กระดานแบ่งปัน ๘ (๒๕๖๔) [2:4]

กระดานแบ่งปัน สังคมแห่งการเรียนรู้วิชชาราม (vijjaram learning society)

สัปดาห์ที่ 8/2564 ประจำวันที่ 22-28 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 นักศึกษาวิชชารามทุกชั้นปี ทุกหลักสูตร นักศึกษาเก่า นักศึกษาใหม่ สามารถแบ่งปันการเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัย โดยพิมพ์ ชื่อ นามสกุล (รหัสนักศึกษา หรือ (ภาคสมทบ) หรือ (นักศึกษาเก่า) หรือ ฯลฯ) หรือจะใช้นามปากกาก็ได้เช่นกัน

โดยสามารถแบ่งปันเรื่องราวได้มากมายหลากหลาย เช่นดังต่อไปนี้…

  • แบ่งปันสภาวธรรม
  • สรุปสาระธรรม
  • เรื่องราวในชีวิต
  • การดูแลสุขภาพ
  • การเรียนรู้สิ่งใหม่
  • การทบทวนเรื่องเก่า
  • ร้องเรียน ร้องทุกข์
  • บันทึกประจำวัน
  • ทบทวนธรรม
  • ฯลฯ

โดยจะเปิดพื้นที่นี้ใหม่ทุกสัปดาห์และจะไม่สามารถย้อนไปบันทึกหรือแบ่งปันในสัปดาห์เก่าได้

4 thoughts on “กระดานแบ่งปัน ๘ (๒๕๖๔) [2:4]”

  1. ชุติวรรณ แสงสำลี

    อาจารย์หมอเขียว
    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
    #ธรรมะสัญจร ค่ายพระไตรปิฏกครั้งที่ ๓๖

    #การเสพกิเลส คือเอาพลังดีไปเพิ่มพลังร้าย แปลพลังดีเป็นพลังร้าย สุขไม่มีมีแต่ทุกข์เท่านั้น มีแต่โทษ มีแต่ทุกข์ มีแต่ความเศร้าหมอง
    #กิเลส คือสิ่งที่เหมือนจริงแต่ไม่จริง ไม่มีอะไรยากเท่ากับการกำจัดกิเลสในโลกใบนี้….
    ผู้ที่ลดกิเลสได้มีเท่ากับฝุ่นปลายเล็บ ส่วนผู้ที่กำจัดกิเลสไม่ได้เท่ากับดินทั้งแผ่นดิน

    คนพ้นทุกข์มีน้อย ส่วนคนทุกข์มีมากจมในกิเลส…ผู้ที่เรียนรู้และปฏิบัติ ลด ละ กิเลสมีเท่ากับฝุ่นปลายเล็บ

    #ผู้ใดตัดกิเลสได้ มีแต่ความเบิกบานแจ่มใส ไร้กังวล พิจารณาโทษของกิเลส กิเลสจะสลายอย่างเต็มใจ…

    เราต้องพิจารณาหลายเหลี่ยมหลายมุมกิเลสจึงจะสลายได้ #ถ้าพิจารณาแล้วกิเลสยังเสียดาย กิเลสยังไม่ตาย แสดงว่ายังมีเหลี่ยมมุมที่กิเลสยังไม่ตาย เราก็ต้องหาเหลี่ยมมุมว่า สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ๆๆๆๆ
    #กิเลสทำให้เราได้สิ่งที่ไม่อยากได้…..และไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากได้
    #กิเลสเหมือนจริงแต่ไม่จริงเป็น #วิปลาส ๔ คือ
    -ในสภาพไม่เที่ยง ว่าเทียง(อนิจเจ นิจจัง)
    -ในสภาพเป็นทุกข์ ว่าเป็นสุข(ทุกเข สุขัง)
    -ในสภาพไม่ใช่อัตตา ว่าเป็นอัตตา(อนัตตานิ อัตตา)
    -ในสภาพไม่งาม ว่างาม(อสุเภ สุภัง)
    (พระไตรปีถูกเล่ม ๓๑ “มหาวรรค วิปัลลาสกถา” ข้อ ๕๒๕)

    #พิจารณาจนกิเลสละลาย….ว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สุขสมใจอยากเป็นทุกข์ ไม่มีประโยชน์ มีแต่ทุกข์เท่านั้น พิจารณาว่ากิเลสไม่มีประโยชน์ จนกิเลสละลาย…..#จึงพ้นทุกข์ได้

    #ถ้าชอบสิ่งใดให้พิจารณาโทษของสิ่งนั้น เห็นแต่ทุกข์ของสิ่งนั่นเท่านั้น พิจารณาหลายเหลี่ยมหลายมุม……ว่ามีแต่ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์เท่านั้นดับไป ….#สุขไม่มี มีแต่เสียพลัง เพิ่มพลังทุกข์ เรื่องร้าย เศร้าหมอง

    #ผู้ที่มีปัญญาพิจารณาให้เห็นจนกิเลสละลาย #สุขไม่มีมีแต่ทุกข์จึงจะพ้นทุกข์ได้แท้จริง….

  2. ชุติวรรณ แสงสำลี

    สรุปสาระธรรม
    #ชีวิตเกิดมาต้องการอะไร…..
    #ชีวิตจริงๆต้องการมีคุณค่าและความผาสุกแท้ พึ่งตนและช่วยคนให้พ้นทุกข์ ทุกคนก็แสวงหาความพ้นทุกข์….#แต่สิ่งที่ผู้คนค้นพบกลับไม่พ้นทุกข์จริง

    #นอกจากธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่พึ่งตนและช่วยคนให้พ้นทุกข์ได้จริง (ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ทางอื่นไม่มี) พระพุทธเจ้าลองวิธีอื่นมาแล้วแต่ไม่พ้นทุกข์….`พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง

    #ชีวิตที่พึ่งตนและสานพลังกับสัตบุรุษและหมู่มิตรดี จึงจะพ้นทุกข์ได้…เพราะการคาดคะเนทางพ้นทุกข์เดาไม่ได้ #ชีวิตของผู้ที่พ้นทุกข์ได้จึงจะพาผู้อื่นพ้นทุกข์ได้

    #ขีวิตที่พ้นทุกข์ได้ต้องได้พบสัตบุรุษและได้ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ความรู้สู่ความพ้นทุกข์ ลึกซึ้ง คาดคะเนเดาไม่ได้….แม้ทางนี้ พญามารมักลวงหลอกให้หลงทางอยู่เสมอ เพราะเราเคยเสพกิเลส หลอกลวงตัวเอง หลอกลวงผู้อื่นมาตลอด

    ได้สมใจก็สุขใจชอบใจ ไม่ได้สมใจก็ทุกข์ใจไม่ชอบใจ….#ชีวิตจริงๆแท้คือสุขสบายใจไร้กังวลตลอดเวลานี่คือสุขจริงแท้ของพุทธะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

    #สุขสมใจอยากวิปลาสคนไม่รู้หลงว่าเป็นตัวเราของเรา หลงว่าดีงาม ถ้าได้จะยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ไม่ได้จะทุกข์ทรมาน เมื่อเรามาปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าจะรู้ว่าไม่ดีไม่งาม มีแต่ความหลงสำหรับคนไม่รู้

    #ในโลกใบนี้มีแต่วิชชากับอวิชชา….คนในโลกจมอยู่กับอวิชชาความไม่รู้ทางพ้นทุกข์ ว่าจะปฏิบัติอย่างไรชีวิตจะพ้นทุกข์ได้ #เมื่อเราเข้าใจชัดชีวิตก็จะพ้นทุกข์ได้…..

    อาจารย์หมอเขียว
    ดร.ใจเพชร กล้าจน
    ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
    #ธรรมะสัญจร ค่ายพระไตรปิฏกครั้งที่ ๓๖

  3. ชุติวรรณ แสงสำลี

    # การดูแลสุขภาพ
    ทำสมดลร้อนเย็นด้านร่างกายได้
    ข้อ๑.กินน้ำสมนไพรปรับสมดุลทุกวันไปทำนาได้อย่างสบาย และกินน้ำผัก-ผลไม้ปั่นบางวัน ก่อนหรือหลังกินอาหาร
    ข้อ๒.กัวซาหน้าด้วยมือ ศีรษะด้วยไม้ สะโพกข้อนิ้วมือ ได้บางวันเมื่อมีอาการนั่งนานๆ
    ข้อ๓.สวนล้างลำไส้ไม่ค่อยได้ทำ เกือบ 2 เดือนแล้ว ตื่นต่ 3 ร่างกายจะขับถ่ายทุกเช้าเป็นปกติโดยจะดื่มน้ำก่อนถ่าย 1 แก้วเสมอ เพื่อไล่ของเสียออกมาได้ง่าย
    ข้อ๔.แช่มือแช่เท้าด้วยน้ำต้มสมุนไพร ช่วงตี 4 เวลาตื่นนอนอากาศหนาวเย็นทำให้มืออบอุ่นไม่เกร็งแข็งได้ผ่อนคลายมือได้เร็ว แช่สะโพกเป็นนานๆครั้ง
    ข้อ๕. แช่น้ำปัสสาวะอุ่นๆปิดตาแช่ พอปัสสาเย็นลงก็ลืมตาแช่ทำทุกเช้าหลังตื่นนอน ทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดสดใส
    ข้อ๖.กดจุดลมปราณ 5-6 วันต่อสัปดาห์ ทำโยคะตื่่นนอนเสมอๆ มาร์ชชิ่งวันละ 2- 3 ครังต่อวันข้อ๗.ทานอาหารปรับสมดุลย์ได้ทุกวัน ทานรสพืชจืดสบาย เพียวๆสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่อากาศหนาวเย็นก็ทานอาการปรุแต่งบ้างวันละนิดๆหน่อยๆ
    ข้อ๘.ได้ฟังธรรมะทุกวัน รู้แจ้งว่ากิเสสยังไม่หมดพากเพียรลดละเลิกล้างไปทีละตัว ต่อสู้กันไป แพ้บ้างเพื่อให้ได้เรียนรู้และได้ตั้งศีลเพิ่มเพื่อให้เลื่อนฐานอาศัยปฏิบัติ และบางตัวชนะได้ง่ายๆก็มีหลายตัวพิจารณาเห็นประโยชน์มากกว่าโทษ กิเลสก็หายไปทันทีและได้ใคร่ควรพิจารณาปัญญารู้เท่าทันทุกข์ให้มีน้อยที่สุดและสลายไป ตรวดดูก่อนนอนมีเลสอาสวะอะไรเหลืออยู่ไหมก็มีบ้างบางตัวและมีอนุสัยบางตัวยังต้องพากเพียรล้างออกต่อไป
    ข้อ๙.รู้เพียรรู้พัก ไม่เบียดเบียนตัวเอง ช่วงนี้นอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เข้าเต็นท์ฟังอปริหาไม่จบก็เผลอหลับไปแล้ว ช่วงเช้าตื่นนอนตี3 ทุกวันสม่ำเสมอ ได้ความแข็งแรง แข็งแกร่ง ทนทาน มีพลังทุกวัน มีสุขภาพที่ดีสู้หนาวได้สบาย สู้ร้อนได้ดี จิตใจเบิกบาน ชีวิตเบามากขึ้นๆๆกว่าเดิมเยอะขึ้นไปอีก

  4. อรวิภา กริฟฟิธส์

    กล้าในธรรม
    ได้ขอชื่อทางธรรมกับอาจารย์ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อาจารย์บรรยายธรรมะ เกี่ยวกับการชนะความกลัวด้วยความกล้าแปดประการ ตัวเองก็ได้ขอชื่อทางธรรมกับอาจารย์ อาจารย์ก็ได้ให้ชื่อ กล้าในธรรม รู้สึกประทับใจมากเป็นสิ่งที่เตือนใจตัวเองในการปฏิบัติธรรม รู้สึกว่าตัวเองมีความกล้าในการปฏิบัติอธิศีลยิ่ง ๆ ขึ้น และตัวเองมีความกล้าในการวางใจ ให้ทุกคนเจริญไปตามธรรมตามกรรมของแต่ละคน

    เมื่อเรามุ่งหมายให้เกิดดี แต่ดีไม่เกิดดังใจหมาย เราก็มีความกล้าที่จะไม่ให้ดีเกิดได้ ทำให้ตัวเองไม่ทุกข์ใจเหมือนแต่ก่อน เพราะเราเชื่อและชัดเรื่องของกรรม ทุกคนทุกชีวิตล้วนอยากสุข อยากสมบูรณ์ทั้งนั้น แต่ที่ยังทุกข์ยังพร่องอยู่เพราะมีวิบากร้ายกั้นอยู่ มีวิบากร้ายเพราะทำผิดศีลมา เราก็กล้าที่จะยินดีให้แต่ละคนได้รับวิบากกรรมที่ตนทำมา เพราะเรารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราหรือใครได้รับคือสิ่งที่เราทำมาทั้งนั้น

    เรายินดีให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดดับตามที่มันควรจะเป็นได้ และรู้สึกว่าเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น แต่ก่อนเรามีความเพ่งโทษถือสาคนอื่นมีความชิงชังคนอื่น เพราะเรากลัวว่าดีจะไม่เกิดดังใจหมาย เราคอยแต่จะเอาดีจากคนอื่น แต่ตัวเองทำชั่วผิดศีลทำตัวเป็นขโมย คอยขโมยเอากุศลที่ไม่ใช่ของเรา ตอนนี้กล้าให้ทุกเป็นอย่างที่เขาเป็น มีความเมตตาต่อคนอื่นมากขึ้น

    เพราะเรารู้ว่าทุกคนจะพ้นทุกข์อยู่แล้ว ดูแต่เราสิเราก็ยังมีพร่องมีพลาดอยู่เลย อาจารย์ยังให้ความเมตตาเราอยู่เสมอ เราก็ควรกล้าที่จะให้โอกาสคนอื่นด้วย ให้โอกาสเขาได้พัฒนาและใช้วิบากกรรม เรากล้าที่จะหยุดอยากให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น กำจัดที่ความอยากของเรา พอเรากล้าหมดอยาก พอเรากล้าก็หมดทุกข์ ได้ความผาสุก

Comments are closed.