว ก็ได้ และที่สำคัญคือ หากท่านดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นทุกวัน น้ำสมุนไพรในตัวของท่านจะรสชาติดีมาก หากตอนนี้ท่านมีอาการป่วยอยู่ ให้ท่านต้องดื่มน้ำสมุนไพรในตัวมากกว่า 1 ครั้ง หรือตามที่ท่านพิจารณาได้เลย ยกเว้นช่วงตอนกลางคืน เพราะจะทำให้ท่านตื่นมาเข้าห้องน้ำทั้งคืน ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
    • เรื่องปัญหากระดูกพรุน น้ำสมุนไพรย่านาง ใบเตย อ่อมแซ่บ วอเตอร์เครสเนี่ยจะช่วยสร้างแคลเซียมใหม่ให้ท่าน เพราะว่าการใช้ยากดภูมิ หรือยาฮอร์โมนจะทำให้กระดูกบางลง ๆ
    • หากท่านอยากหยุดยา ก็สามารถหยุดได้ ส่วนใหญ่หลายท่านที่มาแพทย์วิถีธรรม ท่านเป็นแค่เบาหวาน ความดัน หลายท่านไม่กล้าหยุดยา ที่ท่านไม่กล้าหยุดยา เพราะใจกังวลว่า “หยุดยาแล้ว ฉันจะเป็นอะไรไหม” เป็นคนขี้กลัว ท่านต้องตัดสินใจเองนะ ทางเราไม่สามารถตัดสินใจให้ท่านได้ แต่เล่าให้ฟังว่า คนไหนที่ไม่กล้า มันก็จะไม่หายสักที มันก็จะไม่จบ
      ให้ท่านใช้ธรรมะของอาจารย์คือ ความกล้า 8 ประการ สิ่งนี้จะทำลายทุกข์ของเรา อะไรที่ท่านกลัว ให้กล้าให้หมดนะ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ
    • ให้ท่านค่อย ๆ ปฏิบัติไปนะ ใจเย็น ๆ นะ เพราะเราสะสมพิษมานาน เราจะมาทำเพียงแค่ 1 – 2 วันไม่ได้ มันต้องใช้เวลา มีผู้ป่วยหลายท่านใจร้อน มาถามหายา 9 เม็ด ท่านอยากจะได้ยากลับไปรับประทาน “มันไม่ใช่!!” ขนาดพวกเราจิตอาสากันเองยังต้องปรับสมดุลกันตลอดชีวิตเลยนะ ไม่ใช่ว่าหายแล้วหายเลยนะ เราเองก็ยังดูแลเรื่องอาหาร เวลามีอาการไม่สบายมา เราก็ยังต้องปรับอยู่เรื่อย “มาเป็นหมอดูแลตัวเองกันนะ” ขอเป็นกำลังใจให้

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 3: 

    • ผลข้างเคียงจากการรับยาต่าง ๆ ให้ท่านดื่มน้ำสมุนไพรในตัวเรื่อย ๆ เลย พอดื่มไปเรื่อย ๆ อาการก็จะดีขึ้น และอุณหภูมิในร่างกายก็จะลดลง
    • ให้ท่านดื่มน้ำเปล่าเรื่อย ๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงรส พอท่านทานอาหารเหล่านี้ ท่านจะรู้สึกไม่สบายตัวเลย
    • อาการเริมเกิดจากภาวะร้อนเกิน หากท่านสามารถลดเนื้อสัตว์ได้ ให้ท่านลองทำดูนะ เพราะเนื้อสัตว์จะมีผลเยอะ ให้ท่านลองเปรียบเทียบได้เลยถึงความแตกต่าง ระหว่างที่ท่านรับประทานอาหารแบบปรุงและมีเนื้อสัตว์ กับทานอาหารแบบธรรมชาติ
    • ท่านเพิ่งเข้ามารู้จักศาสตร์นี้ อะไรที่ท่านทำได้ ก็ให้ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ศึกษาไป และที่เราทำแล้วเห็นผลจริง ๆ ก็คือ “ยาเม็ดที่ 8 คือ เรื่องใจ ให้ท่านเข้ามาฟังในห้องทุกวัน พอท่านเข้ามาแล้ว ให้ท่านลองสังเกตดูว่า ใจของท่านเป็นอย่างไร? ดูแบบไม่ต้องรีบร้อน ไม่ใช่ว่าท่านฟังวันนี้เสร็จแล้ว ท่านจะได้คำตอบเดี๋ยวนี้ และทุกอย่างต้องหาย ท่านต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไป และใจเย็น โดยส่วนใหญ่ที่เราเป็นโรคต่าง ๆ นั้น ก็เพราะว่าเราใจร้อน ให้วางใจว่า “โรคจะหายเมื่อไหร่ก็ได้”
    • ส่วนอาการกระดูกพรุน ก็มีหลาย ๆ ท่านที่มีอาการดีขึ้น จากการดื่มน้ำย่านาง

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 4: 

    • อาการเริมเกิดจากที่เราพักผ่อนน้อย อาจจะนอนดึกและเครียด ความเครียดทำให้ร่างกายของเราร้อน วิธีแก้คือ ให้ท่านปรับสมดุลร่างกายให้ดี ให้ท่านใจเย็น และปฏิบัติตามหลักยา 9 เม็ดไปเรื่อย ๆ
    • อาการเริมและงูสวัดเกิดจากไวรัส จริง ๆ เวลาเป็นงูสวัดมันทรมานมากเลยนะ ให้ท่านลองนำใบสาบเสือกับเสลดพังพอนมาตำ แล้วมาคลุกกับดินสอพองและผงถ่าน จากนั้น ให้พอกตามแผลเริมหรือจุดที่เป็นงูสวัด ถ้าให้ดี ให้ใส่น้ำสมุนไพรในตัวลงไปด้วย ทำอย่างนี้จะทำให้แผลไม่กระจายและหยุดลง สมุนไพร 2 ตัวนี้สามารถแก้โรคผิวหนังโดยตรง มันทำให้แผลหายเร็ว หรือท่านสามารถนำสมุนไพร 2 ตัวนี้ นำมาคั้นน้ำ แล้วดื่มก็ได้ อันนี้ก็จะอยู่ในยาเม็ดที่ 1 หรือจะนำน้ำที่คั้นมานี้ไปผสมแบบเจือจางร่วมกับน้ำสมุนไพรในตัวในการสวนล้างลำไส้ก็ได้
    • ส่วนกากที่เหลือ ท่านก็สามารถเอามาพอกบริเวณแผลได้ หรือท่านสามารถน้ำกากที่เหลือนี้ไปต้มกับน้ำ แล้วใช้อบตัวได้ หากท่านมีตู้อบสมุนไพรที่บ้าน หรือหากท่านไม่มีตู้อบ ก็ให้ใช้หม้อหุงข้าวมาต้มน้ำสมุนไพร แล้วเปิดฝาออกเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ผ้าห่มมาคลุมไว้ สิ่งนี้จะช่วยให้สมุนไพรมาทำให้ผิวของเรานั้นสดชื่นขึ้น และทำให้อาการที่จะแผลกระจายไป มันทุเลาลง พิษร้อนก็จะออกไป ส่วนน้ำที่เหลือจากการอบสมุนไพร ท่านสามารถนำมาอาบ หรือนำไปเช็ดตัวด้วยก็ได้ ก็คือให้ท่านทำแบบครบวงจรเลย มันจะทำให้อาการชะงักได้
    • อาการเริมนั้น รักษาไม่ยาก มันหายได้ ถ้าเราไปหาหมอแผนปัจจุบัน ท่านก็อาจจะบอกว่า “โรคมันรักษาไม่หายขาดหรอก คุณต้องเป็นตลอดชีวิต คุณต้องใช้ยาตลอดชีวิต” อันนี้ไม่จริงนะ มีจิตอาสาหลายท่านเคยเป็นแล้ว ก็หายขาดได้
    • ที่สำคัญที่สุดคือ ยาเม็ดที่ 8 คือ ให้เรายอมรับวิบากด้วยใจที่เป็นสุข วันนี้ยังเป็นแค่วันที่ 2 ของค่าย ทางเรายังมีวิธีปฏิบัติอีกหลายอย่าง ให้ท่านค่อย ๆ เรียนรู้ไป เป็นกำลังใจให้

คำถามที่ 5 : ที่บ้านไม่มีย่านางหรือสมุนไพรอื่น มีแต่ฟ้าทะลายโจร ไม่ทราบว่าจะนำฟ้าทะลายโจร สามารถนำไปทำน้ำสมุนไพร หรือใช้แช่มือ-เท้า ได้หรือไม่?

คำแนะนำจากจิตอาสา: 

    • ฟ้าทะลายโจรก็เป็นยาชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ร้อนดับร้อน สรรพคุณของเขาคือ ลดไข้ แต่เราไม่นิยมนำมาทำน้ำสมุนไพรนะ เพราะเขามีรสขมมาก หากที่บ้านของท่านมีฟ้าทะลายโจร ให้ท่านนำทั้งก้านและใบมาล้างให้สะอาด และนำไปตากแห้งก็ได้ จากนั้นก็นำมาบดให้เป็นผง แล้วเก็บมาไว้ใช้ เวลาท่านมีไข้หรือเวลาท่านไม่สบาย ท่านสามารถนำใบสดมาเล็กน้อย แล้วต้มทำเป็นชาได้ หรืออีกวิธีนึงก็คือ นำใบ ต้น ดอก ราก และผลของฟ้าทะลายโจรไปทำน้ำสกัด ใช้วิธีทำเหมือนกับน้ำสกัดย่านางเลย
    • ท่านสามารถใช้ใบฟ้าทะลายโจรประมาณครึ่งถึง 1 กำมือ มาต้มกับน้ำในหม้อ ใช้แช่มือ-เท้า หรือไว้อาบก็ได้
    • หากท่านไม่ค่อยมีสมุนไพรเลย ท่านสามารถใช้เถาตำลึง เปลือกกระเทียม เปลือกหอม เปลือกกล้วย เปลือกสับปะรด นำมาต้มไว้ทำการแช่มือ-เท้าได้

คำถามที่ 6 : อายุ 65 ปี เป็นโรคไต ระยะ 5 อยากขอคำอธิบาย คำว่า “ภาวะร้อนเย็นพันกัน” บางครั้งก็ร้อน บางครั้งก็หนาว ให้สังเกตตนเองอย่างไร และเวลาที่ตนเองไปพบหมอแต่ละครั้ง สุขภาพใจก็แย่ลง อยากขอคำแนะนำ

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 1: 

    • ยกตัวอย่างคือ ให้สังเกตเวลาเราไม่สบาย เป็นไข้ ตัวร้อนจี๋เลย เราใช้มือแตะหน้าผาก มันรู้สึกร้อน แต่มือ-เท้ากลับเย็น อันนี้คือ ภาวะร้อนเย็นพันกัน วิธีแก้คือ จุดไหนของร่างกายที่ร้อน ให้นำสมุนไพรฤทธิ์เย็นมาโปะไว้ ส่วนจุดไหนที่เย็น ก็ให้หาอะไรอุ่นมาสัมผัส หรือจะใช้ยาเม็ดที่ 4 คือการแช่ ให้เราดูภาวะร่ายกายว่าร้อนหรือเย็น ก็ให้ใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อนหรือเย็นมาลองแก้อาการดู
    • หากลองทำแล้ว ท่านไม่รู้สึกสบายขึ้นเลย ให้ลองนำสมุนไพรทั้งฤทธิ์ร้อนและเย็นมาผสมดู แต่ส่วนใหญ่ผู้คนที่มีอาการป่วย 80% นั้น จะมีภาวะร้อนเกิน 15% คือ มีภาวะร้อนเย็นพันกัน และอีก 5% คือมีภาวะเย็นเกิน ฉะนั้นจากสถิตินี้ ให้เราใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อนที่มาผสมในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น เพื่อใช้ปรับสมดุลในตัวของเรา คนอื่นจะไม่สามารถรู้ได้ว่า ตัวท่านมีสภาพร่างกายอยู่ภาวะไหน ท่านต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทดสอบด้วยตัวเอง และรักษาแก้อาการต่าง ๆ ด้วยตัวเราเอง
    • แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องใจ อย่ากังวล อย่าไปเร่งผล ให้ท่านปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ฟังธรรมของอาจารย์ไปเรื่อย ๆ แล้วก็นึกถึงวิบากกรรมที่เราเคยทำไม่ดีมาในอดีต สมัยก่อนตนเองก็เคยเป็นโรคริดสีดวงทวาร รู้สึกทรมานมากเลย ที่เขาบอกว่าให้คิดถึงเรื่องกรรม ให้เราใช้วิบาก ตนเองก็มานั่งนึกว่า “อ่อ สมัยก่อน ตอนเรายังเด็ก เราชอบเอากระชอนไปตักลูกน้ำในบ่อน้ำขึ้นมา แล้วก็จับลูกน้ำทีละตัว และบี้หัวของมัน และอุจจาระของลูกน้ำจะหลุดออกมาทางทวาร นี่คือการฆ่าเขา เราฆ่าเขาทีละตัว ทีละตัวเลย” สุดท้ายแล้วพอตนเองก็มาเป็นโรคนี้ เลยได้นึกถึงวิบากกรรมนี้ที่เคยทำ ณ ตอนนั้นที่ทำแบบนี้ ตนเองก็ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ เพราะยังเด็กอยู่ พอเราเชื่อชัดเรื่องกรรม อาการต่าง ๆ มันก็ทุเลาเบาบางลง สิ่งนี้ทำให้เราแก้ไขได้ถูกจุดว่า ภายในร่างกายของเราในแต่ละช่วงเวลานั้น มีภาวะร้อนหรือภาวะเย็น หรือร้อนเย็นพันกัน
    • ส่วนภาวะจิตตก เวลาไปพบหมอ จิตมันตก เราต้องรีบเก็บมันขึ้นมาก่อนเลยนะ ให้มองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าผู้ถามเพิ่งจะมารู้จักกับแพทย์วิถีธรรมไม่นาน หรือแม้แต่จิตอาสาเอง ที่เราทำงานมา 10 ปีเนี่ย ในบางสถานการณ์ พวกเราเองก็จับกิเลส และแก้ปัญหากันไม่ทันเหมือนกัน แต่พอเราตามฟังธรรมะของอาจารย์ไปเรื่อย ๆ แล้ววันนึงมันก็เกิดความคิดปิ๊งเลย แล้วความทุกข์มันหายเลย มันคือหายทุกข์ฉับพลัน มันจะเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องกังวลใจเลย ค่อย ๆ ให้มันเป็นไป ใช้หลักความกล้า 8 ประการของอาจารย์เลย ให้เรากล้ารับวิบากร้ายเลย

คำแนะนำจากจิตอาสาท่านที่ 2:

    • อยากจะมาให้กำลังใจท่านนะ ได้เห็นท่านเข้ามาในห้องสายด่วนหลายครั้งแล้ว หากท่านเกิดความกลัว ให้ท่านสังเกตดูว่า ท่านมีความกลัวตายหรือเปล่า? หากเรามีภาวะนี้ ต้องทำใจให้เกิดความกล้าเลย “เพราะเรามีชีวิตที่เกิดมาอยู่ตรงนี้ คนทุกคนต้องตายเหมือนกันหมด แต่เราจะเลือกตายในสภาพของความกลัว หรือเราจะตายอย่างมีความผาสุก” ที่ตนเองพูดประโยคนี้ เพราะตนเองก็เคยอยู่ในสภาวะใกล้ตายมาก่อน ตอนนั้นที่ตนเองรู้สึกกลัวตาย ตนเองก็คิดอะไรไม่ออกเลยนะ
    • ก่อนที่ตนเองจะมาเรียนกับหมอเขียวเนี่ย คุณแม่เคยสอนไว้ว่า “จิตของเรา ตอนใกล้ตาย สำคัญนะ ถ้าเราทำจิตให้ดี เราก็จะไปดี” พอได้มาเจออาจารย์ ตนเองได้มารู้จักวิธีการวางร่างวางขันธ์ และพอตนเองเลิกกลัวปุ๊บ ปัญญาต่าง ๆ ก็เข้ามาเลย
    • พอเราเกิดความกลัว อยากแนะนำให้ท่านอ่านบททวนธรรมเลย หมั่นฟังธรรม และเข้ามาคุยกับพี่น้องหมู่มิตรดี
    • ตอนนี้ท่านไม่ได้อยู่เพียงสองคนกับญาติที่บ้านนะ ตอนนี้ท่านได้อยู่กับพี่น้องที่อยู่ในห้องนี้จำนวน 100 กว่าท่านเลยนะ ทุกคนก็มาเป็นกำลังใจให้ท่าน และอยากให้ท่านได้ลองฟังคลิปการวางร่างวางขันธ์ พอฟังแล้ว ท่านอย่าไปกลัวนะ บางคนบอกว่า “คำว่า ใกล้ตาย มาพูดกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร ใคร ๆ ก็กลัว” ใช่เลย ทุกคนกลัวหมด เพียงแต่ว่า เมื่อเรากลัวแล้ว เราจะหลุดออกจากความกลัวได้เมื่อไหร่ อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้ท่านนะ ถ้าพรุ่งนี้ท่านไม่สบายใจ ให้ท่านเข้ามาร่วมพูดคุยในห้องกันอีกนะ

สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ ช่วงที่ท้อแท้ที่สุดของการเป็นผู้ป่วย คือ “การเร่งผล อยากให้หายป่วยเร็ว ดั่งใจเราหมาย” เมื่อผู้ป่วยยังต้องรับวิบากของการเจ็บป่วย จนกว่าวิบากจะเบาบางหมดไป การใช้ “ความกล้า” ในการพากเพียรเข้าหาหมู่มิตรดี เพื่อเติมพลังใจให้แก่กัน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้

รายงานข่าวโดย :
ศิรินภา คำวงษ์ศรี (เพียรสุขศีล) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *