วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 17 | ห้องเรียนวิชชาราม

ห้องเรียนออนไลน์ ห้องเรียนวิชชาราม ตรวจการบ้าน วิชา อริยสัจ 4 ครั้งที่ 17 ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลาประมาณ 12:00 น. – 14:00 น.

ตรวจการบ้านวิชาอริยสัจ 4

เรื่อง การใช้ของที่ผลิตด้วยตัวเอง

เสาวรี หวังประเสริฐ

ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์เนื่องจากการระบาดของโรคโควิดจึงมีเวลาอยู่บ้านงดการเดินทาง ก็มีการทำกิจกรรมเผาถ่านไม้ไผ่เพื่อเก็บไว้ใช้แต่กิเลสก็มาสร้างความกังวลหวั่นไหวว่าเราทำจะใช้ได้ดีจริงหรือวิธีที่เราทำถูกต้องแล้วหรือเพราะปกติที่ผ่านมาใช้ถ่านที่ซื้อจากสวนป่านาบุญ1

ทุกข์ : กลัวกังวลว่าของที่ทำใช้เองจะไม่ได้ผล อยากให้ของที่ทำเองใช้ได้ผล

สมุทัย: ชอบของที่ผลิตเองใช้ได้ผลชังถ้าของที่ผลิตเองใช้ไม่ได้ผล

นิโรธ : สภาพดับทุกข์ใช้ผงถ่านที่เราผลิตเองด้วยใจที่เบิกบานไร้ทุกข์ไร้ความกังวล

มรรค:วิธีปฏิบัติพิจารณาถึงประโยชน์ของผงถ่านที่จะใช้ก็มีประโยชน์มากกว่าโทษและทดลองนำมาใช้ด้วยใจที่ไร้ทุกข์ตรวจสอบขั้นตอนการเผาถ่านที่ใช้เตาเผาแบบไร้ควันคาวมร้อนสูงเป็นระบบปิดแล้วนำมาบดด้วยเครื่องบดไฟฟ้า ซึ่งดูกระบวนการก็น่าจะปลอดภัย สังเกตุผลหลังจากนำมาผสมน้ำดื่มก็ทำให้มีกำลังเหมือนที่เคยใช้ของที่ผลิตจากสวนป่านาบุญ1ก็ไม่แตกต่างกัน และใช้บททบทวนทำที่ว่า ทำดีเต็มที่เหนื่อยเต็มที่สุขเต็มที่ไม่มีอะไรคาใจไม่เอาอะไรคือสุดยอดแห่งความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส สาธุ


เรื่อง : เทศกาลสงกรานต์ท่ามกลางโควิด

นางสาวนาลี วิไลสัก

เหตุการณ์ : ใกล้จะถึงช่วงสงกรานต์ ก็ทราบข่าวว่ามีชาวต่างชาติที่ติดโควิดลักลอบเข้ามาประเทศเรา และประชากรในประเทศ ก็พากันเล่นสงกรานต์ อย่างสนุกสนาน โดยไม่ระมัดระวังป้องกันอะไรเลย

ทุกข์ : ทุกข์ทางกาย หนักหัวแน่นหน้าอก ทุกข์ทางใจ กลัวกังวลว่า ชาวต่างชาติที่ติดโควิดที่ลักลอบเข้ามาในประเทศเรา จะเอาเชื้อมาแพร่ให้คนในประเทศเราในช่วงสงกรานต์

สมุทัย : ไม่อยากให้มีการฉลองเทศกาลสงกรานต์ ชอบถ้าเขาไม่จัดเทศกาลสงกรานต์ และไม่มีใครติดโควิด ชังที่มีการจัดเทศกาลสงกรานต์ ในช่วงโควิดระบาดอยู่

นิโรธ : จะมีการจัดฉลองเทศกาลสงกรานต์ ที่อาจจะเป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อโควิด หรือไม่ เราก็ไม่ทุกข์ใจ

มรรค : หันมาตรวจใจดู พอเราคิดแบบมาร ก็ป่วยฉับพลัน หนักหัวมากและแน่นหน้าอกด้วย ทั้งที่จริงเรื่องราวก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่เราไปกังวลล่วงหน้าเอาเอง ว่ารัฐบาลทำไมไม่มีมาตราการล็อคดาวน์ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งๆ ที่มีตัวเลข การติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นทุกวัน ถ้าโควิดระบาดแรง ในประเทศเราหรือมีผู้ติดเชื้อเยอะ รับรองว่า เอาไม่อยู่แน่ๆ เพราะไม่มีโรงพยาบาล และบุคลากรด้านการแพทย์รับรองผู้ป่วยต่อเหตุการณ์นี้

แต่เราลืมไปว่า ทุกชีวิตมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เราต้องเชื่อและชัดเรื่องกรรม ว่าโควิดเป็นมาตาลี มาเตือนให้ชาวโลกรับรู้ว่าตอนนี้ใกล้กลียุคแล้ว วิบากของโลกหนักมาก มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องหยุดการกระทำชั่วได้แล้ว เพราะมันเห็นได้ชัดว่า พื้นที่ไหนหรือประเทศไหน เสพกิเลสมากทำชั่วมาก ๆ โควิดจะไประบาดประเทศนั้นหนักมาก ในเมื่อเราแก้เหตุการณ์ไม่ได้ เราต้องแก้อาการทุกข์ใจของเราก่อน และเราก็ไม่ประมาท ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนสถานการณ์โควิด จะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายร่วม ของประเทศและกลุ่มคนเหล่านั้นที่จะต้องได้รับ เพราะทุกอย่างยุติธรรมเสมอ ทุกคนจะได้รับทั้งดีและร้ายเท่าที่ตนเองได้ทำมานั่นแหละ

ทุกวินาทีวิบากดีร้าย จะสังเคราะห์กัน บวกลบคูณหารจะส่งผลให้แต่ละกลุ่มคนหรือ พื้นที่ใดๆ จะได้รับสิ่งใดตามกุศลและอกุศล ของใครก็ของใคร ถึงแม้จะมีใครติดโควิดกับเหตุการณ์นี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราต้องเข้าใจโลกและเข้าใจตัวเอง ตรงกับ บททบทวนธรรม ข้อ ๘๙ ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้ ไม่มีอะไรที่เรากำหนดได้ นอกจากใจที่ไม่ทุกข์ของเราเท่านั้น ที่เรากำหนดได้

สรุป พอเราวางใจได้ อาการแน่นหน้าอกก็หายใจก็สบายขึ้นอาการหนักหัวก็เบาลง สาธุค่ะ


เรื่อง รับไม่ได้กับความชั่วของตัวเอง

ปิ่น คำเพียงเพชร

ได้รับโอกาสให้ได้ฝึกบำเพ็ญเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับคุรุอีกท่านหนึ่ง ซึ่งบทบาทนี้ใหม่สำหรับเราจึงยังมองภาพไม่ออกว่าควรประมาณอย่างไรจึงจะดี แต่ก็ได้ตั้งจิตว่าจะพยายามทำให้ดีและไม่พูดให้ดูเด่นกว่าคุรุ หลังจบการบำเพ็ญก็จะสรุปงานสรุปใจและขอคำแนะนำเพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อพร่องตัวเองทุกครั้ง

และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้รับการชี้ขุมทรัพย์หลายเรื่องมาก ซึ่งโดยภูมิของเราก็รู้สึกว่าวันนี้เราทำได้ไม่ค่อยดีหลายจุด แต่ก็มองได้ไม่ละเอียดขนาดนั้น คุรุก็ถามว่า ที่พลาดตอนนั้น เช็คดูดี ๆ ว่าเสพอะไรอยู่หรือเปล่า ดูตั้งใจไว้อย่างหนึ่ง แต่ทำตรงกันข้าม ประมาณว่าจะเช็คดูว่า เรามีจิตหลงโลกธรรม หลงใหญ่หลงโต อยากเด่นเกินหน้าเกินตาท่านอื่นหรือเปล่า (ซึ่งปกติก็จะสังวรศีลเรื่องนี้มาเสมออยู่แล้ว แล้วก็รู้สึกชังคนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว แต่ก็พากเพียรล้างความชังนี้มาได้โดยลำดับ จนเบามากแล้วแต่ก็ยังไม่หมด

ทุกข์ : อัดอั้นใจ น้ำตาไหล เมื่อรู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมแย่แบบนั้น

สมุทัย : รับไม่ได้ ตีตัวเองซ้ำ ที่กลับทำพฤติกรรมที่แย่ที่ไม่ดีแบบที่ตัวเองชังเสียเอง อยากให้หมู่เข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ยึดว่า ถ้าเราไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้น และหมู่เข้าใจ จะดี

นิโรธ : เมื่อเราเจตนาบริสุทธิ์และได้พยามทำให้ดีอย่างเต็มที่ตามภูมิแล้ว แต่ยังพลาดทำพฤติกรรมที่เราเห็นว่าไม่ดีเสียเองหรือไม่ก็ได้ หมู่จะเข้าใจหรือไม่ก็ได้ เราก็ไม่ทุกข์ใจ ควรวางใจและยิ้มรับความผิดพลาดอย่างเบิกบานให้ได้

มรรค : การที่ทำอะไรพลาดไปแล้วมีหมู่มิตรดีเอาภาระคอยบอกคอยชี้นี่มันก็ดีมากที่สุดแล้วนะ ควรจะดีใจที่ได้รู้ รู้ เราก็ปรับปรุงแก้ไขไปตามกำลังสิ ไม่ใช่มาโง่ทำทุกข์ทับถมตนด้วยการตีตัวเองซ้ำและรับไม่ได้อยู่แบบนี้
ความยึดมั่นถือมั่นว่าเราจะต้องไม่พลาดและอยากให้หมู่เข้าใจนี่มันเป็นทุกข์ ผิดศีล เบียดเบียนกายใจตัวเอง เมื่อเราบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำไม่ดี (ตามภูมิ) หมู่จะเข้าใจหรือไม่ก็ไม่เป็นไร อีกอย่างที่ท่านถามแบบนั้นก็เพื่อต้องการเช็คให้แน่ใจว่าเราไม่ได้หลงไปตามกิเลสโลกธรรมริง

ก็เรายังมีกิเลสอยู่ มันก็ต้องพลาดต้องพร่องเป็นธรรมดา ให้มีสัญชาตญาณแห่งคนตรง ทำใจยอมรับความจริงตามความเป็นจริง ว่าตอนนี้ทำได้แค่นี้ ยินดีพอใจเท่าที่ได้จริง อย่าอยากได้เกินกว่าที่เป็นไปได้จริง ส่วนหนึ่งเกิดจากวิบากที่เรายังล้างความชังในสิ่งนี้ไม่หมด เหลือความชังอยู่เท่าไหร่ แสดงว่าเราก็ยังโง่ยังชั่วอยู่เท่านั้นแหละ อยากหายโง่หายชั่วก็รีบพากเพียรล้างความชังนี้ให้หมดไปเร็ว ๆ เท่าที่สามารถทำได้จริงตามกำลัง

สรุป เมื่อพิจารณาดังนี้ ความทุกข์จากความยึดมั่นถือมั่นในครั้งนี้ ก็คลายลงได้ ยิ้มเบิกบานยอมรับข้อพร่องได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์


ก๋วยเตี๋ยวน้ำ

นางจิราภรณ์ ทองคู่

เนื้อเรื่อง ลูกซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำมาทานที่บ้าน (คนในบ้านยังทานเนื้อสัตว์) พอได้เห็น และได้กลิ่นเมื่อลูกเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชาม เกิดสัณญาเดิมขึ้นมาทันทีคือมีความรู้สึกจิตใจหวั่นไหว น้ำลายสอ อยากกินกับลูกมาก กิเลสบอกว่า เราไม่กินเนื้อสัตว์ก็เอาเนื้อกับลูกชิ้นออกใส่ถั่วลิสงป่นแทนเนื้อสัตว์ ที่เหลือก็เป็นผัก เส้น และน้ำซุบ กินตอนร้อน ๆ จะได้รสชาติ จะได้สุขใจ มีชีวิตชีวา เราจึงบอกกิเลสไปว่า
ไม่กินเพราะรู้มาว่าคนขายจะเอากระดูกสัตว์มาต้ม แล้วใส่เครื่องปรุงรสหลายอย่าง เราไม่กินเด็ดขาด การกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ไม่ว่ากรณีใด ๆ เป็นการเบียดเบียนเป็นการส่งเสริมให้มีการฆ่าทั้งนั้นและยังผิดศีลด้วย กินแล้วจะเป็นโทษต่อร่างกาย ถ้ากินเข้าไปอีกอาจทำให้เจ็บป่วยได้อีก พอเจ็บป่วยใจก็เป็นทุกข์ทรมานไปอีกนาน กินไม่กี่นาทีแต่ทรมานอีกนานจะเอาไหม เมื่อเจ็บป่วยผู้เกี่ยวข้องก็จะทุกข์ใจไปด้วย และยังเป็นการเหนียวนำให้คนอี่นเป็นตามมันดีไหม ไม่เลย มันบาป มันไม่มีประโยชน์เลย กินอาหารสูตรหมอเขียวดีกว่า ปลอดภัยกว่า และได้บอกกิเลสไปว่าความหลงในความอร่อยนี่แหละที่ทำให้ในอดีตต้องเจ็บป่วยเป็นโรคเป็นภัย ต้องมาดูแลตัวเองโดยใช้หลักการแพทย์วิถีธรรมจึงหาย เจ็บแลัวต้องจำ กิเลสก็สงบสิ้นเกลี้ยงทันทีที่เรามีปัญญารู้ทัน

ทุกข์ จิตใจหวั่นไหว น้ำลายสอ อยากกินก๋วยเตี๋ยวน้ำ

สมุทัย ถ้าได้กินจะสุขใจถ้าไม่ได้กินจะทุกข์ใจ

นิโรธ ไม่กินจะเป็นสุข สุขทั้งกายสุขทั้งใจ ผู้เกี่ยวข้องก็ไม่เดือดร้อน

มรรค พิจารณาโทษในก๋วยเตี๋ยวว่ากินแล้วจะเกิดผลอย่างไรและถ้าทำตามที่กิเลสต้องการจะเกิดผล อย่างไร จึงได้นำบททบทวนธรรมมาพิจารณาและพบว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นเราทำอะไรเกิดผลอย่างไร ซึ่งตรงกับบททบทวนธรรม ข้อที่ 8 สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมาไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา และข้อที่ 41 สุขจากกิเลสคือทุกข์ที่บรรเทาเหมือนได้เกาขี้กลาก บวก วิบากร้ายไม่สิ้นสุดเลิกซะ ความอยากกินก๋วยเตี๋ยวก็หมดสิ้นไปจิตใจก็เบิกบานแจ่มใส


เรื่อง คิดดีแล้ว

วรางคณา ไตรยสุทธิ์ (พุทธพรฟ้า)

ช่วงนี้กำลังแก้เล่ม ป.เอก ส่งมหาวิทยาลัยตามที่คณะกรรมการสอบแนะนำ ตอนที่ค้นข้อมูลวิจัยเพิ่มเติมบางส่วนทำให้ได้อ่านบทความวิจัย รายการวิจัย เกี่ยวกับปัญหาของการศึกษาและปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังแย่ของเมืองไทยและทั่วโลก ซึ่งนักวิชชาการก็พยายามหาทางแก้ปัญหาด้ายวิธีการต่าง ๆ ทำให้ได้รู้ว่าวิชชารามสามารถแก้ปัญหานี้ได้และคิดว่า “เราควรทำแบบนี้ล่ะ แบบนี้ถึงจะดีแล้วก็แก้ปัญหาได้” แต่ก็บอกตัวเองว่า “แก้เล่มเท่าที่พอจบได้ก็พอ ปัญหาของสังคมของโลก เราทำอะไรได้ไม่มาก ช่วยนักศึกษาวิชชารามได้ก็ดีมากแล้ว” เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 ครั้ง ในช่วง 2-3 วัน ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดใจจึงตรวจหาว่ากำลังคิดอะไรผิดอยู่เปล่า

ทุกข์ อึดอัดใจ
สมุทัย อยากทำงาน ป.เอก ให้ออกมาดีและเป็นประโยชน์ เพราะรู้ว่าช่วยแก้ปัญหาของนักศึกษาวิชชารามและสังคมได้ แต่ก็ยึดว่าทำพอจบได้ก็พอ ทำเท่านี้ล่ะ ทำให้รู้ว่าเรากำลังยึดว่าความคิดเห็นเราถูกแล้ว คิดดีแล้ว ที่วางใจได้ไม่ไปคิดใหญ่โตไปแก้ปัญหาทั้งสังคม
นิโรธ ความคิดเห็นเราที่คิดว่าคิดดีแล้ว จริง ๆ แล้วเราอาจจะคิดถูกหรือคิดผิดก็ได้ เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วก็ไม่ไปทุกข์ใจ พร้อมปรับเปลี่ยนในเหลี่ยมมุมที่คิดผิดพลาด

มรรค ตอนที่จับได้และรู้ชัดว่าเรายึดความคิดเห็นตัวเองว่าคิดดีแล้ว ซึ่งจริง ๆ ก็คิดถูกแล้วหลายส่วน แต่ส่วนที่ผิด คือ ไปยึดว่าเราคิดถูกแล้ว ควรเป็นแบบนี้ เราคิดดีแล้ว อาจารย์และหมู่กลุ่มก็บอกแบบนี้ พอรู้ว่ากำลังยึดความคิดเห็นว่าคิดถูกแล้วก็รู้สึกละอายใจมาก จึงพิจารณาโทษของการยึดความคิดเห็นตนเองที่จะทำให้หลงตัวเอง เป็นมานะถือดีถือตัว เป็นโทษมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุดถ้าไม่ซื่อสัตย์ยอมรับความจริงว่ากิเลสนี้กำลังออกฤทธิ์ ทำให้ช้าในการล้างกิเลส ทำงานที่เป็นกุศลก็ช้า พอพิจารณาแบบนี้ก็ทำให้โล่งใจเต็มที่และระลึกกิเลสได้อีกหลายตัวที่มีรากความยึดมั่นเดียวกัน ก็ล้างเพิ่มและโล่งใจมากขึ้นอีก ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในทางเดินที่โปร่งโล่ง มีปัญญาในพิจารณากิเลสตัวอื่น ๆ ได้อีก มีพลังในการทำงาน ป.เอก และงานวิชชารามเพิ่มขึ้น การงานทั้งหมดที่ทำไปสูญสลายเดี๋ยวดีแล้วแย่อยู่แล้ว แต่การงานที่ได้ล้างความยึดมั่นในใจเราเป็นสิ่งที่ควรทำอันดับแรกในทุก ๆ งานที่กำลังทำอยู่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *