ห้องเรียนออนไลน์ ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 21 ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลาประมาณ 12:00 น. – 14:00 น.
ตรวจการบ้านวิชาอริยสัจ 4
1). เรื่อง คนในครอบครัวเป็นห่วง
พิมพ์พศินา สิทธิประเสริฐ
เนื้อเรื่อง : ได้ขับรถให้พ่อบ้านไปธุระทั้งขาไปและขากลับ ตอนขากลับคงเป็นเพราะทานข้าวอิ่มมากเกินไป เพราะไม่ได้ประมาณ (พุทธะพูดอย่างนี้) มันไม่ใช่บังเอิญ แต่มันเป็นความจริง คือน้าหมูขับรถหลับในไปชั่วแว่บหนึ่ง เทพมาตลีสารถีมาเตือน คือพ่อบ้านนั่งคู่มาอยู่ด้านหน้ากับน้าหมูด้วย ซึ่งปกติท่านนั่งรถชอบหลับ แต่บังเอิญวันนี้ท่านไม่หลับ เห็นหน้าหมูเคลิ้มหลับใน รถเซไปนิดหนึ่ง น้าหมูโดนพ่อบ้านพูดเสียงดังว่า หมูหลับในหรือ น้าหมูตกใจเลยขับรถไป จอดข้างทาง และได้ตอบพ่อบ้านไปว่าหลับใจจริง จากนั้นก็เดินทางต่อโดยพ่อบ้านเป็นผู้ขับรถเอง
พ่อบ้านเลยบอกว่าต่อไปนี้ห้ามขับรถเดินทางไกลเด็ดขาด อยากไปไหนให้บอกทางครอบครัวก่อน เผื่อมีใครว่างก็จะขับรถไปส่งให้ จะเป็นลูก ๆ หรือไม่อย่างนั้นก็จะจ้างคนขับรถให้ อย่าไปไหนคนเดียวเด็ดขาด โดยพื้นฐานปกติแล้วน้าหมูขับรถไปไหนมาไหนคนเดียวออกบ่อยเป็นเรื่องปกติในรุ่น ยังหนุ่มอยู่ เพราะสมาชิกในครอบครัวเป็นห่วง ได้ทำให้น้าหมูเป็นทุกข์ ว่าการที่เราจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกแล้ว ถ้าขับรถไปไหนในระยะใกล้ไม่เป็นไร ถ้าข้ามต่างจังหวัดนี่คือห้าม ทุกข์ไม่สบายใจ ไม่เบิกบาน ไม่แช่มชื่น
ทุกข์ : ไม่สบายใจ ไม่แช่มชื่นไม่เบิกบาน (กาม) กังวล หวั่นไหวที่สมาชิกในครอบครัวไม่ให้ขับรถไปต่างจังหวัด
สมุทัย : ถ้าได้ขับรถเดินทางไปต่างจังหวัดคนเดียวก็มีสุข ถ้าไม่ได้ขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียวจะทุกข์ใจ ไม่ได้สมใจ
นิโรธ : จะได้ไปหรือไม่ได้ไปก็สุขใจ ไม่เบียดเบียนตนเองและคนในครอบครัว จะได้ขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียวก็มีความสุข ไม่ได้ไปก็มีความสุข ไม่ชอบไม่ชัง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มรรค : เป็นความห่วงใยและความผูกพันของผู้เกี่ยวข้อง จุงออกกฎห้ามไม่ให้เดินทางไปไหนคนเดียว และได้นำบททบทวนธรรมมาพิจารณาใจตนเอง คือ ขอที่ 58 เย่ ๆ ๆ ดีใจจังไม่ได้ดั่งใจ วิบากหมดกิเลสตายได้กุศล แย่ ๆ ๆ ซวยแน่เราเอาแต่ใจ วิบากเพิ่ม กิเลสพอก งอกอกุศล แล้วจิตก็ยินดีพอใจไร้กังวล โล่ง โปร่ง สบาย และเบิกบาน สาธุ
2). เรื่อง โดนแดดเผาก็ดีนะ
จิราภรณ์ ทองคู่ (น้ำไพรศีล)
เนื้อเรื่อง ช่วงนี้แดดร้อนเร็ว จึงตั้งศีลกินอาหารวันละมื้อคือกินอาหารมื้อหลักช่วงพักกลางวันจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้นและได้ทำงานแต่เช้าจะได้ไม่ร้อนมาก พอฟังธรรมะพาพ้นทุกข์ จากอาจารย์หมอเขียวเสร็จ ก็ไปลงฐานงาน ช่วยทำงานเกษตรและพบว่าการไม่เสียเวลาไปกินหลายมื้อสามารถทำประโยชน์ได้มากขึ้นและยังได้ทำงานก่อนที่แดดจะร้อนมาก
ทุกข์ ไม่ชอบใจถ้าแดดร้อนมาก
สมุทัย ถ้าแดดร้อนน้อยจะสุขใจ แต่ถ้าแดดร้อนมากจะทุกข์ใจ
นิโรธ แดดจะร้อนมากหรือแดดจะร้อนน้อยก็สุขใจ
มรรค เราเชื่อชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่า การที่เราร้อนเมื่อถูกแดดเผานั้นเพราะเราทำมา เมื่อนึกย้อนหลังจะพบว่า ในอดีตเราเคยเผา ปิ้ง ย่าง อบ ทอด ต้ม นึ่งสัตว์และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ มามากมาย การที่เราได้เนื้อ ได้ชีวิตเขามา เขาต้องตาย ซึ่งสัตว์ที่นำมาทำอาหารนั้นเขาก็คือญาติของเรา เราใจร้ายใจดำ โหดอำมหิตที่เอาชีวิตญาติตัวเองมากิน เขาต้องพลัดพรากจากลูก จากครอบครัวและญาติของเขา ทำไมเราจึงหลงขนาดนี้ การที่เราได้รับความร้อนจากแดดเผาเพียงเท่านี้มันเล็กน้อย และยังดีกว่าคนทีไม่มีโอกาสได้รับแสงแดดอย่างเรา การได้รับแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เราร้อนมากหรือน้อยก็ขึ้นกับกุศลและอกุศลของเรา ณ เวลานั้น เราร้อนมากคนอื่นอาจรู้สึกสบาย ๆ ก็มี มันขึ้นกับกุศล อกุศลของแต่ละคน อาจารย์สอนเสมอว่าการตั้งตนอยู่บนความลำบากกุศลธรรมเจริญยิ่ง เราต้องการความเจริญ ต้องการความก้าวหน้าทางธรรม เราเพียรเต็มที่ก็สุขเต็มที่สิ ไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจเลย เบิกบานแจ่มใสดีกว่าและยินดีที่ได้ใช้วิบากกรรม รับแล้วก็หมดไป รับเท่าไหร่หมดเท่านั้น จิตก็สงบ เบาสบาย เบิกบานแจ่มใสไร้กังวล
3). เรื่อง ดีที่ไม่ได้พกปืนเหมือนสมัยก่อน (เรื่องเดิมแก้ไข)
พลัฏฐ์ รัตนวชิรินทร์ (อุ้ย)
ทุกข์:โกรธที่โดนแกล้งหยุดรถกระทันหันใส่
สมุทัย:เจอคนกวนขับรถไม่เป็นอย่างที่เราอยาก
นิโรธ:อย่าอยากให้ใครๆขับรถให้ได้ดังใจเขาจะขับยังไงก็ไม่โกรธ
มรรค:ใช้ปัญญาพิจารณาว่าความอยากให้ได้ดังใจหมายเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
4). เรื่อง วิบากใคร
ประคอง เก็บนาค
เนื้อเรื่อง : ลูกชายมีอาการป่วยที่ฝ่าเท้า ซึ่งเป็นอาการที่เป็นเรื้อรังมาร่วมสามเดือนแล้ว เดิมทีก็ปรึกษาพี่พยาบาลที่เป็นญาติกัน ท่านเปิดคลีนิคเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ท่านก็ได้ให้ยามาทา ซึ่งแรก ๆ อาการก็ดีขึ้น ต่อมาลูกชายก็ไม่ได้สนใจ ใส่ใจที่จะดูแลรักษา ทั้งยังทำพฤติกรรมเดิม ๆ คือไม่ทายาและดูแลอย่างต่อเนื่อง และพยายามหลบเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่เรื่อยมา จนมาถึงสัปดาห์นี้สังเกตเห็นว่าเขาเริ่มเดินกระเผลก เดินไม่เต็มเท้าเหมือนมีอาการเจ็บที่ฝ่าเท้า จึงได้ขอดูและได้เห็นว่าอาการที่เป็นลุกลามจนมเลือดซึมออกมาแล้ว คงต้องถึงเวลาที่จะต้องไปหาหมอเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคผิวหนังกันเสียที…
ทุกข์ : ขุ่นใจที่ลูกชายไม่ดูแลรักษาอาการป่วยของตนเองอย่างต่อเนื่อง
สมุทัย : อยากให้ลูกชายดูแล เอาใจใส่อาการป่วยของเขาเองมากกว่านี้
นิโรธ : ลูกชายจะดูแลเอาใจใส่อาการป่วยของเขาหรือไม่ เราก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณาเห็นอาการขุ่นในใจ ไม่พอใจที่เกิดขึ้น ทำไมเขาถึงไม่ดูแล เอาใจใส่อาการป่วยของเขาเองบ้างนะ เห็นไหมว่าอาการลุกลามจนต้องไปหาหมอเฉพาะทางโรคผิวหนังแล้วนะ ถ้าลูกดูแลเอาใจใส่ตัวเองดีกว่านี้ ลูกก็ไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอกนะ…พิจารณาเห็นความห่วงกังวล ไม่อยากให้ลูกเจ็บป่วยที่เกิดซ้อนขึ้นมา ก็ได้พิจารณาต่อว่า มันเป็นเรื่องวิบากกรรมของแต่ละคน ลูกชายก็มีกรรมที่เคยใช้เท้าไปทำสิ่งที่ไม่ดีมา ตอนนี้เขากำลังรับวิบากนั้นอยู่ อีกอย่างวิบากของแต่ละคนก็มีหนักเบา เร็วช้า แตกต่างกัน แล้วเราจะไปเร่งให้วิบากของลูกชายหมดไปเร็ว ๆ ได้อย่างไร..เราก็เคยแนะนำเรื่องการดูแลรักษาอาการป่วยด้วยเทคนิคการดูแลตัวเองของแพทย์วิถีธรรมแล้ว แต่ลูกชายเขาก็ไม่ได้วางใจที่จะยอมรับ นั่นก็เป็นวิบากของเขาอีกเรื่องหนึ่ง กุศลเขายังไม่เปิดรับแนวทางนี้ ทั้งท่านอาจารย์หมอเขียว ก็ได้เคยสั่งสอนพวกเราจิตอาสามาตลอดว่า จะช่วยใครให้ดูทิศทางลมก่อน หากเขาไม่ได้ศรัทธาพวกเราก็อย่าเป็นพรหมสามหน้า วางอุเบกขาให้ดี วิบากใครก็วิบากเขา ไม่มีใครรับวิบากแทนใครได้ ..แม้วันหนึ่งเมื่อลูกชายหมดวิบากนี้ อาการเจ็บป่วยเขาก็จะหายไปเอง…การเชื่อและชัดเรื่องวิบากกรรมของแต่ละคน เป็นคำตอบได้ในทุก ๆ เรื่อง อย่ายึดดี อย่าอยากให้เกิดดีในคนอื่น จงคิดดี ทำดีที่เราเอง อย่าแบกวิบากกรรมคนอื่น…พอพิจารณามาถึงตรงนี้ ใจก็คลายลงได้ และร่วมแสดงความคิดเห็นกับบุคคลในครอบครัวเรื่องการดูแลลูกชายต่อไปด้วยวาจาและใจที่ไม่ขุ่นมัว…
5). เรื่อง เห็นธรรมเพราะกะทิขาวเกาะ
น้ำร่มศีล กฤตจารุภัทร์ (เอเอ)
ครั้งแรกที่มาอยู่ภูผา ตั้งศีลว่าจะไม่กินขนมข้างนอก กิเลสมาออกกับข้าวเหนียวกะทิใส่น้ำตาล
ทำให้ต้องกินทุกวัน วันนึงกะทิหมด ตอนนั้นมีอาท่านนึงพูดถึงคนที่กินกะทิหมด ทีนี้ผีเข้าในใจเรา ชังสุดๆที่เขามาว่าเรา เขามาว่าเราทำไมเราเพิ่งเลิกกินขนม รู้มั้ยมันยากขนาดไหน รู้มั้ยเราต้องสู้กับอะไรบ้าง คิดไปคิดมาก็โมโหใหญ่ เลย ไประบายพิษออกกับพี่ๆ พูดวาจาดีมากมึงอย่างนั้นกูอย่างนี้ ทำลีลาท่าทางนักเลงสุดๆ แต่เราก็ได้ขอโทษต่อหน้าหมู่กลุ่มในวันถัดมา เหตุการณ์นี้ก็ผ่านไป
มาครั้งที่สองที่มาภูผาอีกครั้ง ก็เจอปัญหา มีคนนึงที่เขาพูดจาหยาบคายทำลีลาไม่สุภาพสุดๆถึงจิตอาสาที่เราเคารพมาก ทำให้รู้สึกเกลียดชังสุดๆๆมากๆ เป็นแบบนั้นอยู่นานจนเราทุกข์ที่เกลียดเขาโกรธเขาในใจ
เวลาผ่านไปมีความคิดขึ้นมาว่าเขาพูดสุภาพเหมือนเรานี่หว่า กระจกแท้ๆของเราเอง ตอนนั้นเกลียดไม่ลงแล้ว โกรธไม่ลงแล้ว นี่มันเรานี่หว่า ยอมเลย เปลี่ยนเป็นกราบขอบคุณเขาแทน ทำให้เราทำกิริยาแบบนี้กับใครไม่ลงอีกเลย
อาริยสัจ ๔
ทุกข์
-ทุกข์เพราะเข้าไม่เข้าใจเรา
สมุทัย
-ไม่เข้าใจเรื่องกรรม
นิโรธ
-อยู่ดีดีก็คิดได้
มรรค
-ยังไม่ถึง (แต่ทุกวันนี้ไม่มีผีเข้าก็พอใจแล้ว)