นักศึกษาวิชชารามและจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม ร่วมบันทึกเรื่องราวจากชีวิตจริงของตนเองที่ได้เรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือคำสอนของครูบาอาจารย์ …อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โจทย์ พุทธะชนะทุกข์
!สำหรับนักศึกษาสังกัดภาคอื่น ๆ คือ
- ภาคเหนือ สวนป่านาบุญ8 ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ฯลฯ
- ภาคอีสาน สวนป่านาบุญ1 สวนป่านาบุญ4
- ต่างประเทศ
- ฯลฯ
นักศึกษาพิมพ์เรื่องราวหรือคัดลอกข้อมูลส่งในส่วนแสดงความคิดเห็นด้านล่าง
หมวด : ทั่วไป
ชื่อเรื่อง : เกิดอะไรขึ้น จงท่องไว้ เราทำมา
คำสำคัญ : ตั่งศีล, สวดมนต์, ประเพณี,ธรรมะ
เมื่อก่อนข้าพเจ้า ชอบในการปฎิบัติธรรม( สมัยเด็กๆ เห็น ผู้เฒ่า ผู้แก่ นุ่งขาว ห่มขาว น่าเลื่อมใส) เข้าวัด ทำบุญ ทำบุญ ทำทาน ร่วมทำบุญ โรงทาน ร่วมถึงการ่วมสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ตามกำลังศรัทธา ถวายผ้าไตรจีวร และอื่นๆ ที่วัดขอความช่วยเหลือด้านต่างๆ เสมอ ชอบไปวัด และปฏิบัติธรรม นุ่งขาว ห่มขาว ตามวัดต่างๆ
ปฎิบัติเดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำวัดเข้า ประมาณ การไปปฎิบัติธรรมในตอนนั้น อยากได้บุญ และได้ ยินคำว่า นิพพาน ไปนิพพาน มีความเลื่อมใส ในเครื่องแบบพระ เห็นพระคือ ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า ตั้งแต่เด็ก ๆ บ้านติดกับ วัด จะได้ยินเสียง สวดมนต์ทำวัดเช้า ทำวัดเย็น ทุกๆ วัน ในวัยเด็ก สวดตามบ่อยๆ จนจำได้ ตื่นเช้า พ่อแม่ จะสอน บอกเสมอว่า ต้องทำทานก่อน คือ ทำบุญตักบาตร ประเพณีที่บ้าน คนอิสาน เรียกว่า ไปจังหรร คือการนึ่งข้าวเหนียว การทำอาหาร ไปถวายพระ ที่วัดตอนเช้า และได้รับพร ก็ทำอย่างนั้นเรื่อยๆมา ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่พ่อแม่ เคยมาทำมา
จน ปี พฺศ 2559 ชีวิตการแต่งงานล้มเหลว ชีวิตมีทุกข์ทางใจมาก ดั่งคำพูดที่ว่า ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม ได้ตัดสินใจ หันหน้า เข้าทางธรรม ค้นหา ฟังธรรม เรื่อยมา ได้นำมาปรับใช้ในชีวิตแก้ไขปัญหา ทางจิตใจ ได้บ้าง ทุกข์บ้าง สุขบ้าง การปฎิบัติธรรมใน ตอนนั้น คือ สวดมนต์ เช้าแปล นั่งสมาธิ เดินจงกรม ดูจิต ดูใจ ตามความเป็นจริง ในชีวิตจริงๆ และ การดูจิตใจ และ ท่องคำบริกรรม ตามที่เราเข้าใจ ฟังในยูทูป ไม่ได้ ถามคำถามกับครู อาจารย์ อะไร
สภาพจิตใจ เข้าใจเรื่อง เวรกรรม บาป บุญ ใครทำอะไรไว้ ก็ได้รับ ผลของกรรมนั้น ให้อภัยคนอื่น แต่บางครั้ง ข้าพเจ้าเหมือนได้สภาวะ คือ ถ้าเราเป็นเขาในสถานการณ์นั้น เราก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ยังมี โลภ โกรธ หลง และ มีความติด สันโดษ ชอบอยู่ คนเดียว ห่างโลกมากขึ้น ไม่ยุ่งกับ อบายมุข เที่ยวละเล่น การพนัน รวมถึง ดื่มน้ำเมาต่างๆ การที่เป็นชาวพุทธ และการมีศีล5 ในตอนนั้น คิดว่าข้าพเจ้าเอง เป็นชาวพุทธ ที่ดีคนหนึ่ง
ต่อมาปลายเดือน กันยายน พ.ศ2565 ได้พบ คลิปท่าน อาจารย์ หมอเขียว โดย บังเอิญ จากการที่ข้าพเจ้า ดื่มน้ำปัสสวะหา ประโยชน์ ของน้ำปัสสาวะนั้น โดย คลิปอาจารย์เด้งขึ้นมา ปัสสาวะรักษาโรค ข้าพเจ้า สะดุดในธรรมะ ที่อาจารย์บรรยายในครั้งแรก หลายๆคำบรรยาย ขยายความใน คำศัพท์ ตามพระไตรปิฏกแบบง่ายๆ ทำให้ข้าพเจ้า เข้าใจ และประทับใจ อาจารย์หมอเขียว เป็นคนอีสาน ที่อัศจรรย์ มาก ยกคำพื้นเมือง อีสาน ทำให้เรา ยิ่งเข้าใจ และ ยิ่งทำให้เรามีความอยากรู้ว่า ท่านอาจารย์หมอเขียวคือใคร ใครคือหมอเขียว ดื่มปัสสาวะ เกี่ยวข้อง กับธรรมะ ได้อย่างไร จนถึงบางอ้อ ที่อาจารย์บรรยาย พระสัมมาสัมพุทธะเจ้า ได้ใช้ผลไม้ ” สมอดองเยี่ยว” ในการ รักษาโรค ในสมัยเด็กๆ ข้าพเจ้าเคยได้ยินมา และ ได้ดื่มน้ำปัสสาวะ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่ไม่ได้สังเกตเห็นว่า ดีขึ้นหรือเปล่า ในตอนนั้น ทำตามคุณลุงที่เราได้ไปอาศัยอยู่กับท่าน (ใครว่าอะไรดี ก็ทำ คิดแล้วว่าไม่เสียหายอะไร ไม่ดีก็เลิก)
พอฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ แตกต่าง อย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่เข้าใจ ศีล 5 ที่ละเอียด อยากรู้ว่า คืออะไร การตั้งศีล และ ปฎิบัติศีล ถือศีล 5 ที่ละเอียด แบบถูกตรง ถูกต้อง ที่เราทำ คือศีล แบบไหน การตั้งศีล ข้อที่ 1 การลด ละ เลิก เบียดเบียน คนอื่น สัตว์ คือ การไม่กิน เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ จากสัตว์ทุกชนิด ก่อนนั้น เราไม่เข้าใจ เพราะว่า การปฎิบัติธรรมตามพระท่านอื่นๆ สำนักอื่น ๆ ข้าพเจ้าไปซื้อเนื้อสัตว์ จากร้านค้า หรือ ห้างสรรพสินค้า คือ สัตว์ที่ตายแล้ว มาทำอาหาร สิ่งนี้ที่ ข้าพเจ้า ได้ยินมา และ ทำมาตลอด จนได้ฟังการบรรยายธรรมะ ของท่านอาจารย์หมอเขียว สอนว่า การรกินเนื้อสัตว์ เป็นบาปมาก เรามีส่วนร่วมในการ ร่วมมือให้สัตว์ เหล่านั้น ตายเพราะเรา ใจมันสลด จากคำนี้มาก
การเกิดโรค และ วิบากกรรม ที่เราทำ ร้ายคนอื่น สัตว์อื่น มาจากสาเหตุนี้เอง
เริ่มตั่งศีล กับตัวเอง ลด ละ เนื้อสัตว์ ทุกชนิด ในตอนแรก แต่ยัง ไม่กล้า เปิดเผยกับคนรอบข้าง
จน ได้เข้า ขอปวารณาตัวเป็นจิตอาสาคบคุ้น เริ่มปฎิบัติและส่งการบ้าน จนคุรุ ได้แนะนำ และฟังอาจารย์บรรยายเรื่อยมา เริ่มปฎิบัติอย่างจริงจัง ฟังคำแนะนำใน zoom สายด่วน ประสบการณ์จริงจาก พี่น้อง จิตอาสา จนได้ตัดสินใจ บอกคนรอบข้าง ว่าตัวเองปฎิบัติธรรมตั้งศีล กิน อาหาร พืช จืด สบาย ตามแพทย์วิถีธรรม ถึงมีบ้างในการพบปะ ร่วมรับประทานกับคนในครอบครัว ก็ กินแบบ เจเขี่ย และไม่สวดมนต์ เย็นแบบยาวๆ เหมือนเมื่อก่อน (สวดมนต์ไป ใจก็ฟุ้งซ่านไป ประมาณนั้น)
หันมาอ่านบททบทวนธรรม 165 กะรัต ของท่าน อาจารย์หมอเขียว
ได้ เห็นสภาวะในใจ ทำใจ ในใจ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตามฐานจิต ของตนเอง เรื่องราวใน อดีตที่ผ่านมา ทุกๆอย่างยุติธรรมเสมอ โดยเฉพาะ ข้อ 46 เกิดอะไรขึ้น จงท่องไว้ กู ทำมา
บทสรุป เส้นทางของพุทธะ เรารู้แล้วละ ว่าต้องทำอย่างไร เราจะพากเพียร ต่อไปตาม ฐานจิตของเรา แบบ รู้เพียรรู้พัก
การตั้งศีล ปฎิบัติศีล จนเกิด ปัญญา พาพ้นทุกข์ ก่อนหน้านั้น เรากดข่ม เราเชื่อ แต่ว่า กดข่ม ( ท่องคำบริกรรม ) เราทำได้แค่นั้น เกิดอะไรขึ้น “ เราทำมา “ มันไม่ใช่ กู กู กู
อาจารย์หมอเขียวได้บรรยายในธรรมะ พาพ้นทุกข์ ตอนเย็น ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ 2565 ที่ว่า “ เห็นทุกข์ ล้างทุกข์
หมดทุกข์ หมดวิบาก “
สาธุค่ะ
ประวัติผู้เขียน นิตยา คาร์โดน่า อายุ 40 ปี
ชื่อทางธรรม เพียรเพลินพุทธ
เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม พฺศ 2565
สถานะ หย่าร้าง มีลูกชาย 1 คน
เป็นจิตอาสาคบคุ้น สวนป่านาบุญ 6 ต่างประเทศ ประเทศออสเตรเลีย
นักศึกษาวิชชาราม หลักสูตร7 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาวิชชาราม ชั้นปีที่ 1
รู้จักแพทย์วิถีธรรม จากYouTubeโดยบังเอิญ
Comments are closed.