ห้องเรียนออนไลน์ ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 19 ในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลาประมาณ 12:00 น. – 14:00 น.
ตรวจการบ้านวิชาอริยสัจ 4
1.เรื่อง : ธรรมะพาพ้นทุกข์
จิราภรณ์ ทองคู่ (น้ำไพรศีล ป้าจิ)
เนื้อเรื่อง มีอยู่วันหนึ่งซึ่งเป็นช่วงที่อาจารย์จะบรรยายธรรมะพาพ้นทุกข์แต่ไม่สามารถบรรยายได้เนื่องจากถูกรบกวนจากแมลงเม่าที่มาเล่นไฟ อาจารย์จึงเลื่อนการบรรยายออกไป โดยรอให้สว่างก่อนจึงบรรยายแมลงเม่าจึงจะไม่มารบกวน
ทุกข์ ผิดหวังที่ไม่ได้ฟังธรรมที่อาจารย์จะบรรยายตรงตามเวลา
สมุทัย มีความยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าได้ฟังอาจารย์บรรยายธรรมะตรงเวลาจะสุขใจแต่ถ้าอาจารย์บรรยายไม่ตรงเวลาจะทุกข์ใจ
นิโรธ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าอาจารย์จะบรรยายตรงเวลาหรือเลื่อนเวลาบรรยายออกไปก็ได้ เราก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค เชื่อเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่ามันเป็นกุศล อกุศลของเราและคนที่เกี่ยวข้องที่ทำให้อาจารย์บรรยายไม่ได้ในเวลานั้น ในชาติใดชาติหนึ่งเราและคนที่เกี่ยวข้องต้องไปรบกวนคนที่เขาอยากฟังธรรมแล้วไม่ได้ฟังธรรมเราจึงต้องมารับวิบากกรรมในครั้งนี้และการฟังธรรมในครั้งนี้มันไม่ใช่สมบัติของเราและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ต้องไปอยากได้ จิตก็ยินดีเกิดความพอใจและเบิกบานแจ่มใสในที่สุด
2.เรื่อง : สำนึกผิด
พวงผกา โพธิ์กลาง (ทิพย์ พรเพียรพุทธ)
เนื้อเรื่อง มีจิตอาสาท่านหนึ่งมาแนะนำให้ขอเบอร์โทรพ่อบ้านไปลงทะเบียนชุมชน เพื่อเวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ติต่อกับคนที่เกี่ยวข้องได้ กิเลสเราไม่ชอบที่จะต้องกลับไปเชื่อมกับเขาแล้ว เพราะคิดว่าเราเลิกกันแล้ว
ทุกข์ เห็นใจเต้นแรงผิดปกติ รู้สึกไม่สบาย รู้สึกอึดอัดคับแค้นใจ เมื่อได้ยินเสียง ที่บอกให้ใช้เบอร์โทรพ่อบ้านในการลงทะเบียนชุมชน เพื่อติดต่อคราวที่จำเป็น
สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ ยึดว่าเราเลิกกันแล้วก็ไม่มีอะไร ที่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก ชังที่ต้องกลับไปเชื่อมกับพ่อบ้าน ชอบถ้าไม่ได้กลับไปเชื่อมกับพ่อบ้าน
นิโรธ กลับไปเชื่อมกับพ่อบ้านก็สุขใจ ไม่ได้กลับไปเชื่อมกับพ่อบ้านก็สุขใจ
มรรค ขอบคุณเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ได้เห็นกิเลสตัวนี้ ทำให้สำนึกผิด ยอมรับผิดที่มีจิตที่คิดไม่ดี แล้วก็ตั้งจิตขอโทษขออโหสิกรรม กับพ่อบ้าน ขอบคุณพ่อบ้านที่ปล่อยเราได้มาบำเพ็ญ เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ดูแลลูกให้เรา และไม่มาตามตัวเรากลับไป ขอบคุณจริง ๆ รักเขาแบบเพื่อน มีอะไรที่เกื้อกูลช่วยเหลือกันได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็วาง ยินดีให้ได้ทุกสถานการณ์ แล้วใช้บททบทวนธรรมข้อที่ 84 คือ ล้างความยึดมั่นถือมั่น ของใจได้สำเสร็จ คือ ความสำเร็จที่แท้จริง ข้อ119 ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือ ชนะโง่ ชนะชั่ว ชนะทุกข์ ในใจเรา ข้อ149 ความสุขแท้ คือไม่ทุกข์ใจไม่ว่าจะเกิดอะไร ในสถานการณ์ใด และข้อที่ 93 ในโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการดับทุกข์ใจ ให้ได้
3.เรื่อง : เห็นจิตยังเป็นหมาขี้เรื้อนอยู่
ปริศนา อิรนพไพบูลย์ (อากิม ปรางน้อม กล้าจน)
เนื้อเรื่อง : เนื่องจากเรานอนเต็นท์ที่วางบนแคร่ ด้านบนของแคร่ปูด้วยไม้ไผ่ทำเป็นซี่เล็กๆ ตั้งแต่ได้แคร่จากผู้อื่นที่ไม่ใช้แล้วมา พื้นแคร่ก็ผุแล้ว เนื่องจากไม่มีให้เลือกเราจึงตัดสินใจใช้ไปก่อน ก็คิดว่าไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเปลี่ยน ช่วง ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อนจิตอาสาท่านหนึ่งได้มาปรึกษาว่าท่านจะเอาโต๊ะมาแทนแคร่ที่วางไว้ให้คนอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือ(ห้องสมุด)จะดีไหม? เราเห็นดีด้วย เราจึงถือโอกาสขอแคร่นั้นมาใช้แทนอันเก่า ช่วงที่เราพร้อมจะย้าย พอดีตรงกับช่างที่ขอแรงบุญหมู่ในการช่วยยกโครงเหล็กไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้เวลายกปรากฏว่า โครงเหล็กนั้นได้ถูกยกเข้าที่ก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว เราจึงขอให้สื่อช่วยประกาศขอแรงบุญต่อ โดยขอแรงบุญ4 ท่านช่วยย้ายแคร่ให้ด้วย หลังจากที่ประกาศไปแล้วก็มีคนมาไม่กี่คน เมื่อเราเห็นคนมาน้อยซึ่งดูผ่านๆดูเหมือนจะเป็นพี่น้องผู้หญิงทั้งหมด เราเกิดความรู้สึกทุกข์ ขุ่นข้อง หมองใจ น้อยเนื้อต่ำใจผุดขึ้นมาทันที ในขณะที่ท่านเหล่านั้นกำลังเดินเข้ามาจะช่วยกันยกนั้น คิดว่าลำพังแรงจากพี่น้องผู้หญิงไม่น่าจะยกไหวเพราะแคร่ค่อนข้างหนัก ขณะนั้นเราก็เห็นพี่น้องผู้ชายท่านหนึ่ง ยืนอยู่บริเวณนั้น จึงได้ขอแรงบุญท่านด้วย ท่านก็ยินดี ในช่วงเวลาที่ไล่ๆกันนั้นเองพี่น้องท่านที่ได้ปรึกษากับเรามาก่อน ก็ได้เดินไปเรียกกลุ่มพี่น้องผู้ชายที่เราได้เอ่ยกับท่านไว้ ว่าอยากได้แรงบุญจากกลุ่มนี้เพราะท่านทำงานอยู่บริเวณนั้น ช่วงแรกท่านดังกล่าวก็มายืนดูในขณะที่แคร่กำลังถูกเคลื่อนไป ต่อมาท่านคงประเมินแล้วว่าจำนวนคนช่วยยกคงพอแล้วจึงไม่ได้เข้ามาร่วม แต่ในใจเรากำลังลุ้นให้ท่านเข้ามาร่วมด้วย ในขณะนั้นเองเราก็เห็นเด็กหนุ่มท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาช่วยอย่างกุลีกุจอ ก็ได้แรงบุญผู้ชายเพิ่มอีกหนึ่งแรง ในที่สุดแคร่ก็ถูกยกไปวางตามที่หมายได้สำเร็จ ช่วงที่เหตุการณ์ ที่กำลังดำเนินไปเราก็ได้พิจารณาล้างทุกข์ในใจไปด้วย เขียน เป็นอริยสัจ4ได้ดังนี้
ทุกข์ : รู้สึกขุ่น หมองและน้อยเนื้อต่ำใจ ที่พี่น้องผู้ชายไม่ได้มาช่วยยกโดยเฉพาะกลุ่มที่เราไปกำหนดหมายไว้ในใจเอาเอง(แต่ไม่ทันได้บอกท่านไว้ก่อน)
สมุทัย : ยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าพี่น้องผู้ชายกลุ่มที่เราคิดไว้ มาช่วยจะเป็นสุข(ชอบใจ) ถ้าไม่ได้มาช่วยจะเป็นทุกข์(ไม่ชอบใจ)
นิโรธ : ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าแม้พี่น้องผู้ชายกลุ่มนั้นจะมาช่วยหรือไม่ก็ไม่ทุกข์
มรรค : ทันทีที่รู้สึกว่าใจตัวเองเริ่มรู้สึกขุ่น หมอง +น้อยใจ จากการไม่ได้ดั่งใจหมายคือว่าคนที่มาช่วยยกเป็นผู้หญิงล้วนไม่มีผู้ชายเลยตอนแรกเราก็ได้พิจารณาเรื่องกรรมว่า “สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ” ก็ระลึกไปถึงว่าที่ผ่านๆมา เวลาหมู่ขอแรงบุญ บางครั้งเราสามารถไปช่วยได้ แต่เราก็ไม่ได้ขวนขวายที่จะไปช่วยเท่าที่ควร นี่คืออกุศลวิบากที่เราได้รับนั่นเอง สำนึกผิดยอมรับผิด ขอรับโทษ เต็มใจรับโทษ ตั้งจิตหยุดสิ่งไม่ดี ตั้งจิตทำความดี คือต่อไปจะพยายามขวนขวายให้มากขึ้นและ “อยากได้สิ่งใดจงคิด(พูด ทำ)สิ่งนั้นกับผู้อื่น” ปรากฏว่าความหมองใจยังไม่หมด ต่อมาอีกครู่หนึ่งนึกได้ว่า อ๋อ!นี่เราไป หลงตั้งจิตยึดว่าอยากได้แรงพี่น้องผู้ชายที่เราไปกำหนดเองว่าต้องเป็น
กลุ่มนั้นๆ นั่นเอง แท้จริงแล้วจะเป็นหญิง+ชายท่านใดก็ได้ สำคัญว่าถ้าสามารถช่วยกันยกแคร่เคลื่อนไปยังจุดหมายก็พอแล้ว แสดงว่าณ เวลานั้นท่านเหล่านั้นมีกุศลร่วมกับเรา นี่คือ” ความจริง ” พอรู้ว่าเป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นจากเราทำมาและยังโง่ซ้อนที่ไปหลงหวัง อยาก ยึดว่าต้องเป็นกลุ่มนั้นๆด้วยนั่นเป็น
” ความลวง ” เห็นความหลงของตัวเองที่ไป หวัง อยาก ยึด จึงเป็นเหตุให้ ทุกข์ “โง่ “ไม่เกิดปัญญาที่แววไวพอที่จะพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยนได้ตามเหตุการณ์ที่เกิดจริง เป็นจริงได้ทัน เมื่อได้พิจารณามาถึงจุดนี้ใจจึงได้คลายความทุกข์หมองลงได้จริงๆ คราวต่อไปจะพยายามไม่ไปหลง หวัง อยาก ยึด แบบโง่ๆ ตามที่พ่อครูได้เคยพูดเปรียบเปรยไว้ว่าใครน้อยเนื้อต่ำใจเป็นหมาขี้เรื้อนนี้อีกเพราะ หวัง อยาก ยึด โง่ เป็นทุกข์ แต่ถ้าไม่หวัง ไม่อยาก ไม่ยึด ไม่โง่ ก็พ้นทุกข์
4.เรื่อง : อยากทำการบ้านให้เสร็จ
แพรลายไม้ กล้าจน
ทุกข์ : (ทางใจ) อึดอัด ขัดใจ ไม่ได้ดั่งใจ (ทางกาย)มีอาการบีบ ๆ หน่วง ๆ ที่หัวใจ หายใจถี่ ๆ ใจร้อน
สมุทัย : อยากทำการบ้านให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้ไปทำอย่างอื่น เวลาเรามีค่า จะทำการบ้านแล้วหา กูเกิลฟอร์มที่จะกรอก ในเว็บไม่เจอ ทำไมมีแต่ที่คนอื่น เขียนมา แล้วไอ้ลิงก์ที่ว่ามันหายไปไหน
นิโรธ : หาลิงก์ไม่เจอก็ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ ส่งแบบพิมพ์เอาก็ได้ ไม่ส่งก็ได้ วางใจได้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เวลาของเรา เอาเท่าที่ได้ ใจก็สบาย ฟ้าเปิดก็ค่อยทำใหม่ อาการทางใจมันลงแล้ว ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ในการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ ทางกาย อัตราการเต้นของหัวใจใจมันยังไม่ปกติ เดี๋ยวมันก็ปกติเองแหละ ก็ช่างมันเถอะ อย่าไปเสียเวลาจับอาการมัน
มรรค : คิดว่า เพราะวิบากเธอที่เคยไม่ให้ความสำคัญ ไม่ใส่ใจ ส่งการบ้านมาก่อน ธุระไม่ใช่ ขี้เกียจทำ เสียเวลาเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า และยังจะมาฟาดงวงหาดงา ถามหาว่าทำไมมันเข้ายากจังเลยวะ ไอ้เจ้าลิงก์นี้ โทรไปด่าดีไหม ทำระบบแบบนี้ นักศึกษาคนอื่น ๆ จะทำอย่างไร ขนาดฉันพอรู้เทคโนโลยียังเข้าไม่ได้หาไม่เจอ คิดวางใจเลย เข้าได้ไม่ได้อย่างไร ก็ค่อยว่ากัน เอาแบบบ้าน ๆ ไปก่อน พิมพ์ส่งแบบนี้ไปนี่แหละ ใครจะว่าเราโง่ แค่นี้ไม่รู้ก็ช่างเถอะ ถ้ามาตาลีเตือน ยังเข้าไม่ได้อีก ก็วางเถอะ ค่อยทำ หรือ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ช่างมันอีก ค่อยว่ากัน ไม่เสร็จไม่ได้ส่งก็ช่างมัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ก็อยู่มาได้ โดยไม่ทำ จะมาเดือดร้อนอะไรตอนนี้ อายเหรอ ใช่นิดหน่อยเอง เป็นคุรุ มันต้องฉลาดทุกเรื่องหรือไง โง่บ้างก็ได้ จะทำไม จะได้ชัดว่าอย่าไปตีทิ้งอะไร อย่าไปดูถูก เหยียดหยามใครอีก ไม่มีใครอยากทุกข์อยากโง่หรอก ก็มันไม่รู้มาก่อนนี่ ให้กำลังใจตัวเอง แหมแค่เธอคิดตั้งใจ จะทำก็ดีมากแล้ว จากเมื่อก่อนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาเรียนเขาทำอะไรกัน ตอนนี้ดูซิเอาภาระตั้งเยอะ ตอนนี้เข้าไม่ได้ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เข้าได้เองแหละ แทนที่จะโทรไปโวยวาย ก็แค่ถามว่าทำอย่างไร ยอมโง่มั่งสิ แค่นี้เอง ตอนนี้เข้าไม่ได้ก็วางไปก่อน จะอะไรกันนักกันหนา ตัดรอบได้แล้ว เอาเท่าที่ได้ ต่อไปก็จงพากเพียรในเรื่องการเขียนการบ้านให้มากกว่าเดิม เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่น อาจารย์ให้ความสำคัญกับการเห็นทุกข์และล้างทุกข์ให้ได้ เพื่อใครก็เพื่อเราจะได้พ้นทุกข์เร็ว ๆ พระพุทธเจ้าก็สอน คนจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ถ้าเราใส่ใจเพียรล้างกิเลสทุกเรื่อง ด้วยปัญญาแท้ ก็จะไม่สะดุ้งสะเทือน หรือกระเพื่อมไหว ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูสิเสียพลังไปให้กิเลสตั้งหลายนาที พอลงแล้วทางกายก็ต้องใช้เวลาอีก ขอบคุณผัสสะนี้ ครั้งต่อไปจะแพ้น้อยลง
5.เรื่อง : โควิด 19
พิมพ์พศินา สิทธิประเสริฐ (น้าหมู เพียรเย็นพุทธ)
เนื้อเรื่อง : ปกติห้างทองจะเปิดทำการเวลา 08:30 น. – 17.30 น. แต่วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค 64) พ่อบ้านปิดร้านเร็วกว่าปกติซึ่งทุกวันที่ร้านก็จะมีพ่อบ้านและลูกสาวคนโตเป็นคนดูแล เห็นพ่อบ้านเข้าบ้านก่อนเวลา ช่วงบ่าย 3 โมง เศษ ๆ เลยโทรถามหาลูกว่าไปไหนไม่เห็นเข้าบ้านพร้อมป๋า ลูกสาวก็ตอบว่าขอป๋าแล้วไปทำธุระกับเพื่อนที่อุบล ตอนนี้ลูกกำลังขับรถกลับบ้านค่ะแม่ ตอนนั้นใจน้าหมูไม่แช่มชื่นไม่เบิกบาน เป็นทุกข์ และสวมวิญญาณพรหม 3 หน้า (ยึดดี) ทันที ขึ้นเสียงดัง เมื่อเห็นลูกขับรถเข้าบ้านโดยไม่ถามเหตุผล จัดหนักทันทีว่า ลูกอยากตายหรือไงลูกตายคนเดียวไม่พอทำให้คนในครอบครัวพลอยตายด้วยกันไปหมด ติดเชื้อกันไปหมด เดือดร้อนกันไปหมด ลูกก็รู้อยู่แล้วว่ามันมีความเสี่ยงและอันตรายมากแค่ไหน มันไม่คุ้มกับลูกออกไปทำธุระของลูกเลยมันไร้สาระมาก ในยามนี้เก็บชีวิตตนเองไว้ก่อนดีไหม
รู้ทั้งรู้ว่าระยะนี้จะไปไหนมาไหนไม่ได้ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ มันอันตราย คนในจังหวัดยโสธรติดเชื้อมันแพร่กระจายกันไม่รู้ว่าใครเป็นใครติดกันอ่วมเลย น้าหมูได้เตือนสมาชิกทุกคนในครอบครัวแล้วว่าหลังเลิกงานให้เข้าบ้านทันที ลูกเขาก็รู้แต่ก็ยังไปอุบลราชธานี แต่ลูกก็ตอบว่าจ้า ๆ ๆ ยอมรับผิด ไม่ทำแล้วแม่ เหตุผลน้าหมูคือให้ทุกคนอยู่ในบ้านห้ามออกไปไหนเด็ดขาดไม่ว่าระยะใกล้หรือไกล คิดถึงใครให้ใช้ Line เอา ให้ทำกิจกรรมในบ้านเอา จะทำอะไรก็ทำไปตามที่เราสะดวกและถนัด พอได้ขึ้นเสียงดังกับลูกแล้วใจก็เป็นห่วง
ทุกข์ : เป็นห่วงไม่อยากให้ลูกไปต่างจังหวัด เพราะมันเสี่ยงติด covid 19
สมุทัย : ไม่อยากให้ลูกไปไหน ถ้าเขาไม่ไปเราก็สุขใจ ถ้าเขาจะไปเราก็ทุกข์ใจ ยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าลูกอยู่บ้านจะสุขใจ ถ้าลูกออกนอกบ้านเราจะทุกข์ใจ
นิโรธ : ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าลูกจะอยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้านเราก็มีความสุขได้
มรรค : เราเชื่อและชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่าเราเคยเป็นเช่นนี้ คือ ดื้อ โง่ ชั่ว ทุกข์ มาก่อนไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน ๆ เราทำมา ๆ ๆ เราจึงมารับผลในครั้งนี้ เมื่อพิจารณาดังนี้ใจก็เบิกบานแจ่มใส
และโดนใจในบททบทวนธรรมของ อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน
ข้อที่ 111
“ความไม่เข้าใจไม่เชื่อไม่ชัดเรื่องกรรมทำให้ยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์ ส่วนความเข้าใจเชื่อและชัดเรื่องกรรมทำให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทำให้เป็นสุข” สาธุค่ะ
6. เรื่อง : ไม่พอใจในคำพูดของเพื่อน
อัญชลี พุ่มแย้ม (เล็ก เย็นแสงธรรม)
เนื้อเรื่อง : ตอนค่ำ ๆ เราปิดเต๊นท์กำลังล้างแผลอยู่ เด็กอายุ 8 ขวบที่อยู่เต๊นท์ติดกันก็ยืนอยู่หน้าเต๊นท์เรียกยาย ๆ คุรุคนหนึ่งว่าป้าเล็ก ว่าป้าเล็กกินยานอนหลับ ป้าเล็กเป็นบ้า เรารู้สึกตกใจ ขัดใจขึันมาทันทีว่า คุรุทำไมถึงบอกกับเด็กมาแบบนั้น และเราก็คิดต่อไปอีกว่าคนกินยานอนหลับโดยการดูแลของแพทย์เป็นอย่างดีต้องเป็นคนบ้าด้วยหรือ และการที่ไม่รู้ความจริงเอามาพูดว่าคนนั้นเป็นบ้าคนนี้เป็นบ้าไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะพูดกับเด็ก ทำให้เราชิงชังคำพูดนั้นทันที
ทุกข์ : มีอาการทุกข์ใจและชิงชังในคำพูดของคุรุท่านนั้นทันทีที่พูดกับเด็กมาแบบนั้น
สมุทัย : ชังมากในคำพูดของคุรุท่านนั้นที่พูดมากับเด็กแบบนั้น
นิโรธ : ไม่ว่าคุรุท่านนั้นจะพูดกับเด็กมาว่าเรากินยานอนหลับเป็นคนบ้าเราก็ไม่ทุกข์ใจไม่ชังในคำพูดนั้น เพราะเค้าไม่รู้ข้อเท็จจริง
มรรค : วางใจในคำพูดของคุรุท่านนั้นเพราะ ท่านไม่ได้รู้ความจริง และที่สำคัญท่านอาจารย์สอนเสมอว่าสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ในตอนไหน ๆ ในชาตินี้หรือชาติก่อน ๆ เราก็คงเคยไปพูดแบบนี้มา เค้าจึงส่งคุรุท่านนั้นมาเป็นผัสสะให้เราได้ชดใช้ เราจึงตั้งจิตสำนึกผิด ขอโทษและขออโหสิกรรม ในคำพูดที่เราได้พูดแบบนั้นกับคนอื่นให้ทุกข์ใจ ดังบททบทวนธรรมของ อาจารย์หมอเขียว ดร.ใจเพชร กล้าจน
ข้อที่ 103
“ทุกข์ย่อมไม่ตกถึงผู้ที่เชื่อและชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง”
และบททบทวนธรรมข้อที่ 104
“ผู้ที่เข้าใจเชื่อและชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งจะเอาทุกข์มาแต่ไหน”
สรุป เมื่อพิจารณาได้ดังนี้แล้วทำให้ทุกข์ลดลง 90%
ชื่อ อัญชลี พุ่มแย้ม (เล็ก) เย็นแสงธรรม
วันที่ 8 พค 64