640829 การบ้าน อริยสัจ 4 (35/2564)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 23-29 สิงหาคม 2564 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านทั้งหมด 24 ท่าน 30 เรื่อง
- (3)
640829 การบ้าน อริยสัจ 4 (35/2564)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 23-29 สิงหาคม 2564 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านทั้งหมด 24 ท่าน 30 เรื่อง
24/08/64
ชื่อ : น.ส.ทิษฏยา โภชนา
ชื่อทางธรรม : ในสายธรรม
จิตอาสาสังกัดสวนป่านาบุญ 2
เรื่อง: ไม่น่าทำพลาดเลย
ในขณะที่กำลังจัดค่ายสุขภาพออนไลน์อยู่นั้น ก็มีผู้ร่วมเข้าแลกเปลี่ยนหลายท่าน ผู้เขียนรู้สึกเหนื่อย ไม่ค่อยสบายตัว จึงเผลอหลับไป สักพักก็มีเสียงจากพิธีกรเรียกชื่อเราให้ช่วยอธิบายถึงหัวข้อที่ท่านถาม จึงตกใจรีบลุกขึ้นมาตอบด้วยความลนลาน และก็ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น ทำให้รู้สึกผิดที่เราตอบคำถามวกไปวนมา ความคิดของกิเลสมันก็เข้ามา ” คิดว่าพี่เขาคงไม่เรียกเราแล้ว ไม่น่าพลาดเลย อายจังเลยที่ตอบไปแบบนั้น”
ทุกข์ : รู้สึกเสียหน้าที่ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น เขาอุตส่าห์เลือกเราแต่เรากลับทำพลาด
สมุทัย : ชอบใจถ้าตอบคำถามได้ตรงประเด็น ชังที่ตอบคำถามพลาด
นิโรธ : เมื่อเห็นว่าตนเองทำผิดพลาดไปแล้วก็ไม่ตีตัวเองซ้ำ จะผิดพลาดไปบ้างก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณาเรื่องของความติดยึดในโลกธรรม เราอยากให้สิ่งเราพูดออกไปแล้วทำให้คนฟังแล้วจะต้องรู้สึกดี เราอยากได้รับคำชม ไม่อยากได้ยินคำตำหนิ แต่เรากลับทำพลาด ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียหน้า และเสียใจที่ทำหมู่กลุ่มผิดหวัง
โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ จะไปโทษตัวเองให้ได้อะไร ในเมื่อเรียกย้อนคืนเหตุการณ์นั้นกลับมาไม่ได้แล้ว ความผิดพลาดคือบทเรียนให้เราปรับปรุงแก้ไข ครั้งต่อไปเราจะได้ทำให้ดีขึ้น ในความผิดพลาดก็ยังมีความโชคดีซ่อนอยู่ แม้ในเหตุการณ์อาจดูพลาด แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เห็นกิเลสตตัวยึดในโลกธรรม และก็ได้ล้างกิเลสตัวนี้
ตรงกับบททบทวนธรรมข้อที่ 82 “ จึงฝึกอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตที่พร้องอยู่เป็นนิตย์อย่างผาสุกให้ได้ ” และข้อที่ 83 “ ความยึดมั่นถือมั่นจะทำให้เกิดความพร่อง ความพลาด ความทุกข์”
บทสรุป พิจารณาแบบนี้แล้วความรู้สึกเสียหน้าก็ค่อย ๆ จางคลายไป
เรื่อง : อยากให้เขาถามในหมู่แต่เราก็ไม่ถามหมู่
เหตุการณ์ : ในระหว่างที่เข้าร่วมโทรไลน์กลุ่ม พี่น้องท่านนั้นมีข้อข้องใจ หลังจากจบการโทรไลน์กลุ่ม ท่านก็โทรมาถามเรา กิเลสก็เข้า
ทุกข์ : รู้สึกอึดอัด ขี้เกียจที่จะพูด เรื่องที่เพิ่งคุยกันจบไปไม่กีนาที
สมุทัย : ชอบถ้าท่านถามเวลา พี่จิตอาสาเปิดโอกาส ชังที่ท่านเก็บงำ ไม่ยอมพูดตอนอยู่กับหมู่กลุ่ม
นิโรธ : ท่านจะถามตอนไหน ก็ไม่ชอบ ไม่ชัง ยินดีที่จะอธิบายให้ท่านฟังด้วยใจเบิกบาน
มรรค : ขณะที่คุยกัน จับกิเลสได้ แต่ล้างไม่ลง จึงมาพิจารณาหลังคุยกันจบ
มาร : อะไรหวา ถ้าไม่เข้าใจทำไมไม่ถามตอนพี่เขาเปิดโอกาสล่ะ เมื่อกี้ทำเป็นเงียบกริบ(เหมือนไม่มีอะไรคาใจ)
เรา : มารเอ็งอย่าใจดำสิ เมื่อก่อนเอ็งเคยไหมที่ไม่กล้าพูดในหมู่กลุ่มใหญ่
มาร : ก็เคยมี แต่ก็ต้องล้างโลกธรรม
เรา : งั้นก็ต้องเข้าใจท่านนอย ท่านอุตุส่าห์ฝ่าโลกธรรมมาคุยกับเรา ขนาดนี้ถือว่ากิเลสท่านลดลงเยอะแล้ว ยังจะเอาอะไรจากท่านอีก ไม่สงสารท่านหรือไง ท่านก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นหลอกคนทุกคนไม่มีไครที่ไม่อยากพ้นทุกข์ ถ้าให้เอ็งลงไปเป็นแบบนั้นจะเอาไหม
มาร : ตอนนี้เข้าใจท่านแล้ว และไม่อยากเป็นแบบนั้นด้วย
เรา : ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้น ต้องให้โอกาสตนเองได้ฝึกช้อนจิตวิญญานผู้อื่นด้วย ถือว่าเป็นโอกาสทองเลยหาชื้อที่ไหนไม่ได้หรอกที่จะมีคนตั้งใจมาให้เราได้บำเพ็ญถึงที่ ต้องรีบคว้าไว้จะได้ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ตรงกับบดทบทวนธรรมข้อที่ 9 ถ้าเรายังไม่เข้าใจคนอื่น แสดงว่าเรายังไม่เข้าใจตนเอง
สรุป ต้องขอบคุณพี่น้องท่านนั้นที่ช่วยขุดกิเลสตัวนี้ออกมาให้เราได้ล้าง ตอนนี้เข้าใจท่านมากขึ้น ในเหตุการณ์นี้เราล้างใจได้แล้ว เหลือแต่ความเมตตาที่มีต่อท่าน แต่ต้องติดตามกิเลสตัวนี้ในเหตุการณ์ต่อไปค่ะ
เรื่อง วิบากเล่นงานแล้ว
เนื้อเรื่อง หลังจากเรียนภาษาอังกฤษเสร็จเมื่อวันเสาร์ที่15 สิงหาคม 2564 รู้สึกเจ็บตามีขี้ตาออกมาทำให้ตาแฉะ เพื่อนจิตอาสาที่อยู่ด้วยกันก็แนะนำว่า เป็นอาการร้อนเกิน ช่วงนี้งดอาหารฤทธิ์ร้อน งดใช้โทรศัพท์งดใช้คอมพิวเตอร์ ควรกินนอนถอนพิษ เรารู้สึกขุ่นเคืองในใจที่ไม่ได้ติดต่อญาติ แต่เราก็ปฏิบัติตามที่เพื่อนแนะนำ ตอนนี้อาการดีขึ้นจึงรีบมาเขียนอริยสัจสี่ส่ง
ทุกข์ ขุ่นใจที่ไม่ได้ติดต่อกับญาติ
สมุทัย ถ้าได้ติดต่อกับญาติจะสุขใจถ้าไม่ได้ติดต่อกับญาติจะทุกข์ใจ
นิโรธ จะได้ติดต่อกับญาติหรือไม่ได้ติดต่อก็สุขใจ
มรรค มันเป็นวิบากในอดีตและในปัจจุบันที่เราทำมา เราเคยใช้สายตาตบหน้านักเรียน เคยกินตาปลา เคยใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรกับคนที่เราไม่ชอบใจ มันสมควรแล้วที่ต้องมารับวิบากในช่วงนี้ และทำให้นึกถึงบททบทวนธรรม ใจความว่า สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา รับแล้วก็หมดไปแล้วจะโชคดีขึ้น ยินดีรับยินดีให้หมดไป ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ จิตใจก็เบิกบานแจ่มใส อิ่มเอิบเบิกบานใจ ความขุ่นใจก็หายไป
ทุกขอริยสัจ 4
เรื่อง อึดอัดใจ
เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาได้ไปเยี่ยมคุณแม่ย่า และพวกเราก็ได้คุยกันหลายเรื่องอย่างสนุกสนาน มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ข้าพเจ้านึกภาษาเยอรมันไม่ออกและไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างไร ท่านถึงจะเข้าใจความหมายที่ข้าพเจ้าอยากจะสื่อกับท่านเพื่อให้ท่านจะได้มีอารมณ์ขันและหัวเราะไปกับข้าพเจ้า นึกและคิดอยู่น้าน…นาน แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
เกิดอาการอึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้อง เลยถามท่านว่าถ้าลูกจะพูดประโยคประมาณนี้ ลูกควรจะพูดว่าอย่างไร ท่านก็เลยอธิบายให้ฟังว่า ต้องพูดอย่างนี้นะลูก จนข้าพเจ้าเข้าใจ
ทุกข์ : อึดอัดใจที่นึกประโยคภาษาเยอรมันไม่ออก
สมุทัย : อยากจะนึกประโยคภาษาเยอรมันให้ออกเพื่อคุณแม่ย่าจะได้เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อให้ท่านฟัง ท่านจะได้หัวเราะไปกับข้าพเจ้าด้วย ยึกดีว่าหากนึกคำพูดนั้นและสื่อให้ท่านฟังเข้าใจจะสุขใจ ถ้าท่านไม่เข้าใจความหมายที่ข้าพเจ้าจะสื่อออกไปจะทุกข์ใจ
นิโรธ : ถึงแม้ว่าคุณแม่ย่าท่านจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าจะสื่อออกไปก็จะไม่ทุกข์ใจ
มรรค : ท่านอาจารย์หมอเขียวกล่าวว่า อยากได้สิ่งใด หากไม่ได้ก็จะทุกข์กับสิ่งนั้น หรือถึงแม้จะได้มาก็จะมีความสุขได้ไม่นาน ไม่ยั่งยืน เหตุการณ์ในครั้งนี้เหมือนกัน ข้าพเจ้าก็อยากได้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในเวลานั้น จึงทำให้ทุกข์ ทำให้เบียดเบียน ทั้งจิตวิญญาณและร่างของตัวเอง ทำให้เสียพลัง อวัยวะในร่างกายก็ต้องทำงานปั่นป่วนไปด้วย นี่แหล่ะคือทุกข์ แล้วจะทุกข์ทำไม เลิกซะสิ !
พอได้พูดกับตัวเอง เป็นอันเข้าใจกันแล้ว จึงได้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เข้าออกอยู่หลายครั้ง อาการอึดอัด แน่นหน้าอก และหายใจไม่ทั่วท้องก็เริ่มค่อยหายไป และหายใจคล่องขึ้นในที่สุด
จึงบอกกับตัวเองว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านค่อยเปิดหาคำศัพท์ที่นึกไม่ออกคำนั้นก็ได้ ใจก็ยิ่งเบาขึ้นและอาการทุกข์นั้นก็หายไปในที่สุด
เรื่อง กลัวลูกชายติดโควิด
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งลูกชายไปทำงานที่จังหวัดชลบุรีซึ่งมีอัตรการเกิดระบาดโรคโควิดสูงมาตลอด ทำให้แม่กังวลว่าลูกจะไม่ปลอดภัย ชักชวนให้ลูกกลับบ้านก็ยังให้คำตอบว่ายังอยู่ได้
ทุกข์ : อยากให้ลูกกลับบ้าน เพราะกลัวลูกติดเชื้อโควิด
สมุทัย :เหตุแห่งทุกข์กลัวกังวลว่าลูกจะไม่ปลอดภัย
นิโรธ: สภาพดับทุกข์ไม่ว่าลูกจะกลับบ้านหรือไม่กลับบ้านจะติดเชื้อโควิดหรือไม่ติดเชื้อโควิดก็ไม่ชอบไม่ชัง ไม่กลัวกังวลหวั่นไหว
มรรค: วิธีการดับทุกข์ พิจารณาโทษของความกลัวกังวลหวั่นไหวที่จะให้ลูกกลับบ้านโดยไม่สมัครใจ จะทำให้มีวิบากร้าย พูดคุยให้ลูกดูแลป้องกันตัวเองจากโรคโควิด ทำใจว่าลูกจะกลับบ้านก็ได้ไม่กลับก็ได้
ทบทวนธรรม “เมื่อเกิดสิ่งเลวร้ายกับเราไม่มีอะไรบังเอิญทุกอย่างยุติธรรมเสมอเพราะเราเคยทำเช่นนั้นมามากกว่านั้นเมื่อรับแล้วก็หมดไปเราก็จะโชคดีขึ้น”
“เราต้องรู้ว่าแต่ละคนมีฐานจิตแตกต่างกันเราจึงควรประมาณการกระทำให้เหมาะสมกับฐานจิตของเราและฐานจิตของผู้อื่น คิดดี พูดดี ทำดีไว้ก่อนดีที่สุด”
ผลจากการพิจารณาทำใจยอมรับการตัดสินใจของลูกชายทำให้สบายใจขึ้นไม่กลัวไม่กังวลไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ใดๆ และสุดท้ายลูกตัดสินใจขอกลับบ้านและมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
ส่งการบ้าน อริยสัจ4
เรื่อง.จะบอกก็ผิด ไม่บอกก็ผิด *ศีล*
เหตุการณ์.มีพี่น้องมาปรึกษาปัญหากับเราเรื่องการผิดศีล แต่เราไม่กล้าบอกหมู่กลุ่มเพราะกลัวผิดศีล หรือถ้าไม่บอกหมู่กลุ่มก็ผิดเพราะเรารับรู้เรื่องการผิดศีลของเพื่อนอยู่ แต่ก็คิดว่าเป็นแค่ผู้รับฟังแล้วแนะนำให้เค้าลดละเลิกแล้วก็บอกวิธีทางที่ดีๆให้ ที่ไม่กล้าบอกเพราะคิดว่าเรื่องแบบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เจ้าตัวน่าจะมาพูดกับหมู่กลุ่มเองน่าจะดีกว่า
ทุกข์. กังวลไม่สบายใจทุกข์ใจเพราะรับรู้เรื่องผิดศีล ของเพื่อน แล้วอยากบอกกับหมู่กลุ่มแต่ไม่กล้าบอกกลัวผิดสัจจะ กลัวผิดศีล และเมื่อรับรู้เรื่องการผิดศีลของเพื่อนแล้วไม่บอกหมู่กลุ่มก่อนก็กลัวผิดศีล
สมุทัย.ยึดว่าถ้าเมื่อรู้เรื่องการผิดศีลของเพื่อนแล้วได้บอกให้หมู่กลุ่มรับรู้แล้วจะสุขใจ แต่เมื่อบอกหมู่กลุ่มไม่ได้จึงทำให้ทุกข์ใจ
นิโรธ.ยินดีได้ว่าจะได้บอกหมู่กลุ่มหรือไม่ได้บอกหมู่กลุ่มใจก็ไม่ทุกข์ เมื่อเราได้ทำดีที่สุดแล้ว
มรรค.ตั้งศีลปฏิบัติมาพิจารณาเห็นถึงความวิปลาส ความไม่เที่ยงทำให้ใจเป็นทุกข์ กับสิ่งที่เราหลงไปยึดมั่นถือมั่นที่คิดว่าเมื่อรับรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาแล้วสัญญาจะไม่พูด (รักษาสัจจะ)แต่ก็ได้บอกให้ท่านลดละเลิก และบอกได้บอกวิธีทางที่คิดว่าดีที่สุด ณ.ตอนนั้น ให้ท่านหยุดพฤติกรรมนั้น แล้วเมื่อถึงเวลาที่ท่านทุกข์จนเกินทนท่านจะสารภาพเองน่าจะดีกว่า และหลงยึดมั่นถือมั่นในความคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่นะถูกต้องแล้ว แต่ที่จริงแล้วผิดเพราะ ผิดทางพุทธะ คิดเหมือนจริง แต่ไม่จริง เพราะคิดแล้วทุกข์ เพราะคิดที่จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สุดกับทุกชีวิตไม่ได้ แล้วมาพิจารณาโทษของการยึด ที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ แล้วตั้งจิตล้างความยึดมั่นถือมั่นตั้งจิตทำความดีให้มากๆช่วยเหลือผู้อืนให้มากๆเพื่อให้ดีชิงออกฤทธิ์แทนร้ายแล้วจะโชคดีขึ้น
และได้ใช้บททบทวนธรรมมาพิจารณาร่วมด้วย
คือข้อที่ 122 สิ่งใดที่เหมือนจริง แต่คิดพูดทำตามแล้ว ทุกข์ แสดงว่าไม่จริง แต่สิ่งใดที่เหมือนไม่จริง เมื่อคิดพูดทำตามแล้ว พ้นทุกข์
แสดงว่าสิ่งนั้นจริง.
สรุปว่า.เมื่อเพิ่มศีลขึ้นทำให้มีปัญญา มาพิจารณาแล้วก็วางใจวางดีทำดีให้เต็มที่ ทำให้ทุกอย่างก็สามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับค่ะ เปรียบเทียบกับเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เจอแพทย์วิถีธรรมถ้าเจอปัญหาจะทุกข์มากและเมื่อทุกข์ใจทำให้ส่งผลกระทบถึงร่างกาย ทำให้มึนๆตื้อๆ แต่ปัจจุบันเมื่อรู้ชัดเรื่องวิบากกรรม วางใจได้ จึงมีผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจลดน้อยลงค่ะ
เรื่อง ทำไมต้องได้ยิน
เหตุการณ์ กำลังจะแยกต้นกล้า ออกจากกระถางใหญ่ นั่งได้แปปหนึ่งก็ได้ยินเสียงเขาด่ากันทางโทรศัพท์ จะลุกหนีเราก็ยังทำไม่เสร็จเลยต้องรับฟังเขาด่า
ทุกข์ ไม่ชอบใจที่ได้ยินเสียงด่า
สมุทัย ชอบถ้าได้ยินเสียงที่พูดดีๆ ชังได้ยินเสียงด่า
นิโรธ ได้ยินเสียงด่าหรือเสียงพูดดีก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค ทำไมต้องมาด่าตอนที่เราอยู่ตรงนั้นด้วยน่ะ ทุกอย่างไม่มีอะไรบังเอิญ วิบากกรรมที่เราต้องได้รับมันเป็นสมบัติของเราที่เราทำมา เราต้องเคยไปพูดจาหยาบคาย พูดจาไม่น่าฟังมา ทำให้คนอื่นได้รับความไม่พอใจ ไม่ชอบใจมาต้องขอบคุณเสียงด่า ที่ทำให้เราได้ใช้วิบาก
บททบทวนธรรม8
สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา
ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่
เราไม่เคยทำมา
สรุป วางใจได้
เรื่อง หงวกบวม
(เหตุเพราะประมาทต่อกิเลสเหตุเกิด
28/7/64)
ทุกข์ เหงือกบวมเนื่องจากภาวะร้อนเกิน ทำให้ เกิดอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ ต้องถอดฟันปลอมออก เพื่อสะดวกต่อการเคี้ยวอาหารที่สุด เคี้ยวอาหารแข็งไม่ได้ จึงเกิดความวิตก กังวลในสุขภาพฟันของตนเอง (เป็นทุกข์)
สมุทัย ไม่ชอบอาการ เหงือกบวม
นิโรธ เหงือกบวมหรือเหงือกไม่บวมก็สุขใจได้
มรรค พิจารณา เรื่องกรรม
(บททบทวนธรรมข้อ 10) เมื่อเกิดสิ่งเลวร้ายกับเรา ไม่มีอะไรบังเอิญทุกอย่างยัติธรรมเสมอ เพราะเราเคยทำเช่นนั้นมามากกว่านั้น เมื่อได้รับแล้วก็หมดไป เราก็จะโชคดีขึ้น
-ตั้งสติ พิจารณาความทุกข์ แยกเวทนาทางกาย-ใจ
-เวทนาทางกาย เคี้ยวอาหารไม่ได้เพราะเมื่อฟันกระทบเหงือกจะปวดฟันเป็นปัญหาต่อการเคี้ยว
-เวทนาทางใจ คือเกิดความทุกข์เคี้ยวอาหารไม่ได้สมใจ พิจารณาความไม่เที่ยงของเวทนาที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เห็นความเสื่อมของร่างกาย สังขาร
-วางใจ ปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารด้วยการปั่นผักสดและผลไม้ ทดแทนการเคี้ยว อาการ ก็คลายทุกข์กังวลไป เมื่อคลายความวิตกกังวลได้ก็เห็นความไม่เที่ยงของเวทนาภายในจิตที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา ความทุกข์เท่าแผ่นดินนั้นคลายลง มีเพียง เวทนาทางกายคือเหงือกบวมซึ่งเทียบกับฝุ่นปลายเล็บ เพียงเล็กน้อย อาศัยการปรับสมดุลทางกายช่วยเสริม จนเหงือกที่บวมนั้นยุบลงภายใน
2-3 วัน และตั้งศีลเป็นหลักในการลดกิเลส
(งดกินเส้นตลอดพรรษานี้)
ให้หมู่กลุ่มช่วยวิพากย์ ด้วยครับ สาธุ ครับ
เรื่อง เปลี่ยนหม้อไฟ ล้างกิเลส
เหตุการณ์ จากการติดตั้งไฟโชล่าเชลล์ การใช้น้อยกว่าการผลิต ทำให้มีไฟย้อนเข้าหม้อไฟ ทางการไฟฟ้าจึงมาเปลี่ยนหม้อไฟใหม่ โดยไม่ได้บอกกล่าว ก็รู้สึกขุ่นใจ ไม่พอใจ
ทุกข์ ขุ่นใจ ไม่พอใจที่การไฟฟ้ามาตัดไฟ เปลี่ยนหม้อไฟ โดยไม่ได้บอกกล่าว
สมุทัย ชอบถ้าการไฟฟ้าได้บอกกล่าวเมื่อเปลี่ยนหม้อไฟ ชังถ้าการไฟฟ้าไม่ได้บอกกล่าวเมื่อเปลี่ยนหม้อไฟ
นิโรธ การไฟฟ้าจะได้บอกกล่าวหรือไม่ได้บอกกล่าวเมื่อเปลี่ยนหม้อไฟก็ไม่ชอบไม่ชัง ใจไร้ทุกข์
มรรค ตั้งศีลมาพิจารณาไตรลักษณ์ ความวิปลาส ความยึดมั่นถือมั่นว่า การจะไปทำอะไรที่บ้านใครก็ควรจะแจ้งให้เจ้าของบ้านรับทราบ ซึ่งเหมือนจะจริงแต่ไม่จริง ก็ในเมื่อตัวเองทำไม่ดีมา ทำชั่วมา ทำพลาดทำพร่องมา หาที่ต้นที่สุดไม่ได้ จึงเกิดสิ่งไม่ดีมาเป็นระยะๆ ก็ถูกต้องแล้วเหมาะสมแล้ว ก็ต้องเจอ แต่ใจเริ่มขุ่น ไม่พอใจ แม้จะเล็กๆก็ไม่ใช่แล้ว ผิดทางพุทธะแล้ว ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด โทษยิ่งร้ายแรง หนัก และนาน ก็คิดใหม่ ยินดีในทุกเรื่องให้ได้ ดีแล้วได้ใช้วิบาก วิบากมาเพื่อจะให้หมดไป ก็โชคดีแล้ว รับแล้วก็หมดไปก็ดีที่สุดแล้ว
ใช้บททบทวนธรรมข้อที่ 124 “เกิดเป็นคน ต้องฝึกยิ้มรับสิ่งดีสิ่งร้าย ด้วยใจที่เป็นสุขให้ได้”
พิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้น เห็นชัดว่าเราผิดเองที่ไม่ได้บอกกล่าวหรือแจ้งให้การไฟฟ้ารับทราบก่อนที่จะติดตั้งระบบโชล่าเชลล์ ปกติเป็นคนไม่พูด พูดน้อยมักจะทำอะไรโดยไม่บอกกล่าว ชอบทายใจผู้อื่น ชอบทำผิดหน้าที่ ทำเกินหน้าที่ จึงขอสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอโทษ ขออโหสิกรรม และขอบคุณเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นให้ได้ใช้วิบาก
สรุป หลังพิจารณาแล้วถ้าเป็นแต่ก่อนคงจะโกรธมาก คงโทรไปฟ้องน้องที่การไฟฟ้า เพราะกำลังประชุมอยู่ แต่ครั้งนี้แค่ขุ่นใจ ไม่ชอบใจเล็กๆ แต่เมื่อเข้าใจในวิบากกรรมก็ยินดีเต็มใจรับด้วยใจเป็นสุขว่าสิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา จึงเบิกบานได้..สาธุ
เรื่อง เป็นแบบนี้อีกแล้ว
เหตุการณ์ ได้ทำการสั่งซื้อปุ๋ย มีน้องชายสั่งซื้อด้วย แต่เมื่อจะจ่ายเงินน้องแจ้งว่า ไม่รู้เลขบัญชีจึงยังไม่จ่าย ก็รู้สึกขุ่นใจ ไม่พอใจ
ทุกข์ ขุ่นใจ ไม่พอใจที่น้องไม่ยอมจ่ายเงิน
สมุทัย ชอบที่น้องชายสั่งซื้อของแล้วจ่ายเงินเรียบร้อย ชังที่น้องชายสั่งซื้อของแล้ว ไม่ยอมจ่ายเงิน
นิโรธ น้องชายสั่งของแล้วได้จ่ายเงินหรือไม่ได้จ่ายเงินก็ไม่ชอบไม่ชัง ใจไร้ทุกข์
มรรค พิจารณาไตรลักษณ์ ความวิปลาส ความยึดมั่นถือมั่นว่า ถ้าสั่งซื้อของได้ ก็ต้องมีเงินที่จะจ่าย ตอนที่โทรไปสั่งก็มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ ถ้าจะจ่ายเงินก็สามารถขอเลขบัญชีได้ ไม่น่าจะมีข้อแม้ เหมือนจะจริงแต่ไม่จริง โดนกิเลสหลอกมองออกไปนอกตัวอีกแล้ว นั่นคือเราไม่ใช่น้อง วิบากเราไปยืมตัวน้องให้เราได้ใช้วิบากตัวนี้ ดีที่สุดแล้วที่ได้ใช้วิบาก เมื่อทำไม่ดีมา เคยลักขโมยเงินพ่อแม่ และทำผิดมา หาที่ต้นที่สุดไม่ได้ ทำผิดแล้วจะไม่ยอมรับยังมีใจขุ่นๆไม่พอใจ ผิดทางพุทธะแล้ว ก็มาคิดใหม่ทำใจใหม่ ยินดีพอใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกเรื่องให้ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดีที่สุดแล้ว ก็เต็มใจรับและยินดีจ่ายไปด้วยใจที่เป็นสุข
ใช้บททบทวนธรรมข้อ 147 ทุกอย่างที่เกิดดีที่สุดแล้ว (Everthing happens for the best)
สรุป หลังพิจารณาแล้ว ยอมรับเชื่อชัดในวิบากกรรม เรามันแสบสุดๆเลยต้องรับสุดๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่ยอมจ่ายให้น้อง หรือจ่ายให้แล้วก็ตามทวงไม่หยุด แต่ ณ.ปัจจุบัน ยินดี พอใจ เต็มใจเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเรื่องให้ได้ ถ้าน้องยินดีให้เงินคืนก็ได้หรือน้องจะไม่คืนเงินให้ก็ได้ ไม่ขุ่นใจ ไม่ทุกข์ใจ ยินดีได้..สาธุ
เรื่อง เราเคยทำมา(เกิดเหตุความไม่ได้ดังใจคาดหวังเอาดีกับหมู่)
ทุกข์ ไม่สบายใจที่หมู่ติดขัดหรือมีปัญหาแล้วไม่บอก เพื่อจะได้ช่วยคิด ช่วยแก้ปัญหานั้น ดีกว่าคิดเองคนเดียว
สมุทัย – สร้างเงื่อนไขให้ใจเป็นทุกข์
– หมู่บอกจะสุขใจ ไม่บอกจะทุกข์ใจ
– มีความคาดหวังให้หมู่มาแบ่งเบาช่วยเหลือเรา
– จะเอาดีกับหมู่
นิโรธ ไม่คาดหวังว่าหมู่ต้องมาแบ่งเบาช่วยเหลือเราเท่านั้น หมู่จะบอกก็สุขใจได้ หมู่จะไม่พูดบอกก็สุขใจได้
มรรค – พิจารณาตรวจศีลของเราที่ยังพร่องอยู่ ยังทำไม่จริงอยู่ ยังไม่แม่นชัดอยู่(สีลัพพตปรามาส)
ทำให้เกิดอาการที่หมู่แสดงปฏิกริยา เช่นนั้นกับเรา
(มาตาลีมาเตือนปลุกเราแล้ว) พิจารณาเรื่องกรรมที่เราเคยทำมากับผู้อื่นมากกว่านั้น(ถึงเดือดเนื้อร้อนใจก็ยังมี) ใช้บททบทวนธรรม ของ อ.หมอเขียว
ข้อที่ 22 1.สำนึกผิดหรือยอมรับผิด 2.ขอรับโทษเต็มใจรับโทษหรือขออโหสิกรรม 3.ตั้งจิตหยุดสิ่งที่ไม่ดีอันนั้น 4.ตั้งจิตทำควสมดีให้มาก ๆ คือลดกิเลสให้มาก ๆ เกื้อกูลผองชนและหมู่สัตว์ให้มาก ๆ
ตั้งสติพิจารณา ความไม่สบายใจ ความเอาแต่ใจ(มาตาลีเทพสารถี)ชี้ย้ำให้ตั้งศีลที่เป็นกุศล
“นับ 1 ที่เราเริ่มต้นที่เราทำความดีที่เรานี่คือเส้นทางพึ่งต้นและช่วยคนให้พ้นทุกข์„ (บททบทวนธรรมของ อ.หมอเขียว) และ (ไม่รอไม่หวังแต่เราทำของพ่อครู)
วางใจ- ปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำการงานใหม่ แล้วลงมือปฏิบัติ ในวันแรก วันที่สอง สาม สี่ วันที่ห้า เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นภายในจิต เช่น ความใจเย็นลงมาก การประมาณแม่นขึ้น ความเชื่อมั่น ศรัทธา ชัดมากขึ้น ในการตั้งศีลที่เป็นกุศล เป็นหลักใหญ่ในการเริ่มปฏิบัติธรรมตามแนวทางสัตบุรุษชี้บอกย้ำ(พ่อครู)
ขอบคุณหมู่มิตรดีมีศีล สัตบุรุษ โพธิสัตว์ ที่ปฏิบัติให้ดู ชี้ให้เห็น คุณและโทษของกิเลส สาธุครับ
เมื่อสักประมาณ 3 เดือนกว่าๆ เราได้ไปซื้อเสื้อผ้า เป็นร้านขายส่ง-ขายปลีก ซื้อกับร้านนี้ก็นานโขอยู่ (ซื้อมาขาย) ซื้อของที่จะเอามาขายเสร็จ มองไปเห็นเสื้อเด็กๆเป็นรูป การตูน
โดเรมอนบ้าง คิดตี๋บ้าง ก็อยากจะซื้อให้หลานน้อยสัก 1 ตัว ขอราคาส่งกับทางร้าน ทางร้านบอกซื้อ 1 ตัว ก็ต้องบวกเพิ่มราคาส่งไปอีกนิดนะ(ตอนนั้นเรายังไม่ได้ขายเสื้อพวก การตูนเด็ก) เราก็คิดว่าทางร้านคงไม่บวกเพิ่มเยอะหรอก เพราะเราก็เป็นลูกค้าเขาเราก็ไปซื้อของเขามาขายประจำ 2-3 วันนี้ เรานึกอยากขายเสื้อ การตูนเด็ก ขึ้นมามั้ง ได้ไปถามร้านค้าอีกร้านเขาบอกราคา (ร้านนี้ก็เป็นร้านขายส่ง-ขายปลีก เช่นกัน) เขาบอกราคาขายส่งถูกกว่าร้านแรกมาก ตอนนั้นเรารู้สึกไม่พอใจร้านนั้นทันที สายตาเราก็พอดูออกอยู่ ว่าร้านนั้นต้องการขายของได้อย่างเดียว ไม่มีจิต วิญญาณ คิดเชื่อมสัมพันธ กับลูกค้าเลย
ทุกข์ : อยากเลี่ยงไปซื้อร้านอื่น
สมุทัย : ชอบที่จะให้ร้านนั้นเอากำไรพอประมาณ และใส่ความจริงใจกับลูกค้านิด
นิโรธ : ทางร้านจะเอากำไรมากไม่มาก จะมีความจริงใจให้ก็ได้ไม่มีก็ได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : กิเลส : เอากำไรมากไป พูดดีแต่ไม่มีความจริงใจให้ นี่ถ้าร้านอื่นมีของให้ จะไม่ซื้อที่นี่แล้ว เรา : ก็แกอยากจะเอาดีจากเขาแกขโมย แกว่าซื้อของเขาแล้วอยากได้จิตวิญญาณที่จริงใจจากเขา เรา: ให้ แล้วคิดที่จะไม่เอา อะไรจากใครให้ได้
บททบทวนธรรม ๒๑
การได้พบกับเหตการณ์
ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา
เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า
ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส
คือ ความหลงชิงชังรังเกียจ
หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา
และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา
คิดได้เช่นนี้รู้สึกโล่ง แต่ละคนมีฐานจิตที่แตกต่างกัน สิ้นอยาก สิ้นทุกข์ หมดอยาก หมดทุกข์
บททบทวนธรรมบท ๔๒
ยินดีในความไม่ชอบไม่ชัง
ได้พลังสุด ๆ ได้สุขสุด ๆ
ยินดีในความชอบชัง
เสียพลังสุด ๆ ได้ทุกข์สุด ๆ
ชื่อเรื่อง อยากได้ดั่งใจ
ได้รับลิงค์เข้าห้องเรียน “นักเรียนวิชชารามพบท่านสมณะ” ถึงคิดถึงลูกชายและอยากให้เขาได้เข้าร่วมรับฟังพร้อมกัน จึงได้ส่งลิงค์ไปให้และโทรหา แต่เขาไม่อยู่บ้านจึงไม่สะดวกที่จะเข้าZOOM เพราะต้องไปซื้อของกับพ่อ ไม่รู้จะกลับถึงบ้านตอนไหน เมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดความน้อยใจขึ้นมาทันที
ทุกข์ : น้อยใจที่ลูกชายไม่มีเวลาเข้าห้องเรียนในวันนี้
สมุทัย : อยากได้ดั่งใจ อยากให้ลูกชายเข้าห้องเรียนนี้ด้วยกัน
นิโรธ : ลูกชายจะได้เข้าห้องเรียนในครั้งนี้หรือไม่ ก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : ได้พิจารณาว่า ยังไม่ถึงเวลาของลูกชายที่จะได้เข้าร่วม ไม่ว่าเราจะอยากให้เขาเข้าร่วมแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังไม่ถึงเวลาของเขา เขาก็จะไม่ได้เข้าร่วม วิบากดียังไม่ออกผล และบอกกับตัวเองว่า เราก็เข้าไปเรียนรู้แล้วไปเล่าให้ลูกฟังก็ได้ อาการน้อยใจลดลง และได้พิจารณาเพิ่มเติมว่า อาการน้อยใจเกิดจากความอยากของตัวเรา (มันคือกิเลศ) เมื่อคิดได้อย่างนั้น (ตามทันกิเลส) ก็วางใจ ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละคน วิบากดีออกฤทธิ์เมื่อไร ลูกชายก็จะได้เข้ามาเรียนรู้เอง ความน้อยใจหายไป มีแต่ความยินดีที่ได้เข้าไปเรียนรู้
เวลาผ่านไปสักพัก ปรากฏว่า ลูกชายก็ได้เข้ามาในห้องเรียน ตอนแรกไม่เปิดกล้อง หลังจากนั้นก็เปิดกล้อง นั่งฟัง ไม่ได้พูดอะไร
สรุป เมื่อเราวางใจได้จริง ๆ ว่า ลูกชายจะได้เข้าห้องเรียนในครั้งนี้หรือไม่ ก็ไม่ทุกข์ใจ ส่งผลให้วิบากดีร่วมของแม่กับลูกออกฤทธิ์ ลูกชายจึงได้เข้ามานั่งฟังจนจบรายการ
หงุดหงิดทำไม
เรื่องย่อ
พอดีเป็นนักเรียนตัดต่อ ได้ฝึกงานตัดต่อพึ่งตนพ้นภัยโควิด ก็ได้อาสาทำคลิปของจิตอาสาสวน 3 อยู่ท่านหนึ่ง ท่านถ่ายคลิปเป็นแนวตั้งแถมยังตัดต่อของโปรแกรมคายมาสเตอร์ มาให้เสร็จ และในการถ่ายทำ ผู้พูดในคลิปท่านพูดไม่ต่อเนื่อง ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด สิ่งแรกที่เราต้องตัดต่อแก้ไข
คือ ต้องตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิปเลย จากสาเหตุที่ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด เพื่อที่แก้ไขให้ท่านพูดต่อเนื่องไม่สะดุด
ส่วนที่ 2 ที่ต้องแก้ไขคือการถ่ายแบบแนวตั้ง ก็แค่แก้ไขคลิปดำก็ทำง่ายอยู่ แต่นี่เขาเอาคลิปไปตัดต่อในโปรแกรมคายมาสเตอร์มาแล้วนี่สิ มันเป็นภาพเต็มจอแต่คลิปดำมืดอยู่ครึ่งจอ นี่สิมีปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ ส่งคำถามไปหาคุรุว่าแก้ไขอย่างไรก็เงียบ เลยส่งคำถามไปหาพี่พรที่เยอรมัน ก็เงียบ
ก็เลยวางใจไม่รีบไม่เร่ง ก็เลยผ่อนคลายโดยไปทำงานในสวนรอการตอบกลับของคุรุ
สาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากมีอยู่ 2 จุด จุดแรกคือ ตอนตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิป เราก็นึกทำไมเขาพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุดแบบนี้นะ ใจเราก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย แต่พอนึกถึงคำพูดของอาจารย์ ถ้าเขารู้เขาไม่ทำหรอก
ก็พอทำให้หายหงุดหงิดไปได้
ส่วนหงุดหงิดรอบที่ 2 ก็เกิดขึ้นอีก
พอดีคุรุและพี่พร ก็บคำถามกลับมาว่า จะต้องแก้ไขอย่างไร
เอาละสิ มันแก้ไขยากก็ตรงที่คลิปตัดต่อเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย จะต้องแก้ไขไปทีละท่อน ๆ แต่ละท่อนก็ต้องก๊อปปี้เป็น 2 ท่อน
จาก 10 ท่อน ก็กลายมาเป็น 20 ท่อน ที่จะต้องแก้ไข เลยหงุดหงิดที่งานที่ต้องแก้ไขเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าเลย แต่พอนึกถึงคำที่อาจารย์สอน วิบากหมดอีกแล้วเราได้มาทำงานใช้หนี้ เราคงเคยไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนแน่ๆเลย
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำงานใช้หนี้และได้เห็นกิเลส ได้ล้างกิเลสที่เรามีอาการหงุดหงิดและคันหัวใจ
ทุกข์
ทำคลิปมาไม่ได้ดั่งใจจึงหงุดหงิด
สมุทัย
ทำคลิปมาดีจะสุขใจทำมาไม่ดีจึงหงุดหงิดทุกข์ใจ
นิโรธ
จะทำคลิปมาดีหรือไม่ดีก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค
อาจารย์ย้ำสอนเสมอว่า ความสำเร็จของงาน ไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จของงาน
หรือตามบททบทวนธรรมข้อที่ 82 จงฝึกอยู่กับความจริงของชีวิตที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ อย่างผาสุกให้ได้
และข้อที่ 84 ล้างความยึดมั่นถือมั่นของใจได้สำเร็จ คือ ความสำเร็จที่แท้จริง
เรื่อง ความกลัว
ช่วงนี้ข้าพเจ้าต้องทานยาปฎิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน โดยเเพทย์ท่านสั่งให้ทานยาหลังอาหารตอนเช้า เเต่เนื่องด้วยยามีผลข้างเคียงค่อนข้างเเรง ข้าพเจ้าปรึกษาขออนุญาตคุณหมอว่า เปลี่ยนเวลาทานยามาเป็นตอนเย็นได้ไหม ? ท่านมีอาการลังเลนิดหน่อย เเต่ก็ตอบตกลง ตั้งเเต่นั้นมาจึงเปลี่ยนเวลาทานยาใหม่
เมื่อคืนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนตีสอง มีอาการปวดหน่วง ๆ ปวดหลัง ช่วงไต ปวดคล้ายกับกระเพาปัสสาวะอักเสบ เห็นความกลัวเกิดขึ้นในใจเเละปรุงต่อไปว่าเป็นเพราะเราเปลี่ยนเวลาทานยาปฎิชีวนะหรือเปล่า ? เราดื่มน้ำน้อยไปไหม? เป็นผลมาจากที่ทานยาตอนเย็นไหม ? ทำให้ยาอยู่ในกระเพาะปัสสาวะนานเกินไป จึงทำให้ไตทำงานหนัก
ทุกข์ : กลัว กังวลใจ ที่ร่างกายจะไม่สบายเพิ่มขึ้น
สมุทัย : ยึดว่าร่างนี้เป็นของเรา จะต้องไม่เป็นอะไร ชอบที่จะไม่มีอาการปวด ไม่ชอบที่ร่างกายเป็นโน่น เป็นนี่
นิโรธ : เเม้ร่างกายนี้จะเสื่อม จะไม่สบายเพิ่มขึ้น จะไม่กลัว ไม่กังวล ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ จะมีใจที่ไร้ทุกข์
มรรค : พิจารณาว่าร่างกาย สังขารนี้มันไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากร่างกายนี้ไปไม่ว่าด้วยโรคร้าย หรือความเเก่ชรา ยังไงเราก็ต้องตาย เราจะมัวมายึดว่าเป็นของเราเเละกลัวไปทำไม ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับในสภาพความจริงที่เป็นอยู่
ร่างกายที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็ไม่เเข็งเเรงพอเเล้ว อย่าสร้างความกลัวมาเพิ่มทำให้จิตใจเราอ่อนเเอลงมากกว่านี้ เรากำลังเบียดเบียนตัวเอง ผิดศีลข้อที่หนึ่ง
นึกถึงคำสอนของท่านอาจาร์ยหมอเขียว ท่านเคยพูดไว้ว่า ถ้าเราเข้าใจเรื่องวิบากกรรมอย่างเเท้จริงเเล้ว เราจะไม่กลัว กังวล สงสัย อะไรเลย เเละทบทวน พิจารณา เชื่อต่อไปว่า สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่ไม่เคยทำมา รับเเล้วก็หมดไป นึกกราบขอบพระคุณวิบากกรมที่มาเเสดงทางกาย ใจ ให้เห็นเเละให้ได้ชดใช้คืนบ้าง หลังจากที่ได้คิดพิจารณาหลาย ๆ ข้อ เห็นใจที่ผ่อนคลายความกลัว กังวลลง เป็นลำดับ เเละค่อย ๆ หายไป
ทางด้านร่างกายที่ปวดหน่วง ๆ อยู่ ก็ได้บำบัดด้วยการประคบร้อนด้วยกระเป๋าน้ำร้อนที่ท้อง เเละที่หลัง เห็นว่าถูกกับเราเพราะเบากาย อาการปวดลดลง จึงขึ้นไปนอนอีกครั้ง พอตื่นขึ้นมาตอนเช้ามารู้สึกว่ายังมีอาการปวดอยู่นิดหน่อย บำบัดเเบบเดิมอีกครั้ง อาการปวดก็หายไปคะ
ฉบับแก้ไขปรับปรุง
หงุดหงิดทำไม
เรื่องย่อ
พอดีเป็นนักเรียนตัดต่อ ได้ฝึกงานตัดต่อพึ่งตนพ้นภัยโควิด ก็ได้อาสาทำคลิปของจิตอาสาสวน 3 อยู่ท่านหนึ่ง ท่านถ่ายคลิปเป็นแนวตั้งแถมยังตัดต่อของโปรแกรมคายมาสเตอร์ มาให้เสร็จ และในการถ่ายทำ ผู้พูดในคลิปท่านพูดไม่ต่อเนื่อง ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด สิ่งแรกที่เราต้องตัดต่อแก้ไข
คือ ต้องตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิปเลย จากสาเหตุที่ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด เพื่อที่แก้ไขให้ท่านพูดต่อเนื่องไม่สะดุด
ส่วนที่ 2 ที่ต้องแก้ไขคือการถ่ายแบบแนวตั้ง ก็แค่แก้ไขคลิปดำก็ทำง่ายอยู่ แต่นี่เขาเอาคลิปไปตัดต่อในโปรแกรมคายมาสเตอร์มาแล้วนี่สิ มันเป็นภาพเต็มจอแต่คลิปดำมืดอยู่ครึ่งจอ นี่สิมีปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ ส่งคำถามไปหาคุรุว่าแก้ไขอย่างไรก็เงียบ เลยส่งคำถามไปหาพี่พรที่เยอรมัน ก็เงียบ
ก็เลยวางใจไม่รีบไม่เร่ง ก็เลยผ่อนคลายโดยไปทำงานในสวนรอการตอบกลับของคุรุ
สาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากมีอยู่ 2 จุด จุดแรกคือ ตอนตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิป เราก็นึกทำไมเขาพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุดแบบนี้นะ ใจเราก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย แต่พอนึกถึงคำพูดของอาจารย์ ถ้าเขารู้เขาไม่ทำหรอก
ก็พอทำให้หายหงุดหงิดไปได้
ส่วนหงุดหงิดรอบที่ 2 ก็เกิดขึ้นอีก
พอดีคุรุและพี่พร ก็บคำถามกลับมาว่า จะต้องแก้ไขอย่างไร
เอาละสิ มันแก้ไขยากก็ตรงที่คลิปตัดต่อเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย จะต้องแก้ไขไปทีละท่อน ๆ แต่ละท่อนก็ต้องก๊อปปี้เป็น 2 ท่อน
จาก 10 ท่อน ก็กลายมาเป็น 20 ท่อน ที่จะต้องแก้ไข เลยหงุดหงิดที่งานที่ต้องแก้ไขเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าเลย แต่พอนึกถึงคำที่อาจารย์สอน วิบากหมดอีกแล้วเราได้มาทำงานใช้หนี้ เราคงเคยไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนแน่ๆเลย
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำงานใช้หนี้และได้เห็นกิเลส ได้ล้างกิเลสที่เรามีอาการหงุดหงิดและคันหัวใจ
ทุกข์
ทำคลิปมาไม่ได้ดั่งใจจึงหงุดหงิด
สมุทัย
ทำคลิปมาดีจะสุขใจทำมาไม่ดีจึงหงุดหงิดทุกข์ใจ
นิโรธ
จะทำคลิปมาดีหรือไม่ดีก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค
อาจารย์ย้ำสอนเสมอว่า ความสำเร็จของงาน ไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จของงาน
หรือตามบททบทวนธรรมข้อที่ 82 จงฝึกอยู่กับความจริงของชีวิตที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ อย่างผาสุกให้ได้
และข้อที่ 84 ล้างความยึดมั่นถือมั่นของใจได้สำเร็จ คือ ความสำเร็จที่แท้จริง
ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ล่าสุด
กราบขออภัยครับ
หงุดหงิดทำไม
เรื่องย่อ
พอดีเป็นนักเรียนตัดต่อ ได้ฝึกงานตัดต่อพึ่งตนพ้นภัยโควิด ก็ได้อาสาทำคลิปของพี่ท่านหนึ่ง ท่านถ่ายคลิปเป็นแนวตั้งแถมยังตัดต่อของโปรแกรมสำเร็จรูปมาแล้ว และในการถ่ายทำ ผู้พูดในคลิปท่านพูดไม่ต่อเนื่อง ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด สิ่งแรกที่เราต้องตัดต่อแก้ไข
คือ ต้องตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิปเลย จากสาเหตุที่ท่านพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุด เพื่อที่แก้ไขให้ท่านพูดต่อเนื่องไม่สะดุด
ส่วนที่ 2 ที่ต้องแก้ไขคือการถ่ายแบบแนวตั้ง ก็แค่แก้ไขคลิปจอดำก็ทำง่ายอยู่ แต่นี่เขาเอาคลิปไปตัดต่อในโปรแกรมสำเร็จรูปมาแล้วนี่สิ มันเป็นภาพเต็มจอแต่คลิปจอดำมืดอยู่ครึ่งจอ นี่สิมีปัญหาที่เราแก้ไม่ได้ ส่งคำถามไปหาคุรุว่าแก้ไขอย่างไรก็เงียบ เลยส่งคำถามไปหาพี่ๆจิตอาสาก็เงียบ
ก็เลยวางใจไม่รีบไม่เร่ง ก็เลยผ่อนคลายโดยไปทำงานในสวนรอการตอบกลับของคุรุ
สาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากมีอยู่ 2 จุด จุดแรกคือ ตอนตัดคลิปเป็นท่อนเล็กท่อนน้อยทั้งคลิป เราก็นึกทำไมเขาพูดแล้วหยุด พูดแล้วหยุดแบบนี้นะ ใจเราก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย แต่พอนึกถึงคำพูดของอาจารย์ ถ้าเขารู้เขาไม่ทำหรอก
ก็พอทำให้หายหงุดหงิดไปได้
ส่วนหงุดหงิดรอบที่ 2 ก็เกิดขึ้นอีก
พอดีคุรุและพี่ๆจิอาสาก็ตอบคำถามกลับมาว่า จะต้องแก้ไขอย่างไร
เอาละสิ มันแก้ไขยากก็ตรงที่คลิปตัดต่อเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย จะต้องแก้ไขไปทีละท่อน ๆ แต่ละท่อนก็ต้องก๊อปปี้เป็น 2 ท่อน
จาก 10 ท่อน ก็กลายมาเป็น 20 ท่อน ที่จะต้องแก้ไข เลยหงุดหงิดที่งานที่ต้องแก้ไขเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าเลย แต่พอนึกถึงคำที่อาจารย์สอน วิบากหมดอีกแล้วเราได้มาทำงานใช้หนี้ เราคงเคยไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนแน่ๆเลย
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำงานใช้หนี้และได้เห็นกิเลส ได้ล้างกิเลสที่เรามีอาการหงุดหงิดและคันหัวใจ
ทุกข์
หงุดหงิดรำคาญใจในการตัดต่อคลิปวีดีโอ
สมุทัย
อยากให้คนที่อัดคลิปทำออกมาดีไม่พร่องมาก
นิโรธ
จะอัดคลิปมาดีหรือไม่ดีก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค
อาจารย์ย้ำสอนเสมอว่า ความสำเร็จของงาน ไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จของงาน
หรือตามบททบทวนธรรมข้อที่ 82 จงฝึกอยู่กับความจริงของชีวิตที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ อย่างผาสุกให้ได้
และข้อที่ 84 ล้างความยึดมั่นถือมั่นของใจได้สำเร็จ คือ ความสำเร็จที่แท้จริง
เรื่อง ความยินดี
มีโอกาสได้ร่วมบำเพ็ญ กับพี่น้องหมู่มิตรแล้วมีความอบอุ่นได้อยู่กับครอบครัวใหญ่ พอถึงเวลาต้องไปทำงานแล้วมีความไม่แช่มชื่นยินดี
ทุกข์ ไม่แช่มชื่นยินดีที่ต้องไปทำงาน
สมุทัย อยากอยู่บ้านร่วมบำเพ็ญกับพี่น้องหมู๋มิตรดี ถ้าได้อยู่บ้านจะสุขใจชอบใจ
นิโรธ อยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้านก็ไม่ชอบไม่ชัง ยินดีบำเพ็ญได้เท่าที่โอกาส ให้ได้บำเพ็ญ
มรรค พิจารณาว่าความอยากเป็นทุกข์แม้ว่าจะอยากในดี ถ้าดีนั้นไม่ใช่กุศลของเรา เราก็ควรยินดีชดใช้ด้วยใจที่ไร้ทุกข์ เพราะกุศลของเราคือต้องไปทำงานเราก็ควรไปทำงานด้วยความยินดี รับใช้วิบาก รับแล้วก็หมดไปเราก็จะโชคดีขี้น เราทำดีที่ทำได้ด้วยใจที่ไร้ทุกข์ คิดถึงบททบทวนธรรมของ อาจารย์หมอเขียว ทำดีเต็มที่ทุกวันเราก็สุขใจเต็มที่ได้ทุกวันได้เท่าไหร่พอใจเท่านั้น พอใจเมื่อใหร่ก็สุขใจเมื่อนั้น พอคิดได้อย่างนี้ก็ไปทำงานด้วยใจที่แช่มชื่นยินดี
เรื่อง กังวลทำไม
เหตุการณ์ : ปลูกปาล์มไว้ที่สวนท่าชนะ เดือนกว่าแล้วไม่ได้ต้ดหญัาให้มันเลย เพราะในช่วงนี้มีค่ายออนไลน์ ทำให้เกิดควมรู้สึกกังวลใจ ว่าต้นปาล์มที่ปลูกไว้จะตาย
ทุกข์ : กังวลใจ ที่ไม่ได้ตัดหญ้าให้ต้นปาล์ม
สมุทัย : ยึดมั่นถือมั่นว่า ชอบใจ ถ้าต้นปาล์มไม่ตาย ชังถ้าต้นปาล์มตาย
นิโรธ : ต้นปาล์มจะตายหรือไม่ เราก็วางใจได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น มันจะตายก็ให้มันตาย ตายก็ปลูกใหม่ ได้ฝึกทำใจปล่อยวาง แต่ถ้ามันไม่ตาย ได้ฝึกทำใจไม่หลงไปกับความได้ดั่งใจ เอาประโยชน์ให้ได้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะออกมาดีหรือร้าย เราก็จะไม่กังวลใจ เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง มีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ถามบททบทวนธรรมข้อที่ 89 “ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้ไม่มีอะไรที่เรากำหนดได้นอกจากใจที่ไม่ทุกข์ของเราเท่านั้น ที่เรากำหนดได้ ” เมื่อได้พิจารณาตามบททบทวนธรรมดังกล่าวแล้ว ความกังวลใจก็หายไป เกิดอาการโล่ง โปร่ง สบาย ในที่สุด
เรื่อง จะตายหรือรอดก็ได้
เหตุการณ์ : ปลูกปาล์มไว้ที่สวนท่าชนะ เดือนกว่าแล้วไม่ได้ต้ดหญัาให้มันเลย เพราะในช่วงนี้มีค่ายออนไลน์ ทำให้เกิดควมรู้สึกกังวลใจ ว่าต้นปาล์มที่ปลูกไว้จะตาย
ทุกข์ : กังวลใจ ที่ไม่ได้ตัดหญ้าให้ต้นปาล์ม
สมุทัย : ยึดมั่นถือมั่นว่า ชอบใจ ถ้าต้นปาล์มไม่ตาย ชังถ้าต้นปาล์มตาย
นิโรธ : ต้นปาล์มจะตายหรือไม่ เราก็วางใจได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น มันจะตายก็ให้มันตาย ตายก็ปลูกใหม่ ได้ฝึกทำใจปล่อยวาง แต่ถ้ามันไม่ตาย ได้ฝึกทำใจไม่หลงไปกับความได้ดั่งใจ เอาประโยชน์ให้ได้ ไม่ว่าเหตุการณ์จะออกมาดีหรือร้าย เราก็จะไม่กังวลใจ เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง มีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ถามบททบทวนธรรมข้อที่ 89 “ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้ไม่มีอะไรที่เรากำหนดได้นอกจากใจที่ไม่ทุกข์ของเราเท่านั้น ที่เรากำหนดได้ ” เมื่อได้พิจารณาตามบททบทวนธรรมดังกล่าวแล้ว ความกังวลใจก็หายไป เกิดอาการโล่ง โปร่ง สบาย ในที่สุด
เรื่อง ใจหายกับผักทีหายไป
เหตุการณ์ ด้วยช่วงนี้ผักมีไม่ค่อยเยอะเวลาเก็บผักได้ ผักอะไรที่สามารถเก็บไว้ได้ก็จะเก็บไว้ใช้ในวันต่อไป วันก่อนได้เก็บผักเอาไว้เพื่อเอาไว้ใช้อีกวัน แต่ตอนเย็นพอไปดูก็เห็นว่ามันหายไปแล้ว พอเห็นว่าผักหายไปก็รู้สึกใจหาย
คิดว่าพรุ่งนี้จะหาอะไรทำกับข้าวให้อาจารย์ก็มีความกังวลใจ
ทุกข์ รู้สึก ไม่สบายใจที่พักหายไปเพราะกังวลว่าพรุ่งนี้จะมีผ้กไม่พอทำอาหาร
สมุทัย รู้สึกสุขใจชอบใจถ้าผักไม่หายไปเพราะจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีผักไว้ใช้ทำอาหารในวันพรุ่งนี้ รู้สึกทุกข์ใจไม่ชอบใจที่ผักหายไปเพราะเป็นกังวลว่าจะไม่มีผักไว้ใช้ทำอาหารในวันพรุ่งนี้
นิโรธ ผ้กกจะหายไปหรือไม่หายไปพรุ่งนี้จะมีผักให้เราได้ใช้เท่าไหร่เราก็ยินดีสุขใจได้
มรรค ตั้งศีลมาปฏิบัติเพื่อให้เห็นอาการของกิเลส ให้เห็นความวิปลาสเห็นความไม่เที่ยงว่าเที่ยง ความทุกข์ใจที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นว่าทำให้เกิดทุกข์ใจยังไง ให้เห็นความจริงตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะได้อะไรมาเท่าไหร่จะเสียอะไรเไปเท่าไร ก็เกิดจากกุศลและอกุศลของตัวเราและผู้ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเข้าใจถึงเรื่องกรรมวิบากกรรม กุศลและอกุศล และความยึดมั่นถือมั่นของกิเลสของเราเราก็สามารถวางใจและยินดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สาธุค่ะ
สรุป เมื่อคิดได้ตามนั้นก็คลายความกังวลได้วางใจได้ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่มีของหายเราจะมีความทุกข์ใจมากกว่านี้และคงจะหาว่าใครเป็นคนเอาไปแต่ตอนนี้เรามีแค่ความรู้สึกเสียดายเพราะความกลัวกังวลใจของตัวเองเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้พิจารณาและล้างกิเลสแล้วก็สามารถวางใจและไม่กังวลใจได้ ไม่โทษใครได้ด้วยใจที่เป็นสุข
ชื่อเรื่อง : รักแม่ หรือ ยึดแม่?
ช่วงที่ผ่านคุณแม่มีอาการเจ็บข้อขาอย่างหนักมาก จากที่เคยไปรดน้ำพืชผักชั้นดาดฟ้าได้ ตอนนี้ก็ไปแทบไม่ได้ เดินเหินลำบากมาก เมื่อได้เห็นท่านอยู่สภาพนี้ มีความรู้สึกเป็นห่วงและทุกข์ใจ แนะนำท่านลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ ทำโยคะ กดจุดลมปราณ หรือลองมาฟังค่ายสุขภาพออนไลน์ฯ แต่ท่านก็ดูไม่สนใจ ไม่เข้าใจ
ทุกข์ คือ กังวล เป็นห่วงที่คุณแม่เดินลำบากไม่ไหว และไม่ยอมดูแลสุขภาพตนเอง
สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) คือ อยากเห็นแม่ในสภาพดี ๆ เหมือนที่เคยเป็น คือ เดินได้สะดวก ไม่เจ็บขา อยากให้แม่สนใจสิ่งที่ตนเองแนะนำให้แม่ลองทำ
นิโรธ (สภาพดับทุกข์) คือ ไม่ชอบไม่ชังคุณแม่จะสนใจหรือไม่สนใจสิ่งที่ได้แนะนำไปก็ได้ เราก็ยินดี พอใจ ไร้กังวล ยอมรับในสภาพที่คุณแม่ต้องได้รับด้วยใจไร้ทุกข์
มรรค (ทางเดินสู่ความพ้นทุกข์) คือ พิจารณาวิบากกรรมที่คุณแม่เป็นเงาสะท้อนของตนเองที่ไม่ยอมสนใจสิ่งที่ดีกับตนเอง ที่ดื้อกับศีล และวิบากกรรมที่ตนเองเคยทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงมา วันนี้ต้องรับและต้องยอมรับให้สิ่งเลวร้ายใด ๆ เกินขึ้นกับคุณแม่ให้ได้ ไม่ไปดึงดันบีบบังคับให้คุณแม่ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ให้คุณแม่ได้มีอิสรภาพในการเลือกใช้ชีวิตของตนเองอย่างเต็มที่ ตัวเราเองก็ไม่ชอบให้ใครมาบีบบังคับให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เช่นกัน ยอมให้คุณแม่รับวิบากจนสุกงอม เมื่อถึงเวลาหากท่านสนใจท่านจะมาสอบถามข้อมูลเอง เรามีหน้าที่เพียงทำที่ตนเองให้ดีที่สุด เป็นแบบอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้มีหน้าที่บงการชีวิตใครทั้งนั้น นับหนึ่งที่เรา เริ่มต้นที่เรา เราเองก็ยังมีกิเลสอยากโลภดีกับคุณแม่แบบนี้ จะถือว่าเป็นดีได้อย่างไร จึงพากเพียรตั้งศีลเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังให้สู้กับความทุกข์ใจของตนเอง หากเราวางได้ ไม่อยากเอาดีจากคุณแม่ ก็จะลดวิบากที่จะไปกั้นให้คุณแม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตามที่กุศลของคุณแม่มี พากเพียรไม่ต้องอยากให้ทุกสิ่งต้องได้สมใจทั้งนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรม หาประโยชน์ในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน คุณแม่เจ็บข้อขา ก็จะทำให้ท่านมีกำลังไปเสพช้อปปิ้งสินค้าที่ไม่จำเป็นได้น้อยลง เสพน้อย กุศลย่อมเพิ่ม เมื่อคิดได้แบบนี้ ใจก็ยินดีขึ้นมา จะทุกข์ใจเรื่องของผู้อื่นให้โง่ไปทำไมกัน
เรื่อง หมองใจ ไม่เบิกบานเพราะไม่ได้ส่งการบ้าน
เหตุการณ์: ตั้งใจที่จะส่งการทุกสัปดาห์ แต่ตลอดเดือนสิงหาคม ไม่ได้ส่งการบ้านเลย แต่มีเหตุการณ์ต่างๆให้ทำล้างอยู่ตลอดแล้ววางไปไม่ได้นำมาเขียนส่ง เนื่องจากมีกิจกรรมต่่างๆให้ต้องทำรับผิดชอบทั้งภาระทางโลก และบำเพ็ญงานของ พวธ.
ทุกข์: ใจหมองไม่เบิกบาน เมื่อไม่ได้ส่งการบ้านอริยสัจ4
สมุทัย: ยึดว่า ถ้าได้ส่งการบ้านจะสุขใจ ไม่ส่งการบ้านจะทุกข์
นิโรธ: ได้ส่งการบ้านก็สุขใจ ไม่ได้ส่งการบ้่านก็สุขใจให้ได้
มรรค: เดินมรรคด้วยบททบทวนธรรม ข้อ๕๓ ศีลคือ ไม่เบียดเบียนตนเอง คนอื่น สัตว์อื่น เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อคนอื่น ต่อสัตว์อื่น แม้มีความตั้งใจที่จะเพิ่มการเขียนการบ้านให้ได้ แต่เมื่อองค์ประกอบไม่พร้อมเรื่องเวลาก็ต้องยอมรับว่า กุศลเราได้แค่นี้ ตามบททบทวนธรรม ข้อ๔๙ ถามว่า…ตั้งใจทำดี ทำไมได้แค่นี้ ตอบว่า… เพราะทำชั่วมามาก ถามว่า…มากแค่ไหน ตอบว่า…หาที่ต้นที่สุดไม่ได้ ถามว่า…แล้วจะทำอย่างไร ตอบว่า… อดทน รอคอย ให้อภัย ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ ก็เบาใจลง และต่อด้วย ข้อ๕๐ อดีตที่ผิดพลาดให้สำนึกผิด ปัจจุบันที่ผิดพลาดจากกิเลส หรือจากการประมาณที่ไม่พอเหมาะให้แก้ไข ก็กลับมาตั้งศีลที่จะเขียนการบ้านส่งแบบไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า ได้หรือไม่ได้ก็ตามโอาสที่เปิดให้ ด้วยใจเป็นสุขเบิกบาน
รื่อง วิบากดีร้ายรุม
เหตุการณ์: ช่วงวันที่ 25ส.ค 64 ตอนบ่าย 15.00น. ต้องร่วมบำเพ็ญกับหมู่ช่วยโควิด แต่มีผู้ต้องการข้าวสารซึ่งรับปากว่าจะไปส่งให้ ขอให้ช่วยส่งข้าวสารให้ เห็นว่าพอจัดเวลาไปส่งได้ช่วงบ่ายจึงรีบไปส่ง แต่พอไปจริงๆปรากฎว่าเวลาไม่ลงตัวตามกำหนดกลับมาไม่ถึงบ้าน ต้องเริ่มเข้ารายการบนรถก่อน แล้วกลับมาต่อรายการที่บ้าน
ทุกข์: กังวลว่าจะไม่ทันรายการ ทำให้หมู่และรายการเสียหาย
สมุทัย: ยึดอยากทำดีให้ครบไปเบียดขโมยดี ทำแบบประมาณไม่เหมาะทำให้เวลาเหลื่อมกัน
นิโรธ: ไม่สุขไม่ทุกข์ แม้ว่าจะพร่องจะพลาดจากการประมาณที่ไม่ถูกเหมาะควร
มรรค: เดินมรรคด้วยยททบทวนธรรม ข้อ๘๐ เมื่อได้มุ่งหมายให้เกิดดีและพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ดีนั้นไม่สมบูรณ์ ไม่สำเร็จดั่งใจหมาย กิเลสมักจะหลอกบอกว่า ถ้าไม่สมบูรณ์ ไม่สำเร็จจะเสียหาย จะไม่สบายใจเป็นกลลวง ให้ใช้ปัญญาหักลำกิเลส โดยบอกกิเลสว่า ถ้าได้มากกว่านี้ ถ้าสมบูรณ์หรือสำเร็จกว่านี้ จะเสียหาย เพราะในขณะนั้น ยังไม่ใช่เวลาที่จะได้มากกว่านี้ ยังไม่ใช่เวลาที่จะสมบูรณ์หรือสำเร็จกว่านี้ในครั้งนั้นไม่สมบูรณ์ ไม่สำเร็จจะดีที่สุด ยุติธรรมที่สุดตามกุศล อกุศลของเราและคนที่เกี่ยวข้อง ใจก็เบา คลาย เบิกบาน ที่ได้บำเพ็ญเต็มที่ เต็มความสามารถ ตามที่โอกาสเปิดให้ ครับ
เรื่อง อยู่ที่เขา
เหตุการณ์ : ช่วงค่ายออนไลน์มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องอาหารนัดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเวลาแปดนาฬิกาเพื่อจะแนะนำในการเตรียม การปรุงอาหารตามเมนูและวัตถุดิบที่ให้เตรียมไว้ ตัวเองเข้าไลน์กลุ่มก่อนเวลานัดเพื่อรอรับแม่ครัว พอถึงเวลา ไม่มีใครส่งสัญญาณอะไร ก็รอๆพร้อมให้ข้อมูลไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีเสียงตอบรับจนเลยเวลานัดนานมากล่วงเลยเกินเก้านาฬิกาสามสิบนาทีแล้วยังเงียบแต่มารไม่เงียบแล้วสิ มารโผล่ออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ ที่ทีมชุมชนไม่แสดงความเคลื่อนใดๆออกมาเลย
ทุกข์ : รู้สึกอึดอัดใจ ที่ทีมชุมชนไม่ส่งสัญญาณในไลน์กลุ่ม
สมุทัย : หลงยึดมั่นถือมั่นพร้อมอยากให้ทีมชุมชนเข้าไลน์ตามเวลานัด ชอบใจ สุขใจ ถ้าเขาเข้าตามเวลานัด ทุกข์ใจ ไม่ชอบใจ ที่เขาเข้าผิดเวลาที่นัดไว้
นิโรธ : ทีมชุมชนจะเข้าไลน์ตามเวลานัดหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ใจไร้ทุกข์
มรรค : พิจารณาล้างความยึด ความอยาก ออกจากใจ
ด้วยบททบทวนธรรมข้อที่ 101ที่ว่า “ต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นให้ได้ “จึงจะได้” เติมเต็มด้วยข้อที่ 102 คือ “ทำตามจริงที่เป็นไปได้จริง ชีวิตก็ไม่มีอะไรทุกข์ ” เมื่อได้พิจารณาตามที่กล่าวพบว่า ที่ใจรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายเล็กๆเพราะเราจะเอาดีให้ได้ดั่งใจเราหมายด้วยการอยากจนยึดมั่นถือมั่นว่า เราจะสุขใจถ้าเข้ามาคุยในไลน์ตามเวลาที่นัดกันที่เป็นจริงเขาจะเข้ามาตอนไหน ตามเวลานัด หรือไม่ เข้าแล้วส่งสัญญาณหรือไม่ก็อยู่ที่เขา จะอึดอัดใจให้เหนื่อยทำไมนี่ ตัวเองพยายามช่วยเขาเต็มที่ เต็มกำลังแล้วก็วางได้แล้ว คิดได้ดังนี้ ความรู้สึกอึดอัดใจหายไปทันที แล้วปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่จะเป็น เขาพร้อมส่งข่าวตอนไหนก็ตอนนั้น พอวางได้ ใจก็โล่ง โปร่ง เบิกบาน ไร้ทุกข์ แล้วทักไปในไลน์เขาแจ้งว่ากำลังเริ่มเตรียมทำอาหารจากนั้นให้อิสระเขาทำอาหารเสร็จพร้อมส่งภาพอาหารมายืนยัน
สรุป พอเราวางใจ ปล่อยให้เป็นตามจริง ที่เป็นไปได้ตามที่เขาเป็น ใจไร้ทุกข์ทันที
#ต้องขอบคุณเขาสิถึงจะถูก
เช้าวันนี้ (29/8/64) มีคนมาทักผมเกี่ยวกับผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ ทันทีที่ผมได้ยินคำพูดของเขา ผมก็สัมผัสได้ถึงใจที่เป็นทุกข์จากการที่รู้สึกไม่ชอบที่มีคนมาทักผมในเรื่องนี้ขึ้นมาได้โดยแทบจะทันที
ทุกข์ : ทุกข์ใจเพราะรู้สึกไม่ชอบที่มีคนมาทักเกี่ยวกับเรื่องผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ
สมุทัย : จะรู้สึกทุกข์ใจถ้ามีคนมาทักเกี่ยวกับเรื่องผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ แต่จะสุขใจถ้าไม่มีคนมาทักเกี่ยวกับเรื่องผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ
นิโรธ : สามารถผาสุกใจได้ไม่ว่าจะมีคนมาทักเกี่ยวกับเรื่องผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ หรือไม่
มรรค : กรณีนี้ผมเดินมรรคโดยการนำคำสอนเรื่องวิบากกรรมเข้ามาพิจารณาโดยพิจารณาย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ที่ผมก็มักจะไปทักเชิงล้อเลียนจุดที่ด้อยที่พร่องของผู้อื่นเป็นประจำ ดังนั้นถ้าผมจะโดนทักบ้างก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร และที่เขาทักขึ้นก็มีเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการที่วิบากกรรมไม่ดีของผมเองไปดลใจเขาให้ทักผมในเรื่องนี้ขึ้นมา
ที่สำคัญ หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ไม่นาน ผมก็มาคิดได้ว่า จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคำตำหนิ ติติง ต่อว่า นินทา ล้วนแล้วแต่เป็นขุมทรัพย์ของผมทั้งนั้น อย่างเช่นในกรณีนี้ แทนที่ผมจะไปไม่ชอบใจไปโกรธคนที่มาทักผมเรื่องผมบนศีรษะที่เริ่มบางลงไปเรื่อยๆ ผมต้องไปขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำไป ที่เขามาทำให้ผมได้เห็นกิเลส/อัตตาตัวใหญ่ๆ ที่ผมยังคงติดอยู่ยึดอยู่ และเมื่อผมได้เห็นแล้ว ผมก็จะได้พากเพียรล้าง กิเลส/อัตตา ตัวนี้ให้สิ้นเกลี้ยงไปจากจิตวิญญาณต่อไป
เรื่อง ตกใจกลัวคอมเสีย
เนื้อเรื่อง เนื่องจากนำคอมพิวเตอร์จากที่ทำงานมาทำงานที่บ้านตามนโยบาย `”Work from Home”มีจิตอยากได้ความสมบูรณ์ เพราะหน้าจอคอมใหญ่ดี เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ถอดปลั๊กไปมา ปรากฎว่า เปิดคอมแล้วหน้าจอไม่ติด แว้บแรก เกิดความกลัวคอมจะเสีย ต้องยกเครื่องไปซ่อม ตรวจดูใจพบว่ามีความกลัวจะเสียทรัพย์ ไม่อยากเสียเงิน
ทุกข์ : ตกใจ กังวลใจกลัวคอมจะเสียไหม
สมุทัย : อยากให้คอมพิวเตอร์เป็นสภาพดังดีเดิม เปิดได้ ใช้ได้เหมือนดังใจหมาย เพราะลึกๆ กลัวจะต้องเสียตังค์เพื่อไปซ่อมคอมพิวเตอร์
นิโรธ : คอมจะเปิดได้หรือไม่ ก็ไม่ทุกข์ใจ หรือแม้จะต้องเสียเงินก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณาวางใจว่า ถ้าจำเป็นต้องเสียเงินซ่อม ก็ยอมรับ ยินดี ไม่ทุกข์ใจจะดีกว่า กังวลใจไปก็เท่านั้น ยังไงก็ต้องซ่อมอยู่ดี พอวางใจได้ โทรหาหมู่เพื่อนที่เก่งคอมพิวเตอร์ แค่ดึงปลั๊กออกแล้วเสียบปลั๊กใหม่ เปิดคอมอีกทีก็ปกติดี
ส่งการบ้าน
นางชวนชม คำท้วม
ชื่อทางธรรม สู่ร่มศีล
จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2
ชื่อเรื่อง รู้สึกคิดถึงลูกมากเหตุการณ์ได้ลงเฟซบุ๊ก เขียนประมาณว่าส่งลูกไปเรียนไกล ไม่ได้กอด เราอดทนเพื่อลูก เพื่อเราลูกเขาได้เปิดโลกกว้าง เป็นเหตุให้เพื่อนในเฟซบุ๊กเห็นใจ มาปลอบใจ เราซึ่งไม่ชอบใจ เราไม่อยากให้เขาสงสาร เราแค่อยากให้เพื่อนรู้แบบว่า คือเราน่ะจะอดทนรอดูความสำเร็จ ความสุข คล้ายอยากบอกว่า เรานะอดเปรี้ยวกินหวานนะ
ทุกข์ ไม่ชอบใจ ที่เพื่อนๆพากันปลอบ
สมุทัย ชอบถ้าเพื่อนเข้าใจความหมายของเรา ที่สื่อออกไป ขังเพื่อนไม่เข้าใจแล้ว มาปลอบเรา
นิโรธ เพื่อนจะปลอบเราหรือไม่ปลอบเรา ใจเราก็ไร้ทุกข์มรรค การสื่อสารมันทำให้เขาเข้าใจ อีกแบบหนึ่ง ล้านเหตุผลที่ จะให้เขาตีความหมายออกไป และทำให้กิเลสเกิดขึ้นอีก 1 ตัวคือ คิดถึงลูกมาก มันเหงา นึกถึงหัวอกแม่ เราต้องฝึกการพลัดพรากเอาไว้นี่แหละ ฝึกพรากเอาไว้นี่แหละ บอกกิเลสว่ายุคโควิดมันทำให้ เราไปหาลูกไม่ได้ ก็ดีแล้ว ทำให้ลูกกับเรา ไม่ต้องเจอกันบ่อย ทำให้ลูกเข้มแข็ง มันมีข้อดีหมด แต่เราไปมองแต่ข้อเสีย เลยทุกข์ใจ เมื่อวานได้รับจดหมายลูก ที่เขียนให้ในวันแม่ ลูกบอกว่าแม่ เขาสบายแล้ว บอกให้พ่อแม่รักษาสุขภาพในยุคโควิด เขาเขียนมาทำให้เราชื่นใจ หมดห่วง ใจไร้ทุกข์ค่ะ
ส่งการบ้าน
นางชวนชม คำท้วม
ชื่อทางธรรม สู่ร่มศีล
จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2
ชื่อเรื่อง ทำไมต้องคิดอย่างนั้นด้วย
เหตุการณ์ ขณะที่เรากำลังพักผ่อนและนอนเล่นโทรศัพท์ พ่อบ้านก็มาเห็นเราเล่นโทรศัพท์ และวางโทรศัพท์พอดี ในขณะนั้นเห็นเขา พ่อบ้านว่าเรามีพิรุจ พ่อบ้านเขาจะไม่ชอบให้เราเล่นโทรศัพท์ เขาจะพูดประจำว่าทำไมต้องเล่นโทรศัพท์ คุยกับกิ๊กหรือ แล้วหนูก็โมโห เผลอตอบไปว่า ใช่จะมีกิ๊กแล้ว
ทุกข์ ไม่ชอบที่พ่อบ้าน ก้าวก่ายเรื่องโทรศัพฑ์
สมุทัย ชอบที่พ่อบ้านไม่ก้าวก่ายเรื่องโทรศัพท์ ชังที่พ่อบ้านก้าวก่ายเรื่องโทรศัพท์
นิโรธ พ่อบ้านจะก้าวก่ายเรื่องโทรศัพท์ หรือไม่เข้าใจเรื่องโทรศัพท์ ก็ได้ใจไร้ทุกข์
มรรค เราคงเคยไปจับผิดพ่อบ้าน เขาเป็นเหตุให้เขาอาจจะจับผิดเรา และรู้สึกผิดที่ไปพูดกับพ่อบ้านอย่างนั้น ซึ่งเราพูดโกหก เรื่องที่เราจะมีกิ๊ก ว่าเรามีกิ๊กแล้ว พูดประชดเขา พูดยั่วเขา เป็นเหตุให้เราทุกข์ใจด้วย ใช้บททบทวนธรรม ปัญหาทั้งหมดในโลก เกิดจากเราโง่ก็กิเลส และจะควบคุมระวังวาจาไม่พูดโกหก ไม่ให้พูดผิดศีล การผิดศีลทำให้เราทุกข์กายทุกข์ใจ เราก็จะล้างกิเลสออกไป ตอนนี้ใจก็ไร้ทุกข์แล้วค่ะ สาธุค่ะ
ส่งการบ้าน
นางชวนชม คำท้วม
ชื่อทางธรรม สู่ร่มศีล
จิตอาสา ส่วนป่านาบุญ 2
ชื่อเรื่อง แม่โมโห แค่เรื่องรองเท้า
เหตุการณ์ หนูจะชอบมั่ว ใส่รองเท้าของแม่ ของพ่อบ้านคือใส่ตามสะดวกค่ะ คู่ไหนก็ใส่ได้หมด และเป็นเหตุให้แม่ต้องหารองเท้าท่าน ท่านจะใส่รองเท้าของท่าน หนูมีบ้าน 2 หลังติดกัน แม่ต้องไปหารองเท้า บ้านโน้นบ้านนี้ เป็นเหตุให้แม่โมโหมาก บอกว่า อย่ามามั่วรองเท้าแม่นะ แม่กรี๊ดๆ แล้วหนูก็เห็นกริยาแม่ที่กรี๊ด ใส่ว่านั่นคือตัวหนู เวลาที่หนูไม่ได้ดังใจ เวลาหนูโกรธ แม่เป็นอุปกรณ์สอนเราได้ดีมาก ว่าแม่ลงทุนกรี๊ด แม่ลงทุนร้องไห้ แม่ ลงทุนโมโห
ทุกข์ สงสารแม่ เราเป็นต้นเหตุให้แม่โมโห
สมุทัย ชอบที่แม่ไม่โมโหเรื่องรองเท้า ชังที่แม่โมโหเรื่องรองเท้า
สมุทัย แม่จะโมโหเรื่องรองเท้าเราก็ไม่ชอบไม่ช้ำใจไร้ทุกข์
มรรค รู้สึกผิดที่เราเป็นเหตุให้แม่โมโห เพราะเราชอบใส่รองเท้าของแม่ และของพ่อบ้านได้ตลอด แม่ต้องไปหารองเท้าแม่บ้านโน้นบ้านนี้ เราก็นั่งฟังนิ่ง มองดูแม่โมโห ทำให้เราเห็นว่านั่น คือตัวเราชัดๆในสมัยก่อน ในตอนที่แม่โมโห เราก็คิดในใจ แม้แค่เรื่องรองเท้า ก็มาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปได้ หลังจากแม่โกรธ เราก็รู้ว่าเราผิด เราก็ขอสำนึกผิด จะไม่ใส่รองเท้าแม่ จะไม่ทำให้แม่โมโหเรื่องรองเท้าอีก ใจเราก็ไร้ทุกข์ค่ะ
วิภาภรณ์ กอจรัญจิตต์ (เอ ใจพอแล้ว)
เรื่อง เรื่องเดิมๆ แต่อยากน้อยลง
เหตุการณ์ คือ ได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นหนึ่ง พอทำเสร็จก็ส่งงานให้เพื่อนดู เพื่อนหลายคนก็ไม่ได้ติชมอะไร แต่มีเพื่อนคนหนึ่งเสนอแนะว่ามีบางอย่างในงานชิ้นนั้นน่าจะปรับให้ดีขึ้นได้ ตอนนั้นเราก็เห็นว่าไม่มีคนติงนอกจากเพื่อนคนนั้นคนเดียว จึงยังไม่ได้เอางานกลับไปปรับ และจะรอว่ายังมีคนเสนออะไรเพิ่มไหม จะได้ปรับไปทีเดียว อีกอย่างเรายังมีงานด่วนอื่นที่รอคิวอยู่ จึงคิดว่ายังไม่สะดวกที่จะแก้ตอนนี้เลย จึงปล่อยเวลาให้ผ่านไป 1 คืน โดยไม่ได้ตอบอะไร
ทุกข์ – กังวลใจเล็กน้อยว่าเพื่อนจะเข้าใจเราไหม ที่เราไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
สมุทัย – ถ้าเพื่อนเข้าใจเรา จะสุขใจ ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจเรา จะทุกข์ใจ
นิโรธ – เพื่อนจะเข้าใจเราถูก เข้าใจเราผิด จะไม่เข้าใจเราเลย ก็ไม่ชอบ ไม่ชัง ไม่ทุกข์ใจ
มรรค – พิจารณาว่าทุกข์จากการคาดเดาใจคนอื่น เป็นการผิดศีล เป็นการทำทุกข์ทับถมตน พิจารณาว่าความอยากได้ความเข้าใจจากเพื่อน เป็นการเอาดีในสิ่งที่เราไม่มี ก็เป็นกิเลสเช่นกัน โทษของการมีกิเลสนี้ ทำให้แรงกำลังทำงานตกลง จิตใจไม่เบิกบาน แล้วเรายังจะทำทุกข์ ทำตามกิเลสทำไม เลิกซะ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่เค้ามาให้เราได้ชดใช้ ได้ฝึกฝน ได้ฝึกใจ และวางใจ ขอบใจเพื่อนคนนั้นที่มาให้เราจับกิเลสตัวนี้ ขึ้นมาพิจารณาซ้ำๆ ล้างใจไปตามลำดับ
สรุป – ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อน คงวางใจลงไม่ได้เร็วขนาดนี้ แต่เดี๋ยวนี้ใช้เวลาพิจารณาไม่นาน มีปัญญาในการเห็นโทษของการมีกิเลส และเห็นประโยชน์ในการไม่มีกิเลสตัวอยาก พอคลายกังวลใจได้ ก็ทำงานชิ้นถัดไป สามารถส่งทันเวลา ส่วนงานชิ้นที่ต้องแก้ไข ก็มาทำอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
/เรื่อง กดผิดห้อง
เข้าใจว่ากดเข้าห้องซูมค่ายโควิดไปเจอทำโยคะเลยได้ทำโยคะจนจบ คิดว่าทำไมไม่เจอมองไปในห้องที่ตัวเองเข้าไปรายการใด้ยินเสียงอจ.พูดว่าเปิดห้องกันบ้างไม่ใช่ให้อจ.อยู่คนเดียว ทำโยคะรู้ได้เลยว่าเราเข้าผิดห้อง ตัวเองคิดจะร่วมบำเพ็ญ ทำโยคะตามที่อาจารย์ถ่ายทอดสดในชูมแต่ทำให้กดผิดเฉยเลยทุกข์ใจ
ทุกข์ : ทุกข์ใจที่ไม่ได้เข้าร่วมบำเพ็ญในห้องซูมกับพี่น้อง
สมุทัย : ยึดว่าจะได้บำเพ็ญในห้องซูมกับพี่น้อง
ชอบที่จะบำเพ็ญกับพี่น้องจะสุขใจ
ชังที่กดผิดห้องเลยไม่ได้บำเพ็ญร่วมกับพี่น้อง
นิโรธ : จะกดเข้าห้องซูมถูกหรือไม่ จะไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : ได้ปรับใจตัวเอง ว่าที่ได้ทำโยคะที่ห้องกดเข้าไปนั้นก็ถูกแล้วนี่ เราบำเพ็ญเพื่อให้ไม่เอาอะไรจากใครให้ได้ เราจะยึดทำไมให้ทุกข์ใจล่ะ คิดแบบพุทธะดีกว่า มาโยคะผิดห้องก็ดีนะ จะได้รู้จักกิเลสใจร้อนแร่งรีบนี้ ทำให้เราได้มีสติใจเย็นเพิ่มขึ้น
ได้ตรงกับบททบทวนธรรมข้อที่ 77 “ระวังกิเลส มักจะหลอกให้ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่สำคัญยิ่งๆ ขึ้นไป
พิจารณาแล้วทำให้ความทุกข์ใจจางหายไปใจกลับมาเบิกบานเช่นเดิม
Comments are closed.