ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 16 ในวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 12.00 น. – 14.00 น.
ตรวจการบ้านอริยสัจ 4
1.อาการขาบวม
คมเวช หงส์เชิดชัย
ทุกข์ : มีความกังวลใจที่เท้าขวาบวม และมีอาการคัน รู้สึกไม่ชอบใจ รำคาญใจและเมื่อคันก็จะเกา ยิ่งคันก็ยิ่งเกาจนเป็นผื่นแดงมากและกลัวว่าจะไปกระทบกับเท้าที่บวมด้วย
สมุทัย : ได้ไลน์คุยกับพี่สุที่ร.พ.โพธาราม พี่สุบอกให้ลดยาความดันซึ่งปกติ จะรับประทานครั้งละ ½ เม็ด และครั้งนี้ให้งดยาตัวนี้ไปเลยไม่ต้องกิน สักประมาณ 2-3 วัน อาการเท้าบวมก็ลดลงเป็นปกติ ชอบ ถ้าเท้าไม่บวม / ชัง ถ้าเท้าบวม
นิโรธ : การที่เราทำไปเท้าเรายังบวมอยู่ ทำไมเราถึงได้คันที่ขา ไม่ได้ทำให้เราหายจากอาการเจ็บป่วยได้ เท้าก็บวม อาการคันก็เป็นอีก เราต้องดับที่ใจ เราต้องวางอาการที่ทุกข์ใจที่คัน และบวม ไม่ต้องไปเกามันอีก
ดังที่ อ. หมอเขียวสอนไว้
มรรค : ต้องทำใจว่าไม่ต้องกลัวเพราะ ยิ่งกลัวเรายิ่งแพ้ จะเป็นอะไรให้คิดว่า หายก็ได้ ไม่หายก็ได้ ไม่ให้ใจเป็นทุกข์ เพราะทุกข์เกิดจากความหวั่นไหวเป็นปัจจัยให้ป่วย
2.เรื่อง ทุกข์มา ปัญญาเกิด
สมทรง นาคแสงทอง
ย้อนหลังได้บำเพ็ญที่ภูผา ถึงเวลาลูกไปรับกลับสู่ขวัญ รักษาตัวที่เชียงใหม่โรงพยาบาล ได้๖วัน จึงกลับบ้าน ด้านทางดี ลูกและหลานเบิกบานเต็มที่ ลูกชายคนดี และหลานคนนี้ดูแลด้วยใจ อยู่รักษาตัว๗วันก็หาย ร่างกายแข็งแรง ลูกชายช่วยสอนให้นอนให้นั่ง ให้ลุกให้ยืน จนหลับและตื่น ลูกชายชื่นใจ
ที่เห็นแม่ได้ร่างกายแข็งแรง อนุโมทนาสาธุ
ทั้งลูกและหลาน ช่วยให้แม่เบิกบาน นานถึง ๘ เดือน แม่จึงขอเพื่อเตือนจิตสำนึกได้บำเพ็ญ
ขออนุญาตลูกชายมาสวน๙ มาวันเข้าคล้ายวันเกิดอาจารย์หมอเขียว
ออกเดินทางวันที่(๑๐ มิถุนาอาศรีเรือนมาด้วยกันเลยทีเดียว)
ปัจจุบันถึงวันนี้ก็พอดีครบ ๓ เดือนขอบพระคุณอาศรีเรือน
ที่ร่วมเคลื่อนร่วมใจได้บำเพ็ญ อนุโมทนาบุญกุศลทุกคนสร้าง
สิ่งประเสริฐเลิศทุกอย่างไม่จางหาย คิดแต่ดีที่ประเสริฐ
เกิดโชคชัย คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้น นั่นสัจธรรม สาธุทุกบุญกุศลค่ะ
(จากเหตุการณ์ทุกข์เล็กน้อยกังวลว่าจะได้มาสวนป่าได้มั้ยเนี่ย)
สุดท้ายท้ายสุดก็ทุกข์มาปัญญาเกิด(สาธุ)
ทุกข์ : ใจกังวลว่า จะไม่ได้มาสวน๙เพื่อบำเพ็ญ
สมุทัย : อยากมาสวน๙เพื่อบำเพ็ญถ้าได้มาจะสุขใจ แต่ถ้าไม่ได้มาจะทุกข์ใจ
นิโรธ : อุเบกขาพิจารณาถึงประโยชน์
อยู่ไหนๆก็สุขได้ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าจะมาสวนป่านาบุญ
หรือไม่ก็สุขใจได้เพราะไม่ยึด หรือไม่ได้มาสวนป่าก็สุขได้เพราะเห็นประโยชน์อยู่ไหนๆใจก็เป็นสุข ขอตั้งจิตคิดแต่ดีนี้คือศีลถิ่นแห่งธรรม
มรรค : ตั้งศีลปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
อยู่ในกรอบของพุทธที่ถูกตรงด้วยกายวาจาใจทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ ตั้งศีลเพื่อปฏิบัติเพราะชัดเรื่องกรรม นี้คือหนทาง
ที่เดินสู่ความพ้นทุกข์ (อนุโมทนาสาธุพี่น้องลูกหลานทุกท่านค่ะ)
3.อยากได้ดีดั่งใจหมาย
สุชนา ทิวถนอม
ช่วงนี้เป็นรอบบุญที่ได้บำเพ็ญดูแลผู้มีพระคุณคือคุณพ่อซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันและไต ฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คุณพ่อมักจะชอบรับประทานอาหารพวก ของหวาน น้ำหวาน และเนื้อสัตว์ที่มันๆเช่นขาหมู อาหารเหล่านี้ทำให้น้ำตาลขึ้นสูง ความดันขึ้นสูง ค่าของเสียในเลือดสูง ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ทำร้ายพ่อ ก็เลยเตือนเขาว่ามันไม่ดีนะ อย่ากินเลย เตือนรอบแรก เขาก็ทำหน้ามึน ถามว่าทำไมจะกินไม่ได้ เราก็อธิบายผลลัพธ์ที่จะตามมา พ่อก็บอกกินนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เราก็บอกว่าที่ผ่านมาก็กินนิดเดียว ผลเลือดต่างๆก็เลยแย่ไง แล้วก็ทำให้เขามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร จำไม่ได้หรอ? ท้ายที่สุดพ่อก็โมโห ขึ้นเสียงดัง กูจะกิน มึงอย่ามายุ่ง
ทุกข์ : ความไม่สบายใจ ความกลัวและกังวลห่วงว่าพ่อจะมีอาการไม่สบาย เพราะที่ผ่านมา เขาปฏิบัติตัวเช่นนั้น แล้วเกิดอาการไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย หมดแรง กินอะไรไม่ได้เลย จนต้องไปฟอกไต
สมุทัย : เราอยากให้พ่อเราทำตามที่เราแนะนำ ที่เราเห็นว่าดีแต่พ่อไม่ทำจึงเกิดความคับข้องใจ
นิโรธ : สภาพที่เราสามารถยอมรับ กล้าที่จะเผชิญความจริงให้ได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อก็เป็นคนเลือก เขาก็ต้องรับผลที่เขาเลือก เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรตรงนั้นได้ และเราก็แค่คอยแก้ไขสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามอาการของเขาไปอย่างไม่ทุกข์ใจ ไม่อึดอัดคับข้องใจ เพราะเราก็ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว
มรรค : การพิจารณากล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ทำใจปล่อยวางให้ได้ อะไรจะเกิดก็ดีทั้งนั้น ฝึกความอดทนที่จะเห็นพ่อทำในสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจเรา และสามารถยอมรับโดยไม่แสดงอาการขุ่นข้องหมองใจ หรือทะเลาะเบาะแว้ง จนทำให้เกิดความบาดหมาง และทำใจให้ไม่ทุกข์ยามที่เราไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีดั่งใจหมายให้ได้ อีกข้อหนึ่งคือการตั้งศีล ไม่โกรธเขา เพราะกล้วผิดศีลแล้วจะเจอสิ่งที่ไม่ดี พอเวลาเริ่มมีอาหารหงุดหงิดเขาก็จะนึกถึงศีลที่เราตั้งไว้ว่าจะไม่โกรธเขา ตอนแรกๆมันเหมือนกดข่ม แต่พอเจอบ่อยๆมันก็กลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ไม่ยาก เพราะโลกนี้มีความพร่องอยู่เป็นนิจ เอาใจไปผูกยึดไว้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนอย่าความอยากได้ดีดั่งใจหมาย มันย่อมเป็นทุกข์ อยากพ้นทุกข์จึงจำเป็นต้องปล่อยวาง
4.เรื่อง น้องแมวเหมียว
กมลชนก ทุมวงษ์
เนื้อเรื่อง
เพื่อนข้างบ้านได้ขายบ้านแล้วย้ายไปต่างจังหวัดทิ้งแมวตัวเมียไว้ตัวหนึ่ง พี่สาวได้เอาข้าวให้มันกินทุกวันจนกระทั่งมีลูกสามตัวแล้วมันก็พาลูกมาที่บ้านซึ่งแหม่มก็ปฏิเสธตลอดกับพี่สาวว่า ไม่เลี้ยง เพราะว่า เคยเลี้ยงหมามาหลายปีแล้วตาย ไม่อยากจะเสียใจกับการตายของมัน จึงทุกข์ที่มันมาอาศัยอยู่ที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่ไล่เพราะสงสารลูกมันที่ต้องร่อนเร่ไปข้างนอกอีก
ก่อนหน้านี้มันก็ไปเกิดลูกอยู่ตรงข้ามบ้านจากนั้นมันก็คาบลูกไปอีกบ้านนึง พี่สาวก็เอาข้าวและซื้อของต่างๆไปให้มัน บ้านนั้นเขาก็ดูแลดี ที่นี้พี่สาวก็ไปทำงานข้างนอกจะกลับมาวันศุกร์เมื่อมันเห็นพี่สาวมามันก็คาบลูกมาไว้ที่บ้านพี่สาวก็บอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาไปทำงานวันจันทร์มันก็พาลูกกลับไปไว้ที่บ้านของเพื่อนบ้านเหมือนเดิม ปรากฏว่า มันไม่กลับไป เพื่อนบ้านก็มาเอาลูกมันไปไว้ในกล่องแล้วหลายครั้งมันก็ไปคาบลูกมันกลับมาไว้ที่บ้านแหม่มอีก
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยต้องเอาข้าวให้มันกินทุกวันเพราะพี่สาวไม่อยู่บ้าน ใจก็ไม่อยากจะเลี้ยงแต่ก็สงสารลูกมัน เมื่อพี่สาวกลับมา แหม่มก็บ่นว่าเอาข้าวให้มันกินมันก็มาอยู่บ้าน เย็นวันนั้นลูกแมวโดนรถชนอีกวันก็ตาย เช้าก็เอาไปฝัง โทรไปบอกพี่สาวให้พี่สาวเอาที่เหลือไปให้เพื่อนเลี้ยงเถอะ แกก็บอก เออเดี๋ยวมันโตแล้วมันก็ไปเอง ก็เลยทำใจว่า จะเลี้ยงก็เลี้ยงก็เลยไม่คิดอะไรแล้ว เย็นวันนั้นก็ไปซื้อทรายมาใส่กระบะไว้ให้มันขี้เยี่ยว พอวันรุ่งขึ้นลูกแมวหายไปสองตัวก้มหาใต้ท้องรถเห็นอยู่ 1 ตัวก็เลยเข้ามาทำของในบ้านพอออกไปดูอีกครั้งหายไปหมด 2 ตัวไม่เห็นอีกเลย
ทุกข์ เศร้าใจ กังวลใจ (สงสาร) ที่ต้องมาเลี้ยงแมว
สมุทัย ชอบที่จะไม่ได้เลี้ยงแมว ชังที่ได้เลี้ยงแมว ยึดว่าจะ ไม่เลี้ยงสัตว์อีก
นิโรธ จะได้เลี้ยงแมวหรือไม่ได้
เลี้ยงแมวก็จะไม่ทุกข์ใจ
ได้เลี้ยงก็ได้ ไม่ได้เลี้ยง
ก็ได้
มรรค ได้ล้างการติด การยึดมั่น
ถือมั่นได้ เพราะเคยตั้งจิตเอาไว้ว่าจะไม่เลี้ยงสัตว์ใด ๆ อีกหลังจากเคยเลี้ยงหมาแล้วได้เสียชีวิต ได้รู้ว่าเรายังติดยึดตัวนี้อยู่ และเชื่อชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่าการพลัดพราก และการเสียชีวิตของแมวต่อหน้า ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา การเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งเท่านั้น จึงสามารถลดทุกข์ และพบความผาสุกที่แท้จริงได้ ดังบททบทวนธรรมของท่านอาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน ข้อที่ 109 ความเข้าใจ เชื่อ และ ชัดเรื่องการทำอย่างแจ่มแจ้ง เป็นรหัส เป็นปัญญา ที่จำเป็นที่สุด สำคัญที่สุด มีฤทธิ์ที่สุด ในการดับทุกข์ ในการคลายความยึดมั่นถือมั่น ในการเข้าสู่ความผาสุกที่แท้จริง วิบากต้องรับ กิเลสต้องล้าง พุทธะจึงจะเกิด
ข้อที่ 110 ความเข้าใจ ความเชื่อ และ ชัดเรื่องกรรมเท่านั้น จึงจะคลายความยึดมั่นถือมั่นได้
ข้อที่ 111 ความไม่เข้าใจ ไม่เชื่อ ไม่ชัดเรื่องกรรม ทำให้ยึดมั่นถือมั่น ทำให้เป็นทุกข์ ส่วนความเข้าใจ เชื่อ ชัดเรื่องกรรม ทำให้ไม่ยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นสุข
5.เรื่อง พูดไม่จริง
ปัทมา ลีฬหาวงศ์
ทุกข์จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ไม่คาดคิดแบบไม่ได้ตั้งตัวอยู่ๆน้องก็ปิดบ้านแล้วก็ไม่ได้บอกว่าไปไหนทั้งที่เมื่อวานยังทำกับข้าวไปให้ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องนำอาหารให้หลานทุกวันโทรก็ไม่รับก่อนหน้านั้นเขามาขอบัตรไปกดเงินเลยคิดว่าเขาคงไม่มีคืน ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้วคิดว่าอาจไปต่างจังหวัดพอ 3 วันผ่านไปน้องอีกคนมาบอกว่าไม่ต้องเจอเด็กแล้วนะ เพราะเราเลี้ยงเด็กไม่ดีทำให้ลูกเขาสมาธิสั้น ซึ่งเด็กก็ปกติดีหรือเขาเป็นอย่างไรก็ไม่เห็นเป็นอะไรก็เลี้ยงอย่างที่เขาเป็นเลยคิดว่าลูกเขาไม่ให้เลี้ยงก็ไม่เป็นไรเขาบอกอีกว่าห้ามขึ้นรถน้องอีกเราก็คิดอีกเราก็พึ่งตัวเองอยู่แล้วเราก็ไม่เป็นไรและอีกมากมายแล้วก็ไม่เป็นไรตัดไว้หมดเพราะเขาเลี้ยงน้องคนเล็กตั้งแต่แม่ตายเขาอายุ 10 เดือนเด็ก 10 ขวบเลี้ยงน้อง 10 เดือนสอนทำงานเรียนจนจบป.โทเลี้ยงไว้เป็นแม่กับลูกคือให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่สุดท้ายน้องคนที่มาบอกก็บอกว่าต่อไปนี้ห้ามเจอเด็กห้ามทักทายเพราะเขาส่งครูที่โรงเรียนไว้แล้วเขาไปบอกครูว่าป้าสมาธิสั้นห้ามให้เจอเด็กแล้วบอกว่าเราไปโกหกว่าเรียนอาศรมศิลป์ทั้งที่ไม่ได้เรียนเราเลยงงว่าคิดได้ยังไง
ปกติน้องคนที่มาบอกเป็นคนที่เชื่อไม่ได้อยู่แล้วโดยนิสัยเราเลยโทรไปถามน้องที่เป็นแม่เด็กว่าพูดจริงไหมเขาบอกว่าพูดจริงเท่านั้นแหละทุกทับถมทันทีเงินที่เหลืออยู่มีค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์รายเดือนเข้าเงินเริ่มหมด น้องคนที่มาบอกว่าอยากทำอะไรเราบอกว่าขอขายอาหารมังสวิรัติเพราะขายผักและอาหารสุขภาพเพราะมีโครงการร่วมกับเครือข่ายเขาลงทุนให้แต่งร้านให้และให้ทุนหมุนเวียนเขาบอกให้ไปดูที่เราซื้อเราซึ่งออกจากบ้านไปดูแล้วตกลงเขาเช่าตึกเราจึงทำสัญญากับเครือข่ายเครือข่ายเอาช่างมายกตู้เย็นมาให้แต่ผ่านไป 6 เดือนเขาขนของเขาเข้ามาเต็ม
เราก็บอกเขาจะแต่งร้านแต่ทำไม่ได้สรุปคือหลอกให้เราออกจากบ้านเพื่อมาให้ทำงานให้เขาบอกว่าจะจ้างเราให้ไปทำงานดูแลร้านขายพลาสติกน้องคนนี้เวลาใช้คนจะด่ารุนแรงปากร้ายถ้าทำงานด้วยไม่ได้แน่นอนจึงไปขอยกเลิกสัญญา
ทุกข์ : ที่น้องว่าเราพูดไม่จริง
สมุทัย : ไม่ชอบที่เขาว่าเราโกหกเพราะเราเกลียดคนโกหก
นิโรธ : น้องจะพูดอย่างไรเราก็ยินดีเพราะเข้าใจและรู้ว่ามันคือวิบากกรรมเขาและวิบากกรรมเราแก้ไขได้ด้วยการทำดีไม่มีถือสาไปเรื่อยๆและวันใดวันหนึ่งข้างหน้าในชาตินี้หรือชาติหน้าหรือชาติอื่นๆสืบไปความเข้าใจผิดนั้นก็จะหมดไปเองใช้บททบทวนธรรมนี้ให้ปัญญาในการดับทุกข์
มรรค : ยินดีเต็มใจรับทุกข์ดับพ้นทุกข์