At bagon.is you can Buy webshells, phpmailer, Combo list
วิชา อริยสัจ 4 สัปดาห์ที่ 32 l ห้องเรียนวิชชาราม | สถาบันวิชชาราม
Skip to content

วิชา อริยสัจ 4 สัปดาห์ที่ 32 l ห้องเรียนวิชชาราม

ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 32 ในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 12.00 น. – 14.00 น.

ตรวจการบ้านอริยสัจ 4

1.เรื่อง ญาติถูกหลอก

ปุณยนุช ภูมิอมร

ทุกข์ : เป็นห่วง กังวล สงสาร ญาติ

สมุทัย : โดนผู้หญิงหลอก แต่ยังรักเขา

นิโรธ : คิดว่าวิบากกรรมเขาๆทำของเขามา ให้กำลังใจเขาบอกทำใจ มีรักมีทุกข์ เมื่อได้บอกแล้ว เขาจะทำใจได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของเรา เราได้เตือน ให้สติ เขาแล้ว ก็วางความห่วงกังวลนั้น

มรรค : คิดว่า สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม


2.เรื่อง : เพราะเราเคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน

นฤมล ยังแช่ม

ช่วงนี้แม่มีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย ไม่เหมือนเดิม ตอนเช้าจะต้องพาแม่อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็กินยา ก่อนไปทำงาน แม่ก็จะมีอาการหงุดหงิดทุกครั้งที่จะต้องอาบน้ำ บางครั้งก็พูดแรง ๆ ให้กิเลสตัวไม่พอใจได้ออกมาทำงาน เวลาอาบน้ำให้แม่ ต้องตั้งสติดี ๆ ถึงแม้จะพูดอะไร เราก็จะอ่านใจตัวเองว่าเรามีกิเลสตัวไม่พอใจ ไม่ชอบที่แม่เป็นอย่างนี้หรือเปล่า

ทุกข์ : ไม่ชอบอาการที่แม่หงุดหงิดเวลาต้องอาบน้ำ

สมุทัย : ชอบถ้าแม่ไม่มีอาการหงุดหงิดเวลาอาบน้ำ ชังถ้าแม่มีอาการหงุดหงิดเวลาอาบน้ำ

นิโรธ : แม่จะมีอาการหงุดหงิดก็สุขใจ แม่จะไม่มีอาการหงุดหงิดก็สุขใจได้

มรรค : พิจารณาว่าอาการที่แม่เป็นอยู่นี้แม่ก็ไม่ได้อยากเป็น แต่เพราะทุกคนมีวิบากร้ายที่ต้องชดใช้ รับแล้วก็หมดไป เวลาอาบน้ำให้แม่จะนึกถึงตอนที่เรายังเด็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ ก็มีแม่นี้แหละที่อาบน้ำให้เรา คอยดูแลเราทุกอย่าง นี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ดูแลท่าน เราก็ต้องเคยเป็นแบบนี้มาก่อน เราจะได้ฝึกอ่านกิเลสในใจตัวเองทุกวัน เพราะแม่ก็เปลี่ยนไปทุกวัน แม่เป็นครูสอนเราตั้งแต่เด็ก และในตอนนี้แม่ก็มาเป็นแบบฝึกหัดในการล้างกิเลสของเราด้วย วันไหนที่ตั้งสติดี ๆ ก็จะไม่คล้อยตามกิเลสที่จะไม่พอใจในอาการที่แม่เป็น แต่วันไหนที่สติไม่สมบูรณ์ก็จะมีอาการไม่พอใจแม่ ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แต่ก็จะพากเพียรทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


3.เรื่อง: พฤติกรรมของใครกันแน่ที่ไม่ดี

ปิ่น คำเพียงเพชร

ร่วมบำเพ็ญกิจกรรมนักศึกษาชวนทำการบ้าน อริยสัจ 4 กับพี่น้องหมู่มิตรดีสัปดาห์ก่อน มีพี่น้องท่านหนึ่งร่วมแสดงความคิดเห็นเหมือนรู้ไปหมดทุกอย่าง หลายครั้งติด ๆ กัน เกิดความรู้สึกขัดใจ จนหลุดไปพูดเบรค ทิ่มแทงท่านด้วยหอกปากหนึ่งครั้ง เพราะรู้สึกว่าท่านไม่จริงใจ

ทุกข์ : รู้สึกขัดใจจนหลุดไปพูดเบรคท่าน ทิ่มแทงท่านด้วยหอกปาก เมื่อเห็นท่านแสดงความคิดเห็นเหมือนรู้เข้าใจไปหมดทุกเรื่องทุกครั้ง ออกไปเชิงอวดรู้และดูไม่จริงใจ

สมุทัย : ไม่ชอบ คนอวดรู้และไม่จริงใจ ยึดว่าถ้าท่านพูดหรือแสดงความคิดเห็นด้วยความจริงใจจะดี ยึดต่อไปอีกว่าคำพูดหรือพฤติกรรมของท่านไม่จริงใจ ไม่รู้จริงแต่อวดรู้ ยึดต่ออีกว่าถ้าท่านรู้จริงแล้วค่อยพูดจะดี

นิโรธ : ไม่ว่าท่านจะพูดจะแสดงความคิดเห็นเหมือนรู้ทุกเรื่องทุกครั้งด้วยความจริงใจหรือไม่ ท่านจะไม่รู้จริงแต่อวดว่ารู้หรือไม่ เราก็ไม่ทุกข์ใจ วางใจไม่ชอบไม่ชังให้ได้

มรรค : พิจารณาเห็นความจริงว่า ความชังคนไม่จริงใจชังคนขี้อวดขี้โม้ที่อยู่ในใจเรา ความที่เรายึดว่าถ้าท่านรู้จริงท่านไม่อวดรู้จะดี ยึดว่าสิ่งที่ท่านพูด พฤติกรรมของท่านไม่ดี นี่มันคือกิเลสของเรา เรากำลังหลงไปตามกิเลสอยู่นะ เห็นไหมมันทำให้เราเป็นทุกข์จนคุมตัวเองไม่ได้จนต้องหลุดไปเบรคท่านไปพูดจาทิ่มแทงท่านเบียดเบียนท่านด้วยหอกปากด้วยจิตใจที่อคติลำเอียงอยู่นี่ไง สร้างวิบากให้ตนเองเลยเห็นไหม ถ้าเราไม่ชอบไม่ชัง ไม่มีกิเลสตัวชังคนขี้อวดขี้โม้ คนไม่จริงใจ ไม่ว่าเราจะเห็นคนที่มีพฤติกรรมขี้อวดขี้โม้หรือไม่ จะจริงใจหรือไม่ เราก็ไม่ต้องทุกข์ใจ แล้วเราก็ไม่ต้องมารู้สึกขัดใจจนต้องไปพูดจาทิ่มแทงท่าน ไม่ต้องเบียดเบียนท่าน เพราะไปยึดว่าคำพูดหรือพฤติกรรมของท่านไม่ดี เราก็ไม่ต้องสร้างวิบากเพิ่ม จิตใจเราก็ปกติ ไม่บิดเบี้ยวไปตามกิเลสแบบนี้
เราไปมองว่าพฤติกรรมของท่านไม่ดี แท้จริงใครกันที่ไม่ดี ก็เรานี่แหละไม่ดี หน้าไม่อายเลย ส่วนท่าน ท่านอาจจะพูดด้วยความจริงใจหรือไม่จริงใจ ท่านจะขี้โม้ขี้อวดหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับเรา หากท่านพูดด้วยความจริงใจพูดเพราะท่านรู้เข้าใจตามที่ท่านพูดจริง ๆ ก็เป็นความดีเป็นบุญกุศลของท่าน หากท่านพูดด้วยความไม่จริงใจ พูดด้วยความอยากอวดรู้โดยไม่ได้รู้จริงมันก็เป็นกิเลสของท่านเป็นวิบากที่ท่านต้องไปรับเอง  อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน สอนไง ว่าให้แต่ละชีวิตได้มีฐานให้ได้อาศัยไง เมื่อทบทวนและพิจารณาดังนี้ ก็รู้สึกสำนึกผิดขอโทษขอขมา และตั้งจิตเคารพในส่วนดีเมตตาในส่วนด้อยของพี่น้อง และต่อไปจะพยายามมีสติไม่ให้ไปเพ่งโทษถือสาพี่น้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
สรุป ความรู้สึกขัดใจ ความทุกข์ใจ ความเพ่งโทษถือสาพี่น้องในครั้งนี้ก็คลายลงได้


4.เรื่อง : ผิดศีลกลัววิบากร้ายซัด

นาลี วิไลสัก

เหตุการณ์ : ตัวเองได้ตั้งศีลไว้แล้ว ว่าจะเลิกเพ่งโทษผู้อื่น แต่ก็ยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร พลาดแล้วพลาดอีก กิเลสตัวช้อนก็ออกมา

ทุกข์ : เศร้าใจ กลัวจะได้รับวิบากร้าย เพราะตัวเองผิดศีล

สมุทัย : ยึดว่าได้ตั้งศีลไว้แล้ว ต้องปฏิบัติให้ได้ ชังที่ตัวเองผิดศีลหลายครั้ง

นิโรธ : ในเมื่อเราพลาดไปผิดศีลมา ก็อย่าทำทุกข์ทับถมตน ต้องกล้าหาญ พลาดแล้วต้องรับผิดชอบ ด้วยใจที่ไม่ชอบไม่ชัง

มรรค : มาดูลีลาความซับซ้อนของมาร ที่พาเราผิดศีล ทำทุกข์ทับถมตน

มาร : เฮ้ย! ทำไมเวลาตั้งศีลข้อใดข้อหนึ่งขึ้นมาแล้วก็ไปผิดศีลข้อนั้นแหละ ผิดแล้วผิดอีก
เรา : ใช่แล้วตั้งศีลขึ้นมาก็ต้องมีพลาดนั่นแหละถูกต้องแล้ว โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิตย์ ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เคยพลาดเคยพร่องมาทั้งนั้นแหละ คนที่ตั้งศีลแล้วพลาดผิดศีลไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ถอย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็จะพากเพียรสู้ต่อไป
มาร : ก็ๆ..พลาดมาหลายๆครั้งแล้ว กลัววิบากร้ายซัดเอา พยายามเท่าไรก็ยังพลาดอยู่ จะทำไงดีหว่า
เรา : ไม่ต้องกลัววิบากร้ายซัดหรอก เพราะว่าความกลัวที่เกิดขึ้นตอนนี้มันทำให้ใจเป็นทุกข์นั้นก็คือ วิบากร้ายแล้ว เป็นการทำทุกข์ทับถมตน กล้าทำกล้ารับเว้ย เพื่อไม่ให้เกิดวิบากร้ายใหม่ ก็ต้องเพิ่มศีลข้ออื่นไปด้วย สู้เต็มที่ ตายก็แค่ตาย พลาดเมื่อไหร่ก็สำนึก แล้วรีบแก้ไข (ใช้ญาณเจ็ดพระโสดาบัน) และใช้บททบทวนธรรมข้อที่ 82 จงฝึกอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต ที่พร่องอยู่เป็นนิตย์ อย่างผาสุกให้ได้
สรุป หลังจากที่ได้รับความเมตตาจากหมู่มิตรดีที่ให้ปัญญามา ก็สอนมาร จนมารเลิกกลัววิบากแล้ว กลับมามีพลังฮึกเหิมในการเพิ่มศีล และสู้กิเลสต่อไปด้วยใจเบิกบาน


5.เรื่อง : ไปถึงภูเก็ตแล้ว ทำไมไม่พาลูกไปเที่ยวทะเล

ศิริพร ไตรยสุทธิ์

ญาติ ๆ ทางเยอรมนีโทรมาพูดคุยสารทุกข์สุกดิบด้วย ทุกคนมีคำถามที่เหมือนกันคือ “ไปเล่นน้ำทะเล เป็นอย่างไรบ้าง” เราก็ตอบไปว่า “ยังไม่ได้พาลูกไปทะเลเลย” ญาติ ๆ ก็พูดต่อไปว่า “ไปถึงภูเก็ตแล้ว ทำไมไม่พาลูกไปเที่ยวทะเล”

ทุกข์ : รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ญาติ ๆ อยากให้เราพาลูกไปเล่นน้ำทะเล แต่เรายังมีเวลาไป

สมุทัย : ญาติ ๆ อยากให้เราพาลูกไปเที่ยวทะเล แต่เรายังไม่ได้พาลูกไป

นิโรธ : ญาติ ๆ จะเข้าใจเราหรือไม่ ก็ไม่ทุกข์ใจ

มรรค : ได้บอกญาติ ๆ ไปตามความเป็นจริงว่า ขับรถมอเตอร์ไซค์ยังไม่คล่อง ขอเวลาซ้อนก่อนอีกสักวันสองวัน และช่วงนี้ฝนตกเป็นบางวัน น้ำทะเลไม่น่าเล่น มีความเสี่ยงเกี่ยวกับสัตว์ทะเลด้วย
ช่วงเช้าเราออกกำลังกาย-ไปเดินบาง ช่วงสายถึงบ่ายที่มีเวลา อากาศก็ร้อนเกินไป ส่วนช่วงบ่าย ๆ ของแต่ละวันก็มีกิจกรรมของแพทย์วิถีธรรมที่เราอยากเข้าร่วม กว่ากิจกรรมจะจบก็ค่ำแล้ว ไม่เหมาะที่จะออกไปทะเล ลูกชายก็ได้พูดเสริมว่า ที่โรงแรมมีสระว่าย ซึ่งเล่นน้ำและว่ายน้ำได้ดีไปลงทะเล และข้าพเจ้าก็ได้บอกญาติ ๆ ไปว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้ จะพยายามไปชมทะเล แล้วจะถ่ายภาพไปให้ดู ทำให้ญาติ ๆ เกิดความยินดี ไม่ถามเรื่องนี้อีก ได้พิจารณาเพิ่มเติมว่า เราก็คงเคยไปเจ้ากี่เจ้าการคนอื่นแบบนี้แน่ ๆ เลย เราถึงได้มาเจอแบบนี้ (ญาติ 4 คน ถาม-บอกในประเด่นเดียวกัน) ก็ยอมรับวิบากที่เกิดขึ้น รับแล้วก็หมดไป ต่อไปเราก็ต้องระมัดระวังการกระทำของตนเองให้มากขึ้นกว่านี้ จะได้ไม่สร้างวิบากกรรมใหม่ในครั้งต่อ ๆ ไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *