[คลิกเพื่อรับชมคลิปวีดีโอ]
ครั้งนี้มีนักศึกษาเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์ทั่วโลกมากกว่า 36 ท่าน ดำเนินการสอน โดย ดร.ธนวันต์ ศรีอมรรัตนกุล เรื่อง เวชกรรมไทย และเภสัชกรรมไทย
บรรยากาศในห้องเรียนออนไลน์เต็มไปด้วยความเบิกบาน คุรุสอนด้วยรอยยิ้มและมีการแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลระหว่างคุรุและนักศึกษา แต่ละท่านตั้งใจร่วมเรียนและมีความผาสุกไปด้วยกัน
“เวชกรรมไทย”
ธาตุเจ้าเรือน คือ การวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพตามแนวโน้มของบุคลิกภาพและกายภาพ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยวิธีการรับประทานอาหาร การปรับสมดุล การสวนล้างลำไส้ และการดื่มน้ำปัสสาวะ ร่างกายไม่มีธาตุคงแบบเดิมถาวร
– ดิน (ตัวหลัก) คือ ร่างกายใหญ่ คล้ำ ผมดกดำ เสียงดังชัด / แนวโน้มปัญหา คือ ก้อนในกล้ามเนื้อหรืออวัยวะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มะเร็งกล้ามเนื้อตามจุดที่มีปัญหา ปรับสมดุลโดยเน้นอาหารจากธรรมชาติ ที่มีรสฝาด มัน เค็ม งดอาหารหรือขนมสำเร็จรูป
– น้ำ คือ ร่างกายสมบูรณ์ อิ่มเอิบ ผิวสดใส / แนวโน้มปัญหา คือ อาการภูมิแพ้ ความผิดปกติของเลือด และน้ำเหลือง ขับน้ำผิดปกติ เช่น น้ำมูก ท้องเสีย มะเร็งเม็ดเลือด ปรับสมดุลโดยเน้นอาหารจากธรรมชาติ ที่มีรสเปรี้ยว และขมเล็กน้อย เช่น ตระกูลส้ม
– ลม คือ ร่างกายผอมโปร่ง กระดูกลั่น เวลาเคลื่อนไหว ขี้กลัว ขี้น้อยใจ / แนวโน้มปัญหา คือ การผิดปกติของความดัน ปวดตามข้อหรือกระดูกต่าง ๆ ปรับสมดุลโดยเน้นอาหารจากธรรมชาติฤทธิ์ร้อน เช่น ขิง ข่า ใบมะกรูด
– ไฟ คือ ร่างกายปานกลาง หิวบ่อย ผมขนหงอก / แนวโน้มปัญหา คือ การเผาผลาญที่ผิดปกติ ไทรอยด์ เบาหวาน บำรุงโดยเน้นอาหารจากธรรมชาติ ที่มีรสเปรี้ยว และขมเล็กน้อย เช่น ตระกูลส้ม ปรับสมดุลโดยเน้นอาหารฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม ย่านาง เบญจรงค์ มะระ
ซึ่งธาตุเจ้าเรือนจะบ่งบอกปัญหาสุขภาพ ที่มักสอดคล้องมีแนวโน้มร่วมกับ “สมุฏฐานวนิจฉัย” ในแต่ละด้าน ดังนี้
-
- ธาตุสมุฏฐาน – ตามวันเดือนปีเกิด
- อุตุสมุฏฐาน – ตามฤดูกาล คือ ฤดูร้อน = ไฟ, ฤดุฝน = ลม, ฤดูหนาว = น้ำ
- อายุสมุฏฐาน – ตามอายุ คือ ปฐมวัย (แรกเกิด – 16 ปี) = น้ำ, มัชฉิมวัย (16-35 ปี) = ไฟ, ปัจฉิมวัน (32 ปีขึ้นไป) = ลม
- กาลสมุฏฐาน – ตามเวลา คือ 06.00 – 10.00 และ 18.00 – 22.00 น. = น้ำ, 10.00 – 14.00 และ 22.00 – 02.00 น. = ไฟ, 02.00 – 06.00 และ 14.00 – 18.00 น. = ลม
- ประเทศสมุฏฐาน – ตามถิ่นที่อยู่ คือ ภูเขาสูง เนินเขา (ภาคเหนือ) = ไฟ, น้ำฝน โคลนตม ฝนตกชุก (ภาคกลาง) = ลม, น้ำฝน กรวดทราย เก็บน้ำไม่อยู่ (ภาคอีสาน) = น้ำ, น้ำเค็ม โคลนตม ชื้นแฉะ (ภาคใต้) = น้ำ
“เภสัชกรรมไทย”
เภสัชวัตถุ คือ พืชวัตถุ สัตว์วัตถุ ธาตุวัตถุ
(**ข้อมูลส่วนนี้ ออกข้อสอบ**)
สรรพคุณเภสัช คือ รู้รสยา จึงจะทราบสรรพคุณของสิ่งที่นำมาใช้เป็นยา
มี 9+1 (10) รส ดังนี้
-
- ยารสฝาด เช่น ใบฝรั่ง เปลือกผลมังคุด สีเสียดเทศ เปลือกทับทิม เบญกานี มีแทนนิน ใช้รักษาอาการท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แผลเปื่อย ห้ามใช้ช่วงท้องผูก
- ยารสหวาน เช่น ชะเอมเทศ ชะเอมไทย น้ำตาลกรวด หญ้าหวาน อ้อย มีคาร์โบไฮเดรต ช่วยบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ห้ามใช้กับโรคเบาหวาน น้ำเหลืองเสีย ทำให้แผลชื้น
- ยารสมัน เช่น เมล็ดบัว แห้วหมู หัวกระเทียม ผักกะเฉด เมล็ดถั่ว มีไขมัน โปรตีน กลัยไคไซด์ ใช้บำรุงเส้นเอ็น ข้อ แก้ปวดเมื่อย ห้ามใช้กับโรคหอบ ไอ มีเสมหะ มีไข้ กระหายน้ำ
- ยารสเมาเบื่อ (ไม่นิยมใช้) เช่น สะแกนา สลอด มะเกลือ หัวข้าวเย็น กลอย ขันทองพยาบาท หนอนตายอยาก ทองพันชั่ง มีกลัยโคไซด์ และอัลคาลอยด์ ใช้แก้พิษ ขับพยาธิ แก้โรคมะเร็ง ห้ามใช้กับโรคไอ หัวใจพิการ
- ยารสหอมเย็น เช่น มะลิ สารภี พิกุล บุนนาค เกสรบัวหลวง เปลือกชะลูด เตยหอม มีกลัยโคไซด์ ใช้บำรุงหัวใจ โลหิต แก้อ่อนเพลีย ห้ามใช้กับโรคธาตุพิการ ลมป่วง ดีซ่าน ร้อนใน กระหายน้ำ
- ยารสขม เช่น บอระเพ็ด ฟ้าทะลายโจร ดีบัว ขี้เหล็ก ระย่อม บวบขม กะดอม มีสารกลัยโคไซด์และอัลคาลอยด์ มีฤทธิ์แก้ไข้ เจริญอาหาร แก้ร้อนใน บำรุงน้ำดี ช่วยย่อยอาหาร ห้ามใช้กับโรคลมในลำไส้ จุกเสียดแน่น โรคหัวใจ
- ยารสเค็ม เช่น เกลือสินเธาว์ ดินประสิว มะเกลือป่า เกลือแกง เหงือกปลาหมอ ชลู่ ใช้แก้โรคผัวหนัง ชำระเมือกมันในลำไส้ ฟอกโลหิต ดับพิษร้อน แก้รำมะนาด เสมหะเหนียว น้ำเหลืองเสีย ห้ามใช้กับโรคไตพิการ อุจจาระพิการ โรคบิดมูกเลือด
- ยารสเปรี้ยว เช่น ผักส้มป่อย มะขาม สมอไทย มะขามป้อม มะขามแขก มีกรด ใช้แก้เสมหะ / กระหายน้ำ / ไอ กัดเสมหะ ฟอกโลหิตระดู สตรี บำรุงเลือด ห้ามใช้กับโรค ท้องเสีย แก้ไข้ต่าง ๆ
- ยารสเผ็ดร้อน เช่น ดีปลี พริกไทย ขมิ้นชัน ขิง ข่า ไพล กระวาน กานพลู อบเชย สะค้าน ตะไคร้ กระชาย มีสารน้ำมันหอมระเหย ใช้แก้โรคลม ขับระดู ขับเหงื่อ บำรุงไฟธาตุ แก้ปวดท้อง ท้องอืด จุกเสียด ช่วยย่อยอาหาร ห้ามใช้กับโรคไอ ไข้พิษ ไข้เพื่อโลหิต
- ยารสจืด ใช้แก้ในทางเตโช ขับปัสสาวะ ดับพิษร้อน แก้ไข้
“ผดุงครรภ์”
-
- นวดหลังคลอด คือ ดูแลด้วยการนวดเชิงกรานให้ยกขึ้นกระชับ
- การทับหม้อเกลือ (เป็นที่นิยม) คือ ดูแลด้วยการวางหม้อเกลือหรือสมุนไพรบนท้อง ไม่หนอะหนะ ไม่เหมาะกับจุดที่มีแผล
- การประคบ / อบสมุนไพร คือ การดูแลด้วยลูกประคบ / อบในตู้ หรือ กระโจมผ้า และวางหม้อสมุนไพรไว้บนพื้น
- การนั่งถ่าน คือ การนั่งบนเก้าอี้ โดยต้มสมุนไพร เช่น หญ้าฮียุ่ม หรือรีแพร์ บนเตาถ่าน ซึ่งอยู่ด้านล่างเก้าอี้ เพื่ออังช่องคลอดให้กระชับ
“การนวดแผนไทย”
เส้นสิบ / กายวิภาคศาสตร์ คือ การรักษาด้วยวิธีนวดกดจุดเส้นลมปราณตามร่างกาย และฝ่าเท้า ซึ่งร่างกายและฝ่าเท้า (หงาย) จะสะท้อนตรงจุดเดียวกันตามร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
หลายท่านที่ได้กดจุดเส้น จะบ่นว่าเจ็บ จึงมีแนวคิด คือ “เจ็บ คือ ไม่ตาย ตายจึงไม่เจ็บ”
สรุปเนื้อหาของวันนี้ คือ
-
- ศาสตร์แพทย์วิถีธรรมดีที่สุดของการรักษา คือ “ยา 9 เม็ด” ของการรักษา เพราะได้ควบรวมองค์ความรู้ของทุกศาสตร์ที่เป็นประโยชน์สูงสุด เช่น แพทย์พื้นบ้าน แพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก
- การวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพโดย “ธาตุเจ้าเรือน” ซึ่งบ่งบอกด้วยแนวโน้มตามบุคลิกภาพและกายภาพ สามารถเปลี่ยนแปลงเสมอได้ตามวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน ได้เรียนรู้วิธีการผดุงครรภ์ และจุดเส้นลมปราณในการนวดแผนไทย
รายงานข่าวโดย :
ศิริพร คำวงษ์ศรี (มั่นผ่องพุทธ) / สวนป่านาบุญ ๙ สังกัดภาคกลาง