พุทธะชนะทุกข์ : ภาคกลาง (กรกฎาคม 2565) [18]

นักศึกษาวิชชารามและจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม ร่วมบันทึกเรื่องราวจากชีวิตจริงของตนเองที่ได้เรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือคำสอนของครูบาอาจารย์ …อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โจทย์ พุทธะชนะทุกข์

!สำหรับนักศึกษาสังกัดภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก

นักศึกษาพิมพ์เรื่องราวหรือคัดลอกข้อมูลส่งในส่วนแสดงความคิดเห็นด้านล่าง

18 thoughts on “พุทธะชนะทุกข์ : ภาคกลาง (กรกฎาคม 2565) [18]”

  1. เมตตา โพธิสุทธิฺ์

    พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อจริง : เมตตา โพธิสุทธิ์.
    (ชื่อเล่น ชื่อทางธรรม) : –
    สังกัดภาคกลาง : สวนป่านาบุญ 9 อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
    หมวดเหตุการณ์ต่างๆ: จิตใจ
    คำสำคัญ : ชีวิตที่มืดดำ, ทุกข์ที่สุด, หัวใจพิการแต่กำเนิด, มังสวิรัติ, จุดเปลี่ยน, อโศก,ดอกหญ้า, ดอกบัวน้อย
    เรื่อง : “จากทุกข์ที่สุด สู่จุดเปลี่ยน”

    ข้าพเจ้าเป็นลูกชาวนาจน ๆ คนหนึ่ง ในจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อครั้งข้าพเจ้ากำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ระหว่างปี 2537-2539 ข้าพเจ้าอายุประมาณ 13-15 ปี) ที่โรงเรียนวัดวังกุ่ม อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส ในทุกวันหยุดข้าพเจ้าต้องทำหน้าที่เป็นเด็กเลี้ยงวัว และในการออกไปเลี้ยงวัวกลางทุ่งนานั้น ข้าพเจ้าจะพกวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กๆ ไปด้วย เพื่อเปิดฟัง แก้เหงา และวันหนึ่งข้าพเจ้าได้เปิดเจอรายการวิทยุ รายการหนึ่ง ชื่อรายการว่า “ทุกข์ปัญหาชีวิต” จัดโดยสมณะชาวอโศกท่านหนึ่ง ชื่อว่า “ท่านจันทร์” หรือ สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ข้าพเจ้าได้เขียนจดหมาย ไปหาท่านจันทร์ และหลังจากนั้นก็ได้รับวารสาร “ดอกบัวน้อย” และ “ดอกหญ้า” ของชาวอโศก ซึ่งมีพ่อครู “สมณะโพธิรักษ์” เป็นผู้นำ ในวารสารดอกหญ้า และดอกบัวน้อย มีสื่อสาระที่สอนโลกุตระธรรม และมีเรื่องราวของวิบากกรรมจากการกินเนื้อสัตว์ ชักชวนให้คนเลิกกินเนื้อสัตว์ เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านติดต่อกันหลายๆ เล่ม ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นบาป และจะต้องได้รับวิบาก ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดว่าคนในครอบครัวมีส่วนในการสนับสนุน หรือส่งเสริมในเรื่องการกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์ของเราด้วย และคิดว่าเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลยหากข้าพเจ้าจะเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ถ้ายังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว.
    ในวันหนึ่ง เป็นช่วงที่ข้าพเจ้ากำลังเรียนอยู่ชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี (ระหว่างปี 2540-2542 ข้าพเจ้าอายุประมาณ 16-18 ปี) ขณะข้าพเจ้ายืนอยู่ข้างฝาบ้านซึ่งทำด้วยสังกะสี เกิดความคิดขึ้นมาในใจคนเดียวว่า “ถ้าข้าพเจ้าได้อยู่คนเดียว ข้าพเจ้าจะเลิกกินเนื้อสัตว์”

    จนเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2544 (ข้าพเจ้าอายุ 20ปี) ข้าพเจ้าบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 1 ของกรมการปกครอง และในวันที่ 12 มีนาคม 2544 ข้าพเจ้าต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพียงลำพัง ข้าพเจ้าจำได้ว่า ณ อำเภอผักไห่ อาหารมื้อแรก ๆ ข้าพเจ้าต้องกินข้าวคลุกกับน้ำตาที่หยดลงไป เพราะความเปลี่ยวเหงาและว้าเหว่ คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ เพราะตั้งแต่เกิดมาทั้งชีวิต ข้าพเจ้าอยู่ในบ้านกลางท้องทุ่งนา กับแม่และครอบครัว ไม่เคยอยู่เพียงลำพังคนเดียวเลย
    ความคิดข้างฝาบ้านสังกะสี เรื่องความตั้งใจจะกินมังสวิรัติถ้าได้อยู่คนเดียว ยังคงอยู่ ในความทรงจำของข้าพเจ้าตลอดมา แต่ข้าพเจ้ายังทำไม่ได้ แม้การกินเจตามเทศกาล เพียงจำนวน 10 วัน ข้าพเจ้าก็ยังทำไม่ได้ ต้องเลิกกลางคันก่อนกำหนดทุกครั้งไป และมีบางปีก็ไม่ได้กินเจตามเทศกาลด้วยซ้ำ

    ข้าพเจ้าคิดเข้าข้างตัวเองว่า ก็แค่ความตั้งใจที่คิดในใจคนเดียว ไม่ได้จุดธูปอธิฐาน ไม่เคยเอ๋ยปากบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว คงไม่มีผลอะไรต่อชีวิตของข้าพเจ้าได้หรอก
    วันที่ 16 กันยายน 2558 (ข้าพเจ้าอายุ 34 ปี) ข้าพเจ้าให้กำเนิดลูกชายคนเล็ก คุณหมอเด็ก (ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสุพรรณบุรี) ได้ตรวจเบื้องต้น และแจ้งให้ทราบว่าหัวใจของลูกผิดปกติ แต่ไม่สามารถตรวจสอบให้ทราบแน่ชัดได้ว่าเป็นตรงส่วนไหน เพราะทั้งจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่มีหมอเฉพาะทางที่รักษาโรคหัวใจเด็ก และไม่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ในการตรวจ คุณหมอบอกว่า “บางทีอาจจะหายเองได้” พร้อมกับแนะนำให้ข้าพเจ้าพาลูกไปตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram, Echocardiography) หรือเอคโค (Echo) ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร
    ช่วงนั้นข้าพเจ้าวางใจกับคำพูดของคุณหมอ ที่บอกว่า “บางทีอาจจะหายเองได้” จึงไม่ทุกข์ใจมาก จนเมื่อลูกอายุได้ประมาณ 1 เดือน มีอาการไอมาก จึงได้พาไปพบกุมารแพทย์ (หมอเด็ก) ที่คลินิกในตัวเมืองสุพรรณบุรี เมื่อคุณหมอรู้ว่าลูกของข้าพเจ้ามีความผิดปกติทางหัวใจ จึงปฏิเสธการรักษา และแนะนำให้ไปตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram, Echocardiography) หรือเอคโค (Echo) ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร
    ผลตรวจเอคโค (Echo) เมื่อ 15-Oct-15 (15 ตุลาคม 2558) ของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) ระบุว่า ลูกของข้าพเจ้าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว Tetralogy of Fallot (TOF.) ข้าพเจ้าได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต ได้ข้อมูลว่า เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ทำให้มีอาการเขียวที่พบบ่อยที่สุดประมาณ 5 – 10% ของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดที่ทำให้เขียว ลักษณะความพิการของหัวใจ ประกอบด้วยความผิดปกติ 4 อย่าง คือ
    1. ทางออกของเส้นเลือดไปปอดตีบ
    2. ผนังหัวใจห้องล่างขวาหนาและหัวใจด้านขวาโต (Right ventricle hypertrophy)
    3. หลอดเลือดเอออร์ต้า (Aorta) คร่อมอยู่ระหว่างผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (Overriding aorta) จึงรับทั้งเลือดดำจากหัวใจห้องล่างขวาและเลือดแดงจากหัวใจห้องล่างซ้าย
    4. มีรูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่างขวาและซ้าย (VSD)
    เป็นภาวะที่มีความผิดปกติของหัวใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (ข้อมูลจากเว็บไซต์)
    วันนั้นขณะที่คุณหมอกำลังบอกผลตรวจ ข้าพเจ้ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไม่คิดว่าลูกของข้าพเจ้าจะเป็นโรคที่อันตราย ร้ายแรง ได้ถึงขนาดจะเสียชีวิตเมื่อใดก็ได้
    นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นมา บรรยากาศในชีวิตของข้าพเจ้าจากที่มีความสว่างไสว กลับกลายเป็น “ชีวิตที่มืดดำ” ข้าพเจ้าร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ แม้ในขณะซักผ้า ขณะกวาดบ้าน ขณะนอน หรือทำกิจการงานใด เป็นทุกข์ ที่ “ทุกข์ที่สุดในชีวิต” ข้าพเจ้าพยายามหาวิธีดับทุกข์โดยการสวดมนต์ใกล้ ๆ ลูก ขณะที่ลูกนอนหลับ หวังว่าจะช่วยให้จิตใจดีขึ้นแต่ก็รู้สึกว่า การสวดมนต์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และในขณะเดียวกันก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจ และพยายามคิดหาสาเหตุว่า ทำไม ทำไม ทำไม
    ข้าพเจ้าพยายามคิดย้อนทวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความพิการของลูกในครรภ์ พบเหตุปัจจุบัน 2 สาเหตุ ในช่วงที่ข้าพเจ้าเริ่มตั้งท้องแต่ยังไม่ทราบ (เดือน ธันวาคม 2557- กุมภาพันธ์ 2558) คือ
    1.ในขณะที่ข้าพเจ้านอนหงาย ลูกชายคนโต อายุ 2 ขวบกว่าๆ มีน้ำหนักมาก กระโดดทุ่มตัวใส่ลงบนหน้าท้องของข้าพเจ้าอยู่เป็นประจำ จนข้าพเจ้ารู้สึกจุก ขณะนั้นได้คิดในใจว่าถ้ามีเด็กอยู่ในท้องป่านนี้แขนขาคงหักเป็นแน่
    2. ในช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ 2558 มีงานประจำปีของจังหวัด 15 วัน 15 คืน ข้าพเจ้าต้องไปทำงานตอนกลางคืนทุกคืน ข้าพเจ้าดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำเพื่อแก้ง่วง ทั้งๆ ที่ปกติไม่ชอบดื่ม และช่วงนั้นข้าพเจ้ารู้สึกเป็นหวัดเล็กน้อย มีความกังวลว่าถ้าป่วยมากแล้วจะไปทำงานไม่ไหว จึงไปร้านขายยา สั่งคนขายว่า “ขอยาแก้อักเสบอย่างแรง” ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เวลาป่วยข้าพเจ้าจะไม่กินยาอะไรเลยแต่จะพักผ่อนและปล่อยให้อาการป่วยหายไปเอง “อะไรดลใจให้ข้าพเจ้าทำเช่นนั้น???”
    ในขณะที่ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในความมืดดำนั้น วันหนึ่ง ในเดือน ธันวาคม 2558 ข้าพเจ้า หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีสาระดีจัง มาสังเกตภายหลังว่า หนังสือเล่มนั้นคือ วารสาร “ดอกหญ้า” ของชาวอโศก ซึ่งมีพ่อครู “สมณะโพธิรักษ์” เป็นผู้นำ ข้าพเจ้าสะดุดกับบทความหนึ่งในวารสารเล่มนั้น ซึ่งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า ใช่บทความนี้หรือไม่ แต่เนื้อหาเป็นแนวทางนี้ (ส่วนหนึ่งจากวารสารดอกหญ้า อันดับที่ 159 หน้า 34-35) …“ ‘โครงสร้างสนามของแรงอดีตกรรม’ ก็อาจรับรู้ได้ในทำนองเดียวกัน ด้วยเทคนิคทางโหราศาสตร์ต่างๆ อาทิ ตำแหน่งของดวงดาวในเวลาเกิดซึ่งจะสะท้อนถึง ‘จังหวะ’ การคลายตัวตาม ‘โครงสร้างของสนามวิบากกรรม’ ในแต่ละห้วงเวลาของจักรราศีที่เปลี่ยนไป รวมถึงลักษณะ โหงวเฮ้ง เส้นลายมือ ฯลฯ…อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำหนดความเป็นไปในชีวิตคือ ‘วิบากของกรรม’ ที่เกิดจาก ‘กรรม’ ต่างๆ ไม่ใช่ตำแหน่งของดวงดาวหรือเส้นลายมือ ฯลฯ ที่เป็นเพียงสิ่งบ่งชี้ถึงโครงสร้างของแรงสนามวิบากกรรม ฉะนั้นการพยายามแก้ไขด้วยวิธีผ่าตัด ทำคลอดเพื่อให้ทารกเกิดในเวลาตกฟากก็ดี หรือจะไปผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเส้นลายมือ เปลี่ยนโครงหน้าของโหงวเฮ้ง ฯลฯ จึงไม่มีผลต่อการช่วยให้ชะตากรรมที่เกิดจาก ‘สนามของแรงอดีตกรรม’ ในชีวิตเปลี่ยนไปแต่อย่างใด …แต่สำหรับผู้ที่กระทำ ‘ปัจจุบันกรรม’ ไม่ว่าจะในขั้ว ‘กุศล’ หรือ ‘อกุศล’ ด้วยแรงที่เข้มข้นเหนือ ‘สนามของอดีตกรรม’ มากเท่าไร่ ก็จะมีวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากรูปรอยของโชคชะตาตามที่โหราศาสตร์ทำนายมากเท่านั้น โหราศาสตร์จึงไม่อาจพยากรณ์ดวงชะตาของคนที่กระทำ ‘อกุศลกรรมร้ายแรง’ ขณะเดียวกับที่ไม่อาจพยากรณ์ดวงชะตาของ ‘พระอริยบุคคล’ ซึ่งสามารถควบคุมกรรมหรือการกระทำทางกาย วาจา ใจ ได้อย่างมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อม”
    เมื่ออ่านหนังสือจบ ข้าพเจ้าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าเกิดจากวิบากกรรม ข้าพเจ้ามองลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่แล้วกระซิบข้างหูของลูกว่า “เรากินมังสวิรัติกันไหม” เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ชีวิตใหม่ นับแต่นั้น
    ข้าพเจ้าเลิกร้องไห้ จากความทุกข์ ที่ทุกข์ที่สุดเรื่องนี้ และได้เริ่มกินมังสวิรัติ พร้อมกับลูกชายคนเล็ก ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2558 เป็นต้นมา ความมืดดำในชีวิตของข้าพเจ้าค่อย ๆ เลือนหายไป
    หลังจากนั้น ประมาณปี 2562 ข้าพเจ้าได้พบกับท่านอาจารย์หมอเขียว ได้ฟังคำสอนของท่านอาจารย์ แล้วได้คิดว่า ถ้านับตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะกินมังสวิรัติ แต่ข้าพเจ้ายังทำไม่ได้ นับเป็นระยะเวลาประมาณ 19-21 ปี ข้าพเจ้าเป็นต้นเหตุให้ชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ต้องดับสิ้นไปจากการบริโภคของข้าพเจ้าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน จากคำถามว่า ทำไม ทำไม ทำไม จึงได้รับคำตอบว่า ทำมา ทำมา ทำมา ฉะนั้น การที่ลูกของข้าพเจ้าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงถึงขนาดพร้อมที่จะเสียชีวิตเมื่อใดก็ได้นั้น มันเป็นเพียงแค่เศษวิบากเล็กๆ ที่ข้าพเจ้าได้รับเท่านั้นเอง .
    ข้าพเจ้าเริ่มต้นการกินอาหารมังสวิรัติ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 โดยการใช้อาหารแปรรูปเลียนแบบเนื้อสัตว์ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ ยังคงกินไข่และนม และประมาณปี พ.ศ. 2562 หลังจากที่ได้ฟัง คำสอนของท่านอาจารย์หมอเขียว จึงเลิกกินไข่และนม ต่อมาในปี 2564 จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็นอาหารพืช จืด สบาย เป็นส่วนใหญ่ ปรับจำนวนมื้ออาหาร จากการกินจุ๊บ กินจิบ ทั้งวัน วันละไม่ต่ำกว่า 5 มื้อ มาเป็นวันละ 2 มื้อ เมื่อฝึกกินอาหารวันละ 2 มื้อได้ประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มกินอาหารวันละ 1 มื้อ ตั้งแต่กลางเดือน ธันวาคม 2564 จากการเข้าค่ายอุโบสถศีลชาวอโศกออนไลน์ ครั้งที่ 1 “ถึงกายห่างไกล แต่ใจไม่ห่างวัด” วันศุกร์ที่ 10 – อาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2564
    ข้าพเจ้าพยายามสังเกตว่าการกินมังสวิรัติของข้าพเจ้าทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าดีขึ้นหรือไม่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ยังไม่พบชัดเจน แต่มีทุกข์ที่เป็นเรื่องใหญ่รองลงมาเป็นลำดับที่ 2 ในชีวิตข้าพเจ้า คือ หลังจากข้าพเจ้า เปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตอนนั้นลูกชายคนเล็กของข้าพเจ้าอายุได้ 9 เดือน เขาได้เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร ก่อนผ่าตัดแพทย์ประเมินอัตราการรอดชีวิต 50:50 แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อัตราการรอดชีวิตลดลงเหลือ 30:70 คือ รอด 30 ตาย 70 ต้องใส่เครื่องหัวใจและปอดเทียม (ECMO) เพราะหัวใจยังไม่สามารถทำงานเองได้ สุดท้ายเขารอดชีวิต โปรดติดตามตอนต่อไป ในเรื่อง “ทุกข์ครั้งที่ 2”

    บทความนี้เขียนขึ้นวันที่ 19 พฤษภาคม 2565
    ประวัติผู้เขียนโดยย่อ
    นางสาวเมตตา โพธิสุทธิ์ อายุ 41 ปี
    การศึกษาสูงสุดทางโลก
    ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต และ บัญชีบัณฑิต
    จาก มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช
    ปัจจุบัน รับราชการ ในตำแหน่ง นักวิชาการเงินและบัญชี ที่ทำการปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี
    สุขภาพแข็งแรง สถานภาพสมรส แต่ไม่ได้ทดทะเบียนตามกฎหมาย มีบุตรชาย 2 คน
    ยังไม่เคยเข้าค่ายแพทย์วิถีธรรม แต่เคยร่วมกิจกรรม ที่ส่วนป่านาบุญ 9 แค่ 2 วัน แล้วติดตามทางสื่อฯ
    ปัจจุบันเป็นผู้คบคุ้น สังกัดภาคกลาง สวนป่านาบุญ 9 จังหวัดสุพรรณบุรี
    เป็นนักศึกษาสถาบันวิชชาราม หลักสูตร 7 ปี ระดับอริยปัญญาตรี รหัสนักศึกษา 64306
    และเป็นนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิทยาลัยชุมชน การดูแลสุขภาพวิถีธรรมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รุ่นที่ 3
    ……………………………

  2. ภัคภร จันทราสกุล

    เรื่อง : ครอบครัวของฉัน กับวันที่เปลี่ยนไป
    ชื่อ: ภัคภร จันทราสกุล เก๋
    วันเกิด : 20 พฤศจิกายน 2512
    การศึกษา : ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิต
    อาชีพ : ค้าขาย วัสดุก่อสร้าง
    จิตอาสา แพทย์วิถีธรรม สวนป่านาบุญ๗ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์

    เขียน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 (อายุ 53 ปี)

    #ก่อนจะมาพบความรู้ใหม่ ประวัติโดยสังเขป
    ⭕️ประวัติ⭕️
    🔖 🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖🔖
    ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นครอบครัวคนจีน(แต้จิ๋ว)
    อากง-อาม่า อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาอาศัยอยู่ที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
    ประกอบอาชีพทำวงกบประตูหน้าต่าง ทำระบบกงสี อากง-อาม่า มีลูก 5 คน พ่อของข้าพเจ้า เป็นลูกชายคนที่ 3 ได้แยกออกไปประกอบอาชีพเองคือขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์(เครื่องมือช่าง) ข้าพเจ้าจึงเติบโตมากับการค้าขาย
    ป๊า-แม่ มีลูก 5 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ข้าพเจ้าเป็นลูกคนโต เรียนหนังสือแถวบ้าน พอเรียนจบมัธยมต้น ป๊า-แม่ ส่งข้าพเจ้ามาอยู่กับป้าที่ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ (ป้า มีแต่ลูกชายทั้งหมด4 คน) ข้าพเจ้ามาเรียนมัธยมปลายที่ปราณบุรี จากนั้นก็เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ

    ⭕️การศึกษา⭕️ มหาวิทยาลัย
    พอเรียนจบมหาวิทยาลัย ข้าพเจ้ากลับไปชลบุรี เปิดร้านขายกิ๊บช้อป และช่วยพ่อแม่ทำงานไปด้วย ขายอยู่2-3 ปี ก็ย้ายมาขายที่หัวหิน และแต่งงาน มีครอบครัว

    ⭕️ครอบครัว⭕️มหาวิทยาลัย ชีวิต
    ข้าพเจ้าแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง ปี 2542 มีลูก 3 คน ชาย1คน หญิง 2 คน
    คลอดลูกคนสุดท้อง วันที่ 24 เมษายน 2547 คลอดได้7 วัน ตกเลือด ต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง วันที่ 1 พฤษภาคม 2547
    พ่อบ้านทำอาชีพขายทอง แต่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ต้องเลิก ทำมาหลายอาชีพ
    เช่น ร้านอาหาร เลี้ยงแพะ ขายโคมไฟ สุดท้าย มาจบลงตรงอาชีพพ่อแม่ของข้าพเจ้า คือขายวัสดุก่อสร้าง ในปี 2549

    ❄️๘๒.จงฝึกอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต ที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ อย่างผาสุกให้ได้ ❄️

    #มีอริยศีล (การแก้ปัญหาทุกข์ทางจิตใจ)
    ⭕️อาการเจ็บป่วย⭕️

    เริ่มแรก ปี2548 ข้าพเจ้าเริ่มมีอาการวูบเหมือนจะเป็นลม เริ่มกลัว ว่าจะเป็นอะไร กลัวตาย มีอาการใจหวิว ใจสั่น ไม่มีแรง มือเท้าเย็น หาหมอ ตรวจทุกอย่างก็ไม่เป็นอะไร ก็เปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆไม่เชื่อหมอ เพราะมีอาการทางร่างกาย ใช้วิธีการฟังธรรมมะ และอ่านหนังสือ ช่วยบำบัด ก็ดีขึ้น เมื่อมาเจอหนังสือ “ ประสาทป่วยคุณช่วยตัวเองได้” อาการดีขึ้นเมื่อปล่อยวาง แต่ก็ยังทุกข์ใจกลัว
    มีอาการแพนิค

    ❄️๖๕. สุขทุกข์ทางใจ แรงเท่ากับดินทั้งแผ่นดิน สุขทุกข์ทางกาย แรงเท่ากับฝุ่นปลายเล็บ❄️
    หลังจากนั้น ตรวจสุขภาพทุกปี มีอาการปวดท้องประจำ(กระเพาะ) เจอนิ่วที่ถุงน้ำดี ผ่าตัดนิ่วที่ถุงน้ำดี ปี2551 โดยวิธีส่องกล้อง ตรวจพบถุงน้ำที่รังไข่ข้างขวา ขนาด 3 เซนติเมตร (ไม่ได้ทำอะไร)

    🔥 อาการที่ป่วย ป่วยกาย ป่วยใจ 🔥 📍ปวดท้องประจำ
    📍ภูมิแพ้
    📍แพนิค
    📍ผ่าตัดนิ่วถุงน้ำดี (ตัดแล้ว)
    📍ผ่าตัดมดลูก(ตกเลือดหลังคลอด)
    📍ผ่าตัดถุงน้ำที่รังไข่ทั้งสองข้าง (รังไข่บิดขั้ว)
    📍ผ่าตัดผังพืดรัดข้อมือ2 ข้าง
    📍นิ้วล็อก

    #คบและเคารพมิตรดี

    🌕แพทย์วิถีธรรม รุ่น วิสาขบูชา ปี59🌕

    ฟ้าเปิด…. ข้าพเจ้าอยู่หัวหิน บ้านป๊า-แม่อยู่ชลบุรี ข้าพเจ้าจะกลับไปเยี่ยมป๊าแม่ที่ชลบุรี ปีละ 1 ครั้ง แม่ก็จะเอาน้ำเขียวๆให้กินแล้วบอกว่าเป็นน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นของหมอเขียว มีคนแถวบ้านทำขาย ข้าพเจ้าจะได้กินปีละ1 ครั้ง

    วันหนึ่งอยากกินน้ำสมุนไพร ไปซื้อแบบสกัดเย็นมา ก็คิดว่าไม่ใช่แบบนี้ เลยเปิดหาวิธีทำในยูทูป รู้ว่าเป็นของหมอเขียว
    เปิดไปเปิดมา เจอว่าอาจารย์จะมีค่ายที่หัวหิน
    ครั้งแรก ที่บ้านทุ่งน้ำไท (สวนป่านาบุญ๗) เป็นเวลา 3วัน รุ่น วิสาขบูชา 59
    ข้าพเจ้าสมัครเข้าค่าย เข้าไปดูก่อนมีค่าย 1 วันเจอ พี่น้องจิตอาสา แนะนำข้าพเจ้าไปค่ายทุกวันและอยู่จนถึง ตีห้าจนถึง 2 ทุ่ม ของทุกวัน สิ่งที่ได้รับคือความจริงและธรรมมะที่โดนใจทำให้หายทุกข์ใจได้มาก ผลพลอยได้คือรู้วิธีดูแลสุขภาพ พ่อบ้านค้าขาย พอปิดร้าน 5โมงเย็นก็ตามมาฟังธรรมกับอาจารย์ ศรัทธากับหลักธรรมคำสอนด้วยอีกคน

    ❄️สิ่งที่ดีที่สุดในโลก คือ คบและเคารพมิตรดี ไม่โทษใคร ใจไร้ทุกข์ ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ❄️

    #เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน
    🌘 หายหน้า 🌒
    หายทุกข์กาย ไขข้อทุกข์ใจได้ก็หายหน้า…. แล้วก็ต้องกลับมา
    เข้าค่ายมา 3 วัน ฮึกเหิม กลับมาปฎิบิติต่ออีก 1 เดือน ตรวจเลือด ค่าทุกอย่างที่สูงลดลงหมด กลับมาเป็นค่าปกติ
    ได้ใจ หายหน้าไปเลยค่ะ จนภูมิแพ้กำเริบ ไอ จาม คันหน้าคันตา ไม่หาย ต้องไปหาหมอ หมอตรวจเอ็กซเรย์ปอด แจ้งว่า เป็นหอบหืด
    ให้ยาแก้แพ้แก้คัน ยาพ่นจมูก พ่น ปาก เยอะไปหมด แล้วบอกว่า คุณหยุดยาไม่ได้ คุณต้องกินยาตลอดชีวิต ….หอบยา.กลับมาบ้าน (ไม่กิน)….นึกถึงคำพูดหมอ กินยาตลอดชีวิต…ไม่ค่ะ ไม่ค่ะ หมอ ไม่กินยาตลอดชีวิต หันกลับมา แล้วก็มาศึกษาอย่างจริงจัง

    🔥เมื่อวิบากไล่ล่า 22 พฤศจิกายน 2561 🔥

    มีอาการปวดท้องน้อยมากตลอดเวลา
    2วัน ทำอย่างไรก็ไม่หาย ปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อออกซีด เข้าโรงพยาบาล หมอเอ็กซเรย์พบถุงน้ำที่รังไข่ มีขนาดใหญ่ 10 เซนติเมตร มีอาการบิดขั้ว ต้องเข้าผ่าตัดด่วน โดยตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง
    ในวันที่ 22พฤศจิกายน2561 (วันลอยกระทง)

    ❄️ ๑๐.เมื่อเกิดสิ่งเลวร้ายกับเรา ไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างยุติธรรมเสมอ เพราะเราเคยทำเช่นนั้นมามากกว่านั้น เมื่อได้รับแล้วก็หมดไป เราก็จะโชคดีขึ้น❄️

    🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻
    ⭕️กว่าจะมาเป็นจิตอาสา⭕️
    เมื่อรู้แนวทางและหลักปฏิบัติในการดูแลสุขภาพกายและใจ ข้าพเจ้ามีความศรัทธาและเชื่อมั่น จึงร่วมบำเพ็ญกับพี่น้องที่สวนป่านาบุญ๗ มาอย่างต่อเนื่อง และปวารณาเป็นเตรียมจิตอาสา ในปี 2561 หลังจากนั้นก็งดจัดค่าย เนื่องจากสถานการณ์โควด19
    จึงยังไม่ได้ปวารณาเป็นจิตอาสา
    เมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ปวารณาต่ออาจารย์ เลื่อนขั้นเป็นจิตอาสา

    ❄️๕๑. ทำดีเต็มที่ทุกวัน ก็สุขใจเต็มที่ได้ทุกวัน❄️

    #เราจะชนะในสิ่งที่คนอื่นชนะได้ยาก (เป้าหมายสุดท้ายของชีวิต ชนะกิเลสเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง)

    ⭕️พุทธชนะทุกข์ ชนะกิเลส เหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ⭕️

    เหตุการณ์เกิดขึ้นในครัว ชั้นวางของชั้นบนเป็นที่วางฝาหม้อ ชั้นล่างเป็นที่วางหม้อ
    ในวันนั้นฝาหม้อวางผิดชั้น มาอยู่ที่ชั้นวางหม้อด้านล่าง ข้าพเจ้าหยิบหม้อแล้วฝาหม้อตกลงมากระแทกที่ขอบเล็บจนห้อเลือด เจ็บมาก ในใจคิดโมโหว่าใครวางฝาหม้อผิดที่
    ต้องพ่อบ้านแน่เลย ต้องไปจัดการพ่อบ้านวางของไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้ฝาหม้อตกลงมากระแทกเล็บ (เพ่งโทษผู้อื่นด้วยไม่โทษความประมาทของตัวเอง) ว่าแล้วก็เดินไปหาพ่อบ้านที่อยู่ด้านนอก กะว่าจะว่าให้หนักเลย
    พอไปถึงเจอหน้าพ่อบ้าน ข้าพเจ้าก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา แล้วก็บอกพ่อบ้านว่า
    ข้าพเจ้า : เนี่ยรู้ไหมข้างในเนี้ย (เอามือตบที่อกตัวเอง)เขาบอกว่าให้มาว่าคุณว่าวางของผิดที่ ทำให้ฝาหม้อตกมากระแทกเล็บ ถ้าวางถูกที่ของก็ไม่ตกลงมา
    ข้าพเจ้าก็ขำที่ตอนแรกโกรธ จะมาว่าเขา แต่เรากลับจับกิเลสทัน ไม่ไปเพ่งโทษเขา
    ดีใจที่ไม่ทำบาปเพิ่ม มีสติรู้เท่าทันกิเลสได้

    #การลดละเลิกการรับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์

    ⭕️มังสวิรัติ⭕️
    ข้าพเจ้าใช้ชีวิตในทางโลก กิน ดื่มเที่ยว ตามปกติ หลังจากเข้าศึกษาแนวทางแพทย์วิถีธรรมได้ก็พยายามลดละเลิกมาตามลำดับ แต่ก็ยังกินปลากินไข่ จนเกิดเรื่องทุกข์ใจหลายๆเรื่องมาพร้อมๆกัน ช่วงนั้นมีพี่จิตอาสาเดินทางไปค่ายพระไตรปิฏกที่ชะอวด(สวนป่านาบุญ2) และขากลับแวะมาหาข้าพเจ้าที่หัวหิน ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องราวให้พี่จิตอาสาฟัง ท่านก็แนะนำให้ตั้งศีลเพิ่มขึ้น หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็พนมมือตั้งศีลไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต และก็ไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าได้อนิสงส์พ่อบ้านก็ตั้งศีลไม่ทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตด้วย เช่นกัน สาธุ

    #อาการเป็นหนึ่งในโลก (วิถีการกินและการสร้างอาหาร)

    ⭕️ อาหารเป็นหนึ่งในโลก ⭕️

    มีช่วงหนึ่งอาจารย์ให้ตั้งศีลช่วงเข้าพรรษา ข้าพเจ้าก็ตั้งศีล กินอาหาร มื้อเดียว
    ตลอดพรรษา มุ่งมั่นมาก ไม่ได้มีความรู้สึกทรมานแต่อย่างใด (ผลพลอยได้น้ำหนักลดลงไปเกือบ 10 กิโล ) ปฏิบัติมาจนเกือบครบพรรษา เจอพี่น้องจิตอาสาที่คุ้นเคย ทักว่า เบียดเบียนตัวเองไป กล้าตั้งศีลได้ ก็ต้องกล้าล้มได้ (เมื่อได้ยิน กิเลสดิ้นเลยค่ะ )
    แต่ก็อยู่ครบพรรษา หลุดประมาณ 2-3วัน
    ใจพองเลยค่ะ เก่ง ทำได้
    เข้าพรรษาปีต่อมา ตั้งศีลอีกค่ะ กินอาหารมื้อเดียวตลอดพรรษา กินได้7วันแรก ตลอดพรรษาที่เหลือล้มลุกไม่ขึ้นเลยค่ะ
    โดนกิเลสกระชากหัวลงน้ำตั้งแต่ 7วันแรก แบบว่า เก่งนักใช่ไหม ทำได้ใช่ไหม เป็นไงล่ะ

    #ทำสมดุลร้อนเย็น (แก้ปัญหาทุกข์ทางร่างกาย)

    🌕วันที่เปลี่ยนไป🌕

    ปัจจุบัน ดูแลสุขภาพ และปฏิบัติตัวตามแนวทางแพทย์วิถีธรรม ด้วยหลักยา๙เม็ด ของอาจาร์ยหมอเขียว ด.ร.ใจเพชร กล้าจน

    ❄️๘๖.แพทย์วิถีธรรม ลดโรค ลดยา ลดค่าใช้จ่าย ลดทุกข์❄️

    🔖ปวดท้อง▶️ ทำน้ำสมุนไพรดื่ม ใส่หยวกกล้วยด้วยแก้ปวดท้อง ‼️ตอนนี้ไม่ปวดท้องแล้วค่ะ‼️
    🔖ปรับอาหาร เป็นมังสวิรัติ ไม่ทานเนื้อสัตว์
    ปรุงด้วยเกลือเป็นหลัก
    🔖นิ้วล็อก แช่มือแช่เท้า นวด กัวซา รู้เพียรรู้พัก ‼️เริ่มกำมือได้แล้วค่ะ‼️
    🔖ดีท๊อก ▶️ใช้น้ำปัสสาวะสวนล้างลำไส้ระบายพิษ ใช้น้ำปัสสาวะล้างจมูก หยอดตาหยอดหู ใช้น้ำปัสสาวะแช่แผลสด
    ‼️อาการ ไอ จาม คันตา ขยี้จมูก ภูมิแพ้ หายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าหายไปหลายปีแล้วค่ะ ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิตค่ะ‼️

    ❄️ ๑๕๔. หมอที่ดีที่สุดในโลก คือตัวเราเอง❄️

    ⭕️บำเพ็ญ⭕️
    ร่วมบำเพ็ญกับพี่น้องที่สนามหลวงงานในหลวงรัชกาลที่๙
    ปัจจุบันช่วยทำงานจัดรายการสายด่วนทุกวันเสาร์ ทำหน้าที่ปิด-เปิดไมค์ และหน้าที่อื่นตามสมควร
    จัดรายการ พืช จืด สบาย ร่วมกับพี่น้อง

    🙏ขอพากเพียร ปฏิบัติ ลด ละ เลิก กิเลส ตามกำลังที่สามารถจะทำได้
    🙏ขอช่วยเหลือ ช่วยอาจารย์ทำงานในการเผยแพร่ ธรรมะ คำสอน หลักการดูแลสุขภาพ ให้ ท่านอื่นต่อไป
    🙏พึ่งตน และช่วยคนให้พ้นทุกข์
    🙏ทำกสิกรรมไร้สารพิษ

    #พึ่งตน

    ⭕️กสิกรรมไร้สารพิษ⭕️

    บ้านข้าพเจ้าค้าขาย (วัสดุก่อสร้าง)
    พื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้วางของ อิฐ หิน ปูนทราย
    ข้าพเจ้าก็ใช้พื้นที่ข้างบ้าน หน้าบ้าน หลังบ้าน
    🔖 ปลูกพืชผักสวนครัว ไชยา ไพล ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู มะนาว มะขาม มะเขือเทศ กล้วย กระเพรา โหระพา ฟักเขียว
    มะม่วง มะรุม มีโรงเพาะเห็ดนางฟ้า
    🔖สมุนไพรใช้ทำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น ย่านาง
    ใบบัวบก อ่อมแซ่บ กาบหอย ใบเตย หญ้าปักกิ่ง วอเตอร์เครส โกฐจุฬาลัมพา
    🔖ตอนนี้กำลังทำแปลงผัก เอาไว้ใช้กินเอง
    เหลือก็แบ่งปันพี่น้อง แบ่งปันเมล็ดพันธ์ และทำอาหารมังสวิรัติ แจก ตามเทศกาล

    #แบ่งปันด้วยใจที่บริสุทธิ์(การบำเพ็ญช่วยเหลือผู้อื่น)

    ⭕️แบ่งปัน⭕️

    ทำกสิกรรมไร้สารพิษ ปลูกพืชผักสวนครัว สมุนไพร ใช้เอง เหลือก็แบ่งปันให้ลูกน้อง เมล็ดพันธ์แบ่งให้พี่น้อง
    ทำอาหารเจแจกฟรี ในทุกเทศกาลกินเจตลอดทั้ง 10 วัน ทุกปี (ทำต่อเนื่องมาเป็น10 ปีแล้วค่ะ) แจกอาหารมังสวิรัติทุกวันพระ

    ❄️๑๖๐.การให้ หรือการแบ่งปันด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือความเจริญของจิตวิญญาณ ที่งดงาม มีคุณค่า และผาสุกที่สุดในโลก❄️

    ❄️ ๑๖๕. คุณค่าและความผาสุกของชีวิต คือ ชีวิตที่พอเพียง เรียบง่าย ร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่ดีงาม จิตใจที่เป็นสุข❄️ สาธุ

    🙏กราบคารวะอาจารย์หมอเขียว พี่น้องจิตอาสา กัลยาณมิตรทุกท่าน กราบขอบพระคุณมากค่ะ🙏

  3. กอบกุล ดีสุกใส

    พุทธะชนะทุกข์
    นางกอบกุล ดีสุกใส อายุ 57 ปี
    สังกัด ภาคกลาง สวนป่านาบุญ 9 จ. สุพรรณบุรี
    หมวด จิตใจ
    เรื่อง รู้ชัดวิบากกรรมร้ายในการทำผิดศีลข้อที่ 1
    เมื่อเดือน กันยายน พ.ศ.2564
    ข้าพเจ้าได้มาศึกษาการดูแลสุขภาพตามแนวทางแพทย์วิถีธรรมของท่าน
    อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน
    และได้รับธรรมะจากท่านอาจารย์หมอเขียวใน บททบทวนธรรม เรื่อง
    สิ่งที่สร้างผลทุกวินาทีให้กับชีวิต คือ วิบากกรรม
    วิบากกรรมมีจริงทำอะไร ได้ผลอะไร ก็เกิดจากกระทำของเราเองทั้งหมด
    เจอเรื่องดี เพราะทำดีมา เจอเรื่องไม่ดี
    เพราะทำไม่ดีมาทั้งในปัจจุบันและอดีตสังเคราะห์อย่างละ 1 ส่วน
    ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจในเรื่องวิบากกรรมอย่างชัดเจน
    ในอดีตเมื่อประมาณ 50 ปี
    ที่แล้วคุณพ่อคุณแม่เปิดร้านขายของสดที่ตลาด เช่น ผักสด ผลไม้
    เนื้อสัตว์สด เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ และสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ เช่น
    ปลาช่อน ปลาดุก ข้าวสาร อาหารแห้ง เหล้า เบียร์ มีของใช้ต่างๆ
    ครบถ้วนบริบูรณ์ ข้าพเจ้าจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ขายของต่างๆ
    ให้กับลูกค้าด้วย ส่วน ปลาช่อน ปลาดุก
    ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็นำมาใส่โอ่งใส่น้ำขังเอาไว้ เมื่อลูกค้าต้องการ
    ปลาชนิดไหน ก็จะชั่งน้ำหนัก และ
    ข้าพเจ้าจะทำการทุบหัวปลาและผ่าท้องปลา เอาไส้ปลาออก
    ขูดเกล็ดปลา ล้างและทำความสะอาดให้กับลูกค้า
    จากการกระทำของข้าพเจ้าได้ทำผิดศีล ข้อ 1 คือ
    เว้นขาดจากการฆ่าคนหรือฆ่าสัตว์
    เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้รับวิบากกรรมอย่างหนักเหมือนกับปลาที่ถูกฆ่าและ
    ผ่าท้องเช่นเดียวกัน
    ข้าพเจ้าได้แต่งงานมีครอบครัวเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2538
    จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2538

    ข้าพเจ้าไปทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งตามปกติ
    แต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือข้าพเจ้ามีประจำเดือนออกมามาก
    กว่าปกติ
    โดยปกติจะมีประจำเดือนในปริมาณที่มากอยู่แล้วและอยู่ในระยะเวลา
    7 วัน ข้าพเจ้ายังคิดว่าข้าพเจ้ามีประจำเดือน
    จนไปเข้าห้องน้ำและได้ตกเลือดจนเป็นลม
    เมื่อน้องชายได้นำข้าพเจ้าไปส่งที่โรงพยาบาลพบว่า
    ข้าพเจ้าตั้งครรภ์และแท้งลูก คุณหมอได้ทำการขูดมดลูก
    ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างมาก และกลับพักฟื้นรักษาตัวที่บ้าน
    จากนั้นประมาณเดือน มกราคม พ.ศ.2539
    ข้าพเจ้าได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง
    และได้ไปฝากครรภ์กับคุณหมอที่โรงพยาบาลสม่ำเสมอ
    จนอายุครรภ์ได้ประมาณ 8 เดือน
    แต่เนื่องจากขนาดของครรภ์มีขนาดเล็ก
    ลูกที่อยู่ในครรภ์ไม่สามารถจะกลับตัวเอาศีรษะ
    ลงมาทางปากมดลูกได้
    ถ้าคลำบริเวณหน้าท้องจะพบว่าศีรษะของลูกจะอยู่ตรงด้านบนของบริเว
    ณกระดูกซี่โครง จนเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2539
    มีอาการน้ำคร่ำเดิน จึงได้ไปโรงพยาบาล หมอตรวจดูพบว่า
    เด็กไม่กลับศีรษะ ต้องทำการผ่าคลอดออกทางหน้าท้อง
    วิสัญญีแพทย์ได้ทำการฉีดยาชาเข้าบริเวณไขสันหลังจนยาชาออกฤทธิ์
    คุณหมอเริ่มผ่าตัด ข้าพเจ้าจะเห็น ขั้นตอนที่คุณหมอผ่าตัดตลอดเวลา
    หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นข้าพเจ้า และลูกชายปลอดภัยดี
    คุณหมอจะฉีดยา Cefazolin เป็นยาแก้อักเสบ เข้าไปในน้ำเกลือ
    เพื่อให้รักษาอาการอักเสบหลังจากผ่าตัดซึ่งปกติยาตัวนี้จะใช้กันอยู่
    แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดคือข้าพเจ้าแพ้ ยาตัวนี้
    ทำให้มีผื่นขึ้นตามร่างกายทุกส่วนและตาบวม
    รู้สึกแสบร้อนและคันไปหมดทั้งร่างกาย และเจ็บปวดแผลตรงที่ผ่าตัด
    ได้แต่ทุกข์ทรมานร่างกายอย่างยิ่ง อีก 18 เดือนต่อมา
    ข้าพเจ้าได้ตั้งครรภ์ลูกชายคนที่สองเมื่อถึงกำหนดคลอด
    ข้าพเจ้าต้องผ่าตัดอีกครั้ง ได้แต่ทุกข์ทรมานอย่างยิ่งเป็นครั้งที่สอง

    ปี พ.ศ.2549 ข้าพเจ้ามีประจำเดือนไหลออกมามากกว่าปกติ
    จึงได้ไปปรึกษากับสูตินารีแพทย์
    แพทย์ได้ตรวจภายในบริเวณช่องคลอด และ อัลตร้าซาวด์บริเวณมดลูก
    พบว่า มีก้อนเนื้องอกข้างในมดลูก แพทย์แนะนำให้ตัดมดลูกออก
    โดยการใช้วิธีการส่องกล้อง แพทย์จะเจาะหน้าท้อง 4
    ตำแหน่งเพื่อเอากล้องเพื่อเข้าไปผ่าตัดได้
    ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจรับการรักษาโดยการผ่าตัด
    หลังผ่าตัดแพทย์ได้ส่งชิ้นเนื้อไปตรวจว่าเป็นเนื้อร้ายมะเร็งหรือไม่
    ผลการตรวจชิ้นเนื้อพบว่า ปกติ แพทย์ได้ให้ข้าพเจ้าพักฟื้น ประมาณ 2
    สัปดาห์ และได้ไปทำงานได้ตามปกติ
    จนเมื่อเดือน มกราคม พ .ศ. 2564
    ได้ติดตามรายการของป้านิดดา
    หงษ์วิวัฒน์ได้พูดถึงการดูแลสุขภาพตามหลักแพทย์วิถีธรรมของท่านอา
    จารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน ได้เข้าไปใน Facebook
    หมอเขียวแฟนคลับติดตามฟังเรื่องการเกิดโรคต่างๆและ
    ธรรมะพาพ้นทุกข์ เมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาด COVID-19
    ทางมูลนิธิแพทย์วิถีธรรมได้เปิดอบรมค่ายออนไลน์ ขึ้นในเดือน
    กันยายน พ.ศ.2564 ข้าพเจ้าได้สมัครเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ด้วย
    ได้ร่วมฟังท่านอาจารย์หมอเขียวบรรยายธรรมะพาพ้นทุกข์และสาเหตุที่
    ทำให้เกิดโรคต่างๆ เกิดจากการที่บริโภคเนื้อสัตว์ ไข่
    ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยสัตว์ต้องถูกกักขัง ทรมาน และถูกฆ่า
    เพื่อมาสนองกิเลสความอยากของเรา สัตว์ทุกตัวต่างรักชีวิตตัวเอง
    ไม่มีสัตว์ที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเอง
    หรืออวัยวะต่างๆเพื่อสนองกิเลสความอยากของสัตว์อื่น
    สัตว์ที่เราบริโภคนั้นอาจเคยเกิดเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องลูกหลานของเราก็ไ
    ด้ โดยขณะนั้นข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามศีล 5 ข้ออยู่ โดยศีลข้อที่ 1
    เว้นขาดจากการฆ่าคนหรือฆ่าสัตว์
    เว้นขาดจาการใช้วิธีที่ส่งผลโหดร้ายรุนแรงทรมานตนเองหรือคนหรือสัต
    ว์ ไม่ทำให้ชีวิตสัตว์ตายโดยเจตนา
    และไม่ทรมานหรือโหดร้ายรุนแรงต่อตนเองหรือคนหรือสัตว์อื่นโดยเจต
    นา แต่ข้าพเจ้ายังบริโภคเนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อยู่

    จากการที่ฟังธรรมะของท่านอาจารย์หมอเขียว
    ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้สำนึกผิดแล้วที่ว่าได้เคยกระทำในอดีตคือ
    การทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการเบียดเบียนฆ่าชีวิตสัตว์เช่นปลาช่อน ปลาดุก
    สัตว์จะต้องถูกกักขังและทุกข์ทรมาน จากการกระทำของข้าพเจ้า
    ในเดือน ตุลาคม พ.ศ.2564 จนถึงปัจจุบันข้าพเจ้าได้ปฏิบัติศีลข้อที่ 1
    โดยข้าพเจ้าเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด
    แต่ยังบริโภคไข่อยู่ ข้าพเจ้าจะตั้งใจลดละเลิกบริโภคไข่ในโอกาสต่อไป
    เพื่อการปฏิบัติศีลข้อที่ 1 ให้สูงขึ้น

    บทความนี้เขียนขึ้น วันที่ 14 พฤษภาคม 2565
    ประวัติผู้เขียนโดยย่อ
    กอบกุล ดีสุกใส อายุ 57 ปี สถานภาพ สมรส
    สุขภาพร่างกาย แข็งแรง
    เข้าค่ายออนไลน์ครั้งแรก เดือน กันยายน 2564 ด้วยเหตุผล
    สนใจการรักษาตามแนว
    ทางแพทย์วิถีธรรม
    ปัจจุบันเป็น ผู้คบค้น สังกัดภาคกลาง สวนป่านาบุญ 9 จ.
    สุพรรณบุรี
    การศึกษา ป.ตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขา ชีววิทยา
    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ป.โท MBA จากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
    กำลังศึกษา ชั้นปีที่ 1 หลักสูตรอริยปัญญาตรีหลักสูตร 7 ปี
    สถาบันวิชชาราม

  4. สมทรง นาคแสงทอง

    พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง
    (ชื่อ ทางธรรม พ้นทุกข์)
    สังกัด ภาคกลาง
    สวนป่านาบุญ๓
    จังหวัด ปทุมธานี
    เรื่อง ประโยชน์ ของ
    อาหารเพื่อสุขภาพ
    หมวด จิตใจ
    =คำสำคัญ= สิ่งแวด
    ล้อมในหมู่มิตรดีสหายดี

    น้อมกราบคารวะ
    ท่านอาจารย์หมอเขียว(ดร.ใจเพชกล้าจน ที่เคารพยิ่งค่ะ)

    ผู้เขียนขอส่งจิตวิญญาณถึงความ
    สำคัญของอาหาร
    ที่บริโภคตามลำดับ
    อย่างมีคุณค่าที่ได้
    ศึกษาและปฏิบัติมา
    ตามขั้นตอนตามลำดับที่ถูกวิธีของ
    แพทย์วิถีธรรม

    โดยรวม อาหารเป็นหนึ่งในโลก ก่อนอื่น
    ผู้เขียนขอเสนอเห็นผลของการปฏิบัติเห็นประโยชน์ของการรับประทานอาหารเพื่อปรับสมดุลร้อน เย็น ของ
    ร่างกายให้พอเหมาะ
    กับสภาวะความต้องการขอวร่างกายแบะจิตใจรวมถึงสภาพอา
    กาศ ณ เวลานั้นๆ

    ผู้เขียนรับประทานอาหารเพื่อปรับสมดุลตามลำดับ
    อันดับที่๑ ดื่มน้ำสมุนไพรแยกตามภาวะร้อน เย็น ของผู้เขียน ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีภาวะร้อนมากกว่าจึงเลือกใช้สมุนไพรที่ถูกกันกับธาตุของตัวเอง

    โดยสังเกตผลที่ได้รับจากการบริโภคที่
    ได้รับแล้วสบายเบากาย มีกำลัง พร้อมบำเพ็ญ ฐานงานเพื่อการกุศลได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมปฏิบัติ
    ขัดเกลากิเลส จากอาหาร รับแต่อาหาร
    เพื่อสุขภาพที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย
    และจิตใจ ตัดสิ่งที่
    ไม่ดีไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพออกไป
    ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการปรับสมดุล อย่างสม่ำ
    เสมอ นี้คือการดูแล
    สุขภาพพึ่งตนเมื่อตน
    แข็งแรงพ้นทุกข์ได้
    ก็สามารถช่วยเกลือผู้อื่นได้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ยาเม็ดที่๑
    น้ำสมุนไพรประกอบด้วยใบย่านาง ใบอ่อมแซบ(หรือเบญ
    จรงค์)ใบเตย เท่าที่หาได้มาใส่เครื่องปั่น
    ใส่น้ำเย็นเพื่อถนอม
    เครื่องปั่น สำเร็จแล้ว
    นำมาเจือจางในน้ำพร้อมดื่ม ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
    หรือจะดื่มแทนน้ำเปล่าก็ได้ ตามสบาย
    กายใจของภาวะนั้นๆ

    อันดับต่อไป รับประทานอาหารปรับสมดุล เป็นอันดับ๒
    รับประทานผลไม้ฤทธิ์เย็น เช่น กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร กระท้อน สับปะรด ส้มโอ แอ๊บเปิ้ล เป็นต้น นี้คือผลไม้ฤทธิ์เย็น เมื่อผู้เขียน
    รับประทานแล้วรํสึกสบาย เบากาย มีกำลัง ตามลำดับที่๓
    รับประทานผักฤทธิ์เย็นสด เช่นอ่อมแซบ
    (เบญจรงค์)ผักบุ้ง แตงกวา ปักกาดขาว ผักกาดหอม ผักสลัด
    ผักเหล่านนี้ผู้เขียนรับ
    ประทานแล้วมีสุข
    ภาพดีมีกำลังเป็นอยู่
    ผาสุก ส่วนผักที่ป่านไฟก็มีบ้างเช่นผักไชยารวกหรือต้มเป็นน้ำซุปแต่บางวันก็มีอาหารฤทธิ์ร้อนบ้าง
    ตามธาตุตามภาวะ
    ของการปรับสมดุล

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    มัชฌิมาปฏิปทา(การ
    ปฏิบัติสู่ความสมดุล
    ความพอดี ความเป็นกลาง)เป็นทางเอกสายเดียว
    ที่พาพ้นทุกข์ แสดง
    ว่า ความพ้นทุกข์ เกิดจากการปรับสมดุลให้ได้สมดุล
    พอดี เป็นกลาง

    รวมถึงอาหารเป็นหนึ่งในโลก “จิตวิญ
    ญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง
    จะเห็นได้ว่า อาหารและจิตใจนั้นมีผลมากที่สุดต่อทุกสิ่ง
    ทุกอย่างในโลก รวม
    ทั้งมีผลต่อสุขภาพมากที่สุดด้วย

    สรุปกายใจจากการปฏิบัติถึงการรับประทานอาหารปรับสมดุลได้ผลตอบรับ
    อย่างดีคือ ระบบขับถ่าย เว้นระยะที่ดีขึ้น
    ทำให้เบากาย สบายใจ
    มีกำลัง เป็นอยู่ผาสุก

    มีบทเตือนใจที่ว่า
    สุขภาพดีไม่มีขาย
    อยากได้ ต้องทำเอง

    ท้ายสุดนี้ผู้เขียนตั้งศีลกินมื้อเดียวด้วยอาหารพืช จืด สบาย
    ทานข้าวต้มเป็นหลักทุกวัน ตามด้วยผลไม้ผักสด ผักรวก แค่นี้ก็ดีแล้ว สุดยอดของการเดินหน้าสู่ความ
    พ้นทุกข์ในทุกที่
    ทุกเหตุการณ์
    เมื่อคิดดี พูดดี ทำดี
    ได้แล้ว พร้อมวางดี
    เพื่อให้โลก และ เรา
    ได้อาศัย เพื่อสันติสุข

    ถึงพร้อมของความที่
    ไม่เบียดตนและผู้อื่น
    ให้เป็นทุกข์ สาธุค่ะ
    ==============บทความนี้เขียนขึ้น
    วัน พฤหัสบดีที่๒๒
    กรกฎาคม ๒๕๖๕
    ☆☆▪️☆☆☆▪️☆
    ประวัติโดยย่อ
    ชื่อ สมทรง
    นาคแสงทอง
    (ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์) อายุ ๖๗ปี
    มีบุตร๑คน(ปัจจุบันโสด) อาศัยอยู่กรุงเทพ มาพบแพทย์วิถีธรรมด้วยความเคารพ และ ศรัทธาในแพทย์วิถีธรรม วิถีพุทธ
    การศึกษาเดิมประถม๖
    สัมมาอาชีพ บำเพ็ญงานการกุศลศูนย์บาทด้วยใจที่ผาสุก
    ปัจจุบันกำลังศึกษา
    อริยปัญญาตรี หลักสูตร๗ปี ปีที่๔
    สถาบัน วิชชาราม
    ☆☆☆☆☆☆☆☆

  5. สมทรง นาคแสงทอง

    พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง (ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์)
    สังกัด ภาคกลาง
    สวนป่านาบุญ3
    จังหวัด ปทุมธานี
    เรื่อง เพิ่มศีลกินพอดี
    หมวด สุขภาพกาย
    สุขภาพใจ
    =คำสำคัญ= กินข้าวต้ม/เพื่อสุภาพ/
    สู่ความพ้นทุกข์

    กราบคารวะท่านอาจารย์หมอเขียว
    ที่เคารพยิ่งค่ะ

    ผู้เขียนขอส่งสิ่งดีๆสู่ผู้อ่านพุทธะชนะทุกข์
    ทุกๆท่านค่ะ

    เนื่องจากผู้เขียนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้
    ศาสตร์ของแพทย์วิถีธรรม4ปีเศษจนถึง
    ปัจจุบัน

    เห็นความสำคัญของ
    อาหารเพื่อสุขภาพ
    อาหารเป็นหนึ่งในโลก รับประทานอาหารเพื่อปรับสมดุลร่างกาย
    ตามลำดับการรับประทานน้ำสมุนไพรปรับสมดุล แยกตามสภาวะร้อนเย็นของ
    ตนเช่นกรณีภาวะร้อน
    เกินควรดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นจากธรรมชาติ ด้วยใบย่านาง5-20ใบ ใบเตย1-3ใบ อ่อม แซบหรือเบญจรงค์ครึ่งถึง1กำมือหรือมีอย่างใดอย่างนึง
    หรือหล่ยอย่างรวมกันนำมาขยี้หรือโขลกให้ละเอียดหรือ
    ใส่เครื่องปั่นใส่น้ำเปล่1-3แก้วกรองผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบาง ดื่มแทนน้าเปล่าก็ได้ ก้อนอาหารหรือตอนท้องว่างทานแล้วเว้นระยะ
    ห่างประมาณ5-10นาที ผู้เขียนปฏิบัติแบบนี้
    นี่คือยาเม็ดที่1

    ต่อไปก็จะรับประทาน
    อาหาร ปรับสมดุลร่างกาย

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    “อาหารเป็นหนึ่งในโลก”อาหารที่สมดุลจะทำให้สุขภาพดี
    อาหารที่ไม่สมดุล
    ก็จะทำให้สุขภาพเสีย ผู้เขียนมีภาวะร้อนนำ จึงเน้นที่อาหารที่มีฤทธิ์เย็น
    คืออันดับ1ดื่มน้ำสมุนไพรฤทธ์เย็น
    อันดับที่2รับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นเช่นกล้วยน้ำว้าห่าม
    เท่าที่หาได้ ตามด้วยแก้วมังกร กระท้อน
    สับปะรด ส้มโอ มังคุดเหล่านี้เท่าที่หาได้ บางครั้ง ก็เติม
    เพื่อปรับสมดุลมีฤทธิ์ร้อนบ้างเช่นมะกอสุกฝรั่ง ลองกอง เป็นต้น
    ทานแล้วรู้สึกสบาย
    ตามด้วยผักสดฤทธิ์เย็น เช่น อ่อมแซบ
    (หรือเบญจรงค์) ผักบุ้ง แตงกวา ผักกาดขาว มะเขือเปลาะ เป็นต้น
    ตามด้วยผักรวกเช่นผักไชยา เป็นต้น
    ตามด้วยข้าวต้มที่ผู้เขียนทานข้าวต้มเป็นหลัก บางครั้งก็ทานข้าวสวยบ้าง ตามด้วยถั่วเขียวต้มและน้ำซุบจากผักรวก
    การทานอาหารตามลำดับช่วยให้ระบบขับถ่ายดีที่ผู้เขียน
    ไม่มีปัญหา รับทานง่าย ถ่ายคล่องสิ่งเหล่านี้ที่ผู้เขียนได้
    ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
    ของการปรับสมดุล
    เพื่อสุขภาพให้แข็งแรงดียิ่งขึ้นๆ เพื่อประโยชน์ในการใช้แรงงาน เพื่อพร้อมบำเพ็ญต่อไปด้วยใจที่ผาสุก ของการรับประทานอาหารเพื่อปรับสมดุล โดย
    เป็นหมอดูแลตนเอง
    ว่าการรับประทานอาหารแบบนี้ มีผลตอบรับต่อสุขภาพได้อย่างดีที่ปฏืบัติมา
    ทำให้สุขภาพกาย
    สุขภาพใจสดชื่น
    เย็นสบายเบากาย
    มีกำลังเป็นอยู่ผาสุก
    แต่กว่าจะถึงวันนี้
    ที่ปฏิบัติได้ก็ไม่ง่าย
    ถ้าใจไม่สู้ สู้กับกิเลส
    กิเลสก็คงจะนำชีวิต
    ไปสู่อาหารที่ปรุงแต่งมากมาย

    โดยสรุปผู้เขียนเห็นประโยชน์ของอหาร
    ที่เรียบง่ายประวด้วเกลือเล็กน้อย หรืแทบไม่ปรุงเลย
    ทานข้าวต้มทุกวัน
    ไม่เติมเกลือ ความเป็นอยู่เรียบง่าย เย็นสบาย สดชื่นทั้งภายในและภายนอก
    ทั้งหมดนี้ที่ได้ปฏิบัติจริงทุกวัน ขยันแข็งแรง ไร้โรคภัยมาเบียดเบียน เพราะ
    เราไม่เบียดเบียน
    ชีวิตใคร นี้คือการปฏิบัติในแพทย์วิถีธรรม วิถีพุทธ ทางเอกสายเดียว
    สู่ความพ้นทุกข์

    การไม่เบียดเบียนเป็นสันติสุขในโลก
    =====สาธุ=====
    บทความนี้เขียนขึ้น
    วันศุกร์ที่ 22 กรกฎา
    คม 2565

    ประวัติโดยย่อ ชื่อ
    สมทรง นาคแสงทอง
    ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์ (ชื่อเล่น ติ๋ม)
    อายุ67ปี อาศัยอยู่กรุงเทพ ปัจจุบัน
    บำเพ็ญงานเพื่อการ
    กุศล ศูนย์บาท ด้วยใจที่ผาสุก (มีบุตร1
    คน)ปัจจุบันโสด
    เป็นจิตอาสาประจำ สวนป่านาบุญ3 จัง
    หวัด ปทุมธานี
    จบการศึกษาเดิม
    ประถม6 ปัจจุบัน
    กำลังศึกษาอริย
    ปัญญาตรี ปีที่4
    สถาบันวิชชาราม
    ด้วยเคารพและศรัทธาในหลักธรรม
    คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านอาจารย์หมอเขียว นำ
    สูตรจากพระไตรปิฎก
    แต่ละหัวข้อ มาอธิบาย ขยายความ
    จนผู้ฟัง
    เข้าใจได้ง่าย พรัอวาสมที่จะเรียนรู้ตาม เพื่อปฏิบัติสู่ความพ้นทุกข์ได้จริง สาธุ
    =============พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง (ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์)
    สังกัด ภาคกลาง
    สวนป่านาบุญ3
    จังหวัด ปทุมธานี
    เรื่อง เพิ่มศีลกินพอดี
    หมวด สุขภาพกาย
    สุขภาพใจ
    =คำสำคัญ= กินข้าวต้ม/เพื่อสุภาพ/
    สู่ความพ้นทุกข์

    กราบคารวะท่านอาจารย์หมอเขียว
    ที่เคารพยิ่งค่ะ

  6. สมทรง นาคแสงทอง

    พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง (ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์)
    สังกัด ภาคกลาง สวนป่านาบุญ3 จังหวัด ปทุมธานี
    เรื่อง อาหารมังสวิรัติ ไข่ และ ผลิตภัณฑ์จากไข่
    หมวด จิตใจ และ เหตุการณ์ต่างๆ
    =คำสำคัญ= อาหารเป็นหนึ่งในโลก และ จิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    “จิตที่แจ่มใสอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง” แสดงว่าการทำร่างกายให้แข็งแรง
    จะทำให้จิตใจแจ่มใส ผาสุก

    ระยะเวลาที่ผ่านมา 4 ปีเศษ ได้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต ของการดูแลสุขภาพพึ่งตนด้วยเทคนิค 9 ข้อจากสัตบุรุษที่เข้ามาช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์ที่โลกกำลังเดือดร้อน ในชาตินี้นับว่าผู้เขียนได้เดินถูกทางแล้วกุศลพร้อมจึงพบเจอได้ในที่สุด อาหารเป็นหนึ่งในโลก และจิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง

    ด้วยศรัทธาในปัญญาพร้อมถึงความเมตตาจากท่านอาจารย์หมอเขียว (ดร.ใจเพชร กล้าจน) ที่ท่านหยิบยกหัวข้อของแต่ละสูตรจากพระไตรปิฎกมาอธิบายขยายธรรมะจากสิ่งที่ยากให้ฟังได้ง่าย และ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟังที่ไหนมาก่อน มีความยินดีที่ได้ฟังและได้ศึกษาเรียนรู้สู่ความพ้นทุกข์สืบไป

    ก่อนเข้ามาศึกษาแพทย์วิถีธรรม ผู้เขียนยังบริโภคอาหารที่มีความเบียดเบียนตนและผู้อื่นอยู่ คืออาหารมังสวิรัติไข่ และ ผลิตภัณฑ์จากไข่ เพราะความเข้าใจโดยทั่วๆ ไปว่ามังสวิรัติไข่ไม่มีบาปจึงบริโภคกันอย่างมั่นใจตาม ๆ กันมารวมถึง
    ผู้เขียนด้วย

    ขณะเดียวกันผู้เขียนก็สังเกตว่าตนเองก็แข็งแรงดี แต่ทำไมจึงมีทุกข์ทางกายอยู่ เนื่องจากมีกลิ่นตัว มีอาการร้อนออกทางผิวหนัง มีเม็ดผดผื่นคัน มีเม็ดตุ่มน้ำเหลือง และ มีขาบวมถึงสามครั้ง สิ่งเหล่านี้ ที่ส่งผลให้เกิดทุกข์ทางใจเป็นเวลาต่อมา ทั้งหมดนี้คือความสงสัยที่ไม่มีคำตอบในที่สุด

    ถึงเวลากุศลพร้อม ฟ้าเปิดมีข่าวจากยูทูปเด้งขึ้นมา กล่าวถึงจะมีค่ายเปิดที่สวนป่านาบุญ 9 วันที่ 6-14 มีนาคม 2561 เป็นค่ายเพื่อสุขภาพ และ พระไตรปิฎก รวม 9 วัน ที่ ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เมื่อรู้ข่าวผู้เขียนตัดสินใจทันทีเพราะกายใจเป็นอิสระเป็นไทต่อตนเอง จบภาระกิจที่รับผิดชอบพอดีได้จังหวะทุกอย่างลงตัว

    วันที่7มีนาคม2561 ออกเดินทางทันที ใจพร้อมกายพร้อมถึงแม้จะไม่รู้เส้นทาง
    และเป็นครั้งแรก ที่เดินทางคนเดียวไกลๆ ใจไม่กลัว มุ่งมั่น คิดถึง บารมีของท่านอาจารย์หมอเขียว บอกท่านในใจว่า ขอเดินทางไปเข้าค่าย ที่สุพรรณ โดยมีท่านอาจารย์หมอเขียวนำทางด้วยเถิด ด้วยจิตระลึกถึงแล้วทุกอย่าง ก็ปลอดโปร่งโรงสบาย แม้แต่จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ถึงค่ายด้วยใจที่ผาสุก

    ยินดีและดีใจเมื่อได้พบเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาก่อน ทักทายกันพอสมควร ก็แยกย้ายกันไปหาที่พักตามอัธยาศัย ผู้เขียนบำเพ็ญงานการกุศลอย่างผาสุก เพราะก็เคยผ่านค่ายมาเมื่อปี 2555 ที่ ม.อุบล หลังจากนั้น 6 ปีจึงได้มาเข้าค่าย ปี2561ครั้งนี้คือถาวรที่ตั้งใจบำเพ็ญงานการกุศล อย่างมั่นใจและมั่นคงของการปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาบำเพ็ญ ขนดิน ขนทราย ต่อกันเป็นสายพาน สนุกมาก
    กับการเข้าค่ายเพียงไม่นานก็ครบ 9 วันค่ายจบ ต้องกลับบ้าน ทั้ง ๆที่ไม่อยากกลับ ขออยู่ต่อ ก็ไม่มีใครอนุญาตให้อยู่ต่อ

    หลังจากนั้นต่อมาผู้เขียนก็ติดตามเข้าค่ายทุกค่ายเดินสายไปทุกที่จนถึงภูผาฟ้าน้ำ และ ปัจจุบัน ค่ายออนไลน์ จากการปฏิบัติอย่างจริงใจจริงจัง หลังจบค่ายทุกครั้งจะมีสุขภาพดีแข็งแรง ยิ่งขึ้นๆ รู้จักวิธีปรับสมดุลร่างกายตามสภาวะ ร้อนเกิน เย็นเกิน ด้วยธรรมะ ละบาป บำเพ็ญกุศล ตามด้วย ออกกำลังกายอาหาร ตามสูตรเพื่อสุขภาพแพทย์วิถีธรรม อย่างมั่นใจจนถึงปัจจุบัน

    โดยสรุปผลหลังจากเข้าค่ายมีสุขภาพดีเพราะปรุงอาหารด้วยดอกเกลือเล็กน้อย
    นำธรรมะละบาป ลดกิเลส จากอาหาร ทางตา ทางจมูก ลิ้น กายใจได้ตามลำดับ อาหารเป็นหนึ่งในโลก ถ้าบริโภคอย่างถูกวิธี ผลสรุป จากเคยเป็นโรคทางผิวหนัง ที่ผ่านมาหายหมดสิ้น เพราะเพิ่มศีล จากกินมากเกินพอดี ก็กินอย่างพอดี เคยมีโรคคัน โรคมีกลิ่นตัว โรคทุกโรคที่เคยเป็นก็หายไป ที่สำคัญ กิน
    ก็ได้ ไม่กินก็ได้ เพราะผ่านค่ายพระไตรปิฎกเข้มข้น ตั้งแต่รุ่นที่20จนถึงปัจจุบัน
    ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกุศลทั้งสิ้น ที่มีผลให้หายจากโรคภัยทั้งหมดทั้งสิ้นได้
    และหายสงสัยในที่สุด คลายใจคลายกังวล ใจเป็นสุข พ้นทุกข์ได้ในที่สุดของการปฏิบัติที่ถูกตรงสู่ความพ้นทุกข์ “การไม่เบียดเบียน เป็นสันติสุขที่สุดในโลก” ผู้เขียนขอตั้งศีล การบำเพ็ญความไม่เบียดเบียน บำเพ็ญเมตตาบารมี ผู้เขียนเห็นว่าพบความผาสุกที่แท้จริง
    ==============
    บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม2565
    ประวัติโดยย่อ
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง(ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์)
    ชื่อเล่นติ๋ม อายุ 67 ปี
    สถานภาพ ไม่ได้สมรส แยกกันอยู่ (มีบุตร1คน)
    อาศัยอยู่กรุงเทพ การศึกษาเดิม ประถม6
    สัมมาอาชีพ บำเพ็ญงานการกุศลศูนย์บาท เป็นจิตอาสาประจำ สังกัดภาคกลาง สวนป่านาบุญ 3 จังหวัด ปทุมธานี
    กำลังศึกษาอริยปัญญาตรี ปีที่ 4 หลักสูตร 7 ปี สถาบันวิชชาราม
    =============
    กราบคารวะขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียวด้วยความเคารพยิ่งค่ะ กราบขอบพระคุณ
    คุรุทุกท่านค่ะ อนุโมทนาในทุกๆกุศลพี่น้องหมู่มิตรดีทุกท่านค่ะ สาธุ
    ♡♡♡♡♡♡♡

  7. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : กิ่งไม้ใหญ่แตไม่หนักใจ

    คืนฝนตกหนัก☔️💧และชุ่มฉ่ำด้วยฝนตลอดเกือบทั้งคืนและวันพืชผลดอกออกงอกงามดี🌾🪴🥀

    กิ่งไม้ใหญ่🌲🌴🌵จากการตัดเริ่มลากนำเข้าเก็บด้านในหลังจากมดอพยพหนีไปพอสมควรให้ร่วมแรงบำเพ็ญ🙏🙏🙏

    เกิดกิเลสว่าขอเก็บภาพอย่างเดียวเป็นงานหนัก😵‍💫
    ข้อมือคงทนหนักไม่ไหวและไม่อยากย่ำน้ำเฉอะแฉะ🙄

    แต่หลังจากตามเก็บภาพตัดสินใจว่าต้องช่วยแม้สักกิ่งก็ยังดี🤗

    เมื่อลงมือช่วยด้วยการวางมือถือไปเดินตัวเปล่าลากกิ่งไม้ย่ำน้ำตามหมู่กลุ่ม🙃😉
    ก็ไม่ได้หนักยากอย่างที่คิดแบบที่กิเลสสั่งการไว้😵‍💫

    ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดี
    ได้ออกแรงลากกิ่งเท่าที่จะทำได้อ่านใจกระทบผัสสะไม่บ่นออกมาเก็บเอาประโยชน์😄

    ได้สบายเท้าแช่น้ำเมื่อผ่านทางน้ำขังเป็นแอ่งโคลนเปลี่ยนความชิงชังมาเป็นเย็นสบาย👍😁

    ไม่ได้สกปรกอย่างที่คิด
    แค่น้ำฝนที่มีดินโคลนธรรมชาติช่วยดูดซับพิษที่ใต้ฝ่าเท้าแม้เปรอะเปื้อนเลอะเทอะเสื้อผ้าก็ยังซักได้ แต่กิเลสที่เกาะกุมเปื้อนในใจล้างยากจะขอไม่เก็บมันไว้อีกต่อไป😍

    เพลินอยู่กับการช่วยหมู่จนลืมว่ามีการเรียนผ่านซูม
    จึงตัดรอบวางมือมาอยู่หน้าคอมมือถือตลอดก่อนเที่ยงและบ่ายดีว่าได้ออกแรงยืดเส้นสายระบายพิษที่ฝ่าเท้าไปแล้วทำให้เรียนได้สบายเก็บข้อมูลได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ🤣

    ขอบพระคุณรุ่นพี่และหมู่กลุ่มที่ทำเป็นตัวอย่างและชักชวนแบบไม่บังคับสมัครใจทำหรือไม่ก็วาง🙏👍

    เป็นกฏของการอยู่แบบสาธารณะโภคีจริงๆ
    มีสุขร่วมเเสพมีทุกข์ร่วมต้านดุจเดียวกับการได้ทำอปริหานิยธรรมทุกวัน😇

    ร่วมกันทำกิจกรรรมการงานกินข้าวร่วมกันแลกเปลี่ยนสัมมาทิฐิร่วมกันทุกวันเปิดเผยกิเลสให้เบาบางทุกวันซ้ำๆไม่เบื่อเลย😘

    ไม่เหนื่อย
    ไม่ทัอ
    ไม่หวัง
    แต่เราทำ

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650721

  8. ประภาพรรณ โอษฐ์ยิ้มพราย

    พุทธะชนะทุกข์
    เรื่อง ยางมะละกอเป็นเหตุแห่งทุกข์
    วันที่ 1 ก.ค.65 ช่วงเช้าหลังจากดื่มน้ำสมุนไพร ประมาณ30นาที ข้าพเจ้าก็เริ่มรับผลไม้ หนึ่งในนั้นคือ มะละกอห่าม กรอบ ข้าพเจ้าลืมล้างยางออกจึงเป็นเหตุให้ยางกัดปากตุ่มเม็ดใสเล็กๆเป็นกลุ่มเกิดทันใด ข้าพเจ้าก็นำหยวกกล้วยอ่อนที่ไว้รับกับส้มตำมาเคี้ยวแล้วนำกากมาโปะที่ตุ่มใส ก็หายคัน แต่ตุ่มยังอยู่ผ่านมา2-.3วันก็ไม่หาย ข้าพเจ้าก็นำน้ำสกัดพลังศีลผสมปัสสาวะมาประคบ ก็ไม่หาย ผื่นขึ้น บวมแดง ปากเจ่อ ลามไปเรื่อย จนถึงแก้ม ช่วงที่เป็นแต่แรกๆ ตรวจใจก็ไม่ได้ทุกข์อะไร และก็ได้ปฏิบัติยา9เม็ดเริ่มด้วยดื่มน้ำสมุนไพรสด แช่มือ-เท้าด้วยน้ำสมุนไพรที่ต้ม10นาทีพอเดือดยกขึ้น ตักมาส่วนนึงใส่หม้อเล็กหรือขันก็ได้นำผ้าขนหนูมาคุมปิดขันก้มหน้าลงอิงไอร้อนสักพักแล้วเงยหน้าออกแล้วก้มทำใหม่พอประมาณแล้วนำน้ำสมุนไพรในหม้อต้มมาผสมน้ำเย็นให้อุ่นๆแล้วแช่3นาทีพัก1นาที ทำ3รอบ ดีท็อกซ์ทุกวัน ตอนเย็นก็ทำน้ำ5พลัง มีผงถ่าน1ช้อนชา น้ำสกัดพลังศีล1ช้อน น้ำปัสสาวะครึ่งแก้ว น้ำสมุนไพรสดครึ่งแก้ว น้ำมันเขียว1-2หยด คนให้เข้ากัน ค่อยๆจิบไปเรื่อยๆส่วนตัวจะเหลือไว้ครึ่งแก้ว แล้วมาดื่มก่อนนอนจนหมด ปฏิบัติทุกวัน อาการบวมลดลง แต่ยังมีอักเสบเล็กน้อย ช่วงเป็นนั้น รับอาหารแบบปรุงคือนึ่งไชเท้ากับแป้งถั่ว ซึ่งร้อนต่อร่างกายและรับผลไม้มากเกิน ในวันส่งการบ้าน เข้าซูม พี่จิตอาสาท่านแนะนำให้เข้าสายด่วนสุขภาพเข้าถามพี่น้องหมู่มิตรดี คำตอบจากพี่น้องคือ แนะนำเรื่องอาหารเป็นข้าว ผักต้ม ดอกเกลือ และหยุดรับผลไม้ ข้าพเจ้าได้ทำตามมาตลอด และในแต่ละวันก็ใช้น้ำปัสสาวะผสมน้ำพลังศีลใส่ขันใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบบิดหมาดคอยซับหน้าเสมอๆ พอวันเข้าพรรษา ตั้งศีล ไม่ซื้อผลไม้ มีผลไม้ในบ้านอยู่ก็รับเท่านั้น แต่ในช่วงที่เป็นหยุดรับผลไม้ใดๆเลย ส่วนการดูแลก็ทำยา9เม็ดตามสะดวก มีพอกหน้าบ้าง อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ เพราะตั้งแต่เริ่มต้นอาการ ใจ คือสิ่งแรกที่ข้าพเจ้า ต้องจัดการ ใจไม่ทุกข์ ปฏิบัติยา9เม็ด ปรับปรุงอาหาร ตั้งศีล ลดกิเลส และสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ บททบทวนธรรม ที่อาจารย์ได้กลั่นจากพระไตรปิฎกให้อ่านและใช้ในชีวิตประจำวัน ข้าพเจ้าใช้ข้อที่25คือเมื่อเกิดทุกข์ใจ ทุกข์กาย เรื่องร้ายเข้ามาในชีวิตเขามาเพื่อให้เราได้ชดใช้ ให้เราไม่ประมาท ให้เราเพิ่มอริยศีล ให้เราได้สำนึก ให้เราได้หมดวิบาก เพราะสิ่งที่เราได้รับนั้นคือสิ่งที่เราทำมาทั้งนั้น เราต้องรับ
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเรา ข้าพเจ้าใช้หมดทุกอย่าง อาการดีขึ้นตลอดจนหายเป็นปกติ ไม่ได้ไปหาหมอและกินยาใดๆ เพราะ ยา ที่รับประทานทุกวันคือ สมุนไพรในตัว 3เวลา
    ประภาพรรณ โอษฐ์ยิ้มพราย
    นศ.อริยะปัญญาตรีชั้นปีที่1 หลักสูตร7ปี สังกัดภาคกลาง และเป็นผู้คบคุ้นสวนป่านาบุญ9

  9. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : กิเลสหวงลูกค้า

    กิจกรรมการงานมีเช่นเดิมแม้วันฝนตก☔️ก็ยังมีผู้มาเยือน แม้เลื่อนเวลามารับประทานอาหารเป็นช่วงเช้าก็มีผู้มาเยือนแต่เช้าก็ไม่หงุดหงิดได้ฝึกยินดีแม้ไม่ได้ดังใจหมาย🙄

    แต่เห็นกิเลสตัวหวงลูกค้าเพราะรุ่นพี่ขยันขันแข็งทำหน้าที่ถามแบบสอบถามงานวิจัยปโทของพื่อนเก็บข้อมูลกับผู้มาเยือนทุกท่านแม้ท่านมีภารกิจเรียนป.เอกหรือยังทานอาหารไม่เสร็จ😙

    ความไม่พอใจกรุ่นอยู่ในใจจนนั่งนิ่งปล่อยให้ท่านทำแล้วก็สวนหมัดกิเลสให้มันอาย😵‍💫ลุกขึ้นต้อนรับแทนท่านให้ท่านได้ไปทานข้าวให้เสร็จ🤣

    การอยู่ร่วมกันถ้าเก็บความไม่พอใจแม้เล็กแม้น้อบก็ต้องเปิดเผยกิเลสออกมาไม่เก็บความทุกข์ทับถม🤩

    และลอกความขยันของรุ่นพี่ที่ไม่หมดพลังเสียพลังกับอารมณ์อกุศลต่างๆจนสะสมแต้มทำกุศลและบุญขัดเกลากิเลสจนเต็มรอบแรงไม่ตกทำงานนอกงานในเข้าจรดค่ำ😁

    กิเลสตายยอมอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้
    อ่านใจหาทุกข์ณ.ขณะปัจจุบันไม่ปล่อยให้กิเลสลอยนวลด้วยอิทธิบาทเต็ม💯❤️

    พิงเชือกอยู่ต่อไปในแดนบุญท่ามกลางมิต่ดีสหายดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นสู่หนทางพ้นทุกข์😉😇

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650723

  10. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : อาหารสี่เลี้ยงกายขันธ์

    การหลอมรวมตัวในสถานที่แห่งหนึ่ง ดำเนินชีวิตกิจวัตรประำวันย่อมหนีไม่พ้นอาหารสี่😘
    ปฏิบัติธรรมในทุกคำข้าว กวฬิงกวราหารที่เลี้ยงกายขันธ์ อ่านเวทนาในใจชอบชัง😍

    ลดความอยากในอาหารที่เป็นพิษไม่กินตามใจกิเลสตัณหาก็จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็ม💯

    ผ้สสาหารที่กระทบคน สัตว์ สิ่งของซึ่งจะส่งผลให้ได้ล้างขัดเกลากิเลสได้มากเมื่อพบปะผู้คนตั้ง1ขึ้นไปยิ่งมากก็ยิ่งได้อ่านใจ❤️

    ที่มากระทบทุกอายตนะมีความรู้สึกชอบชังให้ได้อ่านใจเป็นอุเบกขาเปรียบได้กับวัวไม่มีหนังที่สะดุ้งเจ็บปวดทรมานที่สิ่งมากระทบที่ผิวหนีไปที่ใดก็ไม่พ้นรังแต่จะอักเสบมากยิ่งขึ้นจนกลัดหนองและตายได้😵‍💫

    ถ้าไม่ปรับความคิดคือ
    มโนสัญเจตนาหารอ่านใจต่อยอดอาหารทางความคิดสะสมให้เป็นแบบพุทธะ😇

    ก็จะเปลี่ยนจิตวิญญาณให้เป็นวิญญาหารที่ดีด้วยการคบและเคารพส่วนดีและเมตตาในส่วนด้อยของหมู่มิตรดีสหายดี🤗

    โชคดีที่ได้อยู่ในแดนบุญที่พบปะผู้คนกระทบผัสสะใหม่เก่าทุกัน ยืนพิงเชือกอยู่กับคู่ปรับและคู่ท้าชิง👍

    กระทบผัสสะขัดเกลาล้างกิเลสซึ่งกันและกันค่อยๆปะหนังวัวไม่ให้ติดเชื้ออักเสบเยียวยาไปทีละส่วนจนมีหนังขึ้นมาห่อหุ้มจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งทั้งตนเองและคนรอบข้างพร้อมพึ่งตนและช่วยคนให้พ้นทุกข์😉

    ดังที่พระพุทธเจ้าตร้สว่า”มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นสู่หนทางแห่งความพ้นทุกข์”ด้วยการเดินมรรคมีองค์แปดในชีวิตประจำวัน😄

    ยินดีได้แม้ไม่ได้ดังใจหมาย
    ขอบคุณทุกผัสสะที่มากระทบ
    ได้อ่านเวทนาปรับความคิดเกิดอุเบกขา
    สร้างจิตวิญญาณผาสุกผ่องใสในทุกปัจจุบันขณะ🤩

    บริโภคอาหารสี่ถูกวิธี
    ฝึกฝนล้างกิเลสทีละตัว
    ไม่นำติดตัวข้ามภพข้ามชาติอีกต่อไป😙😇😁

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650719

  11. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : อยากกินน้ำอัญชันมะนาว

    ร่วมกิจกรรมที่อบต.คลองสามเชิญชวนไปแบ่งปัน🍋🍸🍷น้ำสมุนไพร🌴🌸🥀และอัญชันมะนาวต้นกล้าสมุนไพรความรู้การดูแลสุขภาพ🤗

    เกิดกิเลสอยากดื่มน้ำมะนาวอัญชันที่รุ่นพี่ต้มกรอกแจกเป็นขวดแม้รุ่นพี่อนุญาตให้ดื่มได้ก็ผลัดไว้ว่าจะไปดื่มที่งาน😙

    ไปช่วยจัดลำเลียงน้ำสมุนไพรเก็บภาพในงานแล้วรีบกลับมาเปิดร้านค้ากองบุญจึงลืมน้ำอัญชันที่ขอไว้🙄

    ยุ่งอยู่กับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มีเวลาว่างก็จะเพิ่มอาหารหลังจากที่กินข้าวต้มถั่วขาวหลวงก่อนไปงานกลับมากินผักสดผักลวกของนึ่งเต็มอิ่มพอ😄

    แต่ก็ยังไม่วายถามรุ่นพี่ว่าเหลือน้ำอัญชันเมื่อกลับจากงานหรือไม่🙃
    ท่านบอกว่าแจกหมดแล้วกิเลสตาย 😵‍💫

    ดีใจว่าไม่ตกมื้อและได้แบ่งปันกับผู้ที่ต้องการมากกว่าเราที่มีโอกาสดื่มเมื่อไรก็ได้แค่เด็ดดอกไม้มาใส่น้ำร้อนบึบมะนาวก็ได้แล้วมีวัตถุดิบในสวนมากมาย ยินดีที่เสียสละน้ำขวดของเราที่ได้แบ่งปันให้ผู้อื่นอย่างสุขใจ🤣

    แล้วรุ่นพี่ก็ชวนกินขนมจีนน้ำยาทำใหม่สดได้กลิ่นหอมเครื่องแกงแต่อ่านใจว่าอิ่มเต็มพอแล้วจึงปฏิเสธอย่างง่ายดายไม่ได้กดข่ม😉

    ขอบพระคุณทุกเหตุการณ์ให้อ่านอาการชอบชังสุขทุกข์ล้างใจให้เป็นอุเบขาด้วยความยินดี🙏🙏🙏

    650724

  12. สมทรง นาคแสงทอง

    พุทธะชนะทุกข์
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง(ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์)
    สังกัด ภาคกลาง สวนป่านาบุญ๓ จังหวัด ปทุมธานี
    เรื่อง ประโยชน์ ของการกินอาหาร พืช จืด สบาย
    หมวด สุขภาพกาย สุขภาพใจ
    คำสำคัญ แรงเหนี่ยวนำของหมู่มิตรดี

    กล่าวถึงผู้เขียนเมื่อครั้งอยู่บ้าน ก่อนที่จะมาเข้าร่วมกิจกรรม กับหมู่มิตรดี ผู้เขียนก็มีแหล่งซื้ออาหารไร้สารพิษ
    มาบริโภค แต่วิธีทำอาหารที่หลากหลาย เหมือนอยู่ในศูนย์
    คงเป็นไปไม่ได้ อย่างมากก็แค่ต้มผัก ผักลวกก็คือเมนูเดียวกัน หรือบางครั้งก็ทำเป็นแกงจืดไปทีเดียว จะมาทำแยกเป็นเมนูต่างๆ คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะ
    ผู้เขียนก็กินคนเดียวในบ้าน แต่ก็มีสุขภาพที่ดีระดับนึง
    ที่ได้กินอาหารเพื่อสุขภาพด้วยพืชผักที่ไร้สารพิษ

    ขณะเดียวกันช่วงนี้ตามศูนย์แพทย์วิถึธรรมได้เปิดจัดค่าย
    อบรม ผู้เขียนจึงตัดสินใจเข้าศูนย์ บำเพ็ญประโยชน์
    ที่สูงกว่า

    ดังนั้นผู้เขียนจึงหาทางเข้าศูนย์บำเพ็ญ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
    ไว้ให้ได้อาศัยเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านต่อไป ด้วยใจที่ผาสุก

    ดังนั้นผู้เขียนจึงเดินหน้าเข้าศูนย์ ตั้งแต่ว้นที่ ๑๓ กรกฎาคม
    ๒๕๖๕ ร่วมบำเพ็ญในค่าย ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

    ผู้เขียนเห็นความแตกต่างของการกินอาหาร พืช จืด สบาย
    และ สบายใจจริงๆ ที่ได้ปฏิบัติ เพราะที่ศูนย์จะมีอาหารที่หลากหลาย และ แบ่งเป็นเมนูต่างๆเช่น

    เมนูข้าวต้มเพื่อสุขภาพใส่ถั่วเขียววันนึง
    หรือ๒วัน เมื่อเกินธาตุแล้ว วันต่อไปก็เปลี่ยน
    จากถั่วเขียวเป็นถั่วขาวหรือลูกเดือยก็ได้
    ข้าวต้มทานง่ายได้สุขภาพดีมาก ผู้เขียนทานแล้ว
    ได้สุขภาพกายใจจริงๆ เคี้ยวนุ่มสบาย ย่อยง่าย

    เมนูต่อไปคือนึ่ง มีมัน มีเผือก มีฟักทอง มีมะละกอห่าม
    ทุกอย่างนำมาหั่นให้พอดีคำ แล้วนำมานึ่ง
    ในรังถึง(หรือซึ้ง)จนสุกดี นิ่มพอสมควรก็ได้อีก๑เมนู

    และเมนูต่อไปก็เป็นผักรวก เช่น มีกระเจี๊ยบเขียวในสวน
    นำมารวก ตามด้วยผักไชยา นำมาเด็ดแยกก้านแยกใบ
    แล้วนำมารวกในน้ำเดือดพอสุกนิ่ม ก็ได้แล้วอีก๑เมนู

    ส่วนผักสดที่ไร้สารพิษขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นอ่อมแซบป่า อ่อมแซบบ้าน ผักโสมไทย แก้อ่อนเพลีย กินแล้วสดชื่น

    โดยรวมอาหารพืช จืดสบาย ที่เอ่ยมานึ้ ล้วนเป็นอาหาร
    ที่เรียบง่าย ได้พลังศีล ทำให้สุขภาพกายใจแข็งแรง
    เป็นอยู่ผาสุก

    โดยสรุปประโยชน์ของการกินอาหารพืชจืดสบายเพื่อสุขภาพที่ดี ที่ผู้เขียนได้ปฏิบัติแล้วดีอย่างไร

    ๑.ได้พลังศีลจากแรงเหนี่ยวนำของหมู่มิตรดีที่ประกอบอาหารเพื่อสุขภาพด้วยใจที่บริสุทธิ์

    ๒.มีความแตกต่างกว่าตอนอยู่บ้านคือ อยู่ศูนย์กินอาหารพืช จืด สบาย ทำให้มีผิวพรรณดี ดูหน้าตาผ่องใสกว่าเดิม
    ด้วยพลังศีล

    ๓.มีอริยศีล กินมื้อเดียว ทำให้จิตใจเบิกบาน แจ่มใส แข็งแรง พร้อมบำเพ็ญฐานงานหนักได้ ด้วยใจที่ผาสุก

    ๔.มีอริยศีลที่สูงขึ้น คือ ไม่เบียดเบียนตน และ ผู้อื่น
    ให้เดือดร้อนเป็นทุกข์ มีชีวิตที่ผาสุกในทุกที่

    ๕.ได้ประโยชน์ ที่หลากหลายจากการกินพืช จืด สบาย
    ด้วยใจที่ไร้ทุกข์ ผาสุกด้วยแรงเหนี่ยวนำ ในหมู่มิตรดีมีศีล

    ๖.กุศลส่งผลให้มือและเท้าของผู้เขียนมีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด

    ๗.มีผิวพรรณดี หน้าตาผ่องใส ใจเป็นสุข
    ============================
    บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฏาคม ๒๕๖๕
    ☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
    ประวัติโดยย่อ
    ชื่อ สมทรง นาคแสงทอง(ชื่อเล่นติ๋ม)ชื่อทางธรรม พ้นทุกข์
    อายุ ๖๗ ปี อาศัยอยู่กรุงเทพ สถานภาพ ไม่ได้สมรส แยกกันอยู่ (มีบุตร๑คน) การศึกษาเดิม ประถม ๖ อาชีพ บำเพ็ญงานการกุศล ศูนย์บาท เป็นจิตอาสาประจำ สังกัด ภาคกลาง สวนป่านาบุญ ๓ จังหวัด ปทุมธานี
    ปัจจุบัน กำลังศึกษาอริยปัญญาตรี หลักสูตร ๗ ปี
    สถาบัน วิชชาราม
    ==================================

  13. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : ตอบแทนคุณรุ่นพี่

    เป็นวันสบายๆที่แม้อยู่คนเดียวรุ่นพี่ไปทำภารกิจข้างนอกแต่เช้า และไม่เดียวดายมีรุ่นน้องอยู่บำเพ็ญทำการเขียนงานส่งการบ้าน😄

    ปฏิบัติภารกิจด้วยตนเองตามเหตุและปัจจัยช่วยในส่วนที่ขาดเด็ดใบย่านางกองใหญ่ด้วยตนเองไม่ชี้ใช้ต่ออีกแล้ว ถ้าเป็นแต่ก่อนก็มักจะอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่เรา แต่เดี๋ยวถ้าไม่ทำก็ขี้เกียจเป็นอบายมุกเบื้องต่ำแล้วยังจะมีห้าตั้งศีลยินดีได้กับทุกสถานการณ์จริงหรือไม่ จึงริดใบ และล้างจนหมดกองไม่ได้นานช้าเสียเวลาอย่างที่ตั้งธงชิงชังงานละเอียดเช่นนี้ พร้อมกับเข้าซูมออนไลน์ส่งการบ้านล้างกิเลสเปิดเผยความในใจไม่ลึกลับอีกต่อไป🙄

    พร้อมช่วยสายด่วนออนไลน์ตอบปัญหาให้กำลังใจรุ่นน้องรุ่นพี่ช่วงไม่มีผู้มาช่วยตอบคำถามเนื่องจากมีภารกิจจัดค่าย
    ออนไซท์ตามศูนย์ต่างๆ🤣

    ดูแลร้านค้ากองบุญพร้อมกับช่วยทำเบบสอบถามงานวิจัยของรุ่นน้องป.โทด้วยความยินดี จนถึงเวลาปิดร้านค้าปิดม่านรูดด้วยตนเองอย่างไม่ยากไม่ลำบาก😁

    รุ่นพี่กลับมาจากธุระข้างนอก แช่กล่องอาหารที่อ่างล้างจานคอยดูการอุ่นกระทิสดถนอมไว้กินตามที่รุ่นพี่ขอให้ช่วยดูแลและล้างกล่องอาหารปิ่นโตไปด้วยอย่างสบายใจได้ตอบแทนคุณท่าน แม้แต่ก่อนท่านออกไปข้างนอกก็ช่วยล้างกระทะเพื่อให้ท่านออกไปปิบัติภารกิจได้ไม่เสียเวลา 😉

    ผลการเปลี่ยนแปลงตัวเราเองเช่นนี้ทำให้รุ่นพี่ยิ้มแบบที่เราเคยเรียกร้อง และเมื่อทำสิ่งต่างๆโดยไม่หวังผลไม่ต้องเรียกร้องแค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ ไม่ชี้ใช้ พึ่งตนให้มากที่สุด ระวังกรรมสามในทุกขณะปัจจุบัน จึงได้ผลกุศลได้รับบรรยากาศอบอุ่นและร่มเย็น

    เข้าฟังธรรมออนไลน์อาจารย์พบปะการจัด
    ค่ายออนไซท์ที่ศูนย์ทั้ง2ร่วมกันกับจิตอาสาทั่วโลกแม้อยู่ห่างไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ร่วมรับพลังอย่างสุขใจ😙

    ร่วมอปริหานิยธรรมก่อนเข้านอนด้วยพลังเต็มที่ได้ร่วมรู้สารทุกข์สุขดิบปัญหาของพี่น้องหมู่กลุ่มทั่วประเทศเรียนรู้การตอบแก้ไขปัญหาการประมาณที่เหมาะสมของครูบาอาจารย์ด้วยความเมตตา😇

    ลงความเห็นมติหมู่ด้วยความสามัคคีของมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นสู่ความพ้นทุกข์🤩

    พร้อมฝึกฝนที่ตน
    และช่วยคนให้พ้นทุกข์

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650727

  14. กอบกุล ดีสุกใส รหัส 64301

    พุทธะชนะทุกข์
    นางกอบกุล ดีสุกใส อายุ 57 ปี
    ชื่อทางธรรม เย็นใจใส
    สังกัด ภาคกลาง สวนป่านาบุญ 9 จ. สุพรรณบุรี
    หมวด จิตใจ และ เหตุการณ์
    เรื่อง ความกลัวกังวลหวั่นไหวทีเกิดจากคนเช่าบ้านไม่จ่ายค่าเช่า

    เรื่อง คนเช่าบ้านมาขอเช่าบ้านตั้งแต่เดือน มี.ค. พ.ศ.2563 คนเช่าได้จ่ายค่าเช่ามาตลอด จนเมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ได้ทวงถามค่าเช่าไปและได้ทราบว่าคนเช่าค้างจ่ายค่าไฟฟ้าประมาณ 3 เดือน ประมาณ 15,000 บาท คนเช่ายอมจ่ายค่าไฟฟ้า และขอย้ายออกไปเช่าบ้านหลังใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ แต่ยังค้างค่าเช่าอยู่ประมาณ 5,000 บาท ได้เจอคนเช่าอยู่ คนเช่าบอกว่าจะโอนเงินให้ แต่คนเช่าไม่ได้โอนเงินให้
    ทุกข์ ความกลัวกังวล ความหวั่นไหว ถ้าคนเช่าไม่จ่ายค่าเช่าบ้าน
    สมุทัย ถ้าคนเช่าจ่ายค่าเช่า จะสุขใจ คนเช่าไม่จ่ายค่าเช่าจะทุกข์ใจ
    นิโรธ คนเช่าจะจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือไม่ ก็ไม่สุขใจ ก็ไม่ทุกข์ใจ
    มรรค เรามีความอยากให้คนเช่าจ่ายค่าเช่าบ้าน นี้มันกิเลสของเรา เราควรหยุดกิเลสความอยากของเราที่ทำให้เราทุกข์ใจ ยินดีรับใช้วิบากกรรม ส่วนคนเช่าที่ไม่จ่ายค่าเช่าบ้าน ก็เป็นวิบากกรรมของเขา
    เหตุการณ์ในชีวิตในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจะได้กระทำอกุศลกรรมมามากมายตั้งแต่ การผิดศีล 5 ข้อ เมื่อมาได้พิจารณาศีลในแต่ละข้อ พบว่า ข้าพเจ้าได้ทำผิดศีล 5 ข้อมาโดยตลอดยกตัวอย่าง ศีลข้อที่ 1 เว้นขาดจากการฆ่าคนหรือฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการใช้วิธีที่ส่งผลโหดร้ายรุนแรงทรมานตนเอง หรือคน หรือสัตว์อื่น
    เวลาข้าพเจ้าได้พูดคุยเพื่อทวงเงินกับคนที่มาเช่าบ้าน ข้าพเจ้าจะมีอารมณ์โมโหหงุดหงิด ถ้าคนเช่าจะไม่โอนค่าเช่าบ้านให้ แสดงว่า ข้าพเจ้าได้กระทำการเบียดเบียนตนเอง เกิดความทุกข์ใจ และเบียดเบียน คนเช่า ทำให้เขาต้องทุกข์ใจเพราะไม่สามารถจ่ายเงินค่าเช่าให้ได้
    ข้อปฏิบัติ คือ ข้าพเจ้าลดละเลิกการรับประทานสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงเลือกวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเอง ขณะ เวลานั้น คือ ไม่เบียดเบียน ไม่ทรมานตนเอง
    ศีลข้อ 2 เว้นจากการลักทรัพย์ ไม่เอาทรัพย์สินของคนอื่นไปโดยเจตนาขโมย หรือ ฉ้อโกง
    ในสมัยตอนเด็ก ข้าพเจ้าอยู่กับคุณย่า ข้าพเจ้าชอบไปหยิบเงินที่คุณย่าจะเก็บไว้ในตะกร้าโดยไม่ได้ขออนุญาตมาก่อน
    ข้อปฏิบัติ คือ ข้าพเจ้าจะไม่เอาทรัพย์สินของคนอื่นไปโดยเจตนาขโมย หรือ ฉ้อโกง
    ศีลข้อ 3 เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม
    ในอดีต ข้าพเจ้าชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติเข้มข้น เค็ม หวาน เผ็ด เปรี้ยว ทำให้มีผลต่อสุขภาพร่างกาย
    ข้อปฏิบัติ คือ ข้าพเจ้าจะ ลดละเลิกการเสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทั้งที่เป็นพิษหรือเกินความจำเป็นของชีวิต เช่น อาหารที่มีพิษ หรือไม่สมดุลร้อนเย็น เป็นต้น
    ศีลข้อ 4 เว้นขาดจากการพูดโกหก คำหยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ
    ในสมัยที่ข้าพเจ้ายังทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ เวลาหัวหน้ามาตามงานที่ได้รับมอบหมาย แต่งานไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด บางครั้งข้าพเจ้าพูดโกหกหัวหน้างาน ว่างานเสร็จแล้วทำให้หัวหน้างานเกิดกิเลสความโกรธ
    ข้อปฏิบัติ คือ ข้าพเจ้ามีวาจาซื่อสัตย์ ไม่โกหก ไม่หลอกลวง ไม่พูดส่อเสียด นินทา ยุยงให้คนแตกร้าวกัน ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
    ศีลข้อ 5 เว้นขาดจากความมัวเมาในความโลภ โกรธ หลง
    เมื่อก่อนข้าพเจ้าทำงานมีความอยากโลภ อยากมีบ้าน รถยนต์ ที่ดิน สะสมทรัพย์สินเงินทองไว้ ข้าพเจ้าต้องทำงานหนักเพื่อนำมาใช้ซื้อทรัพย์สินต่างๆ ต้องเป็นหนี้สิน เกิดความเครียด ทำให้เกิดเสียสุขภาพ ร่างกายไม่แข็งแรง
    ข้อปฏิบัติ คือ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ 10 คือ ความเห็นถูกต้องเป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ลดละอบายมุข กาม โลกธรรม และอัตตาในตัวตน
    สรุป
    ความเข้าใจชัดว่าผลวิบากของกรรมดีอันเกิดจากการปฏิบัติศีล 5 และผลวิบากกรรมชั่วอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติศีล 5 นั้นมีจริง
    ใช้บททบทวนธรรม
    ข้อ 8 สิ่งที่เราได้รับ คือ สิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับ โดยที่เราไม่เคยทำมา
    ข้อ 10 เมื่อเกิดสิ่งเลวร้ายกับเรา ไม่มีอะไรบังเอิญทุกอย่างยุติธรรมเสมอ เพราะเราเคยทำ
    เช่นนั้นมามากกว่านั้นเมื่อได้รับแล้วก็หมดไป เราก็โชคดีขึ้น

    บทความนี้เขียนขึ้น วันที่ 27 พฤษภาคม 2565
    ประวัติผู้เขียนโดยย่อ
    กอบกุล ดีสุกใส อายุ 57 ปี สถานภาพ สมรส
    สุขภาพร่างกาย แข็งแรง
    เข้าค่ายออนไลน์ครั้งแรก เดือน กันยายน 2564 ด้วยเหตุผล สนใจการรักษาตามแนว
    ทางแพทย์วิถีธรรม
    ปัจจุบันเป็น ผู้คบค้น สังกัดภาคกลาง สวนป่านาบุญ 9 จ. สุพรรณบุรี
    การศึกษา ป.ตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขา ชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ป.โท MBA จากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
    กำลังศึกษา ชั้นปีที่ 1 หลักสูตรอริยปัญญาตรีหลักสูตร 7 ปี สถาบันวิชชาราม

  15. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : กิเลสรีบเร่งจนผิดศีล

    ช่วงเข้าซูมส่งการบ้านประจำวันเกิดกิเลสความรีบร้อนอยากเร่งจบการขายเพื่อมาเข้าซูมส่งการบ้านเมื่อถึงคิวที่ยกมือจองไว้😉

    เร่งจนผู้มาเยือน🙄เตือนสติว่า”รอได้” จึงให้ท่านรอฟังเราส่งการบ้านไปด้วยกลับกลายเป็นผลดีให้ท่านได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สื่อสารการล้างทุกข์ณ.ปัจจุบันไม่ได้เสียเวลา 😍

    เมื่ออ่านใจรู้ความจริงตามความเป็นจรืงไม่ผิดศีลที่จะออกมาทางกายวาจาใจจนเทพมาลาตีลูกค้าที่ดีเตือนให้ยิ้ม ยอม เย็นให้ได้อย่างแท้จริงและยินดีได้แม้ไม่ได้ดังใจหมายตามที่ตั้งอธิศีลในช่วงเข้าพรรษามาเป็นบททดสอบว่าผ่านหรือไม่🤣

    ถ้าไม่ได้อยู่ในแดนบุญแห่งนี้ก็จะไม่ได้มีโอกาสฝึกเข้มแบบนี้ คงเอาแต่ใจตัวเองทำทุกวิถีทางที่จะให้งานนอกสำเร็จ😵‍💫

    ไม่ทันได้มาอ่านใจจนทำร้ายคนรอบข้างมาตลอดเวลาเพิ่มอกุศลกรรมทำดีแล้วเทให้หมากินมาตลอด ติดลบเพิ่มวิบากร้ายสร้างภพชาติของกิเลสให้โตขึ้นทุกวัน🤢

    จึงไม่ปล่อยให้กิเลสลอยนวลนำความทุกข์ใจส่งการบ้านล้างกิเลสความใจร้อนให้เบาบางจางคลายในทุกวัน🤩

    ได้เปิดเผยความชั่วของตัวเองให้สำนึกผิดละอายและเกรงกลัวต่อบาปใช้ญาณ7พระโสดาบันข้อที่4ที่ได้สำนึกผิด ขอโทษขออโหสิกรรม ไม่ทำสิ่งผิดนั่นอีกต่อไป😄

    ซ้ำๆจนมีสติมากพอที่จะขัดใจกิเลสได้อย่างอัตโนมัติไปทีละเรื่อง👍
    จนละบาป บำเพ็ญกุศล
    ทำจิตใจให้ผ่องใสได้ด้วยความยินดี😁

    กลับมาคุยกับผู้มาเยือนเพิ่มเติมข้อมูลสุขภาพได้อย่างสบายๆไม่เหนื่อยเครียดเหมือนตอนกิเลสสั่งการให้ทำดังใจหมายของมัน🙃

    ไม่ปล่อยให้กิเลสลอยนวลอีกต่อไป
    ยิ้ม ยอม เย็น
    ไม่ยึด ไม่อยาก ไม่ทุกข์
    ผาสุกยั่งยืน😁

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650728

  16. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : กิเลสอายความขยันของรุ่นพี่

    🌴รุ่นพี่ตัดแต่งกิ่งเสลดพังพอนตัวเมียเด็ดใบไว้ทำยาก้านไว้ปลูกต่อในวันฝนตกแดดออกสลับกันทั้งวัน🤗

    ไม่ได้ช่วยริดใบเสลดพังพอนอย่างที่รุ่นพี่ร้องขอเนื่องจากเข้าฟังการสัมมนาวิชาการออนไลน์ทั้งวันหลังจากอิ่มเต็มพอกับอาหารมื้อเดียวแต่เช้าหมดภาระเรื่องอาหารการกินที่ใช้เวลาสลับกับการต้อนรับผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง🤣

    ใช้เสียงมากไปกับการสัมภาษณ์แบบสอบถามงานวิจัยให้รุ่นน้องป.โท5-6ท่านที่เข้ามาพร้อมกันในเวลาเดียวกันแลัวยังตอบคำถามสุขภาพจนเสียงแหบหาย😵‍💫ถ้าไม่ปรับสมดุลด้วยน้ำสมุนไพรด้วย🍺ชาบานไม่รู้โรยดอกอัญชันบีบมะนาวชุ่มคอมีเสียงไม่แสบคอบำเพ็ญได้ต่อไป😘

    รู้สึกละอายที่ไม่ได้ช่วยรุ่นพี่ริดใบไม้แล้วท่านทำเองอย่างต่อเนื่องจนเสร็จแล้วยังมาพับกระสอบข้าวที่เราพับแบบไม่เรียบร้อยมารีดจนเรียบร้อยกิเลสความขี้เกียจตายเลยว่าท่านไม่พักเลย👍

    ไม่เคยเบื่อที่จะทำงานตลอดเวลาไม่เคยต่อว่าที่เราทำงานไม่เรียบร้อยแต่แก้ไขด้วยตัวท่านเองสิ่งที่เปลี่ยนไปคือท่านไม่บ่นต่อว่าแล้วยังทำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม😁

    จนเราอาย🙄ที่ท่านสุขอะไรนักหนากับงานที่บำเพ็ญอย่างต่อเนื่องเช้าจรดค่ำแม้ช่วงฟังธรรมตอนเย็นหรือประชุมป.เอกท่านก็กรอกน้ำมันเขียวไปด้วยจนง่วงสุดๆท่านก็ตัดรอบไปพักผ่อนไม่ได้ฟังอปริหานิยธรรมให้จบ😉

    ตั้งใจบำเพ็ญลอกเรียนแบบความขยันไม่ทำตัวให้สบายจะได้ไม่ตกสู่อบายมุขความขี้เกียจ
    ขอเพียรล้างกิเลสตัวนี้🤩

    เริ่มพับถุงให้เรียบร้อยรุ่นพี่จะได้ไม่ต้องคอยมาทำซ้ำทำงานละเอียดไม่รีบร้อนรีบใจเย็นพับถุงใบใหญ่ที่ใส่สมุนไพรให้เล็กเรียบร้อยเล็กแบนได้เหมือนรุ่นพี่ไม่เสียเวลาอย่างที่กิเลสคอยสั่งการให้รีบร้อนทำงานให้จบๆและมีกิเลสเต็มบ้องอีกต่อไป😇

    พร้อมฝึกงานละเอียดด้วยความยินดี😄

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650729

  17. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    เรื่อง : หวงเก้าอี้ประจำตัว

    เมื่ออ่านใจในแต่ละวันได้ความวางใจตัดชอบชังไปทีละเรื่องเห็นอาการของกิเลสที่คอยยุยงให้กลัวระแวงหวั่นไหวตามสัญญาเดิมเมื่อจิตอาสาชายมาที่ศูนย์สละแบ่งปันข้าวของที่บ้านมาเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมแล้วเดินตามมาคุยที่ร้านค้ากองบุญไม่รีบร้อนจากไปเช่นเดิมมีเวลามาพูดคุย🙄

    ทุกข์ : หวงเก้าอี้ประจำตัว

    สมุทัย : ทุกข์ที่มีผู้ชายมานั่งเก้าอี้ประจำตัว

    นิโรธ : สุขใจแม้มีผู้ชายมานั่งเก้าอี้ของตนเองหรือไม่ก็ตาม ยอมขัดใจกิเลสตัวยึดถือสาความเป็นเจ้าของไม่สละแบ่งปันของใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะกับเพศตรงข้าม😵‍💫

    มรรค : วางความติดยึดไม่เป็นเจ้าของสิ่งใดเมื่อมาอยู่แบบสาธารณะโภคีว่าควรกินใช้ร่วมกันได้ จึงขัดใจกิเลสที่จะไม่นำเก้าอี้ตัวอื่นให้ท่าน กลับทำตรงข้ามชี้ชวนให้ท่านนั่งตามสบายและพูดคุยสารทุกข์สุขดิบได้ช่วยเหลือเกื้อกูลในสิ่งที่ท่านยังนึกไม่ออกในเรื่องอาหารที่ส่งผลถึงสุขภาพที่ยังเรื้อรัง

    รู้สึกอยากตอบแทนคุณที่ท่านสละเวลามาให้ได้ล้างกิเลสตัวหวงของและกลัวเพศตรงข้าม
    ได้มีโอกาสให้กำลังใจท่านจนท่านตัดสินใจสละเวลาที่มีจำกัดในแตละวัน
    มาร่วมลงชื่อบำเพ็ญช่วงการจัดค่ายสุขภาพ เข้าใจถึงความสำคัญของบุญที่จะลดความสบายของตัวพร้อมมาขัดเกลากิเลสกับหมู่มิตรดีสหายดีและร่วมกุศลการทำกิจกรรมการงานร่วมกันได้ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน🤣

    พิสูจน์สัจจะได้ตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า”มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของความพรหมจรรย์” คือการเดินสู่มรรคมีองค์แปดหนทางสู่ความพ้นทุกข์สุขสงบใจแห่งความนิพพานได้ในชีวิตประจำวัน😁

    ไม่ยึด ไม่อยาก ไม่ทุกข์
    ผาสุกยั่งยืน😇

    เย็นน้อมพุทธ กล้าจน
    650731

Comments are closed.