วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 21 | ห้องเรียนวิชชาราม

ห้องเรียนออนไลน์ ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 21 ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลาประมาณ 12:00 น. – 14:00 น.

ตรวจการบ้านวิชาอริยสัจ 4

1). เรื่อง ความกังวลทำให้หลับยาก

สุนทรา เอี่ยมสุข (ดีบุญ)

ทุกข์ : เรื่องความกังวลใจ

สมุทัย : เกิดจากการคิดถึงลูก ๆ แต่ละคน ลึกๆในใจหนักๆไม่สบายใจ นึกเป็นห่วง ทั้งวันนี้วันหน้า ซึ่งแต่ละคนเขาก็มีชีวิตของเขา ทำมาหากินของเขา แต่เราไป คิดแทนเขาว่ามันน่าจะดีกว่านี้ คิดวนไปวนมา บางครั้งพาให้หลับยาก ปกติเป็นคนหลับง่าย เกิดจากยึดดี

นิโรธ : จากการได้เรียนได้ฟังธรรมมะมาหลายปี ก็เข้าใจว่าเราเกิดทุกข์ในใจได้เพราะมันเข้ามาทางใจ เมื่อกระทบใจก็สังขาร ไปถึงอดีต อนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ปั้นหรือปรุงแต่งเอง ก็รีบวางๆๆๆได้เป็นคราวๆ ยกจิตขึ้นให้อยู่กับปัจุบัน

มรรค : ความรู้ วิธีการ การกำหนดหมาย ของการกำจัดกิเลส เครื่องเศร้าหมองในจิต เป็นเรื่องที่ต้องทำทุกขณะจิตจริงๆ คือทุกลมหายใจเข้าออกต้อง ตื่นๆๆรู้ ๆๆแบบมีสติตื่นเต็มจริงๆ ขณะใดเมื่อเราหรี่ๆ หรือปล่อยสบายๆจะขาดสัมมาสติจริงๆเลย คงต้องฝึกตื่นเต็มให้มากๆ เตะกิเลสออกให้ไวๆ บ่อยๆ มากๆ จนชำนาญขึ้นจริงๆ

ปล.กิเลสมันเยอะจริง ๆ เปลี่ยนรูปแบบหน้าตา สถานที่ เวลาเข้ามาได้ทุกขณะ ถ้าเราเผลอใจห่างใจ เมื่อใด ม ค ป ด ทุกที เหตุเพราะปึก (โง่)จะพยายาม ฟังให้มากและทำให้มากจ้า


2). กลัวสวนไม่สะอาด

ก้าน ไตรยสุทธิ์

เรื่องกลัวสวนไม่สอาด
เนื้อเรื่อง
ชวนน้องจิตอาสา.ไปถ่างป่ากล้วยด้วยกันอยู่ๆก็มีเพื่อนอีกคนมาชวนน้องไปช่วยงาน. ขณะที่เขาคุยกับน้อง.กิเลสเราก็สังขารไปเรียบร้อยว่าชวนน้องไปทำงานด้วยแน่าเลย

ทุกข์.กลัวเขาชวนน้องไปด้วย สวนเรายิ่งรกๆอยู่

สมุทัย.เหตุแห่งทุกข์
พ่อแม่.พาทำสวนสะอาดเราชอบ. เพื่อนไม่ได้ชวนน้องไปเหมือนเราคิดเลย.เราผิดเอง.อุปทานไปเองเพราะสวนกล้วยรก ได้ทำใจมากๆคนก็ไม่ค่อยมีพอที่จะมาช่วยเรา.พื้นที่ที่เรารับผิดชอบมากอัตตาเรายึดมากแต่ก่อน.เดี๋ยวนี่เบาแล้วทำได้เท่านี่ก็ดีมากแล้ว

นิโรธ.สภาพดับทุกข์
เขาชวนน้องไปเราก็ไม่ทุกข์ใจ.เขาไม่ชวนก็สุขใจๆถ้าเราชื่อชัดเรื่องกรรมจะเอาทุกข์มาแต่ไหน.เราเคยทำมาแน่ๆจึงกลัวคิดชั่วไม่ดีๆสอนตัวเองว่าทำคนเดียว
ก็ได้ใจไร้กังวล

มรรค.วิธีดับทุกข์
อุปทาน ปั้นอากาศให้เป็นตัว.สร้างทุกข์.ให้เราโง่.เลยพิจารณ.อ๋อ.เธอเป็นแขกจรมาอีกแล้วๆ.เลยทำความยินดี.หายไปในเวลาไม่นาน.จะตามรู้ให้ทัน
ต่อไปคือพุทธะค่ะ


3). เผือกร้อน ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น “เผือกร้อน” เสมอไป

พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์ (ชุน จางคลาย)

เวลาตีสามครึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2564 ผมกำลังพยายามหาทางกู้คืนบัญชีแอป QQ ที่ใช้ติดต่อกับเพื่อนที่ประเทศจีนคนหนึ่ง เนื่องจากบัญชีนั้นเพิ่งถูกระงับการใช้งานเมื่อวานซืน โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ระบบของ QQ แจ้งมาเพียงแค่ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการหลอกลวงเท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อวานผมได้ส่งอีเมล์ไปหาเพื่อนคนจีนคนนี้แล้วปรากฏว่าส่งไม่สำเร็จเพราะอีเมล์ของเขามีปัญหา สรุปว่าตอนนี้ผมยังติดต่องานกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้เลย สุดท้ายแล้วอาจต้องใช้วิธีโทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศคุยกัน ซึ่งคงไม่สะดวกนักเพราะมีเอกสารที่ต้องส่งให้ดูด้วย

ในขณะเดียวกัน ผมมีงานตัดต่อคลิปวิดีโอสารคดีชุมชนชาวอโศกแห่งหนึ่ง ที่ได้รับงานมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และอาจจะยังไม่มีเวลาสะสางงานนี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้า เพราะมีเรื่องเร่งด่วนเข้ามาแทรก อย่างเช่นวันนี้ ตอนเช้าต้องเอารถไปเข้าศูนย์เพื่อเช็คสภาพตามระยะเวลา เสร็จแล้วต้องกลับมาทำแป้งถั่วลูกไก่และอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย ยังไม่พูดถึงงานอื่น ๆ ที่ทยอยเข้ามาอีกเรื่อย ๆ

เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกว่าช่วงนี้ “งานเข้า” ค่อนข้างเยอะ ต้องใช้อิทธิบาทมากขึ้นกว่าปกติในการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ มีความกังวลใจอยู่บ้างเหมือนกันว่าจะสะสางงานไม่ทัน แต่ก็ไม่ถึงกับทุกข์มาก อยากจะจัดการกับความกังวลใจเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่นี้ให้สิ้นเกลี้ยงไปมากกว่า

ทุกข์ – มีความกังวลใจว่างานต่าง ๆ จะคั่งค้างสะสมนาน กลัวว่ามันจะกลายเป็นสภาพเรื่องนั้นก็ไม่เสร็จ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้ทำ เรื่องโน้นก็รอเราอยู่

สมุทัย – เหตุแห่งความกลัวกังวลน่าจะเกิดจากเรายังมีตัณหา หรือความอยากแบบยึดมั่นถือมั่นอยู่ แม้จะไม่ได้ยึดมากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็รู้ว่ามันยังมีส่วนที่ยังยึดอยู่ และยึดอยู่เท่าไหร่เราก็ทุกข์อยู่เท่านั้น เวลานี้เรายึดน้อย ๆ เราก็ทุกข์บ้างนิดหน่อย อาจจะฝืดฝืนลำบากบ้าง แต่ก็อยู่ในขีดที่พอรับได้

นิโรธ – สภาพที่ตัณหาดับ หมดความอยากแบบยึดมั่นถือมั่น สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน มันจะมีงานเท่าไหร่ ๆ มีปัญหาโน่นนี่นั่นขนาดไหน ๆ เราก็ไม่ทุกข์เลย ไม่มีความรู้สึกกลัวกังวลหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

มรรค – พิจารณาว่างานทุกงาน ปัญหาทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้ามันได้เกิดขึ้นกับเราก็แสดงว่ามันเป็นของของเรา สิ่งใดที่เรารู้ เราเห็น เราได้รับ เราได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วย สิ่งนั้นเป็นของของเรา สิ่งใดที่เราไม่รู้ เราไม่เห็น เราไม่ได้รับ เราไม่ได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วย สิ่งนั้นไม่ใช่ของของเรา ดังนั้น เมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นของของเราแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทุกข์กับมันเลยก็ได้

ผมอยากจะเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้นว่า มันเหมือนเราได้รับของอะไรมาสักอย่าง สมมติว่าเป็นเผือกร้อน ๆ ก็แล้วกัน เมื่อเรารับมาแล้วมันก็กลายเป็นของของเราแล้ว เรามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะทำอย่างไรกับเผือกร้อน ๆ นี้ก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องรีบเอาเข้าปากให้ลิ้นพอง เราจะกินหรือไม่กินมันก็ได้ เราจะรอให้มันเย็นลงก่อนค่อยลองชิมดูก็ได้ หรือเราจะปล่อยทิ้งไว้ให้มันบูดเน่าไปเสียก็ได้ ถ้าเราไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลส และมีปัญญามากพอ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เผือกร้อน ๆ นี้กลายเป็นเรื่อง “เผือกร้อน” สำหรับเรา ปัญหาและการงานต่าง ๆ ก็เช่นกัน เมื่อเราได้รับมาเป็นของของเราแล้ว ถ้าเราไม่ยอมให้กิเลสมาครอบงำ เราจะจัดการกับมันอย่างไรก็ได้ จะไม่จัดการก็ได้ จะรอให้มันคลี่คลายไประยะหนึ่งก่อนค่อยจัดการก็ได้ เรามีทางเลือกมากมายที่จะปฏิบัติกับปัญหาหรือการงานต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจเลย

แม้ว่าบางครั้งบางคราว ปัญหาต่าง ๆ มันดูเหมือนจะประดังประเดกันเข้ามามากกว่าปกติสักหน่อย ทำให้เราเหน็ดเหนื่อย ทำให้เรายาก ทำให้เราลำบากกว่าปกติบ้าง ความยากลำบากนั้นก็เป็นของของเราเหมือนกัน ถ้าเรายอมรับความยาก ความลำบากที่เกิดขึ้นได้ พิจารณาเรื่องกรรมให้แจ่มแจ้ง ยอมรับได้ว่าเราทำมา เราจะมีกำลังมากพอที่จะข่มใจเอาไว้ได้ เราจะไม่โอดโอย ไม่ตีโพยตีพาย เหนื่อยเราก็พัก หนักเราก็สู้ได้

ครั้งนี้ผมก็ยังล้างตัวยึดที่เหลืออยู่ได้ไม่เกลี้ยง ยังเหลือส่วนที่ยังยึดอยู่ แต่ก็เห็นอยู่ว่ามันน้อยลงกว่าแต่ก่อนมากแล้ว มันไม่ยึดมากจนรู้สึกทุกข์ทรมานใจแล้ว แค่หวั่นไหวนิดหน่อยเท่านั้น บอกไม่ได้ว่าเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ว่ามันจะเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ผมก็เห็นชัดเจนแล้วว่า หน้าที่เราคือพยายามกำจัดมันให้เหลือศูนย์เท่านั้น มันเป็นศูนย์เมื่อไหร่เราก็พ้นทุกข์สิ้นเชิงเมื่อนั้น เอาหรือไม่เอาก็อยู่ที่เราเลือกเองนั่นแหละ


4). อยากได้ดั่งใจ

กิรณา สุขสุดกุลธน (น้อง สวน 2)

เรื่องมีอยู่ว่าเรากวาดพื้นทรายในศาลาแล้วมีลุงขับรถเข้ามาในศาลา เราเห็นก็ยืนดูแบบงงแตในใจร้อง เห้ย ขับเข้ามาได้ยังงัยหน้าเวทีนะกำลังคิดเพ่งโทษก็หยุดไม่เอา ไม่เพ่งโทษแล้วจะเป็นวิบากร้ายมาดูจิตในจิตลึกว่าอยากได้อะไรในเหตุการณ์นี้ที่มีอาการขัดใจไม่ได้ดั่งใจอยู่ ก็เห็นกิเลสช้อนหลายตัวแต่เราไม่คิดตามกิเลสแตล้างไปทีละตัวจนกิเลสยอมสุดท้ายลึกๆคือแค่ลุงทำตามเราคิดคือไม่ขับรถเข้ามาก็สุขใจได้ดั่งใจแต่ลุงขับเข้ามาไม่ถูกใจไม่ได้ดั่งใจก็วางใจเบาโล่งสบายใจดีที่เห็นกิเลสตัวเดิมที่เล็กลงคะทำเต็มที่สุขเต็มที่เราไม่สามารถเปลี่ยนใครได้นอกจากเปลี่ยนใจตนเองคะขอบพระคุณอาจารย์และหมู่มิตรที่ดีคะสาธุคะ

ทุกข์ : อยากได้ดั่งใจ
สมุทัย :ชอบถ้าลุงไม่ขับรถเข้ามาในศาลาชังลุงขับรถเข้ามาในศาลา
นิโรธ : ลุงจะขับเข้ามาในศาลาหรือไม่ขับเข้ามาก็ได้สบายใจไม่ทุกข์

มรรค : เชื่อชัดเรื่องกรรมใครทำอะไรมาก็ได้สิ่งนั้นทุกคนรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำแค่คิดจะเพ่งโทษก็หยุดเพราะกลัววิบากร้ายไม่เอาแม้ในใจคะมพิจารณาเห็นกิเลสตัวเองซอ้นอยู่หลายตัวถ้าเป็นเมื่อก่อนทำตามกิเลสหมดเลยก็ได้วิบากร้ายเพิ่มแถมทุกข์ใจทุกข์กาย จึงพิจารณาดูในใจจึงเห็นกิเลสตัวอยากคือไม่ได้ดั่งใจที่เราแล้วแต่ยังไม่หมดตัวเล็กลงเราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้แต่เปลี่ยนใจเราไม่ทุกข์เพราะอยากก็พอคะสาธุคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

1 thought on “วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 21 | ห้องเรียนวิชชาราม”

  1. ชวนชม คำท้วม

    ส่งการบ้าน
    ชื่อ ชวนชม คำท้วม
    ชื่อทางธรรม สู่ร่มศืล
    จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2
    ชื่อเรื่อง ความผูกพันเป็นทุกข์
    เหตุการณ์ ได้ไปหาลูกชายที่เรียนปฐมอโศก ก่อนไปก็คิดว่าคงดีที่เราเจอลูก เจอกัน พอเจอกันกันได้กอดลูก ลูกก็ทำท่าร้องไห้ ทำให้เราทุกข์ สงสารลูก ไม่สุขใจเหมือนที่เราคิดไว้
    ทุกข์ ไม่ชอบใจ เศร้าใจ ที่เจอลูกแล้ว ลูกทำท่าร้องไห้
    สมุทัย ชอบที่ลูกไม่ทำท่าร้องไห้เมื่อเมื่อเจอกัน ชังที่ลูกทำท่าร้องไห้เมื่อเจอกัน
    นิโรธ ลูกจะทำท่าร้องไห้ก็ได้ เมื่อเราเจอกัน ใจเราไม่ทุกข์
    มรรค โดนกิเลสหลอกว่าถ้าเราเจอลูก เราจะมีความสุขแน่ๆ ไปให้ลูกเห็นหน้าแม่ลูกจะได้สบายใจ ให้เขารู้ว่าเรารักเขา เป็นห่วงเขา พอเจอกันจริงๆ มันไม่ใช่ มันทุกข์จะตายไป มันทำให้รู้ว่ายิ่งเจอกัน ยิ่งผูกพัน ผูกเรากับลูกไว้ให้ทุกข์ ดังนั้นเราต้องพราก ต้องห่างกันนะดีแล้ว ฝึกพรากกันบ้าง ทุกชีวิตต้องเจออยู่แล้ว ไม่มีชีวิตไหนไม่พรากจากกัน ต่อไปก็จะไปเยี่ยมลูกให้น้อยลง ตอนนี้่ ใจเราก็ไม่ทุกข์แล้วสาธุค่ะ