At bagon.is you can Buy webshells, phpmailer, Combo list
“สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” - 1 ก.ย. 64 | สถาบันวิชชาราม
Skip to content

“สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” – 1 ก.ย. 64

รายการ “สายด่วน ค่ายสุขภาพพึ่งตนวิถีธรรม วิถีไทย” ครั้งที่ 2
ช่วง ถามตอบ ปัญหาสุขภาพตามหลักการการแพทย์วิถีธรรม
โดย กลุ่มแพทยแผนไทยช่วยไทย
วันพุธที่ 1 กันยายน 2564 (ค่ายวันที่ 3 )
เวลา 18.15 – 20.25 น.

ประเด็นเด่นจากรายการ

    • เสียใจที่เป็นโรค ยิ่งเสียเวลารักษาโรค
    • “สมาธิ” แท้จริง คือ อะไร?
    • อยู่ดี ๆ หูดับ ทำอย่างไร?
    • วิธีแก้ไข เมื่อประสาทไม่รับรู้ แยกแยะร้อนเย็น

วันนี้มีพี่น้องทั้งจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมทั่วโลก และชาวค่ายเข้าร่วมรายการทั้งหมด 172 ท่าน ดำเนินรายการ โดย คุณกิ่งแก้ว ฉัตรมณีวัฒนา (เม) และคุณปัทมา ลีฬหาวงศ์ (หมู) ได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญคนพิเศษ “ดร. ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)” ที่ได้มาเข้าร่วมรับฟังและตอบคำถามของพี่น้องชาวค่าย


เริ่มต้นด้วยบรรยากาศปิติใจ เนื่องจากท่านอาจารย์หมอเขียวได้เข้ามาทักทายและให้กำลังพี่น้องจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม และชาวค่ายทุกท่าน ต่อด้วยการใช้ยาเม็ดที่ 6 มาร์ชชิ่ง [คลิกเพื่อชมคลิปมาร์ชชิ่ง] ลุกขึ้นบริหารร่างกายตามเพลง เพิ่มพลังอย่างเบิกบาน และเต็มไปด้วยพลังกำลังใจ จากเหล่าจิตอาสาและชาวค่ายรวมตัวกันมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา เริ่มต้นด้วยการตอบคำถามสดจากชาวค่ายที่ร่วมรับฟังออนไลน์ และจากนั้นปิดท้ายด้วยการอ่านบททบทวนธรรมประสานเสียงร่วมกัน คือ ยาเม็ดที่ 8 เทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว ข้อ 26-29 [คลิกเพื่ออ่านบททบทวนธรรม] จากนั้นได้มีคำถามสดจากในรายการ ดังนี้

ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ระยะ 4 ผ่าตัดมะเร็งด้านขวาไปแล้ว รู้สึกทุกข์ใจ เพราะวันนี้มีอาการเหมือนหูไม่ได้ยินทั้ง 2 ข้าง ไม่ค่อยได้ยินเสียงเลย ต้องเปิดลำโพงจนสุดเสียง เดินไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับ ขอคำแนะนำค่ะ
คำแนะนำ :
ด้านจิตวิญญาณ
1. อาจารย์หมอเขียวแนะนำว่า จิตใจมี 2 ด้าน ให้ตรวจสอบว่า ใจตนเองอยากได้อะไร เพื่อขจัดความกลัวให้ได้ กลัวว่าอาการหูดับจะไม่หาย แสดงความอยากได้การหายอาหการหูดับ และอยากได้ยินชัดขึ้น อ่านใจดูว่า การมีความอยากนี้จะทำให้ทุกข์ใจและเสียพลังงานไปกลัว และจะยิ่งทำให้ไม่ได้ยิน เพราะใจยินดีเพียงจะได้ยินเท่านั้น แต่ไม่ยินดีที่จะไม่ได้ยิน ฝึกวางใจใหม่ว่า หายหรือไม่หายป่วย ก็วางใจผาสุกให้ได้ ยินดีน้อมรับวิบาก ยินดีแล้ว วิบากก็จะหมดไป เราก็จะโชคดีขึ้น เมื่อวางใจได้ ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง อย่าไปหลงเอาสุขยินดีเพียงด้านเดียว ว่าอันหนึ่งสุขอันหนึ่งทุกข์ อย่างนั้นไม่ดี เราสามารถใช้วิธีล้าง “ความอยาก” จากใจในกิเลสตัวอื่นในชีวิตของเราได้เช่นกัน
2. ตรวจสอบว่ามีสิ่งใดในชีวิตที่เราทำแล้วเบียดเบียนตนเอง แต่เราก็ยังไม่ยอมเลิกเสียที ให้ตั้งศีลเลิกสิ่งนั้นก่อน หากเรื่องไม่ดียังตัดไม่ได้ เรื่องดีก็ยากที่จะตัดได้ เรื่องอาการป่วย และอยากได้ยินเสียงนั้นเป็นเรื่องที่ดี ใจเราจะยิ่งตัดยากเข้าไปอีก
3. ได้สมอยาก ก็ดีใจเพียงชั่วคราว จะอยากได้สมอยากไปทำไม? คลายความอยากได้ อาการหูดับก็จะคลายไปด้วย
4. เมื่อมีศีลที่ดี ระบบประสาทก็จะดี ก็จะทำให้สามารถเลือกอาหาร หรือสิ่งที่ถูกกับตนเองได้
5. จิตอาสาเคยป่วยเป็นมะเร็งลูคีเมีย ต้องโดนเจาะกระดูกที่ด้านหลัง ป่วยจนนอนไม่ได้เช่นกัน ถามใครก็ตอบไม่ได้ หากถามตนเองว่า “จะตายหรือไม่”, “จะหายวันไหน?” ไม่ถูกทาง จึงพยายามเปลี่ยนตนเองด้วยคำถามในสิ่งที่ให้กำลังใจตนเองแทน ให้มาจบที่จิตใจของเราเอง
6. เพิ่มปัญญาด้วยบททบทวนธรรม หากปฏิบัติแล้ว ไม่สบายใจ แสดงว่าปฏิบัติผิดทาง ให้พากเพียรทำยาทุกเม็ดไปด้วยใจผาสุกสบาย เมื่อใจสบายแล้ว พอหยิบใช้ยาตัวไหน ก็จะได้ผลทั้งหมด ส่งกำลังใจให้ผู้ป่วย
7. ทำสมถะด้วย “สมาธิ” ที่แท้จริง คือ การตั้งมั่นในการสู้กับความอยากอย่างแน่วแน่ จึงเป็นผลให้มีความสบายใจ ไร้กังวล
8. สำนึกในการกระทำที่เคยเบียดเบียนชีวิตอื่น เช่น การบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นวิบากร้ายทำให้ก่อโรค

ด้านวัตถุ ยินดีกับผู้ป่วยที่มาถูกทางแล้ว เป็นสัญญาณที่ดี แสดงร่างกายเริ่มมีพลังมากขึ้น เพียงแต่พิษดันไหลมาที่หูเท่านั้นเอง หน้าที่ของเรา คือ มาถอนพิษระบายทางหูแทน
1. หยอดหูด้วยน้ำสกัดสมุนไพรย่านาง หูดับเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องตกใจ ทุกอย่างเป็นกระบวนการของเซลล์ในร่างกาย
2. ใช้ป้องใบหู นวดหู หมุนไป-มา 33 ครั้ง
3. ปรับอาหารให้สมดุล ลด ละ เลิกรับประทานอาหารพิษ เช่น อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ลองตรวจสอบว่าเคยรับประทานหูหมูหรือไม่?

ลูกสาวมีอาการที่มือและเท้า ลักษณะเหนียวเหนอะหนะ เหงื่อออกที่ฝ่ามือฝ่าเท้า มีอาการมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว รูปร่างผอม หากทาครีมโลชั่น จะไม่ซึมเข้าผิวมือเลย มักอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น หากอาบด้วยน้ำเย็นจะเป็นไข้ อาหารที่ชอบรับประทารอาหาร คือ เนื้อไก่ เนื้อหมู จะสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง?
คำแนะนำ : ถือเป็นโชคดี เพราะนี่คือระบายพิษของร่างกาย ให้สังเกตง่าย ๆ จากอาการว่ามีผื่นคัน ผิวหน้า ผิวมือแห้งหรือไม่ เช็คความสมดุลของตนเองว่าเกิดจากร้อนหรือเย็น ทดลองอาหารร้อนและเย็นว่าถูกกับอะไร อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่เป็นพิษของลูก ซึ่งได้สะสมส่วนเกินมาเป็นเวลานาน ตอนนี้จึงส่งผลออกมาเป็นอาการ
– ใช้ยาเม็ดที่ 7 คือ รับประทานอาหารปรับสมดุล ด้วยการลด ละ เลิกรับประทานเนื้อสัตว์ เปลี่ยนเป็นอาหารไม่ปรุงรส ใช้รสจืดแทน ผัดอาหารด้วยน้ำแทน และก็ลองรับประทานสมุนไพรร้อนและเย็น และดื่มผักปั่น แทนอาหาร
– ใช้ยาเม็ดที่ 4 คือ แช่มือแช่เท้า ด้วยน้ำสมุนไพรที่ถูกกัน แช่ 3 นาที พัก 1 นาที (3 รอบ)

รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีมาตลอด พอได้รับฟังบรรยายของท่านอาจารย์หมอเขียว แต่ทำไมไม่สามารถมีประสาทรับรู้ที่จะแยกแยะอาหารปรับสมดุลร้อนเย็นได้ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากรับประทานอาหารอะไรเข้าไป ก็รู้สึกว่า ไม่มีอะไรแปลก หรือไม่ว่าจะรับประทานอาหารอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็ยังไม่มีผลออกมาทางร่างกายให้ทราบภาวะร้อนหรือเย็นเลย กรณีนี้ไม่แน่ใจว่าตนเองสุขภาพดีจริง ๆ หรือเป็นภาวะสะสมภายในร่างกายเพื่อรอเป็นหนักในอนาคต ขอคำแนะนำว่า ต้องตรวจสอบอย่างไร?
คำแนะนำ : เป็นโชคดีในโชคร้ายที่ไม่รู้ว่าตนเองได้ใช้ชีวิตผิดทางอยู่ แต่คำถามนี้เป็นของ “ผู้มีปัญญา” ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เกิดทุกข์จากการเสพอาหาร แต่ก็ยังตั้งคำถามที่ดีเพื่อให้มีปัญญาที่ถูกตรง แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบได้ เพราะรับประทานอาหารปรุงจัดสะสมมานานมาก และยังพอมีวิบากดีที่คุ้มครองอยู่ แต่หากวันหนึ่งที่กุศลหมดแล้ว จะป่วยหนักทันที
– ใช้ยาเม็ดที่ 8 คือ การตั้งศีลเพิ่ม เพื่อให้เห็นโทษภัยของสิ่งที่ดีต่อร่างกาย เพื่อฟื้นระบบประสาท จะทำให้รู้ว่าอาหารอะไรถูกหรือไม่ถูกกันกับเรา ความกลัวกังวลในความอยากที่กลัวว่าสิ่งที่ชอบจะหมดไป กิเลสจะทำให้บังความจริงเอาไว้ ไม่ให้รู้ความจริง
– ใช้ยาเม็ดที่ 7 ด้วยการรับประทานอาหารจืดให้เป็นเวลานานพอสมควร จากนั้นจึงค่อย ๆ ทราบว่า สิ่งใดดีหรือไม่ดีกับตนเอง เมื่อร่างกายดีขึ้น จึงจะบอกได้ว่าสมดุลหรือไม่สมดุล เรียกคืนประสาทสัมผัสของการรับรู้ภาวะร้อนเย็นของร่างกายได้ด้วย การลองรับประทานอาหารพลังพุทธ

สรุปเนื้อหาสาระในวันนี้ คือ
การวมพลังหมู่ เพิ่มปัญญาและส่งกำลังใจให้แก่กัน ทำให้ผู้ป่วยได้มีความเข้าใจกลไกการเกิดโรคได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มสัมมาทิฏฐิทางจิตวิญญาณให้ทราบหนทางสู่การพ้นโรค พ้นทุกข์ เมื่อเราตั้งคำถามด้วยปัญญา พร้อมทั้งได้สนทนาธรรมกับสัตบุรุษและหมู่มิตรดี จึงเป็นเหตุให้พบทางออกทั้งทางกายใจ โดยตั้งมั่นไม่ประมาทกับสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่มีประโยชน์กับตนเอง เพราะสิ่งเหล่านั้นที่ยังไม่ออกฤทธิ์ จะนำพาวิบากเลวร้ายจนเกินเยียวยาในอนาคต เมื่อเรารู้ชัดในความจริงนี้ จะไม่หลงทาง ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นชั่วชีวิต

รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *