At bagon.is you can Buy webshells, phpmailer, Combo list
วิชา อริยสัจ 4 “รวมพลัง ภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 4 l ห้องเรียนวิชชาราม | สถาบันวิชชาราม
Skip to content

วิชา อริยสัจ 4 “รวมพลัง ภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 4 l ห้องเรียนวิชชาราม

ห้องเรียนออนไลน์ ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 “รวมพลัง ภาคกลางสู้กิเลส” ครั้งที่ 4 ในวันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 19.00 น. – 21.00 น.

ตรวจการบ้านวิชาอริยสัจ 4

1.เรื่อง : ตามไม่ทันกิเลสความโกรธ

เรือนแก้ว สว่างวงษ์

เหตุการณ์ : ด้วยสถานการณ์โควิดมีการแพร่ระบาด จึงมีมติหมู่ไม่ให้เราเข้าในสวนป่านาบุญ 9 เราก็ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อความสบายใจของหมู่กลุ่ม วันหนึ่งเราต้องเอาของเข้าไปให้ ปกติจะโทรให้พี่น้องมารับของหน้าประตูรั้ว เวันแต่พี่น้องอนุญาต เสร็จธุระก็รีบออก แต่ปรากฎว่าโทรศัพท์แบตเตอรี่หมด พอดีไปถึงหน้าประตูพบพี่น้อง 2 ท่าน อยู่แถวนั้น เราจึงเรียกให้เอาของเข้าไปด้วย ระหว่างถ่ายของจากรถยังไม่หมด ท่านมีธุระรีบไป ท่านจึงบอกกับเราว่าขับรถเข้าไปเลยเถอะ อย่างซีเรียสเลย และเราเองต้องเอาของจากโรงครัวด้วย เราเลยขับรถเข้าไป โดยแวะที่สวนไผ่เพื่อเอาของที่จิตอาสาท่านหนึ่งฝากซื้อไปให้ก่อนไปที่ครัว เมื่อเอาของเรียบร้อยก็ขับรถออก พอวันรุ่งขึ้นได้โทรนัดกับพี่น้องท่านหนึ่งล่วงหน้า เพื่อเข้าไปรับของที่จะเอาไปแบ่งปัน เมื่อไปถึงหน้าประตู รออยู่ประมาณ 15 นาที ยังไม่มีใครออกมาจึงโทรหาพี่น้องท่านที่เรานัดหมาย แจ้งว่าเรารออยู่หน้าประตูแล้ว ท่านก็พูดขึ้นว่า “วันก่อน (หมายถึงเมื่อวาน) ยังเห็นเข้าไปที่สวนไผ่นี่…วันนี้ก็เข้ามาเลยก็ได้มั้ง” กิเลสความโกรธมาทันทีเลย โต้กลับไปทันทีว่า พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง หาว่าเราแอบเข้าไปเหรอ แล้วก็อธิบายเหตุการณ์วันก่อนหน้าให้ฟังด้วยอารมณ์โกรธ พี่น้องท่านนั้นก็พยายามอธิบายว่า ที่พูดไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย แต่เราก็โต้กลับด้วยอารมณ์โกรธ เมื่อผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีระหว่างขับรถออกมา เราก็มาพิจารณาว่าทำไมเราต้องโกรธ โกรธอะไรนักหนา มันเป็นกิเลสตัวไหน ก็จับได้ว่ามันเป็นกิเลสตัวยึดว่าคนต้องเข้าใจเราว่าเราพยายามทำตามมติหมู่ กลัวคนเข้าใจผิดว่าไม่ปฏิบัติตามมติหมู่

(หมายเหตุ : โปรดพิจารณาวิเคราะห์เฉพาะตัวกิเลส เหตุการณ์เป็นเพียงผัสสะที่ทำให้เราได้เห็นกิเลสของเรา)

ทุกข์ : โกรธเพราะไปเพ่งโทษพี่น้อง คิดว่าเขาหาว่าเราไม่ทำตามมติหมู่ (อาการทุกข์ใจ)

สมุทัย : ถ้าพี่น้องเข้าใจว่าเราทำตามมติหมู่ก็จะสุขใจ ถ้าพี่น้องเข้าใจ ว่าเราไม่ทำตามมติหมู่เราจะทุกข์ใจ

นิโรธ : พี่น้องจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจเราก็ต้องสุขใจให้ได้ ต่อให้พี่น้องท่านนั้นพูดโดยที่คิดว่าเราไม่ทำตามมติหมู่เราก็ต้องไม่โกรธ ไม่ทุกข์ใจ รู้ว่าทันเป็นวิบากของเรา

มรรค : พิจารณาโทษของความโกรธ ทั้งทางกาย และทางใจ ทำให้เกิดวาทะ พิจารณาตามบททบทวนธรรมข้อ 1 เรื่องการเข้าใจผิดของเรากับผู้อื่น เราต้องระลึกรู้ว่า มันคือวิบากกรรมเขา วิบากกรรมเราแก้ไขได้ด้วยการทำดี ไม่ถือสาไปเรื่อย ๆ แล้ววันใดวันหนึ่งข้างหน้าหรือชาติอื่น ๆ สืบไป ความเข้าใจผิดนั้น ก็จะหมดไปเอง

2.เรื่อง ขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตา

ณัฐพร คงประเสริฐ

เหตุการณ์ มีพี่น้องจิตอาสาที่อยู่นอกศูนย์ปรึกษากันเรื่องเคลื่อนเข้าศูนย์มีการพูดคุยปรึกษากันเรื่อง การจะขึ้นภูผาฟ้าน้ำ หรือเข้าศูนย์ฯไปรวมหมู่รวมกลุ่มหลังจากที่พวกเราได้ฟังคำบรรยายของอาจารย์ในเช้าวันหนึ่งที่อาจารย์เมตตาให้จิตอาสาที่พอจะมั่นใจว่าดูแลตนเอง ให้ปลอดภัยจากเชื้อ COVID-19 ได้ดีและจัดสรรองค์ประกอบของตนเองได้ เดินทางเข้าไปรวมพี่รวมน้องตามศูนย์ต่าง ๆ เพื่อช่วยกันปลูกอยู่ปลูกกินเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกฝนเริ่มทยอยตกมาเรื่อย ๆ แล้ว และสถานการณ์ของโรคภายนอกก็ดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท่านเป็นห่วงว่าจะอยู่กันอย่างไรให้ปลอดภัยและยั่งยืน

ทุกข์ : เกิดความอึดอัด ไม่โปร่งไม่โล่ง มีอาการถอนหายใจ เมื่อได้คุยปรึกษากันว่าจะเข้าศูนย์

สมุทัย : เกิดความอยากได้ เห็นความชอบสภาพที่อิสระ ในการไปไหนมาไหนได้เหมือนเดิม จะสุขใจ ทุกข์ใจชังกับสภาพที่ไม่อิสระในการจะไปไหนมาไหนจะต้องระมัดระวังตัว ในการไปพบปะผู้คน

นิโรธ : ดับความอยาก ล้างชอบชังในสภาพที่อิสระจะไปไหนมาไหนได้สมใจ เราจะมีอิสระหรือไม่มีอิสระ ในการไปไหนมาไหน เราก็ผาสุกใจได้ ( แท้จริงร่างกายที่ไม่เที่ยงอาจจะป่วยไปไหนมาไหนไม่ได้เลยก็เป็นได้ )

มรรค : การบำเพ็ญบุญกุศลของเรา จะอยู่จุดไหน ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น หรือจะไม่ได้บำเพ็ญกุศลร่วมกับหมู่เลยก็ได้ จะอยู่ที่บ้านเรา หรือไปรวมหมู่รวมกลุ่มกับพี่น้องตามศูนย์ฯต่างๆ หรือ บนภูผาฟ้าน้ำ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ตัวความอึดอัด ไม่โปร่ง ไม่โล่ง กังวลในใจ เป็นกิเลสตัณหาความอยาก ที่โผล่ขึ้นมาสั่งการ นั่นโน่นนี่ ทำให้เกิดความอึดอัด ไม่โปร่งไม่โล่งในใจ ลวงว่าไม่อิสระเหมือนเดิม มาหลอกให้เราหลงเชื่อไม่อยู่กับความเป็นจริง ไปหยิบเอาอดีตบางส่วนที่ไม่มีการระบาดของโรค มาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ตีความผิดเพี้ยนไปจากความจริง

หากหลงกลไปเชื่อกิเลสเข้า การกระทำของเราอาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อชีวิตมากขึ้นได้ เพราะประมาทไม่ดูแลตัวเองให้ดี ความประมาทเป็นความชั่ว เปิดทางให้วิบากร้ายเข้ามา เมื่อเราเห็นกิเลสแล้ว เราจึงกลับลำ มาคิดแบบพุทธะ พิจารณาอยู่กับปัจจุบัน มองเห็นความจริงตามความเป็นจริง เมื่อก่อนไม่มีการระบาดของ เชื้อโรค COVID-19 เราก็จึงไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกอย่างไม่เที่ยง ต้องพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยนตลอดเวลา ผู้คนพากันเสพกิเลสมากมาย แม้ตอนนี้เราได้มาพบอาจารย์ ลดละเลิกกิเลสไปได้บ้างแล้วก็ตาม ผลในอดีตที่เราเองก็เคยพลาดทำชั่วเสพกิเลสมาก็มากหาที่ต้นที่สุดไม่ได้เช่นกัน เราก็ย่อมได้รับผลของการกระทำพลาดนั้น ๆ ไปด้วย เป็นวิบากหมู่ที่ต้องรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามีโอกาสเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ไม่มีโอกาสเลี่ยงก็ยินดีรับสภาพให้ได้ ยินดีในโชค 5 ชั้น คือ ได้เห็นทุกข์จริงสุขลวง ได้ล้างทุกข์ ได้สุขแท้ ได้ใช้วิบากร้าย วิบากร้ายก็หมดไป ก็จะได้โชคดีขึ้น

ได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลช่วยเหลือกิจกรรมการงานของหมู่กลุ่มทางออนไลน์ได้อยู่ เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เราไม่ประมาท พยายามป้องกันเต็มที่เท่าที่จะทำได้ ดูแลตนเองด้วยยาเก้าเม็ด ถ้าจะเดินทางไปก็จะไปด้วยรถยนต์ส่วนตัว วางแผนการเดินทางอย่างดี พิจารณาเห็นความจริงตามความเป็นจริงแล้ว ตัวกิเลสกังวล อึดอัด ไม่โปร่งไม่โล่ง ก็หายไปทันที มีความโปร่งโล่งสบายใจ สดชื่นมีพลัง เบิกบานที่ได้ร่วมบำเพ็ญกุศลกับพี่น้องหมู่มิตรดี หากหมู่เห็นว่าจะไปรวมกันและมีมติอนุญาตให้เราเข้าศูนย์ หรือขึ้นภูผาฟ้าน้ำได้ ทางสะดวกให้ไปตรงไหนได้ก็ตามนั้น

และพิจารณาต่อว่าแม้เราจะได้ไปหรือไม่ได้ไป อยู่ตรงไหนก็ร่วมบำเพ็ญกับหมู่ได้เป็นอิสระที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว งานให้บำเพ็ญมีมากมาย จะได้ไปก็ได้ ไม่ได้ไปก็ได้ สบายใจจริง ทำดีเต็มที่ทุกวัน ก็สุขใจเต็มที่ได้ทุกวันแล้ว

3.เรื่อง อยากได้น้ำหนักเพิ่ม

พีรพงษ์ จันดี (ต๋อง ริมเขา)

เล่าเรื่อง..เพราะอยากได้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นให้มากกว่านี้ ออกกำลังกายมากขึ้น กินอาหารมากขึ้น หวังให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น จากที่เคยกินน้อย ๆ ก่อนหน้านั้น ก็สบายตัวดีอยู่แล้ว พอมีคนอื่นมาทักว่าช่วงนี้ไปทำอะไรมาทำไม ผอมลงไปมาก พอทักกันบ่อย ๆ ก็ทำให้หวั่นไหวบางอยู่เหมือนกัน คือ(กิเลสอยากให้คนอื่นทักว่าเราดูดี)แล้วจะสุขใจ

ทุกข์..ไม่พอใจ หวั่นไหวเมื่อมีคนทัก ที่ตัวเล็กไปหน่อย กิเลสบอกว่าถ้าตัวล่ำ ๆ ตัวใหญ่ ๆ ขึ้นอีกสักหน่อยจะดูดี

สมุทัย.. อยากให้ร่างกายดูดีขึ้น ชอบ ถ้าร่างกายดูดี ชังถ้าร่างกายผอมไป มีความอยากได้น้ำหนักตัวเพิ่ม อุปาทาน ตัวอยากจะดูดี มีโลกธรรม

นิโรธ.. เราควรจะยินดีกับร่างกายของเราว่า จะตัวเล็กก็ได้ตัวใหญ่ก็ได้ น้ำหนักน้อยแต่แข็งแรง มีกำลังไม่เจ็บไม่ป่วย ทำการงานได้ทุกอย่างปกติ สำเร็จด้วยดีก็สุขใจอยู่แล้ว คนอื่นเขาจะทักชื่นชมตัวเราก็ได้ หรือไม่ชื่นชมตัวเราก็ได้ อยู่ที่ความผาสุกของใจเราเท่านั้น

มรรค.. รูปขันธ์(ตัวร่างกาย)เป็นเพียงแค่ที่ให้อาศัย ของจิตวิญญาณ ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่นกับรูปลักษณ์ภายนอก (อาจารย์หมอเขียวกล่าวว่า ให้เรามาสนใจแต่งความดี แต่งศีล แต่งสิ่งดีงาม มากกว่าไปสนใจ แต่งเนื้อแต่งตัว

ห่วงภาพลักษณ์ ให้มากกว่า นั้นคือ กิเลส กาม (กามคุณ5) คือ สิ่งที่น่าใคร่น่าพอใจ รูป เสียง กลิ่น รส ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น นั้นผิด คุณค่าที่แท้จริง คือ ใจที่เป็นสุขใจ ใจที่ดีงามร่างกายที่แข็งแรง เบากายมีกำลัง ถือศีล ลดกิเลส ลดกาม ลดอัตตา

-ถ้าน้ำหนักเพิ่มก็อาจจะทำให้อึดอัดตัว ไม่คล่องแคล่ว ว่องไว และต้องกินอาหารมากขึ้น เกินความจำเป็นของร่างกาย ร่างกายก็ต้องเผ่าผลาญ ทำงานหนัก ผลิตของเสียในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้เจ็บป่วยเพิ่มขึ้น ร่างกลับอ่อนแอ่ลง ความดูดี จะทำให้หลงยึด ติดในรูปลักษณ์ เสพความอยากของกาม จะมีแต่เรื่องเลวร้ายเข้ามา เป็นวิบากร้ายในภายภาคหน้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *