At bagon.is you can Buy webshells, phpmailer, Combo list
การบ้าน อริยสัจ 4 (ุ10/2564) [37:46] | สถาบันวิชชาราม
Skip to content

การบ้าน อริยสัจ 4 (ุ10/2564) [37:46]

640307 การบ้าน อริยสัจ 4 (10/2564)

นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 1-7 มีนาคม 2564 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)

สัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านทั้งหมด 37 ท่าน 46 เรื่อง

  1. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
  2. จิรานันท์ จำปานวน
  3. สมพงษ์ โขงรัมย์(สู่สวนสงบ)
  4. Sureenart ratchapan สุรีนารถ ราชแป้น
  5. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
  6. จรัญ บุญมี(เพชรแผ่นดิน) (2)
  7. sirikwun saelim
  8. นปภา รัตนวงศา (3)
  9. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)
  10. นายรวม เกตุกลม
  11. นางสุมา ไชยช่วย (2)
  12. จิราวรรณ ดาโรจน์
  13. ศิริพร คำวงษ์ศรี
  14. จิตรา พรหมโคตร
  15. สาวิตรี มโนวรณ์ (4)
  16. สำรวม แก้วแกมจันทร์ (3)
  17. น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้าน้อมศีล)
  18. นางพรรณทิวา เกตุกลม
  19. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
  20. Sriprasom Sirikanya (สื่อสารศีล)
  21. น.ส.ทิษฏยา โภชนา (นุ้ย)(ในสายธาร)
  22. นางสาวนาลี วิไลสัก
  23. ประภัสสร วารี
  24. นางมัณฑนา ชนัวร์ เตี้ย ศีลประดับ
  25. มาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (เมฆ ลม ฟ้า)
  26. สาคร รอดรัตน์(ป้าหนุ่ย)
  27. นางจิราภรณ์ ทองคู่
  28. พรพิทย์ สามสี
  29. น.ส จรรญา ชุมจีด (สร้างกลิ่นศีล)
  30. นฤมล ยังแช่ม
  31. ภาคภูมิ ยอดปรีดา (สร้างแก่นศีล)
  32. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน (ก๊อบ สื่อศีล)
  33. นส.พวงผกา โพธิ์กลาง
  34. เสาวรี หวังประเสริฐ
  35. ชุติวรรณ แสงสำลี
  36. ประคอง เก็บนาค
  37. ปิ่น คำเพียงเพชร

Tags:

44 thoughts on “การบ้าน อริยสัจ 4 (ุ10/2564) [37:46]”

  1. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์

    ใช้บททบทวนธรรมสลายความลังเลใจ

    สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อได้ฟังอาจารย์พูดถึงโอกาสและประโยชน์ของการเรียนในหลักสูตรวิทยาลัยชุมชนที่กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาอยู่ ผมก็คล้อยตามและคิดว่าจะสมัครเรียนด้วย แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะไม่เคยสนใจที่จะร่ำเรียนอะไรในระบบการศึกษาอีกเลยหลังจากที่ตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรีมาแล้ว แต่เมื่อได้ขอเอกสารและรายละเอียดของการสมัครเรียนมาดู พอเริ่มกรอกใบสมัครเท่านั้นก็รู้สึกถึงความยุ่งยากซับซ้อนของระบบการศึกษาขึ้นมาทันที จนเกิดความลังเลใจขึ้นมาว่า จะสมัครดีหรือไม่สมัครดี ทีแรกก็พยายามที่จะกรอกใบสมัครให้เสร็จ คิดว่าเราจะเรียนเพื่อช่วยงานอาจารย์ ช่วยเหลือหมู่กลุ่มในการบำเพ็ญเพื่อเข็นกงล้อธรรมจักร แต่พอกรอกใบสมัครไปจนถึงรายการเอกสารหลักฐานตอนท้ายที่ต้องใช้แนบ ก็กลับมาลังเลใจอีกครั้ง เพราะเอกสารบางส่วนอยู่ที่บ้านพ่อที่นนทบุรี และไม่แน่ใจด้วยว่าเก็บอยู่ที่ใดในบ้าน จะบอกให้น้องสาวช่วยหาให้ก็คิดว่าคงเป็นการยากที่จะหาเจอ เหลือเวลาในการรับสมัครอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ถึงหาเจอกว่าจะส่งมากว่าจะส่งไปก็เลยกำหนดไปแล้ว ผมเริ่มรู้สึกถึงการถูกปิดกั้นและฝืดฝืนที่จะสมัครเรียนต่อไป แต่ในใจก็ยังยึดถือคำพูดของอาจารย์ที่สนับสนุนให้เรียนอยู่ จนในที่สุดเมื่อได้คุยกับผู้รับผิดชอบในการรับสมัครว่า คงจะเตรียมเอกสารไม่ทันกำหนด น้องเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เอาไว้สมัครเรียนในรุ่นถัดไปก็ได้ ผมจึงตัดสินใจว่าจะวางเรื่องนี้ไปก่อน เก็บใบสมัครเข้าลิ้นชักไว้ รอการรับสมัครนักศึกษารุ่นถัดไปในปีหน้าค่อยว่ากันอีกที

    ทุกข์ – มีความลังเลใจสองสามรอบในการสมัครเรียนวิทยาลัยชุมชน

    สมุทัย – มีความยึดมั่นถือมั่นว่า ถ้าได้เรียนตามที่อาจารย์บอกจะเป็นสุข ถ้าไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำตามที่อาจารย์บอกจะเป็นทุกข์

    นิโรธ – จะได้เรียนตามที่อาจารย์บอกหรือไม่ก็ไม่ทุกข์ใจ ยินดี พอใจ ไร้กังวลกับการได้เรียนหรือไม่ได้เรียน

    มรรค – พิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่นถือมั่นในใจ แม้ว่าจะเป็นการทำตามคำแนะนำของครูบาอาจารย์ก็ตาม แต่หากว่าเหตุปัจจัยแวดล้อมของเราเองมันปิดกั้นและฝืดฝืนเกินไป ก็ต้องรู้จักปล่อยวาง ใช้บททบทวนธรรมข้อ 35 ที่ว่า “ยึดอาศัยดีที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง นั้นดี แต่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเกิดดีดั่งใจหมาย ทั้ง ๆ ที่องค์ประกอบเหตุปัจจัย ณ เวลานั้น ไม่สามารถทำให้ดีนั้นเกิดขึ้นได้จริง นั้นไม่ดี” และระลึกไว้ในใจว่า เราควรปล่อยวางดีระดับ 10 เพื่อไปเอาดีระดับ 11 คือการพ้นทุกข์จากความไม่ยึดมั่นถือมั่นให้ได้จะดีกว่า

    หลังจากที่ได้พิจารณาทบทวนธรรมในใจอยู่เรื่อย ๆ จนได้คุยกับจิตอาสาฯ ที่รับผิดชอบเรื่องการรับสมัครแล้ว เหลือเวลาในการรับสมัครอีกเพียง 4 วัน ก็ตัดสินใจวางเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจ ไม่มีอาการลังเลใจอะไรอีกแล้ว เรื่องเรียนนี้ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ปีนี้ยังมีเรื่องดี ๆ ที่ทำได้อีกมากมาย พยายามทำให้เต็มที่ก็สุขเต็มที่ได้แล้ว

  2. จิรานันท์ จำปานวน

    การบ้านอริยสัจ 4
    เรื่อง : น้ำไหลไม่ทั่วสวน
    เหตุการณ์ : วางแผนต่อน้ำในสวน เมื่อต่อเสร็จปรากฏว่าน้ำไหลไปไม่ทั่วสวน เห็นอาการกิเลสยึดมั่นว่าต้องสำเร็จ
    ทุกข์ : ยึดว่าน้ำต้องไหลไปทั่วสวน
    สมุทัย : ชอบที่น้ำไหลทั่วสวน ชังที่น้ำไหลไม่ทั่วสวน
    นิโรธ : น้ำจะไหลทั่วสวนหรือไม่ไหลทั่วสวนก็ไม่ชอบไม่ชัง สบายใจ ไร้กังวล
    มรรค : มาตรวจใจทำไมต้องยึดขนาดนั้น
    มาร : ก็ต้องยึดสิวางแผนไว้แล้ว สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกเลยไม่ได้หรอ
    เรา : ดีแล้วที่ไม่สำเร็จตามแผน ฉันก็ได้เห็นเธอไง คุ้มเกินคุ้มแล้ว
    มาร : สงสารแม่รดน้ำคนเดียวคงเหนื่อยน่าดูเลย
    เรา : ฮั่นแน่ ทายใจอีกแล้วนะ แม่บอกหรือยังว่าเหนื่อย ก็ยังไม่ได้บอกใช่ไหม
    มาร : แต่ก็เสียดายนะ อีก 2 สัปดาห์ ค่อยจะได้กลับมาอีก พรุ่งนี้ลางานต่อไหม เธอเคยลางาน ลามาขุดคลองไส้ไก่ไง ลาเลยๆ มาต่อน้ำใหม่
    เรา : นั่นมันเมื่อก่อนก็โง่ทำตามเธอไง ตอนนี้เราประมาณแล้วว่าไปทำงานจะเกิดประโยชน์เกิดกุศลมากกว่า
    มาร : คราวนี้หลอกเธอไม่ได้เลย ไปดีกว่า
    เรา : พอมารไปก็สบายใจไร้กังวล ตรงกับบททบทวนธรรม ข้อ 78 ความสมบูรณ์หรือความสำเร็จของกิจกรรมการงาน คือ ความลวง ลวงให้ยึด ลวงให้ทุกข์ ส่วนความสำเร็จของใจที่พ้นทุกข์พ้นความยึดมั่นถือมั่น คือ ความจริง สาธุค่ะ

  3. สมพงษ์ โขงรัมย์(สู่สวนสงบ)

    เรื่อง กินข้าวมื้อเดียว
    เนื้อเรื่อง เคยมาแล้วกินมื้อเดียว ตอนนี้เอาไว้ก่อนข้ามไปทำงานอื่นเพลินดี พอทำบ่อยๆ ก็จะติดเป็นความเคยชินลืมว่าการกินมื้อเดียวดีอย่างไร ปล่อยๆ วางๆ ลืมๆ ไปบ้างซิ แต่ใจทำไม หมองๆ ไม่สดชื่น

    ทุกข์ อึดอัดใจกินมื้อเดียวไม่ได้
    สมุทัย ชอบที่กินมื้อเดียวได้ ชังที่กินมื้อเดียวไม่ได้
    นิโรธ ไม่ชอบไม่ชัง กินมื้อเดียวก็ได้ กินสองมื้อก็ได้ ใจไร้ทุกข์ไร้กังวล

    มรรค เมื่อเราฝึกกินมื้อเดียวไม่ได้ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
    แต่ก็พยายามฝึกใหม่และได้ทำเต็มที่แล้ว ใจเราก็ไม่ทุกข์
    มาร ช่วงนี้อากาศหนาวปล่อยวางมากินหลายมื้อบ้าง

    เรา ตอนที่่เรากินหลายมื้อร้อนใจ นอนไม่อิ่มไม่เต็ม แล้วก็ยังหนาวอยู่เลย

    มาร ตัวเราก็อยู่กับหมู่แล้วยังจะมาเพิ่มศีลกินมื้อเดียวอีกเหรอ
    ช่วงนี้ปล่อยๆ วางๆ การกินมื้อเดียวซะบ้าง (ตามใจมาร)

    เรา ช่วงที่กินหลายมื้อฟังธรรมะไม่ค่อยรู้สภาวะ สมองไม่โปร่งไม่โล่ง
    เปรียบเทียบดูตอนกินมื้อเดียวฟังธรรมะเข้าใจมากขึ้น เขียนการบ้านทุกอริยสัจ๔ได้ดีขึ้น
    สมองดีคิดอะไรจะออกและเข้าใจง่ายๆ ใจเบาสบาย
    มาร ไม่ชมเขาแล้วเหรอ ไม่ภูมิใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองด้อยค่า ทำแต่ทุกข์ให้กับคนอื่น
    ก็สลายตัวไป พิจารณาได้เเบบนี้บ่อยๆๆๆ เป็นการฝึกให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกต้องกิเลสลดลงมากครับ

  4. Sureenart ratchapan สุรีนารถ ราชแป้น

    เรื่อง ก๊อกน้ำรั่ว
    เนื่องจากก๊อกน้ำที่ใช้ในครัวมีน้ำหยด แรกๆหยดไม่มากแต่ไม่ได้แก้ไข น้ำจึงหยดมากกว่าเดิม

    ทุกข์ : เสียดาย ที่น้ำหยดทิ้งเปล่าๆ

    สมุทัย : ชอบถ้าน้ำไม่หยด ชังที่น้ำหยด

    นิโรธ : น้ำจะหยดหรือไม่ ก๊อกจะได้รับการซ่อมหรือไม่ ก็ได้ ไม่ชอบ ไม่ชัง

    มรรค : แรกๆที่น้ำหยดไม่มากยังเฉยๆ พอน้ำหยดมากขึ้นรู้สึกเสียดายน้ำ ตัวเองดูแล้วเกินความสามารถที่จะซ่อมก๊อกได้ได้พิจารณาด้วยบททบทวนธรรข้อที่ 90 คือ”วัตถุไม่เที่ยง มีแต่ใจที่ไร้ทุกข์เท่านั้นที่เที่ยง”และข้อที่
    71ที่ว่า”ปัญหาและอุปสรรค ไม่เคยหมดไปจากโลก มีแต่ทุกข์ใจเท่านั้นที่หมดไปจากเราได้”จะเห็นได้ว่ามารมาได้จากทุกเหตุการณ์จริงๆ แม้น้ำยังหยดอยู่แต่มารต้องออกจากใจเรา เราซ่อมก๊อกน้ำไม่ได้แต่วันนี้เราซ่อมใจเอามารออกได้ ใจก็เบิกบาน ส่วนก๊อกน้ำรอผู้มีความสามารถมาซ่อมแล้วกัน
    สรุป พอวางใจได้ ว่าน้ำจะหยด ก๊อกน้ำไม่ได้ซ่อมก็ไม่เป็นไรแต่มารออกจากใจเราได้ ที่สุดใจเบิกบาน แจ่มใส

  5. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    อริยสัจ 4

    เรื่อง ทำใจแล้ว

    เมื่อวานได้ตัดต่อวีดีโอ ที่พี่น้องได้อัด เพื่อทำเป็นการบ้าน ทำตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่กำลังทึกข้อมูลอยู่ ปรากฏว่าคอมพิวเตอร์ เกิดไม่ทำงาน ขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ ข้อมูลที่กำลังบันทึกไม่สามารถบันทึกได้สำเร็จ

    ทุกข์ : เสียดายที่คลิปวีดีโอ ไม่ได้ถูกบันทึกได้สำเร็จ

    สมุทัย : อยากให้คลิปวิดีโอ บันทึกได้สำเร็จ ไม่ชอบที่มีอุปสรรค ทำให้บันทึกคลิปวิดีโอ ไม่สำเร็จ

    นิโรธ : เราไม่สามารถไปควบคุมพลังงานที่มองไม่เห็นให้ทำได้อย่างที่เราต้องการได้ คลิปวิดีโอ จะบันทึกไม่สำเร็จ ก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค : พอเห็นว่าคลิปวิดีโอ ไม่ได้รับการบันทึก และเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็มีปัญหา เห็นอาการของใจที่เสียดายเกิดขึ้นมาทันที ” โฮ้…อุสาห์ทำมาตั้งแต่เช้า จนถึงค่ำเลย พอวิบากเข้าพรวด เดียวหมดเลย” กิเลสตัดพ้อ
    พอเริ่มมีสติ ก็เลยรู้ว่า “วิบากมาให้ได้ชดใช้ ใช้แล้วก็หมดไปเราก็จะโชคดีขึ้น ขอบพระคุณค่ะที่แบ่งส่วนมาให้เพียงเท่านี้ ถ้าให้มามากกว่านี้อาจจะรับไม่ไหว” คำสอนของท่านอาจารย์ ทำให้ใจของตัวเองเริ่มเบาลง และ เป็นปกติในที่สุด
    พอวันรุ่งขึ้น มาเปิดดูคอมพิวเตอร์ ตั้งใจจะตัดต่อคลิป วิดีโอใหม่ โอ้…ไม่คาดฝัน คลิปวีดีโอที่ทำไว้ยังอยู่ ค่ะ ไม่หาย นี่ตัวเองเชื่อเลยว่าพอเต็มใจรับวิบากกรรม โดยไม่มีข้อแม้แล้ว ก็จะโชคดี ขึ้นจริง ๆ ค่ะ สาธุ

  6. จรัญ บุญมี(เพชรแผ่นดิน)

    อริยสัจ 4 การบ้านวิชาราม.วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564
    ทุกข์ เพราะเครียด ปวดท้อง
    สมุทัย อยากได้งานดีดั่งใจ
    นิโรธ สบายๆงานจะได้แค่ไหนก็สบายๆ
    มรรค ทำงานไปรู้สึกปวดท้องแน่นๆ. ก็ตรวจดูว่าเหตุอะไร พบว่าด้วยงานนี้ทำยากเราจึงต้องพยายามมาก ลึกๆกิเลสมันแอบอยากได้งานดีสนใจ. จึงแก้ด้วยหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วสอนจิตมารว่าโลกนี้เอาอะไรไม่ได้เลยเราทำดีที่สุดแล้วได้เท่าไหร่เอาเท่านั้นจบ สอนมารซ้ำๆ ด้วยทบทวนธรรม 4-5 นาทีก็หายปวด ท้องโปร่งโล่งสบาย

  7. เรื่อง ถูกบังคับ
    เหตุการณ์ :หัวหน้าสั่งงานจะเอาทันทีให้แก้ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ภายในวันนี้ ในเวลาหลังเลิกงาน
    ทุกข์:ขุ่นใจ ที่หัวหน้าเร่งๆๆๆจะเอางานทันที
    สมุทัย : ชอบถ้าไม่ต้องบังคับไม่ต้องเร่ง ชังที่หัวหน้าบังคับ เร่งงาน
    นิโรธ:หัวหน้าจะเร่งงานจะบังคับแค่ไหมก็สบายๆๆ ไม่ชอบไม่ชัง
    มรรค:พิจารณาตอนมารมาค่ะ
    มาร:โอ้ยๆๆๆ ไรว่ะ สั่งเอาๆๆบังคับฉิบหายเลย จะเอาเดี๋ยวนี้ บ้าเรอะ แก้ตั้งมากมาย จะให้เสร็จวันนี้
    เรา:5555 ไม่เคยรึ บังคับคนอื่น เร่งคนอื่น จะเอาเดี๋ยวนี้ เคยไหม
    มาร:แฮ่ๆๆๆเคย…พูดเขินๆ
    เรา:ใคร???/
    มาร:เขาเอง
    เรา:เออ….รับซ่ะ อย่าบ่น เอ็งทั้งนั้น เอ็งแสบกว่านี้หว่ะ แรงกว่านี้ เขาผ่อนให้ตั้งเยอะเว้ย
    มาร:เออ..ก็จริงถ้ามาหมดน่าตาย เขาใจดีผ่อนส่งขอบคุณมากแล้วที่ทยอยมาให้รัทีละนิด รับโว้ย
    เรา:555…เออ…รับแล้วสบายใจไหม ตกลงหัวหน้าผิดหรือใคร???
    มาร:แฮ่ๆๆ เขาเอง เขาผิดเอง หัวหน้าก็ของหัวหน้า แต่ส่วนนี้ของเขาเองแหละ555 รับแล้วหมดไป 555สบายใจจัง
    ….ว่าแล้วมารก็จากไปสบายใจจัง ไม่โทษใคร ใจไร้ทุกข์ รับๆๆๆ ….

  8. นปภา รัตนวงศา

    ไม่ได้พบหมอ
    การนอนรพ.ของพ่อครั้งนี้ ได้รับการรักษาที่ไม่เหมือนเดิม เจอหมอคนใหม่ เปลี่ยนยาใหม่หมดให้ยาแก้อักเสบขณะที่นอนรพ.และกลับมาบ้าน หลังกลับมาบ้านกินยาแก้อักเสบต่อ วันที่2 สังเกตุหน้ามีอาการแดง บวม วันที่3 มีผื่นขึ้นเป็นผื่นแดง บวม ชัดมากขึ้นมีหนองเล็กเป็นมากที่หน้า คอ ข้อพับแขน รักแร้ ขาหนีบ เท้า มีอาการคันร่วมด้วย จึงให้หยุดยาแก้อักเสบ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน อาบน้ำ ดีท็อกซ์พาพ่อไปรพ.
    น้องพยาบาลซักประวัติ น้องสาวพาพ่อเข้าพบหมอหมอให้ฉีดยา และกินยาแก้แพ้ และบอกว่า
    ” ดูตามประวัติแล้วยาที่กินมานานแล้ว ไม่เคยแพ้ ไม่เกี่ยวกับยา ให้กินยาต่อ ตอนนี้ให้ฉีดยาก่อน”
    น้องก็พยายามจะอธิบายว่า ยาไม่เหมือนเดิม จะเอายาให้ดู
    หมอบอก”ไม่ต้องดู รู้แล้ว มียาอะไรบ้าง”
    ก็รู้สึกขุ่นๆหมอ อ้าว! การแพ้ยาไม่ใช่เคยกินแล้วแพ้ไม่ได้

    ทุกข์ โทษตัวเองที่ไม่ไปพบหมอกับพ่อ

    สมุทัย ชอบถ้าได้พบหมอ ชังที่ไม่ได้พบหมอ

    นิโรธ จะได้พบหมอหรือไม่ได้พบหมอก็ไม่ชอบไม่ชัง ใจไร้ทุกข์

    มรรค พิจารณาความจริงที่เกิดขึ้นดีที่สุดแล้ว ห้องตรวจให้เข้าคนเดียว น้องสาวเป็นผู้ดูแล ก็สมควรแล้วที่เขาได้เข้าไป เขาทำเต็มที่แล้ว ดีที่สุดแล้ว หมอก็ทำหน้าที่ของท่านแล้ว ถ้าเราเข้าไปอาจจะเกิดวิวาทะก็ได้ เพราะไปค้านแย้งกัน รู้มากกว่าหมอแล้วมารพ.ทำไม
    เราก็เคยทำงานผิดพลาด วินิจฉัยผิดผลาด สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา รับแล้วจะได้หมดไปแล้วจะโชคดีขึ้น มันไม่ดีตรงไหน
    ส่วนพ่อก็ต้องได้รับตามวิบากดีร้ายของท่าน
    ต้องขอบคุณคุณหมอที่กระทุ้งกิเลสตัวนี้ออกมาให้เราได้ล้าง
    ใช้บททบทวนธรรมข้อ 147 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดีที่สุดแล้ว ข้อ 148 ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่มีข้อดี มีข้อดีได้ทั้งหมด มีประโยชน์ได้ทั้งหมด ต้องหาข้อดีหาประโยชน์ให้ได้ในทุกเรื่อง
    หลังพิจารณาใจไร้ทุกข์ ใจยินดี พาพ่อไปพบน้องพยาบาลด้วยใจเบิกบาน…สาธุ

  9. นปภา รัตนวงศา

    ใจไร้ทุกข์
    เนื่องจากพ่อมีผื่นหลังจากกินยา ได้พบหมอแล้ววินิจฉัยว่า ไม่ได้เกิดจากยา ให้กินยาต่อ แก้โดยฉีดยาแก้แพ้
    หลังส่งใบสั่งยาให้น้องพยาบาลที่ซักประวัติ ก็ออกความเห็น ทำไมพี่ไม่เข้าไปพบหมอด้วยตัวเอง จะได้อธิบาย เห็นตรงกันว่าพ่อน่าจะแพ้ยา จะลองคุยกับเภสัชกรดู ลักษณะผื่นที่เกิดขึ้นดีกว่าไหม จึงมีทุกข์ซ้อนอีกตัว ถ้าหมอวินิจฉัยผิดพลาด เพราะถ้าผื่นเกิดจากการแพ้ยา จะอันตรายมาก

    ทุกข์ กังวลกลัวหมอวินิจฉัยผิดพลาด

    สมุทัย ชอบถ้าหมอวินิจฉัยถูกต้อง ชังถ้าหมอวินิจฉัยผิดพลาด

    นิโรธ หมอจะวินิจฉัยถูกหรือผิดก็ไม่ชอบไม่ชัง ใจไร้ทุกข์

    มรรค พิจารณาความจริงตามความเป็นจริง
    เฮ้ย! นั่นมันตัวเราเลย เป็นหมอมาไม่ใช่หรือ รักษาคนมาเยอะแยะไม่ใช่หรือ วินิจฉัยเขาถูกหมดเลยใช่ไหม ไม่ใช่ มีผิดมีพลาด ยังเคยให้ยาฉีดผิดพลาดด้วย ก็ยอมรับผิด ใช้ญาณพระโสดาบัน ข้อ 22 สำนึกผิดยอมรับผิด ขอโทษ เต็มใจรับโทษ ขออโหสิกรรม ตั้งจิตทำความดีให้มากๆ คือลดกิเลสให้มากๆ
    หมอท่านก็ดูข้อมูลตามที่ท่านมีเต็มที่แล้ว ไม่มีใครอยากผิดอยากพลาด แต่ถ้าวิบากกรรมของเรา ของพ่อ ของท่านมาสังเคราะห์กันก็ต้องเป็นแบบที่มันเป็น ซึ่งดีที่สุดแล้ว ณ.เวลานั้นก็เต็มใจรับด้วยใจที่ยินดี พอใจ
    บททบทวนธรรมข้อ 23 ความดีจะติดตามเราเหมือนเงาตามตัว ความชั่วจะติดตามเราเหมือนล้อเกวียนตามรวยเท้าโคฉันนั้น
    น้องพยาบาลให้โอกาสคุยกับน้องเภสัชกร สรุปพ่อแพ้ยาแก้อักเสบ ได้บัตรแพ้ยา และให้หยุดกินยา
    ก็มาตรวจใจซ้ำมีกิเลสซ้อนตัวได้ดั่งใจซ้อนอยู่ไหม ไม่มี

    พ่อฉีดยาแก้แพ้ ตัวเองได้ล้างกิเลสตัวนี้ ต้องขอบคุณหมอที่ช่วยกระทุ้งกิเลสตัวนี้ให้ กลับบ้านด้วยใจไร้ทุกข์ ใจยินดี ใจเบิกบาน…สาธุ

  10. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)

    ชื่อเรื่อง:สติเป็นตัวประคองจิตไม่ให้ผิดศีล เนื้อหา :ช่วงบ่ายหลังเปิดน้ำสปริงเกอร์รดผักเสร็จ แต่ปิดก๊อกน้ำไม่ได้เหมือนมีอะไรขวางอยู่ข้างใน พยายามแก้ไขแล้วแต่ไม่สำเร็จจึงแจ้งอาผู้ชายช่วยไปแก้ไขให้(ท่านกำลังทำงานอยู่)ท่านก็ไม่ได้สนใจ เราจึงกลับไปพยายามแก้ไขอีกรอบทำอยู่นานก็ไม่สำเร็จ มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า เอ้! เราทำผิดศีลอะไรหรือเปล่านะถึงทำให้งานมีปัญหา ใจก็คิดทบทวนไปมา ก็พบว่าเราเคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนคือเวลาเรามีงานที่ทำอยู่และมีคนมาไหว้วานขอให้ช่วยในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าจะยากเกินไปนักเราก็จะทำเฉยๆจนบางครั้งก็ลืมไปเลย ทำให้รู้สึกเข้าใจความรู้สึกของคนที่เราเคยปฏิเสธการช่วยเหลือท่าน ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาจากใจจริงจึงนึกขอขมาท่านนั้นในใจและบอกตัวเองว่าอย่าทำอย่างนั้นกับใครอีก
    ทุกข์:ใจกังวลที่ปิดน้ำไม่ได้ เพราะตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ให้เสร็จจะได้ไปลงฐานงานร่วมกับหมู่ใหญ่ในการทำกสิกรรม
    สมุทัย:ความใจร้อนที่อยากให้งานเสร็จเพื่อที่จะไปให้ทันเพื่อน เป็นวิบากร้ายกั้นไม่ให้งานสำเร็จ
    นิโรธ:วางใจ ลดความใจร้อนลง ใจก็ไม่ทุกข์ไม่วิ่งตามอารมณ์ที่จะให้ได้ดั่งใจอีก ใจก็โล่ง จึงพบทางแก้ปัญหา
    มรรค:ใช้สติพิจารณาช้าๆ จนทำให้รู้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าผ่านไปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่สติจับเวทนาได้ว่าตลอดเวลาที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่คือเราเห็นจิตที่ไม่มีความขุ่นเคืองไม่เพ่งออกไปหาผู้อื่น แต่ย้อนกลับเข้ามาที่ตัวเองก่อนเลย กับคำถามที่เกิดในใจว่าเราทำผิดศีลอะไรหรือเปล่า มันทำให้รู้สึกว่าการมีสติทำให้เราสามารถประคองจิตไม่ให้ผิดศีลไปเพ่งโทษผู้อื่น ทำให้นึกถึงบททบทวนธรรมข้อ3ที่เราท่องอยู่ช่วงเช้าว่า นับหนึ่งที่เรา เริ่มต้นที่เรา ทำความดีที่เรา นี่คือเส้นทางเพื่อการพึ่งตนและช่วยคนให้พ้นทุกข์ เพราะรู้สึกประทับใจและคิดว่านี่คือการปฏิบัติธรรมที่ถูกตรงจริงๆคือเลิกเพ่ง(โทษ)ออกไปหาผู้อื่น แต่กลับมามองที่ตัวเอง เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดๆขึ้น

  11. นายรวม เกตุกลม

    เรื่อง แมงเต่าทอง
    เนื้อหา กำลังทำกสิกรรม ตัดหหญ้า เดินระบบน้ำ และอื่นๆในสวน พอใกล้ถึงรายการ”อริยสัจขจัดมาร”เดินผ่านสวนฟักทอง แตงโม ได้มีแมงเต่าทองกำลังลงกินใบฟักทองบางส่วนอยู่ เกิดความกังวลใจ จึงได้นำน้ำหมักสาบเสือผสมน้ำฉีดพ่น หลังจากนี้ก็ทำใจ เมื่อเราได้ลงมือช่วยแล้วฟักทองจะเสียหายหรือไม่ เราก็ไม่กังวล

    ทุกข์: กังวลใจ

    สมุทัย: ชอบใจ ถ้าแมงเต่าทอง ไม่กินใบฟักทอง ไม่ชอบใจ ถ้าแมงเต่าทอง กินใบฟักทอง

    นิโรธ: แมงเต่าทองจะกินหรือไม่กินใบฟักทอง เราก็ไม่กังวลใจ

    มรรค: ปล่อยวางความยึดมั่ถือมั่น เมื่อเราได้ลงมือช่วยเต็มที่แล้ว จากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามวิบาก ฟักทองจะรอดหรือเสียหาย เราก็จะไม่กังวลใจ ตามบททบทวนธรรมข้อ76 ใจที่ไร้ทุกข์ ใจที่ยินดี ใจที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า งานจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เมื่อเราได้พยายามทำเต็มที่แล้ว เพราะเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง บททบทวนธรรมข้อ36 จงทำดีเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร คือ สุดยอดแห่ง”ความอิ่มเอิม เบิกบาน แจ่มใส” สรุป ได้ลงมือแก้ปัญหาแล้ว ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ ก็ให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของเราและของโลก ส่วนใจเราก็ไม่กังวล พร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยน ตลอดเวลา สาธุ

  12. นางสุมา ไชยช่วย

    เรื่อง ทำไมไม่อ่านการบ้านของเราสักที

    เหตุการณ์ ส่งการบ้านรางานสภาวะธรรม หลายคน อ่านของทุกคน แต่ของเราทำไมไม่อ่านน่ะ ทั้งที่ของเราก็ส่งเรื่องแรกๆเลย

    ทุกข์ น้อยใจทำไมไม่อ่านของเราสักที

    สมุทัย ชอบถ้าอ่านของเรา ชังไม่อ่านของเรา

    นิโรธ จะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค มาร เราส่งก่อนทำไมข้ามของเรา ไปอ่านของคนอื่นก่อนล่ะ
    เรา คนส่งเยอะพี่จิตอาสาท่านอาจตาลาย
    มองไม่เห็นของเรา วันนี้ไม่อ่านพรุ่งนี้อ่านก็ได้ แต่ที่
    แน่ๆฉันอ่านแกออกแล้วว่า แกใจร้อนไง ต้องการให้อ่านของแกไวๆ และอีกตัวหนึ่งคือยึด ว่าจะต้องอ่าน
    ถามหน่อย แกไม่เคยไปแซงคิวใครมาเลยเหรอ
    มาร เคยบ่อยด้วย
    เรา งั้นแกจงรอไปเลย

    ใช้บททบทวนธรรมข้อ8 84
    ล้างความยึดมั่นถือมั่น ของใจได้สำเร็จ คือ ความ
    สำเร็จที่แท้จริง
    ใช้บททบทวนธรรม ข้อ 58
    เย่ๆ ดีใจจัง ไม่ได้ดั่งใจ(วิลูกหมด กิเลสตาย
    ได้กุศล) เย่ๆซวยแน่เรา เอาแต่ใจ วิบากพอก
    งอกอกุศล)
    พิจารณาแล้วใจเบาลง

  13. นางสุมา ไชยช่วย

    เรื่อง ทำไมเสียงดังจัง

    เหตุการณ์ เราก็อยู่ใกล้ๆกัน ห่างกันไม่เกิน 3เมตร
    ตะโกนเรียกเราซะเสียงหลงเลย

    ทุกข์ ไม่พอใจเรียกเสียงดังจัง

    สมุทัย ชอบถ้าเรียกเสียงธรรมดา
    ชังเรียกเสียงดังเกิน

    นิโรธ จะเรียกเสียงเบาหรือเสียงดังก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค มาร เรียกค่อยๆก็ได้ยินแล้ว อยู่ใกล้
    แค่นี้เอง
    เรา เขากลัวเราไม่ได้ยินมั้ง
    มาร หูไม่ได้ตึงซะกะหน่อย
    เรา เออคิดไปในทางที่ดีซิ จะได้ไม่ทุกข์
    แต่แกลองนึกดูน่ะว่า อาการแบบนี้คือแกเลยน่ะ แก
    ชอบแหกปากตะโกน คุยกับคนอื่นโดยที่ยัง เดินไม่ถึงตัวเขาเลยน่ะ แล้วเสียงที่แกตะโกนคุยน่ะ ยังดัง
    กว่าเสียงที่เขาเรียกแกอีกน่ะ ไม่ต้องไปโทษใครเลย
    ทำมาเองทั้งนั้น รับซะๆ วันหลังอย่าทำอีกน่ะ
    เข้าใจไหมล่ะ
    มาร เข้าใจ
    ใช้บททบทวนธรรมข้อ 8
    สิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา
    ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับ โดยที่เราไม่เคยทำมา
    ใช้บททบทวนธรรมข้อ 12
    วิบากกรรมมีจริง ทำอะไร
    ได้ผลอะไร ก็เกิดจากการกระทำ ของเราเองทั้งหมด
    เจอเรื่องดี เพราะทำดีมา เจอเรื่องไม่ดี เพราะทำไม่ดีมา ทั้งในปัจจุบันและอดีค สังเคราะห์กันอย่างละ
    ๑ส่วน
    พิจารณาแล้วใจเบาลง

  14. จิราวรรณ ดาโรจน์

    เรื่องย่อ : ในการทำข้อสอบวบบบ.ลานาอโศก+วิชชาราม วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 เราไม่ได้ทำเต็มที่จากหลายสาเหตุ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จึงพิจารณาหาตัวกิเลสและวิบากที่ได้รับ พอจับตัวกิเลสได้และจัดการได้แล้ว ตั้งใจแก้ไขความผิดพลาดและพยายามทำให้ดีเท่าที่ทำได้เพื่อทำข้อสอบงาน
    พุทธาภิเสกครั้งที่ 45 ให้ดีที่สุดแบบไม่ยึดมั่นถือมั่น

    ทุกข์ : ไม่สบายใจที่ไม่ตั้งใจทำข้อสอบ

    สมุทัย : ไม่อยากเป็นคนทำบาปอกุศลที่ไม่ตั้งใจทำข้อสอบ

    นิโรธ : ยินดีได้ แม้รู้ว่าพลาดทำสิ่งที่ไม่ดี

    มรรค : วันที่ 14 ก.พ. 2564 ขณะทำข้อสอบไปสักพัก ลูกชายเข้ามาในห้อง แล้วเขาก็เปิดทีวีซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่ทำทำงาน(ที่เรานั่งทำข้อสอบ)แค่ไม่ถึงหนึ่งเมตร ช่วงนั้นทำข้อสอบของลานนาอโศกเสร็จแล้วและกำลังเริ่มทำข้อสอบวิชชารามของอาจารย์หมอเขียวพอดี เราเริ่มอาการมึนๆ อ่านโจทย์บางข้อแล้วไม่เข้าใจทั้งที่บางข้อมันง่ายมากสำหรับเราถ้าในภาวะปกติจะตอบได้สบาย เมื่อรู้สึกตื้อๆก็รีบๆเขียนตอบให้เสร็จๆไป ขาดความตั้งใจและไม่ได้ทบทวนหาสาเหตุของอาการในขณะนั้น และได้รีบส่งไปทั้งๆที่เวลายังเหลืออีกพอสมควร
    หลังจากได้ฟังอาจารย์เทศน์ว่าคนที่ไม่ตั้งใจทำข้อสอบมันชั่วขนาดไหน เราสำนึกผิดทันที ไม่สบายใจกับเหตการณ์นี้ แล้วมาทบทวนเหตุการณ์ต่างๆทั้งก่อนทำข้อสอบและขณะกำลังทำข้อสอบเพื่อหาตัวกิเลสมากำจัด
    – อาการมึนติ๊บฉับพลัน มันมาจากวิบากอะไรนะ สิ่งแรกที่นึกได้ คือนอนไม่พอ แต่แค่นี้มันไม่น่าทำให้มึนขนาดนี้ เจอแล้ว ไปเสพของอร่อยมา วันก่อนสอบไปกินขนมหลายชิ้น เห็นไหมล่ะ คิดว่าผิดศีลกินขนมแค่นี้ไม่เป็นไร ทำให้เสียหายไม่สามารถจะทำกุศลได้เต็มที่แล้วยังเกิดแรงเหนี่ยวนำอย่างอื่นอีกมากมาย ชั่วจริงๆ ยัง ยังมีตัวชั่วร้ายกว่านั้น
    – คิดว่าตัวเองวางใจได้ว่าเรื่องคะแนนเป็นสมมุติโลก ไม่ต้องยึด ไม่ห่วงโลกธรรมว่าคะคะแนนน้อย แล้วมีกิเลสซ้อนเข้ามาคือ การดูถูกการสอบและไม่ตั้งใจทำให้ดีที่สุด และยังดูถูกเพื่อนบางคนอีกว่า จะกังวลทำไมคะแนนมันแค่สมมุติโลก นี่แหละกิเลสตัวใหญ่ที่ซ้อนมาเล่นงานเรา ขอโทษขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ทำไม่ดีนั้น ตั้งจิตใหม่จะตั้งใจและเตรียมตัวสอบในครั้งต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น
    – ส่วนเรื่องลูกมาเปิดทีวี ก็มีส่วนทำให้รบกวนสมาธิบ้าง แต่ไม่มีความชังเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะความเคยชินที่เรานั่งทำงานไปขณะที่ลูกก็เปิดทีวีไป บางทีก็มีสลับคุยกันเล็กน้อย แต่นี่มันเป็นงานที่จำกัดเวลา และการใช้พลังที่มากกว่าปกติ เราจึงคิดว่าครั้งหน้าถ้ามีการสอบ จะบอกให้ลูกทราบและขอเวลานี้ไม่ให้มารบกวน

    เมื่อจะมีการสอบงานพุทธาฯ ครั้งนี้เรามีการเตรียมตัวตามสมควร เข้านอนเร็ว ตัดรอบกิจกรรมอื่น ไม่กินขนมมาก ลูกไม่อยู่บ้านคืนก่อนสอบพอดี ทำให้การนอนและการตื่นเป็นไปได้ดี พอเริ่มทำข้อสอบปรนัยช่วงแรกเริ่มรู้สึกสมองไม่โปร่ง จึงหยุดพิจารณาว่ามีกิเลสอะไรกวน ยึดอะไรอีก เจอแล้ว ยึดว่าต้องตั้งใจทำ จึงบอกกิเลสว่า จะยึดไปทำไม ยึดให้ทุกข์เหรอ พอกิเลสไปแล้ว ทำข้อสอบต่อไปจนเสร็จ มีบางข้อที่ทำไม่ทันก็สบายใจได้

  15. ศิริพร คำวงษ์ศรี

    ชื่อเรื่อง : พรายกระซิบ?

    เจอผัสสะทางกลุ่มไลน์ ไปเห็น “ข้อความสั้นๆ” ของเพื่อนที่ส่งมาให้อีกท่านหนึ่ง ชังที่เพื่อนพูดเยินยอเพื่อนอีกท่าน เหมือนมีเสียงกระซิบในจิตว่า เห้ย เพื่อนคนนี้เขาเปรียบเทียบเรากับเพื่อนอีกท่าน ว่าเราทำดีเอาหน้าหรือ? ทำไมถึงเยินยอกันเว่อร์ขนาดนี้ ทำดีได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีใครเห็นก็ได้นะ!

    ทุกข์ คือ ชังข้อความที่เพื่อนในกลุ่มส่งมา รู้สึกเหมือนเขาเปรียบเทียบกับตัวเรา
    สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) คือ ไม่อยากให้เพื่อนส่งข้อความที่ไม่ได้ดั่งใจเรา ไม่ชอบที่เพื่อนใชคำพูดเยินยอเว่อร์
    นิโรธ (สภาพดับทุกข์) คือ ยินดีที่เพื่อนส่งข้อความชื่นชมผู้อื่น พอใจไม่ว่าเพื่อนจะพูดสิ่งใด ไร้กังวลไม่ชอบไม่ชังในข้อความของเพื่อนคนนี้ เบา สบายใจ ยอมรับตามคำของข้อความอย่างแท้จริง ตามความเป็นจริง
    มรรค (ทางเดินสู่ความพ้นทุกข์) คือ พิจารณาว่าเป็นลีลาของเราเอง ที่บางครั้งมีเจตนาที่ยังมีกิเลสอยู่ วิบากที่หลายครั้งเราเองก็ชอบใช้คำพูดหรือข้อความชมผู้อื่นจนมากเกินไป เพื่อหวังบางอย่าง จึงเจอผัสสะแบบนี้ เราเองลึกๆก็ยังต้องการมีตัวมีตนอยู่ จึงเอาตนเองไปเปรียบเทียบแบบคนมีปม ใช้หลักของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ โดยการอ่านข้อความใหม่ช้าๆอีกครั้ง แยกคำทีประโยคเป็นส่วนๆ และถามตนเองว่า “อ้าว แล้วไม่เป็นเรื่องที่ดีหรือ? ในการชื่นชมคนอื่น? และที่เพื่อส่งข้อความมีสิ่งใดที่ไม่ดี และผิดตรงไหน มีเหตุผลใดที่ต้องชัง?” ตอบ “ไม่มีอะไรต้องชังในข้อความดีๆเลย” ถามตนเองต่อว่า “แล้วทำต้องชังข้อความนี้ของเพื่อนด้วยล่ะ?” ตอบ “จิตปรุงแต่งไง จิตที่ปรุงไปยึดเพ่งโทษว่า เพื่อนท่านนี้ติดงานเกินไป ยึดความสำเร็จมากเกินไปไง พอใจมีอคติ ก็ทำให้ปรุงแต่งทุกอย่างเกี่ยวกับเพื่อนท่านนี้ แม้แต่ข้อความดีๆ ก็ยังคิดชั่ว ชังเขาได้ นี่หรือผู้ที่ปฏิบัติธรรม มีจิตพุทธะเป็นแบบนี้หรือ ชังไปทั่ว โง่แท้ จะเชื่อพรายกิเลสกระซิบข้างหูจริงหรือ ” เท่านั้นใจก็โล่งสบาย ครั้งหน้าเจออีก ก็สู้ใหม่ แม้เป็นเรื่องเดิม….

  16. จรัญ บุญมี (เพชรแผ่นดิน)

    เรื่อง กู้วิกฤตวิบากซัดด้วยอริยสัจ 4
    บำเพ็ญงาน ฐานเครื่องจักรกล หน้าที่ขับรถสิบล้อ ทำถนน บรรทุกดินเต็มคันขับลีกกองดินถนนติดคลองพอดี ดินข้างถนนยึดรถตกลงไปหายท้องอยู่ในลำคลอง สภาวะขณะรถเอียง

    @ทุกข์ กังวลรถพลิกคว่ำแน่แล้ว มันจะหนักขนาดไหน รถคันหวงเขานะนี่ห่วงใจเจ้าของรถ รถเหวี่ยงแรงขึ้นตอนนี้คิดถึงตัวเองเราจะปลอดภัยได้อย่างไร

    @สมุทัย ไม่อยากให้เกิดเหตุร้าย อยากปลอดภัย

    @นิโรธ. ตั้งสติอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่ทุกข์ไม่ตกใจ หาจุดที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ทำได้

    @มรรค เราทำดีที่สุดแล้วทุกอย่างเกิดตามวิบากดีร้าย วิบากร้ายแค่ไหนที่ว่าแน่ ก็แพ้วิบากดี เราใจไร้ทุกข์ทำสิ่งดีงามในแดนบุญจะกลัวอะไร มีสติทำดีที่สุดณปัจจุบันแล้ววางใจ ช่องกระจกตัานคนขับออกไปรถทับตายแน่ ตกใจอยู่แต่มีสติ พลิกตัวไม่ให้หัวกระแทก รถนิ่งเสียงเครื่องรถยังดังถ้าปล่อยรถดับเองเครื่องจะพัง รีบควานหาแจดับรถได้ทัน คลานออกทางช่องกระจกเดิม หนังกำพร้าถลอกนิดเดียว วอคู่ใจแจ้งเหตุ อาจารย์และพี่น้องมาช่วย คนและรถปลอดภัยดี เหตุการณ์เกิดนี้ก็เกินคุ้มจริงๆได้เจอตัวกลัวหวั่นไหวกิเลสที่นอนนิ่งอยู่ ได้โอกาสชำระล้าง หลายตัวก็รู้สึกโล่งโล่งสบายขึ้นเยอะเลย

  17. จิตรา พรหมโคตร

    เรื่อง:อยากให้พ่อบ้านเข้าใจธรรมะ

    เนื้อเรื่อง:เมื่อเวลา 3 ทุ่มครึ่ง ลงมาจากเรียนบททบทวนธรรม เห็นพ่อบ้านกำลังนั่งกินข้าวดูสีหน้า เคร่งขรึม ทุกครั้งลงมาข้าพเจ้าจะทักทายพูดคุย วันนี้ประมาณว่า”นิ่งซะดีกว่า” สักพักพ่อบ้านก็พูดว่า”ธรรมะเป็นใหญ่” เมื่อได้ยินรู้ว่าเป็นคำประชดว่าให้ รู้สึกไม่สบายใจ อยากให้พ่อบ้านเข้าใจธรรมะเหมือนที่เราเข้าใจน่าจะดี

    ทุกข์:รู้สึกไม่สบายใจเมื่อพ่อบ้านไม่เข้าใจธรรมะ

    สมุทัย:อยากให้พ่อบ้านเข้าใจธรรมะ ชอบถ้าพ่อบ้านเข้าใจธรรมะแล้วจะสุขใจ ชังถ้าพ่อบ้านไม่เข้าใจธรรมะก็ทุกข์ใจ

    นิโรธ:พ่อบ้านจะเข้าใจธรรมะหรือไม่เข้าใจธรรมะก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค:ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นที่อยากให้พ่อบ้านเข้าใจธรรมะโดยใช้บททบทวนธรรมข้อที่14 ว่า ไม่มีชีวิตใดหนีพ้นอำนาจแห่งกรรมไปได้ ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว ที่พ่อบ้านยังไม่เข้าใจธรรมะก็เพราะเป็นวิบากกรรมของเขา อย่าไปอยากช่วยเขาเลย ตัวเองก็ยังมีกาม อัตตาอยู่มาก ปฏิบัติ ลด ละ เลิก ยังไม่ได้เลย การจะช่วยเขาได้ก็คือปฏิบัติที่ตัวของเราเองก่อนเท่าที่ทำได้ตามลำดับฐานจิตในแต่ละเรื่อง เมื่อคิดได้ใจก็รู้สึกโล่ง โปร่งสบาย มีความเบิกบานเข้าใจความจริงเรื่องกรรมค่อยๆผ่อยคลายปล่อยวางความยึดมั่นที่อยากจะให้พ่อบ้านเข้าใจธรรมะ ตอนนี้อยู่กับพ่อบ้านเมื่อเห็นเขาก็ไม่รู้สึกชังสิ่งใดช่วยได้ก็ช่วยมีความเมตตาเขามากยิ่งขึ้น ผลของใจที่สบาย ไร้ทุกข์ เป็นพลังแรงเหนี่ยวนำให้เห็นเป็นรูปธรรมคือ พ่อบ้านเปลี่ยนไปพฤติกรรมเคยก้าวร้าว ต่อว่า กลับนิ่ง สงบ แล้วมาเล่าธรรมะเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่ไปกระทบผัสสะกับผู้อื่นว่าเป็นกิเลส

    1. สาวิตรี มโนวรณ์

      2 มีนาคม 2564
      ชื่อ นางสาวิตรี มโนวรณ์
      ผู้บำเพ็ญคบคุ้น สวนป่านาบุญ 2

      เรื่อง กลัวเขาว่าเราเป็นคนไม่ดี

      เรื่องเกิดจากได้ส่งตัวอย่างการบ้าน เรื่อง “ไม่ชอบที่คนมาขอความช่วยเหลือ” ของเราไปให้น้องที่ทำงานคนหนึ่ง ซึ่งมักจะมาพูดคุยเรื่องใจที่คิดไม่ดีกับคนอื่นให้เราฟังอยู่เสมอ ๆ ก็จะตอบน้องเขาไปทุกครั้งว่า “พี่ก็เป็น” ซึ่งเนื้อหาของเรื่องที่ส่งไปก็สาธยายความชั่วของตัวเองล้วน ๆ
      เห็นข้อความ “อ่านแล้ว” ในไลน์ แต่ไม่เห็นน้องเขาส่งข้อความอะไรกลับมา

      มารมัน กลัว กังวลว่าน้องเขาได้อ่านเรื่องของเราแล้ว เขาคงจะเสียความรู้สึกนะว่าเราคิดชั่วเหมือนกัน

      ทุกข์ กลัวเขาว่าเราเป็นคนไม่ดี

      สมุทัย ชอบ ถ้าเขาคิดว่าเราดี ชัง ถ้าเขาคิดว่าเราชั่ว

      นิโรธ เขาจะคิดว่าเราดีหรือชั่ว ก็ไม่ชอบไม่ชัง

      มรรค : เมื่อเห็นว่ามารมันกังวลใจ ได้บอกมารไปว่า
      – อย่าทายใจคนอื่น น้องเขาอาจมีงานยุ่งจึงไม่ตอบไลน์ หรือน้องเขาอาจแค่เปิดผ่านไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ
      – แต่ถ้าเขาเป็นอย่างที่มารกลัวกังวล ก็ไม่เป็นไรนี่ ก็เรามันชั่วจริงๆ กล้าทำ กล้ารับ ถ้าตัวเองชั่ว แต่จะให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดี นั่นแหละชั่วซ้ำชั่วซ้อน ผิดศีลโกหก
      – เราได้พลาดทำชั่วไปแล้ว แต่ตอนนี้เราฝึกล้างใจ เรากำลังพัฒนาตัวเอง ชีวิตพยายามลดชั่ว และเพิ่มดี ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

      พิจารณาอย่างนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจ ไร้กังวล

      บททบทวนธรรมที่นำมาใช้
      ข้อ 37 ปัญหาทุกอย่างในโลก เกิดจาก คน…โง่…กว่ากิเลส

  18. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    4/03/64
    ชื่อ นางสำรวม แก้วแกมจันทร์
    ชื่อเล่น “ป้ารวม”
    ชื่อทางธรรม “ร้อยแสงศีล”
    จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2

    เรื่อง “หยุดปลูกผักเพิ่ม”

    เหตุการณ์

    ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม-ถึงต้นเดือนมีนาคม ฝนทิ้งช่วงติดต่อกันนาน อากาศร้อนขึ้นตามลำดับ แต่ได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ผักไว้หลายชนิด ส่วนมากเป็นผักอายุสั้น จึงอยากปลูกผักเพิ่ม แต่ไม่ได้ปลูกผักเพิ่ม มีเหตุผล เพราะว่า 1) ผักอายุยืนที่ปลูกไว้หลากหลาย มีมากพอ ไม่เดือนร้อน สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดปี 2) ปลูกผักหน้าแล้ง มีน้ำน้อย ต้องรดน้ำดูแลอย่างดี ผักจะเสียหายมากกว่าได้ 3) ไม่มีเวลาดูแล ต้องไปบำเพ็ญนอกพื้นที่บ่อย
    แม้ว่า อยากปลูกผักเพิ่ม จึงต้องหยุดไว้ก่อน

    ทุกข์ : อยากปลูกผักเพิ่ม ไม่ได้ดั่งใจ

    สมุทัย : ถ้าได้ปลูกผักเพิ่ม จะพอใจ สุขใจ แต่ไม่ได้ปลูกผักเพิ่ม ไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจ ทุกข์ใจ

    นิโรธ : ผักที่ปลูกไว้ มีอยู่มากพอแล้ว จะปลูกเพิ่ม หรือไม่ปลูกเพิ่ม ก็สบายใจ ไม่ทุกข์ใจ ได้แล้ว

    มรรค : พิจารณาในใจลึกๆ เป็นการทำใจในใจ คือ โยนิโสมนสิการ ถามตัวเองว่า แล้วจะทุกข์ใจไปทำไม? ผักที่ปลูกไว้มีมากพอแล้ว เป็นผักอายุยืน มีพอกิน พอใช้ ทุกข์อะไรอีกล่ะ?

    ออ! ทุกข์ เพราะอยากปลูกผักเพิ่ม อยากมีผักมากๆ อยากได้ดั่งใจ เพราะสะสมเมล็ดพันธุ์ผักไว้หลายชนิด อยากเกินไป เกินความพอดี อากาศร้อน น้ำมีน้อย โง่..ชั่ว..ใช่มั้ย?

    คิดแล้วทุกข์ คิดทำไม? “คิดแล้วโง่ คิดทำไม” ? “ยึดเท่าที่โง่ โง่เท่าที่ยึด” ตรงกับบท ททธ. ที่ 87
    “อยาก” คือ กิเลส มันเป็นตัวมารร้าย ต้องลดกิเลสให้ได้ จึงจะฉลาดและสุข ททธ. ที่ 88

    ความอยากลดลง ไม่ปลูกผักเพิ่มแล้ว ไม่คาใจ โล่ง เบา สบาย ได้จริง

    1. สาวิตรี มโนวรณ์

      4 มีนาคม 2564
      ชื่อ นางสาวิตรี มโนวรณ์
      ผู้บำเพ็ญคบคุ้น สวนป่านาบุญ 2

      เรื่อง กลัวเขาว่าเราเป็นคนไม่ดี

      เรื่องเกิดจากได้ส่งตัวอย่างการบ้าน เรื่อง “ไม่ชอบที่คนมาขอความช่วยเหลือ” ของเราไปให้น้องที่ทำงานคนหนึ่ง ซึ่งมักจะมาพูดคุยเรื่องใจที่คิดไม่ดีกับคนอื่นให้เราฟังอยู่เสมอ ๆ ก็จะตอบน้องเขาไปทุกครั้งว่า “พี่ก็เป็น” ซึ่งเนื้อหาของเรื่องที่ส่งไปก็สาธยายความชั่วของตัวเองล้วน ๆ
      เห็นข้อความ “อ่านแล้ว” ในไลน์ แต่ไม่เห็นน้องเขาส่งข้อความอะไรกลับมา

      มารมัน กลัว กังวลว่าน้องเขาได้อ่านเรื่องของเราแล้ว เขาคงจะเสียความรู้สึกนะว่าเราคิดชั่วเหมือนกัน

      ทุกข์ กลัวเขาว่าเราเป็นคนไม่ดี

      สมุทัย ชอบ ถ้าเขาคิดว่าเราดี ชัง ถ้าเขาคิดว่าเราชั่ว

      นิโรธ เขาจะคิดว่าเราดีหรือชั่ว ก็ไม่ชอบไม่ชัง

      มรรค : เมื่อเห็นว่ามารมันกังวลใจ ได้บอกมารไปว่า
      – อย่าทายใจคนอื่น น้องเขาอาจมีงานยุ่งจึงไม่ตอบไลน์ หรือน้องเขาอาจแค่เปิดผ่านไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ
      – แต่ถ้าเขาเป็นอย่างที่มารกลัวกังวล ก็ไม่เป็นไรนี่ ก็เรามันชั่วจริงๆ กล้าทำ กล้ารับ ถ้าตัวเองชั่ว แต่จะให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดี นั่นแหละชั่วซ้ำชั่วซ้อน ผิดศีลโกหก
      – เราได้พลาดทำชั่วไปแล้ว แต่ตอนนี้เราฝึกล้างใจ เรากำลังพัฒนาตัวเอง ชีวิตพยายามลดชั่ว และเพิ่มดี ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

      พิจารณาอย่างนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจ ไร้กังวล

      บททบทวนธรรมที่นำมาใช้
      ข้อ 37 ปัญหาทุกอย่างในโลก เกิดจาก คน…โง่…กว่ากิเลส

  19. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    4/03/64
    ชื่อ นางสำรวม แก้วแกมจันทร์
    ชื่อเล่น “ป้ารวม”
    ชื่อทางธรรม “ร้อยแสงศีล”
    จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2

    เรื่อง “หยุดปลูกผักเพิ่ม”

    เหตุการณ์

    ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม-ถึงต้นเดือนมีนาคม ฝนทิ้งช่วงติดต่อกันนาน อากาศร้อนขึ้นตามลำดับ แต่ได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ผักไว้หลายชนิด ส่วนมากเป็นผักอายุสั้น จึงอยากปลูกผักเพิ่ม แต่ไม่ได้ปลูกผักเพิ่ม มีเหตุผล เพราะว่า 1) ผักอายุยืนที่ปลูกไว้หลากหลาย มีมากพอ ไม่เดือนร้อน สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดปี 2) ปลูกผักหน้าแล้ง มีน้ำน้อย ต้องรดน้ำดูแลอย่างดี ผักจะเสียหายมากกว่าได้ 3) ไม่มีเวลาดูแล ต้องไปบำเพ็ญนอกพื้นที่บ่อย
    แม้ว่า อยากปลูกผักเพิ่ม จึงต้องหยุดไว้ก่อน

    ทุกข์ : อยากปลูกผักเพิ่ม ไม่ได้ดั่งใจ

    สมุทัย : ถ้าได้ปลูกผักเพิ่ม จะพอใจ สุขใจ แต่ไม่ได้ปลูกผักเพิ่ม ไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจ ทุกข์ใจ

    นิโรธ : ผักปลูกไว้ มีอยู่มากพอแล้ว จะปลูกเพิ่ม หรือไม่ปลูกเพิ่ม ก็สบายใจ ไม่ทุกข์ใจ ได้แล้ว

    มรรค : พิจารณาในใจลึกๆ เป็นการทำใจในใจ คือ โยนิโสมนสิการ ถามตัวเองว่า แล้วจะทุกข์ใจไปทำไม? ผักที่ปลูกไว้มีมากพอแล้ว เป็นผักอายุยืน มีพอกิน พอใช้ ทุกข์อะไรอีกล่ะ?

    ออ! ทุกข์ เพราะอยากปลูกผักเพิ่ม อยากมีผักมากๆ อยากได้ดั่งใจ เพราะสะสมเมล็ดพันธุ์ผักไว้หลายชนิด อยากเกินไป เกินความพอดี อากาศร้อน น้ำมีน้อย โง่..ชั่ว..ใช่มั้ย?

    คิดแล้วทุกข์ คิดทำไม? “คิดแล้วโง่ คิดทำไม” ? “ยึดเท่าที่โง่ โง่เท่าที่ยึด” ตรงกับบท ททธ. ที่ 87
    “อยาก” คือ กิเลส เป็นตัวมารร้าย ต้องลดกิเลสให้ได้ จึงจะฉลาดและสุข ททธ. ที่ 88

    ความอยากลดลง ไม่ปลูกผักเพิ่มแล้ว ไม่คาใจ โล่งได้จริง เบา สบาย

  20. น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้าน้อมศีล)

    ส่งการบ้าน อริยสัจ
    เรื่อง. ซ่อมหลังคา
    เหตุการณ์ . เนื่องจากที่บ้านจะมีพายุลมพัดแรงทุกปี ลมแรงพัดจนกระเบื้องหลังคาเสียหายไปหลายแผ่นจึงหาช่างมาซ่อม ช่างบอกว่าขาดตะปูให้เราไปซื้อให้หน่อยเพราะช่างขึ้นไปอยู่บนหลังคาแล้ว เราจึงไป(คนเดียว)ซื้อกลับมาถึงบ้านช่างบอกว่าไม่ใช่แบบนี้ให้ไปเปลี่ยน ครั้งแรกก็ยินดีกลับไปเปลี่ยน ขับรถไปเปลี่ยนกลับมาช่างบอกว่า ไม่ใช่จำนวนเท่านี้ให้ไปซื้อมาเพิ่ม
    ณ.ตอนนั้นกิเลสเริ่มทำงานรู้สึกขุ่นใจมาก กิเลสมันอ้างเลยนะว่า ไปนะมันไกลนะคนละหมู่บ้านเลยนะ เราก็ฟังชัดเจนดีค่ะแล้วนี่ทำไมผิดอีกละ มันไม่อยากกลับไปเปลี่ยนอีกนะค่ะ
    ทุกข์ . รู้สึกขุ่นใจที่ซื้อของมาผิดแล้วต้องกลับไปเปลี่ยนหลายรอบ
    สมุทัย.ชอบที่ว่าซื้อของมนถูกต้องโดยไม่ต้องกลับไปเปลี่ยนใหม่ชังที่ต้องกลับไปเปลี่ยนใหม่หลายรอบ
    นิโรธ.วางใจจะต้องกลับไปเปลี่ยนใหม่หลายรอบก็ไม่ชอบไม่ชัง
    มรรค. พิจารณาไตรลักษณ์ แล้วมาอ่านเวทนาความรู้สึก ขณะขับรถกลับไปเปลี่ยนก็ได้มาทบทวนกับตัวเองแล้วเราจะขุ่นใจไปทำไม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีที่สุดแล้ว ทำให้เราได้เห็นกิเลสที่มันนอนเนื่องอยู่ถ้าไม่มีเหตุการณ์หรือแค่ให้ไปซื้อของแล้วได้ของมาอย่างถูกต้องก็ไม่ได้เห็นกิเลส ไม่ได้เห็นทุกข์ ไม่ได้ใช้วิบากกรรม โชคดีแล้วที่มีเหตุการ์มาพิจารณาตัวเอง
    สรุปว่า เมื่อมาพิจารณาไปเรื่อยๆใจก็โล่งค่ะ

  21. นางพรรณทิวา เกตุกลม

    เรื่อง ทำได้ลงคอ
    เมื่อเข้าสวนภาพที่เห็นชินตาคือ ผัก ผลไม้ต่างๆถูกตัด ถูกหัก ถูกสอยเป็นประจำโดยเฉพาะกล้วยตัดเอาแต่เครือทิ้งต้นคาไว้ ยิ่งเดินยิ่งเห็นมาร

    ทุกข์ : ปวดใจ ที่เห็นต้นไม้ถูกต้นกล้วยทับ

    สมุทัย : ชอบ ถ้าเห็นต้นไม้ไม่ถูกต้นกล้วยทับ ชัง ที่เห็นต้นกล้วยทับต้นไม้

    นิโรธ : ต้นไม้จะถูกต้นกล้วยทับหรือไม่ ก็สุขใจ ไม่ชอบ ไม่ชัง

    มรรค : มารมากระซิบบอกให้โกรธหลายครั้งยังไม่เชื่อมาร พอเห็นต้นไม้ถูกต้นกล้วยทับ แค่นั้นจับมือกับมารทันที จนได้สติรู้ตัวว่าหลงเชื่อมารแล้ว รีบจับมารพร้อมทั้งคุยกับมารว่า ไม่ต้องมายุหรอก ไม่ฟัง มารบอกว่าฟังก่อน ดูสิเอาไปแล้วทำของเสียหายแบบนี้ไม่ดีเลย แถมทำผิดศีลข้อ 2 จะมีวิบากร้ายด้วย มารมีเหตุผลอ้างให้เชื่อตาม แต่รู้แล้วจึงชวนมารอ่านบททบทวนธรรมข้อที่ 21 ที่ว่า”การได้พบกับเหตุการณ์ ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส คือ ความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา”
    เมื่อพิจารณาแล้วจึงบอกมารว่า เป็นการดีที่เขามาทำแบบนี้เราจะรู้ว่า ยังหลงชิงชังรังเกียจไหม ทำให้เห็นกิเลสตัวยึดมั่นถือมั่นของเรา ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลสอีก ที่สำคัญเขามาทำให้เราได้ล้างวิบากร้ายที่เคยทำมา ในที่สุดมารอายรีบออกไป ใจเรากลับมาเบิกบาน แจ่มใส
    สรุป : พอเราจับมารได้และไม่เชื่อมารหันมาพิจารณาด้วยบททบทวนธรรมจนมารออกไป ใจก็เบิกบาน แจ่มใส

  22. Sriprasom Sirikanya (สื่อสารศีล)

    เรื่อง: อุปสรรคของงานคือกำไรของชีวิต

    สองเดือนที่ผ่านมา มีงานแก้ไขของ website morkeaw.net ซึ่งได้รับมาบำเพ็ญพร้อมจิตอาสาอีกท่านหนึ่ง เป็นงานที่ปรับปรุงหลังจากร่วมมือกันทำงานมาประมาณหนึ่งปี และได้รับข้อมูลที่จิตอาสาท่านอื่นได้ให้มา เช่น รูปแบบการออกแบบ การจัดวางข้อมูลที่เป็นมิตรต่อผู้เข้ามาใช้งานให้ง่ายขึ้น และเพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้มากขึ้น ซึ่งตอนแรก ไม่สามารถประสานงานเพื่อนำข้อมูลมาใช้งานได้กับทีมงานที่รับผิดชอบโดยตรง หลังจากมีการประชุมงานหลายครั้ง ทำให้ผ่านอุปสรรคเรื่องข้อมูลได้ หลังจากวางแผนงานปรับปรุงเรียบร้อย จึงมาดำเนินงาน ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่างานที่จะทำ ยิ่งทำยิ่งเยอะ ปัญหาเกิดขึ้นมาทางด้านเทคนิค ทางด้านผู้ที่ไปขอความช่วยเหลือ

    ทุกข์: เกิดขึ้นทางใจ คือเกิดความไม่เข้าใจกับผู้ที่ไปประสานงานด้วย รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความร่วมมือเพราะจิตอาสาท่านที่มาบำเพ็ญด้วยมีเวลาที่จำกัด และท่านก็พยายามเต็มที่ ที่จะทำงานให้เสร็จทันก่อนที่เวลาที่จะไม่อำนวย ตัวเองจึงพยายามร่วมมือกับท่านและประสานงานเพื่อหาคำตอบและทางแก้ไขให้งานสำเร็จลุล่วง แต่เหมือนมันไม่ได้รับคำตอบ ไม่ได้รับความร่วมมือ เกิดอาการงง ๆ เพราะรู้สึกว่า เรื่องที่ขอความช่วยเหลือ คือคำถามของปัญหา ความช่วยเหลือ คือ ก็ตอบมาตรง ๆ อะไรคือต้นเหตุของปัญหา ช่วยได้หรือไม่ได้ ตัวเองรู้สึกไม่ได้ต้องมีความซับซ้อนอะไร ทำไมมันดูแห้งแล้ง ไม่เมตตากันเลย ไม่ได้คำตอบ ปัญหาเดิมก็ยังอยู่ มีปัญหาทางใจเพิ่มขึ้นมาอีก มีความคิดเพ่งโทษที่ปกติไม่ค่อยจะใส่ใจไปมีอคติกับใคร

    สมุทัย: คาดหวังจะทำงานให้สำเร็จดั่งใจหมาย โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ อยากที่จะให้ได้ดั่งใจ ทุกข์เพราะให้ความสำเร็จของงานเป็นความสำเร็จของใจ ไม่ได้พิจารณาเหลี่ยมมุมของกิเลสที่ครอบงำและแฝงเข้ามาเงียบ ๆ ให้อำนาจกับกิเลส โดยโทษผู้อื่น โทษเหตุการณ์ โทษหลายสิ่ง แต่กว่าจะรู้เท่าทัน ว่าเป็นสิ่งที่เราทำมา ก็ทุกข์ไปเสียแล้ว โดนกิเลสกิน เสียรู้มันไปเต็ม ๆ
    นิโรธ: หยุดคิดตามกิเลส และได้พิจารณาความทุกขร้อนในใจ ส่องเข้าไปดูความไม่ได้ดั่งใจว่าจริง ๆ ต้องการอะไรกันแน่จากเหตุการณ์นี้ ในเมื่อเราเสนอดีแล้ว เพราะเหตุอะไรที่ยังสลายอัตตาไม่ได้ มองเห็นความยึดมั่นถือมั่น ต้องให้ได้ทุกอย่างดั่งใจหมาย พอเห็นได้อย่างนี้ ก็ดับทุกข์ใจได้ทันที

    นิโรธ: เห็นประโยชน์ในการเข้าร่วมอปริหานิยธรรมกับหมู่มิตรดี ร่าเริงในธรรม เบาใจ วางใจ เห็นประโยชน์ของอุปสรรคในการทำงานครั้งนี้ ว่าเป็นรางวัล กำไรและของขวัญของผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริง บางที นั่ง ๆ ทำงาน สัญญาเรื่องนี้เกิดขึ้น ก็ยิ้มเองขึ้นมา จนพ่อบ้านทักขึ้นมาว่า เป็นอะไร อยู่ ๆ ก็ยิ้ม

    มรรค: ไม่ประมาทกับกิเลส ต้องแววไวและทันต่อกิเลส ทันต่อความคิดที่โดนหลอกล่อ ไม่หลงกับโลก ไม่หลงกับการงานที่ทำ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่ให้รายได้ หรือ งานอาสา และหาโอกาสเข้าร่วมอปริหานิยธรรมกับหมู่มิตรดีเนือง ๆ พยายามตั้งใจที่จะส่งการบ้านเพื่อเป็นการทบทวนธรรม ทบทวนตัวเองให้ได้ทุกอาทิตย์

  23. นปภา รัตนวงศา

    คะแนนน้อยฆ่ากิเลส
    สืบเนื่องจากได้ร่วมสอบงานพุทธา 64 โดยสอบร่วมจากทางบ้าน การสอบครั้งนี้ ต่างจากครั้งแรกมาก ทำข้อสอบด้วยใจเย็น ไม่วุ่นวาย ไม่คิดโกงข้อสอบ ข้อไหนทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็วาง ตอบตามสภาวะจริงๆ
    ได้เข้าร่วมเฉลยข้อสอบจาก 50ข้อ ได้ 38 ข้อก็พอใจทำดีที่สุดแล้ว
    แต่พอผลสอบที่สรุปของส่วนรวมได้ 30 ข้อ ใจเริ่มขุ่นๆ ทำไมได้น้อยลง

    ทุกข์ คะแนนน้อย

    สมุทัย ชอบคะแนนมาก ชังคะแนนน้อย

    นิโรธ จะได้คะแนนมากหรือน้อยก็ไม่ชอบไม่ชัง

    มรรค มาพิจารณาความจริง หันมาคุยกับมาร ก็ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไร ไม่เอาอะไร เอาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว อยากได้คะแนนดีๆ ยึดว่าต้องได้คะแนนสูงๆ พอได้คะแนนน้อยก็ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ผิดทางแล้ว อาจารย์บอกว่าแค่ได้ร่วมสอบก็ดีที่สุดแล้ว และยิ่งได้ทำข้อสอบที่ใจไร้ทุกข์ ใจยินดี ก็เป็นพลังเหนี่ยวนำให้คนอื่นเป็นตาม มีค่าที่สุดในโลกแล้ว คะแนนอัตนัยได้ 47 คะแนนจาก 50 ก็ดีมากแล้ว
    ใช้บททบทวนธรรมข้อ 89 ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้ ไม่มีอะไรที่เรากำหนดได้นอกจากใจที่ไม่ทุกข์ของเราเท่านั้น
    ข้อ90 วัตถุไม่เที่ยง มีแต่ใจไร้ทุกข์เท่านั้นที่เที่ยง
    สรุป หลังพิจารณาแล้ว ผลสอบจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ แต่ใจที่ไม่ยึด ไม่เอา ก็เบาสบาย เบิกบานที่สุดแล้ว…สาธุ

  24. น.ส.ทิษฏยา โภชนา (นุ้ย)(ในสายธาร)

    02/03/64
    ชื่อ : น.ส.ทิษฏยา โภชนา
    ชื่อทางธรรม : ในสายธรรม
    จิตอาสาสังกัดสวนป่านาบุญ 2
    เรื่อง : โกรธได้แม้กระทั่งแมลง
    ได้เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศดำมาปลูก ตอนนี้เริ่มออกลูกมาให้ชื่นชมแล้ว 1 ช่อ เฝ้าประคบประหงมดูแลอย่างดี แต่ก็ไม่ทันกับแมลงที่คอยจ้องอยู่ ทำให้รู้สึกไม่พอใจแมลงที่มาเจาะของรักของหวงของเรา
    ทุกข์ : โกรธที่แมลงมาเจาะผลมะเขือเทศ
    สมุทัย : ชอบใจถ้าแมลงไม่มาเจาะผลมะเขือเทศ ชังที่แมลงมาเจาะมะเขือเทศของเราเสียหาย
    นิโรธ : แมลงจะมาเจาะหรือไม่เจาะมะเขือเทศเราก็ได้ ใจไร้ทุกข์
    มรรค: แว๊บแรกที่เห็นว่ามะเขือเทศถูกเจาะก็รู้สึกขุ่นใจ พายุแห่งความโกรธกำลังเริ่มก่อตัว แต่ก็ต้องสลายไปเพราะพุทธะมาดึงสติเรากลับมา โชคดีที่เห็นอาการของกิเลสทัน เลยหันไปบอกกับกิเลสว่า
    “หยุดนะ!! แกนี่โกรธได้แม้กระทั่งกับแมลงเลยเหรอ? เราเป็นคนที่ว่าประเสริฐแล้ว ยังจะลงไปทะเลาะกับสัตว์เดรัจฉานเลยเหรอ? เขาก็ต้องดำรงชีพของเขา แบ่งปันให้เขากันบ้างจะเป็นไร เหลือเท่าไหร่ก็กินเท่านั้นแหละ อาจารย์หมอเขียวเคยบอกว่าทำกสิกรรมไร้สารพิษนอกจากองค์ประกอบอย่างอื่นแล้วต้องเพิ่มอริยศีล เชื่ออาจารย์สิ“ พิจารณาแบบนี้แล้วทุกข์สลายไปเลย ยืนหัวเราะกับตัวเองว่าเกือบไปแล้วนะ เกือบโดนกิเลสลากเราลงไปนรกแล้วนะเรา

  25. นางสาวนาลี วิไลสัก

    เรื่อง : ถูกเพื่อนตำหนิ
    เหตุการณ์ : ตนเองได้รับผิดชอบในการจัดนักเรียนเข้าร่วมฝึกอบรม แต่เพื่อนให้ข้อมูลเราไม่ครบ เราก็เลยถูกเพื่อนครูด้วยกันมารุมตำหนิว่า เราเอานักเรียนที่อยู่นอกหอพักมาร่วมด้วย
    ทุกข์ : รู้สึกห่อเหี่ยวใจ ทำไมเพื่อนต้องมารุมตำหนิเราด้วย
    สมุทัย : ชอบที่จะไม่ถูกตำหนิ ชังที่เพื่อนให้ข้อมูลไม่ครบและตำหนิเรา
    นิโรธ : เพื่อนจะให้ข้อมูลเราครบหรือไม่ครบ เขาจะตำหนิเราหรือไม่ตำหนิเรา ก็รับได้ไม่ชอบไม่ชัง
    มรรค : มาดูว่ามีเงื่อนไขใดที่ทำให้มารทุกข์ใจ
    มาร : โอ๊ยๆๆ…อะไรกันนักกันหนาหว่า ทำไมเขาต้องมารุมว่าเราตั้งหลายคนเลย
    เรา : ไอ้มารจะบ่นทำไมหว่า คำตำหนิคือขุมทรัพย์นะเว๊ย มันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่าไม่ใช่หรือ ที่เราไปเอานักเรียนที่อยู่นอกหอพัก มาฝึกอบรมด้วยนะ แต่ทางโรงเรียนต้องการให้เรา เอาแต่นักเรียนที่อยู่ในหอพักเท่านั้น
    มาร : ทำไมเขาไม่บอกให้เราเลือกเอาล่ะ แต่เท่าที่เขาแนะนำก็คือให้นักเรียนสมัครเองและให้เรารับเอาจำนวน 20 คน ทำไมๆๆ เขาให้ข้อมูลเราไม่ครบ แล้วยังมารุมตำหนิเราอีก ตกลงใครผิดหว่า…โอ๊ะๆๆ…โอ๊ยๆ…เนี่ยหัวเสียกับเรื่องนี้จริงๆ งานง่ายๆ แค่นี้ทำไมยังพร่องอยู่เลย
    เรา : 555 สมน้ำหน้ามาร ลีลานี้คุ้นๆ หว่า เออ เคยทำมาเยอะด้วย ดีแล้วที่เขาทยอยเอามาให้เราได้ชดใช้ทีละน้อย ถ้าเขาเอามาทั้งหมดคราวเดียว เราตายแน่ๆ สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา ต้องขอบคุณครูกลุ่มนั้น ที่ให้ข้อมูลเราไม่ครบ แต่เราได้กำไรคือ เราได้ข้อมูลของมารที่ยังชั่วดักดานในใจเรา ปัญหาและอุปสรรค คือชีวิตชีวา เหตุการณ์นี้ ถ้ามารไม่ทุกข์ใจก็ไม่มีใครผิดไม่มีอะไรเสียหายนะเว๊ย
    มาร : แฮ่ๆๆ…ก็ๆๆ…จริงด้วย ถ้าคิดแบบเธอก็ไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจ งั้นเปลี่ยนมุมคิดดีกว่า จะได้สบายใจไม่มีอะไรเสียหายทั้งสิ้น
    พอมารเข้าใจพุทธะใจก็เบาสบายเลยค่ะ

  26. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    5/03/64
    ชื่อ นางสำรวม แก้วแกมจันทร์
    ชื่อเล่น “ป้ารวม”
    ชื่อทางธรรม “ร้อยแสงศีล”
    จิตอาสา สวนป่านาบุญ 2

    เรื่อง “ส่งการบ้านซ้ำ 2 ครั้ง”

    เหตุการณ์
    เมื่อวาน วันที่ 4 มีนาคม ช่วงบ่ายกำลังทำการบ้านอริยสัจ 4 เสร็จพอดี ในเวลานั้น เพื่อนก็ได้ส่งข้อความว่า “ช่วยส่งการบ้านให้ด้วย” ตัวเองไม่ตอบกลับ เพราะส่งการบ้านให้เพื่อนเป็นประจำอยู่แล้ว คิดว่าส่งของตัวเองก่อน แล้วค่อยส่งให้เพื่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำตามข้อตกลงของหมู่ที่ว่า นักศึกษาวิชชารามที่ทำการบ้านอริยสัจ 4 เสร็จแล้ว ให้ส่งไปใน “ไลน์โรงเรียนของหนู” ก่อนให้เพื่อนๆ ช่วยกันตรวจ และวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อปรับปรุงแก้ไข ก่อนส่งจริง ทุกครั้ง พอส่งไปปุ๊บ เพื่อนแนะนำให้ปรับแก้ จึงรีบแก้ทันที คือ ให้เขียนเพิ่มสรุปจบ แก้เสร็จส่งทันที แต่ไม่ปรากฏให้เห็นเหมือนทุกครั้ง จะด้วยเหตุใดไม่ทราบ กดส่งซ้ำอีกครั้ง จึงเห็นการบ้านที่ส่งไป หลังจากนั้น รีบส่งการบ้านให้เพื่อนทันที และต้องส่งการบ้านให้เพื่อน ซ้ำ 2 ครั้ง เช่นกัน เปิดดู ณ ตอนนั้น เห็นแต่การบ้านของเพื่อน มีแค่ครั้งเดียว การบ้านของเราเมื่อตะกี้ก็ยังปรากฏเห็นอยู่ แต่ตอนนี้หายไปไหนไม่รู้ ก็งงๆ เหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อวาน ถึงกลางวันวันนี้ ได้เปิดดู 3-4 ครั้ง ก็ยังไม่เจอ คิดว่า เป็นความบกพร่องของเราเองแหละ ที่ใจร้อน ส่งการบ้านด้วยความรีบเร่ง

    ในที่สุดวันนี้ประมาณบ่าย 2 เปิดดูการบ้านที่ส่งไปเมื่อวานอีกครั้ง ปรากฏว่า มีการบ้านของตัวเอง 2 ครั้ง มีการบ้านของเพื่อน 2 ครั้ง

    ทุกข์ : ไม่ชอบใจ สงสัย ทำไม
    สมุทัย : ถ้าเห็นการบ้านที่ส่งแล้ว จะพอใจ ชอบใจ สุขใจ แต่ไม่เห็นการบ้าน กังวล สงสัย ไม่ชอบ ทุกข์ใจ
    นิโรธ : ทำการบ้านแล้ว ส่งการบ้านแล้ว จะเห็นหรือไม่เห็นการบ้าน ก็สบายใจ เบิกบานใจ ไม่ทุกข์แล้ว
    มรรค : กลับมาทบทวนตัวเองว่า ทำไมเกิดเหตุการณ์นี้ ถามว่าทำไมๆ ตอบว่า ทำมาๆ เพราะเราผิดศีล!
    ใช่เลย! ทำมาๆ เพราะได้ตั้งศีลไว้ว่า “มีความยินดี พอใจ ช่วยเหลือเพื่อนทำการบ้านและช่วยส่งการบ้านให้” เห็นความพร่องในศีลว่า ใจที่ถูกกิเลสครอบงำ มันยังยึดมั่น ไม่ยอมยินดี ไม่พอใจ ณ เวลานั้น ยึดว่าต้องทำการบ้านของตัวเองให้เสร็จก่อน
    แล้วยังพร่องซ้ำซ้อนอีก ที่ไม่ยอมตอบกลับ เหตุผลของกิเลสมาร มาขวางไว้ ไม่ให้ตอบกลับ ยังยึดมั่นถือมั่นว่า ต้องทำการบ้านของตัวเองให้เสร็จก่อน ช่วยเพื่อนทีหลัง มันเป็นความคิดของมาร ที่เห็นแก่ตัวชัดๆ

    ความคิดของพุทธะ บริสุทธิ์ทุกครั้ง พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ คิด พูด ทำ ตรงไปตรงมา ไม่เฉโก ไม่เอาเปรียบ พร้อม ยอม เสียเปรียบ ยอมเสียสละ เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ ได้ทุกเวลา จิตพุทธะ จึงผ่องใส เบิกบาน เสมอ

    น่าละอายนะ!.. ที่ยอมให้มารมันบังคับ ให้เห็นแก่ตัว จึงต้อง “ชั่วอัตโนมัติ”

    พุทธะบอกว่า ต้องฝึกการยอมเพิ่มอีก ฝึกยอมสิ่งที่เคยยึดติดทุกตัว ยอมให้ได้มาก ยิ่งขึ้นๆ ครั้งนี้ “รู้แล้ว!”

    ครั้งต่อไปต้อง “ละ!..” เสียให้ได้ ให้หมด ให้ทัน ต้องแววไว ต้องพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยน

    บท ททธ. ที่ 83 “ความยึดมั่น ถือมั่น จะทำให้เกิด ความพร่อง ความพลาด ความทุกข์”
    ททธ. ที่ 83 “ล้างความยึดมั่น ถือมั่นของใจได้ สำเร็จ คือ ความสำเร็จที่แท้จริง”

    เมื่อได้ทำการบ้าน-ได้ส่งการบ้าน จะเห็นหรือไม่เห็นก็ได้ เพราะ “ความสำเร็จของงาน ไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของใจ คือความสำเร็จของงาน ใจที่ไร้ทุกข์ ใจที่ยินดี ใจที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า งานจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เมื่อเราพยายามเต็มที่แล้ว เพราะเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง” ททธ. ที่ 76 สบายใจ เบิกบาน ไม่ทุกข์แล้ว

  27. ประภัสสร วารี

    เรื่อง : เมื่อพลาดรายการทบทวนธรรม

    ตั้งแต่ทุ่มนึงใจจดจ่อว่าวันนี้จะได้ทบทวนธรรมหรือไม่ เพราะยังไม่เสร็จจากงานที่เข้าไปบำเพ็ญกับพี่น้อง ทุ่มครึ่งบำเพ็ญเสร็จ แต่ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะพี่น้องยังพูดคุยกันต่อจนถึงสองทุ่มกว่า พอนั่งรถกลับบ้านระหว่างทางก็ได้พูดคุยกับน้อง ๆ จนลืมฟังทบทวนธรรม สามทุ่ม 15 นาทีมาถึงบ้าน ได้เข้าทบทวนธรรม ซึ่งพี่น้องจบรายการพอดี ทำให้ไม่ได้ฟังทบทวนธรรม

    ทุกข์ : เสียใจที่เข้ารายการทบทวนธรรมไม่ทัน

    สมุหทัย : ยึดว่าวันนี้ต้องเข้ารายการทบทวนธรรมให้ได้

    นิโรธ (สภาพดับทุกข์) : ไม่ได้เข้ารายการทบทวนธรรมก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค (วิธีดับทุกข์) : แม้วันนี้ไม่ได้เข้าทบทวนธรรม รอฟังย้อนหลังก็ได้

    บททบทวนธรรมข้อ 83 กล่าวว่า
    ” ความยึดมั่นถือมั่น จะทำให้เกิดความพร่อง ความพลาด ความทุกข์ ” เมื่อยึดว่าต้องฟังให้ได้ วันนี้เลยพลาดไม่ได้ฟัง จากนั้นก็ทุกข์ใจ และเมื่อเราเลิกยึดมั่นถือมั่นเราก็หยุดทุกข์

  28. นางมัณฑนา ชนัวร์ เตี้ย ศีลประดับ

    อริยสัจ 4

    ทุกข์เพราะต้องแก้การบ้าน

    อาทิตย์ที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ส่งการบ้านอริยสัจ 4 ให้พี่น้องกลุ่มย่อยช่วยชี้แนะ แต่พอมีพี่น้องบอกว่าทุกอย่างเขียนได้ดีแล้ว แต่ตรงสมุทัยต้องขยายหรือเพิ่มหน่อย
    ข้าพเจ้าก็ได้เขียนถามไปว่าควรเขียนอย่างไร และท่านก็เมตตาช่วยชี้แนะ พอข้าพเจ้าอ่านก็รู้สึกว่า เราไม่ได้ชัง เห็นใจไม่อยากเขียนว่าชัง

    ทุกข์ :ไม่อยากเขียนคำว่าชัง

    สมุทัย :จะต้องเขียนคำว่าชัง เพื่อขยายสมุทัยเพื่อให้คนอ่านเข้าใจและสมบูรณ์

    นิโรธ :จะเขียนหรือไม่เขียนก็สุขใจให้ได้ ยอมรับในรูปแบบการเขียนเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและสื่อความหมายได้ถูกต้อง

    มรรค :พิจารณาอยู่หลายรอบก็กลับไปนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พิจารณาเราไม่ได้ชังผู้ชายท่านนั้น เป็นอาการตกใจและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราก็รู้ว่าเราพลาดเอง ก็พิจารณาตอนนี้เราทุกข์มากกว่าและกำลังสร้างทุกข์ให้ตัวเอง ก็กลับไปอ่านที่พี่น้องชี้แนะอีกรอบใจก็ยังไม่ลง ก็มีคิดว่าถ้าได้คุยกับพี่น้องก็คงจะได้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเขียนอย่างนี้ แต่เวลาไม่พอและรีบที่จะไปทำธุระอย่างอื่น พิจารณาระลึกถึงท่านอาจารย์หมอเขียว เราเคารพครูบาอาจารย์เราก็ต้องเคารพพี่น้องท่านด้วย เพราะในเรื่องการเขียนตัวเองไม่ถนัดและไม่เก่ง สิ่งที่เราไม่เห็นพี่น้องท่านอาจจะเห็น ใจก็คลายลงและได้ระลึกถึงที่ท่านอาจารย์หมอเขียวที่ได้ขยายธรรมไว้ ไฟไหม้หัวไหม้ผ้าให้ดับทุกข์ใจก่อน เราต้องดับทุกข์ ณ ตอนนี้ก่อน พิจารณา เคารพศรัทธาพี่น้องที่มีความเมตตาช่วยชี้แนะ เรียนที่จะรู้ถึงรูปแบบในการเขียน เพื่อที่จะให้ผู้อ่านเข้าใจและสื่อความหมายได้ถูกต้อง พิจารณาใจก็คลายทุกข์ 95% และวันอาทิตย์ได้มีโอกาสได้คุยสภาวะกับพี่น้อง ท่านก็ได้ชี้แนะรายละเอียดให้เข้าใจ ก็ได้เข้าใจถึงเหตุแห่งทุกข์สมุทัย กราบพระคุณพี่น้องทุกท่าน ที่มีความเมตตาช่วยชี้แนะ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

  29. มาลิน จุ้ยทรัพย์เปี่ยม (เมฆ ลม ฟ้า)

    เรื่อง รำคาญคนพูดเสียงดัง (วันที่ 5 มีค. 64)
    ไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง พอสั่งอาหารเสร็จก็ไปนั่งที่โต๊ะแล้วก็นั่งเล่นโทรศํพท์เพื่อรออาหารมา สักประเดี๋ยวมีพี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสั่งแม่ค้า สั่งเมนูนู้นนี้แล้วบอก เด๋วจะมาเอานะ ผ่านไปแค่ ประมาณ 5 นาที พี่ก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาโฉบหน้าร้านแล้วบอก ได้หรือยัง เราซึ่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่ได้เงยขึ้นมาดู แต่มีจิตขุ่นๆ แหม ท่านก็มาทีหลัง มาเร่งเอาก่อน เราก็ไม่ได้มีปฎิกิริยาอะไร แต่ท่านยังมาโวยวายหน้าร้านอีก แต่ก็รู้ว่าท่านพูดเล่นกับแม่ค้าคนทำหรอก แต่ก็มีจิตขุ่นๆ

    ทุกข์ : ขุ่นใจ ไม่ชอบคนโวยวายเสียงดัง แม้ว่าจะรู้ว่าท่านพูดเล่นกัน กับแม่ค้าคนทำอาหารให้ (ไม่ได้โกรธที่ท่านแซงคิวเรา แต่ขุ่นใจที่ท่านเสียงดัง)

    สมุทัย : ตัณหา คือ ไม่ชอบคนเสียงดัง โวยวาย มีความรำคาญ /อุปาทาน ตัวยึด อยากได้ดังใจ อยากให้ร้านเงียบๆ สงบๆ เพราะช่วงนั้นเป็นเวลาก่อนเที่ยง เรามานั่งเร็วก่อนที่คนอื่นจะมา รู้สึกสุขใจได้นั่งสงบๆ ชิวด์ๆ ตัวอุปาทานคือ ยึดว่าทุกอย่างเป็นไปตามใจที่เราชอบ ใจอยากให้เป็นสภาพสงบ

    นิโรธ : เขาจะเป็นอย่างไร เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ใจเราก็ไม่ทุกข์ เขาจะเสียงดังหรือไม่ดัง ก็ไม่ทุกข์

    มรรค : พอจับอาการขุ่นใจได้ นั่งคิดไป คิดมา ตรวจดูว่าเราเป็นอะไร ไม่ชอบใจอะไร พบว่าเราจะเอาความได้ดังใจ สภาพดีๆตามใจที่เราอยากได้ นึกถึงตนเองในอดีตก็เสียงดังแบบนี้ เพราะบรรยากาศพาไป อยากให้มีความเป็นกันเอง พี่ท่านก็ทำแบบนั้น เพราะในบรรยากาศตอนนั้นไม่ค่อยมีลูกค้า ท่านก็สนิทกับแม่ค้าเจ้าของร้าน พอเราทำความเข้าใจ ก็คลายลง ท่านเองก็มีช้อดี เป็นคนจิตใจดี พูดคุยสนุกสนาน กิเลสเราเองต่างหากที่ไปไม่ชอบใจ ไม่ชอบกิริยาท่าทาง เสียงท่าน เลยพาลไปไม่ชอบตัวท่านไปด้วย พิจารณาต่อ อุปาทาน ความเอาแต่ใจตัวเองของเรานี่มันเยอะจริงๆ ต้องฝึนฝน ไม่เอาแต่ใจตัวเอง เหตุการณ์หรือคน เป็นสภาพตามความเป็นจริงตามนั้น เราเอาใจไป ชอบใจ ไม่ชอบ มันเอง นี่มันโง่ ชัดๆ

  30. สาคร รอดรัตน์(ป้าหนุ่ย)

    6/3/64
    การบ้าน
    นางสาคร รอดรัตน์ (ป้าหนุ่ย)จิตอาสาสังกัดสวนป่านาบุญ2
    เรื่อง. เห็นไลน์ลูกชาย
    เหตุการณ์. เปิด เบอร์โทรศัพท์มือถือตอนเช้า
    เห็น LINE ของลูกชายโทรเข้ามาเวลา5.28 น. จึงโทรกลับทั้งทาง LINE และทางโทรศัพท์หลายครั้งก็ไม่มีผู้รับสาย เกิดความกังวลเขาน่าจะมีธุระหรือมีข่าวอะไรจะแจ้ง ปกติเขาจะไม่โทรมาตอนเช้า เวลานี้
    ทุกข์ : โทรกลับหาลูกไม่มีผู้รับสายกังวลว่ามีเหตุธุระด่วนอันใด
    สมุทัย: ชอบถ้ามีผู้รับสาย ชังที่ไม่มีผู้รับสายจะได้หมดความกังวลใจ
    นิโรธ : จะมีผู้รับสายก็ได้ไม่รับสายก็ได้ วางใจ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
    มรรค: กังวลใจ โทรกลับ ไม่มีคนรับสาย เพราะลูกไม่เคยโทรมาตอนเช้า ลูกอาจจะกดผิดก็ได้ ไม่มีเรื่องร้ายอะไรก็ได้ ตั้งสติ วางใจ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ใช้ทบทวนธรรมข้อที่72 ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทุกข์ใจ ความทุกข์ใจ ไม่ได้แก้ปัญหา มีแต่เพิ่มปัญหาสุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องดับไป จะทุกข์ใจไปทำไม เบิกบานแจ่มใสดีกว่า/ระวังกิเลสมันหลอก

  31. นางจิราภรณ์ ทองคู่

    เรื่อง อุบัติเหตุ

    เนื้อเรื่อง ไปรดน้ำสมุนไพรไล่แมลงออกจากต้นส้ม ข้าวโพด ที่ปลูกในสวนจิตตะ ภูผาฟ้าน้ำ เดินไปรดไปเท้าไปสะดุดอะไรก็ไม่รู้ทำให้ตัวร่วงลงไปข้างล่างในลักษณะหน้าคว่ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่างระดับสูงราว 1-1.5 เมตร ไม่มีใครเห็น พอร่วงลงไปก็รีบลุกขึ้น รู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยและนิ้วก้อยมือซ้าย ได้เล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนร่วมงานฟังเพื่อนแนะนำให้แช่ตัว ตอนบ่ายจึงแช่ตัว อาการต่างๆดีขึ้นตามลำดับ

    ทุกข์ อุบัติเหตุเกิดได้อย่างไร

    สมุทัย ถ้าเกิดอุบัติเหตุเราจะทุกข์ใจถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุเราจะสุขใจ

    นิโรธ จะเกิดกรือไม่เกินอุบัติเหตุเราก็สุขใจ

    มรรค ไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ถ้าคาดการณ์ได้อุบัติเหตุไม่เกิดขึ้นแน่นอนในโลกใบนี้ นี่ก็ดีแล้วเจ็บเพียงเท่านี้ คอ นิ้ว ไม่หักก็ดีแล้ว ไปหักคอปลาคอสัตว์ต่างๆ มามากสมควรแล้วนี่ที่ต้องมารับผลของกรรมที่ทำมา จิตก็โปร่งเบาสบาย ไม่ทุกข์กับเหตุการณ์

  32. พรพิทย์ สามสี

    เรื่อง : มีเงินเกิน ห้าแสน ยังลงเราชนะผ่าน
    กติกาเขาว่า ถ้ามีเงินในบัญชีธนาคาร เกิน ห้าแสนไม่สามารถลง เราชนะได้ แต่ที่ได้ข่าวมาคนมีเงินฝากเป็น ล้าน ยังผ่านได้เงินเราชนะ
    ทุกข์ : คนไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
    สมุทัย : ชอบที่จะให้คนในบ้านเมืองซื่อสัตย์สุจริต
    นิโรธ : คนจะซื่อสัตย์ต่อตนเองหรือไม่ ไม่ชอบไม่ชัง ให้เป็นไปตามฐานของแต่ละบุคลแล้วความทุกข์จะสอนเขาเอง
    มรรค : มาร : ไม่ชอบเลยคนนั้นคนนี้มีเงินเป็นล้าน แล้วมาลงทะเบียนเราชนะผ่าน ท่านนั้นท่านนี้ชอบไปวัด ชอบทำสังฆทาน ชอบไปทอดกฐิน ชอบใส่บาตร ชอบทำบุญเลี้ยงพระ
    แต่ไม่เข้าใจ ศีลห้าไม่เข้าใจการ ลดกิเลส ตัวเองพอมีแล้วไม่รู้จักเผื่อแผ่ แบ่งปัน ผู้อื่นบ้าง
    สักพักเราก็หันกลับมาดูตัวเอง มาร แกไปว่าเขาเมื่อก่อนแกเคยเป็นแบบนั้นมาใช่ไหม บททบทวนธรรม ๑๒๙ อย่าไปเสียเวลา กับคนกิเลสหนาที่ขุนไม่ขึ้น เพราะถ้ามัวเสียเวลา กับคนกิเลสหนาที่ขุนไม่ขึ้น มันเป็นวิบากร้าย ต่อตนเองต่อผู้อื่น เราช่วยชาติบ้านเมืองด้วยการทำตัวอย่างที่ดีให้เขาเห็น

  33. น.ส จรรญา ชุมจีด (สร้างกลิ่นศีล)

    เรื่อง ไม่อยากไปแวะพักค้างคืนที่อื่น
    เหตุการณ์ จะไปบำเพ็ญที่สวน2หลังจากจบงานพุทธาภิเษกที่ทะเลธรรมรอเดินทางไปภูผาฟ้าน้ำเดินทางไปพร้อมกับพี่น้องท่านหนี่งท่านให้ติดรถไปด้วยแต่พอรู้ว่าจะต้องไปพักที่บ้านของท่านก่อนก็ไม่อยากไปเพราะไม่ชอบค้างบ้านคนอื่น
    ทุกข์ ไม่ชอบถ้าต้องไปพักค้างคืนบ้านคนอื่น
    สมุทัย ถ้าไม่ต้องพักค้างคืนแล้วไปสวน2เลยเราจะชอบใจ ถ้าต้องพักค้างคืนเราจะไม่ขอบใจ
    นิโรธ ไม่ว่าจะต้องพักค้างคืนหรือไม่พักค้าวคืนเราก็ต้องชอบใจสุขใจให้ได้
    มรรค เห็นทุกข์ที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นความอยากได้ดั่งใจเห็นประโยชน์จองการคิดแบบพุทธะเห็นวาาเรามีกิเลสถ้าเราไปเราก็ได้ล้างกิเลสได้นั่งรถไปเป็นเพื่อนกับพี่น้องท่านนั้น
    เพราะท่านต้องขับรถกลับคนเดียวและได้ไปร่วมบำเพ็ผญกับพี่น้องด้วย

  34. นฤมล ยังแช่ม

    โลภ

    ช่วงนี้มีโอกาสได้ทำอาหารปั่นเพื่อสุขภาพกิน จริงๆมันก็เป็นของที่เราชอบอยู่แล้วโดยเฉพาะข้าวปั่น ผลไม้กิเลสยังมีตัวอยากเคี้ยวอยู่ แต่ก็ปั่นผลไม้กับผักรวมกัน เป็น 1 อย่างก่อน แล้วค่อย ปั่นผักลวก ข้าวโพด กล้วยต้ม อีก 1 อย่าง แต่ก็มีความโลภที่จะถ่ายรูปอาหารไว้ทำการบ้านด้วย แต่เวลาก็มีน้อย เพราะเรายังทำงานอยู่เวลาเหลือแค่ 30 นาทีก็จะ 8.30 น. ถ้าไม่ทันก็ไปทำงานสายอีกแล้ว ยังไม่ได้กินอาหารอีก ผ้าก็ยังไม่ได้ตาก น้ำก็ยังไม่ได้อาบ อยากทำให้ได้หมดทุกอย่างเลยภายใน 30 นาที

    ทุกข์ ไม่แช่มชื่่่นใจที่เวลาในการทำงานมีน้อย

    สมุทัย ชอบถ้าได้ทำงานได้ทันเวลา ชังถ้าทำงานได้ไม่ทันเวลา

    นิโรธ ทำงานได้ทันเวลาก็สุขใจ ทำงานไม่ทันเวลาก็สุขใจ

    มรรค พิจารณาว่าใจร้อนเป็นทุกข์ ทำเท่าที่ทำได้ ถ้ากินอาหารไม่ทันตักใส่ภาชนะไปกินที่ทำงานก็ได้ จัดลำดับความสำคัญอะไรสำคัญทำไปก่อน ที่สำคัญใจต้องไม่ทุกข์ แล้วก็ถ่ายรูปอาหารที่ปั่นเสร็จแล้ว ทำภาระกิจต่างๆไปแล้วก็ดูใจไปด้วย ถ้าสายก็สาย มีภาชนะที่ยังไม่ได้ล้างก็วางใจว่าคงต้องรบกวนแม่ล้างให้แล้ววันนี้

  35. นางสาวิตรี มโนวรณ์

    เรื่อง  น้อยใจที่พ่อและพี่สาวไม่มาเข้าฝัน

          ถ้าไม่ได้มาเรียนวิชาจับกิเลส ก็คงไม่รู้ตัวเลยว่า กิเลสมันจะพาเราโง่ได้ขนาดนี้
    เรื่องมีอยู่ว่า พ่อและพี่สาว ได้เสียชีวิตไปในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้  พี่น้องที่เหลือทั้งหมด 4 คน ก็ยังรู้สึกคิดถึงเขาทั้งสองคนอยู่เสมอ

         2-3 สัปดาห์มานี้ พี่ ๆ น้อง ๆ ผลัดกันมาเล่า ฝันว่าพ่อมาหาบ้าง ฝันว่าได้เจอพี่สาวแล้วได้พูดคุยกัน กอดกันให้หายคิดถึงบ้าง  มีเพียงเราคนเดียวที่ไม่ได้ฝันถึงใครเลย  ฟังคนอื่นเขาเล่ากันแล้ว ทำไมมันฝืดๆ ฝืนๆ สำรวจใจพบว่า กิเลสมันน้อยใจ ว่าทำไมเราไม่ฝันถึงเขา 2 คนมั่งเลย

    ทุกข์   น้อยใจที่พ่อและพี่สาวไม่มาเข้าฝัน

    สมุทัย  ถ้าได้ฝันถึงพ่อและพี่สาว สุขใจ   ไม่ฝันถึงพ่อและพี่สาว ทุกข์ใจ

    นิโรธ  จะฝันหรือไม่ฝันถึงพ่อและพี่สาว ก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค :  เมื่อเห็นอาการน้อยใจในจิต พิจารณาว่า
          ขนาดคนเป็น ๆ เรายังไปยึดอะไรไม่ได้  นี่คนตายไปแล้ว แกยังไปยึดเขาอีกเหรอกิเลส แกจะโง่ไปถึงไหนนี่ ไร้สาระจริง ๆ   พิจารณาเพียงเท่านี้ อาการน้อยใจได้หายไป

    บททบทวนธรรมที่นำมาใช้
    ข้อ 37  ปัญหาทุกอย่างในโลก เกิดจาก คน…โง่…กว่ากิเลส

  36. นางสาวิตรี มโนวรณ์

    7  มีนาคม  2564
    ชื่อ นางสาวิตรี มโนวรณ์
    ผู้บำเพ็ญคบคุ้น สวนป่านาบุญ 2

    เรื่อง  เสียใจที่ทำผิดพลาด
         26 ปีที่แล้ว เราได้ไปทำให้พี่ผู้ชายคนหนึ่งผิดหวังและเสียใจ เนื่องจากไปบอกเลิกเขา ทั้งที่ได้เตรียมการวางแผนที่จะแต่งงานกัน
          หลังจากบอกเลิกไปแล้วหลายปี  เราก็ได้แต่งงานกับพ่อบ้านที่อยู่ด้วยกันจนถึงปัจจุบัน  ส่วนพี่ผู้ชายที่เราบอกเลิก ก็ไม่เคยได้พูดคุยกันอีกเลย ทั้งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน เท่าที่รู้เขาครองตัวเป็นโสด จนกระทั่งกลางปีที่แล้ว พี่เขาได้เสียชีวิตด้วยเหตุเส้นเลือดในสมองแตก

    ทุกข์   เสียใจที่ทำผิดพลาด

    สมุทัย  ถ้าชีวิตไม่ผิดพลาด สุขใจ  ทำชีวิตผิดพลาด ทุกข์ใจ
              
    นิโรธ   ชีวิตผิดพลาดหรือไม่ผิดพลาด ก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค : กิเลสมันเสียใจว่าได้ทำผิดพลาด 2 เรื่องคือ
         1.ไปทำร้ายจิตใจพี่เขาแล้ว ยังไม่ได้ขอโทษ ขอขมากรรม จนตอนหลังเขาก็มาเสียชีวิต
         บอกกิเลสว่า ไม่มีใครทำร้ายใครได้ นอกจากวิบากของผู้นั้นเอง   ส่วนเรื่องความผิดพลาด   ไม่มีชีวิตใดที่ไม่เคยพลาด แม้แต่พระพุทธองค์ในอดีตชาติก็เคยทำผิดพลาด  ดังนั้น อดีตที่ผิดพลาดไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ให้เราสำนึกผิด  ขอโทษ ขออโหสิกรรม  และเต็มใจยอมรับผลของกรรมนั้น
        2. แต่งงานกับพ่อบ้าน กิเลสไม่ได้ดั่งใจ มันเปรียบเทียบว่า ถ้าแต่งงานกับพี่ที่เสียชีวิต เขาดีกับเรา ดูแล เอาใจใส่ ไม่เคยพูดให้เราเสียใจ  ขณะที่พ่อบ้านชอบขัดใจ ไม่ทำตามใจเรา พูดจาก็ไม่ชวนฟัง
             บอกกิเลสว่า การได้มาแต่งงานกับพ่อบ้าน ถูกต้องแล้ว ไม่ผิดพลาดเลย เป็นมวยถูกคู่ ต้องฝีมือระดับพ่อบ้านคนนี้แหละ ถึงจะขัดใจ (กิเลส)เราได้  เราซึ่งเอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน  ขี้โมโห ถ้าได้แต่งงานกับคนที่ตามใจเรา ได้ดั่งใจเรา ไม่ตำหนิแม้รู้ว่าเราทำผิด จะซวยขนาดไหน เราก็จะหลงอยู่กับสุขลวงข้ามภพข้ามชาติ วิบากก็จะหนาและหนักขึ้น หมดโอกาสพบครูบาอาจารย์และหมู่มิตรดี
    พ่อบ้านคือผู้ที่ทำให้เราได้เห็นทุกข์ จึงได้เห็นธรรม จึงได้พบสัตบุรุษและหมู่มิตรดี ให้เราได้ชดใช้วิบากร้ายท่ามกลางบุคคลที่หาได้ยาก  เราคือผู้ที่โชคดีที่สุดแล้ว  พ่อบ้าน เขาก็ถูกวิบากร้ายของเราดึงมาเพื่อให้เราได้ใช้วิบาก  เราจึงควรขอบคุณ และเมตตาแทนที่จะชิงชังเขา

    พิจารณาอย่างนี้แล้ว ความเสียใจทีมีมาเป็นแรมเดือน ได้สลายไป  รู้สึกสงบ และเบาใจ

    การล้างกิเลส  ใช้บททบทวนธรรม…

    ข้อ  13. ไม่มีใครทำดีกับเราได้  นอกจากตัวเราเอง ไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากตัวเราเอง เราเป็นทายาทของกรรม เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจักทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักได้รับผลของกรรมนั้น อย่างแน่นอน    ไม่มีอะไรดลบันดาลสิ่งดีสิ่งร้ายให้เราได้ นอกจากวิบากดีร้ายของเราเท่านั้น  ที่ดลบันดาลสิ่งดีสิ่งร้ายให้เราได้  เราทำดีก็ได้รับผลดี เราทำชั่วก็ได้รับผลชั่ว

  37. ภาคภูมิ ยอดปรีดา (สร้างแก่นศีล)

    #คิดไม่ออกว่าจะส่งการบ้านเรื่องอะไร

    เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สามารถส่งการบ้านของสัปดาห์นี้ได้ ผมก็เลยลองคิดดูว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งเป็นการบ้านดี แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที ผมก็เลยรู้สึกทุกข์ใจที่ไม่ได้ดั่งใจเพราะคิดไม่ออกว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งการบ้าน

    ทุกข์ : ทุกข์ใจที่ไม่ได้ดั่งใจเพราะคิดไม่ออกว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งการบ้าน

    สมุทัย : จะรู้สึกสุขใจถ้าได้ดั่งใจที่คิดออกว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งการบ้าน แต่จะทุกข์ใจถ้าไม่ได้ดั่งใจที่คิดไม่ออกว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งการบ้าน

    นิโรธ : ไม่ว่าจะคิดออกหรือคิดไม่ออกว่าจะนำเรื่องอะไรมาเขียนเพื่อใช้ส่งการบ้านก็สามารถผาสุกใจได้ ถ้าผลที่เกิดขึ้นเกิดมาจากการพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้แล้ว

    มรรค : พยายามล้างความชอบชังโดยในประเด็นนี้นำเรื่องวิบากกรรมและความไม่เที่ยงมาร่วมพิจารณา โดยคำสอนที่นำมาพิจารณาคือคำสอนที่อยู่ในบททบทวนธรรมเช่น

    บทที่ 56 : ทุกเสี้ยววินาทีทุกอย่างไม่เที่ยง อย่ายึดมั่นถือมั่น ต้องพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยน ตลอดเวลา

    บทที่ 110 : ความเข้าใจ ความเชื่อ และชัดเรื่องกรรมเท่านั้น จึงจะคลายความยึดมั่นถือมั่นได้

  38. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน (ก๊อบ สื่อศีล)

    เรื่อง ทุกข์ใจเรื่องญาติ

    เรื่องย่อ เนื่องจากผมไม่ได้ติดต่อญาติมานานเป็นปี เช่น น้อง พ่อ รู้สึกห่างเหินกับญาติ

    ทุกข์ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ที่ไม่ได้ติดต่อญาติ

    สมุทัย อยากให้ญาติเข้าใจ อยากให้มาปฏิบัติธรรมดูแลสุขภาพด้วย

    นิโรธ ญาติจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่ทุกข์ ญาติจะปฏิบัติธรรมได้แค่ไหนก็ไม่ทุกข์

    มรรค เข้าใจความจริงตามความเป็นจริงว่า ฐานจิตของแต่ละคนต่างคน คนทุกคนอยู่ตามฐานของตัวเอง ญาติก็อยู่ตามฐานของท่าน ในที่สุด ทุกคนก็จะพ้นทุกข์ และวันนี้ ผมได้เข้าห้องซูมก็เห็นปัญหาของพี่น้อง ก็มีปัญหาไม่แตกต่างกัน บางท่านก็ถึงกับทะเลาะกัน บางท่านถึงกับตัดญาติกัน ทำให้เราก็รู้สึกโชคดี ว่าไม่ทะเลาะกับญาติก็ดีมากแล้ว โชคดีมากแล้วครับ เราก็เพิ่มศีล ลดกิเลส ทำความดีต่อไปครับ ปัญหาไม่เคยหมดไปจากโลก แต่ทุกข์ใจของเราสามารถหมดได้ ผมก็จะพากเพียรต่อไปครับ สาธุครับ

  39. นส.พวงผกา โพธิ์กลาง

    ไม่อนุญาต
    ตัวเองเป็นคนใจดีไม่ค่อยคัดใจใคร พอมาวันนี้เหตุการณ์ก็ให้เราได้คัดใจเพื่อนด้วยคำพูดว่าไม่อนุญาต คือว่าเพื่อนมาขอยืมของใช้ ซึ่งเขาจะทำแบบนี้บ่อย ๆ ครั้งนี้ของที่เขามายืมเขาเองก็มีอยู่แล้ว ครั้งนี้เราต้องทำใจแข็งที่จะพูดคำนี้ออกไป คือไม่อนุญาตให้ยืม

    ทุกข์ เพราะชังที่เพื่อนชอบยืมของใช้ ทั้งที่ของตัวเองก็มีใช้

    สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ พอเพื่อนขอยืมของใช้เรา ข้างในใจเราเขากำลังวิตกวิจารย์อยู่ว่าทำไงดี จะให้ยืมหรือไม่ให้ยืม อีกฝ่ายหนึ่งก็อยากจะให้ยืม แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ก็บอกว่าให้เขาได้ช่วยเหลือตัวเองเถอะ เพราะเขาทำแบบนี้บ่อยๆ ทั้งกับเราและคนอื่น ใจหนึ่งเรารู้สึกสงสารเพื่อน. ใจหนึ่งก็หวงของแต่ไม่หวงมาก อีกเสียงหนึ่งบอกว่าเราไม่ควรตามใจเขาทุกครั้งไป ขัดบ้างก็ได้นะ

    นิโรธ เมื่อเราได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว เราต้องยินดีกับทุกผัสสะที่จะมากระทบเราให้ได้ ไม่กลัวไม่กังวลไม่ระแวงไม่หวั่นไหว เขาจะโกรธหรือไม่พอใจเราก็ได้ แต่เราจะไม่โกรธเขาเข้าใจเขา และจะมีแต่ความเมตตาในส่วนด้อยของเขา ไม่ชอบไม่ชังได้พลังสุดๆ

    มรรค เชื่อเรื่องวิบากกรรมว่าสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่ได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราชัดเจน กับการให้เราพึ่งตัวเองให้มากก่อน ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร โดยเฉพาะคนที่เขาไม่พร้อมที่จะช่วยเหลือเรา

  40. เสาวรี หวังประเสริฐ

    เรื่อง ห่วงลูก
    หลังจากลูกชายหยุดทำงานช่วงโควิดระบาดกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านความเป็นห่วงกลัวว่าลูกต้องเผชิญปัญหาความเจ็บป่วยจากการระบาดของโรคโควิดเกิดความรู้สึกว่าควรให้ลูกทำงานอยู่ที่บ้านคิดกังวลกลัวลูกปรับตัวไม่ได้
    ทุกข์: อยากให้ลูกทำงานที่บ้านชังที่ลูกต้องออกไปทำงานนอกบ้านยึดว่าถ้าลูกทำงานที่บ้านจะปลอดภัยจาก
    โรตระบาด
    สมุทัย :เหตุแห่งทุกข์ กลัวกังวลว่าลูกจะป่วยด้วยโรคระบาดโควิดจากดารออกไปทำงานนอกบ้าน
    นิโรธ:สภาพกับทุกข์ไม่ว่าลูกจะทำงานที่บ้านหรือต้องออกไปทำงานนอกบ้านก็ไม่ยึดว่าลูกจะต้องปลอดภัยจากการระบาดของโรคโควิด
    มรรค:วิธีดับทุกข์พิจารณาบททบทวนธรรมบทที่ว่า การได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเราไม่ได้ดั่งใจเราเป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่าที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลสคือความหลงชิงชังรังเกียจหลงยึดมั่นถือมั่นในใจเราและทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา พิจารณาซ้ำๆทำความเข้าใจจนทุกข์จางคลายจากใจเมื่อถึงวันที่ไปส่งลูกทำงานไปเช่าบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัดก็สามารถไปส่งลูกด้วยใจที่เบิกบานไร้ทุกข์ไร้กังวล

  41. ชุติวรรณ แสงสำลี

    ชื่อเรื่อง:ไม่โทษใครใจไร้ทุกข์

    เนื้อเรื่อง:รับหน้าที่บำเพ็ญต้มน้ำตอนเช้าเพื่อมีน้ำร้อนให้ได้กิน
    และใช้ เราจะลุกเมื่อได้ยินเสียงธรรมะคีตะ ช่วงเวลาประมาณ03.30น.พอถึงประมาณ04.00น.น้ำก็เดือดพอดี บางวันเสียงธรรมะคีตะไม่ปลุกตามเวลา

    ทุกข์:กังวลถ้าน้ำเดือดช้า จะทำให้ผู้ต้องการน้ำดื่ม-น้ำใช้ ไม่ทันตามความต้องการ

    สมุทัย:ยึดมั่นว่าเสียงธรรมะคีตะปลุกตามเวลาจะได้ต้มน้ำเดือดได้ดั่งใจหมายจะเป็นสุขใจ ถ้าเสียงปลุกไม่เป็นไปตามเวลาจะทุกข์ใจ

    นิโรธ:ไม่ยึดถือมั่นว่าเสียงธรรมะคีตะปลุกตามเวลาจะได้ต้มน้ำเดือดได้ดั่งใจหมายก็เป็นสุขใจ ถ้าเสียงปลุกไม่เป็นไปตามเวลา
    ใจก็เป็นสุขใจได้

    มรรค:ยอมรับความจริงตามความเป็นจริงดังบททบทวนธรรมข้อ๑๐๒”ทำตามจริงที่เป็นไปได้จริงชีวิตก็ไม่อะไรทุกข์ “ว่าผู้ที่จะตื่นนอนส่วนใหญ่ก็ฟังเสียงปลุกนี่เราก็ตื่นพร้อมท่านอากาศก็หนาวๆๆเย็นๆๆ เราทำเต็มที่แล้วพยายามแล้ว ดีที่สุดแล้ว
    แต่ท่านที่ตื่นเปิดเสียงปลุกให้เราได้ยินนั่นต่างหากที่ท่านก็ทำเต็มที่แล้วเช่นกันเราควรขอบคุณอนุโมทนากับท่านเพราะท่านได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
    กิเลสอัตตาเราเองต่างหากที่ติดยึดกังวลว่าไม่อยากพร่องในหน้าที่แล้วก็ยังมีกิเลสว่าถ้าเขา
    ไม่พร่องเราจะได้ดั่งใจ นี่ไงๆๆ จับกิเลสที่เราต้องจับมันต้มน้ำให้เดือดๆฆ่ามันจับถ่วงลงหม้อเป็นๆๆให้มันตายสลายไป เราทำได้ ล้างใจได้ ปล่อยวางได้ทันที
    ใจเราก็ยินดีสุขใจ
    ใจเบิกบาน และเบิกบาน
    ทุกยามเช้าก็สดชื่น เย็นๆ หนาวๆก็สุขใจ ทนได้ สบายๆ
    แม้ท่านใดมา กำหนดหมายบอกเราว่าถ้าใส่น้ำไม่ต้องมาก น้ำจะเดือดได้เร็วตามที่ท่านต้องการ หรือท่านใดกำหนดหมายบอกเราว่าควรจะใส่น้ำให้มากๆไว้ก่อนน้ำต้มจะได้เพียงพอเหลือถึงคนที่มาที่หลัง เราก็ยินดีปฏิบัติตามคำแนะนำทั้ง2กำหนดหมายสลับกันไปตามเหตุปัจจัยเวลานั้น
    ทุกวินาทีไม่เที่ยง ขอบพระคุณท่านผู้ชี้แนะทุกท่านด้วยความยินดี
    🍀🍀🍀
    เช้าวันนี้ อ.หมอเขียวกล่าวว่า
    ” คิดดูซิเราจะโชคดีขนาดไหน
    เป็นเนื้อนาบุญ
    คนดีมีอาริยธรรม
    ได้เกื้อกูลกัน
    ได้ช่วยเหลือกัน
    ได้บำรุงพระสาวกแท้ของพระพุทธเจ้าเป็นประโยชน์ที่สุด”
    กราบขอบพระคุณอาจารย์และหมู่มิตรดีที่ให้โอกาสเราได้บำเพ็ญค่ะ

  42. ประคอง เก็บนาค

    เรื่อง : ไม่เข้าพวก

    เนื้อเรื่อง : ช่วงนี้ท่านอาจารย์หมอเขียวสนับสนุนให้พี่น้องจิตอาสารับประทานอาหารปั่น เพื่อลดการติดยึดในเรื่องรูปนามของอาหาร ทั้งยังมีประโยชน์เรื่องการลดเวลาในการเคี้ยวอาหาร และเวลาที่อาจมีกิจธุระเร่งด่วนหรือสะดวกในการเดินทาง ทั้งยังช่วยในภาวะที่เรามีอาการป่วยของเหงือกหรือช่องปาก และได้เห็นพี่น้องจิตอาสาท่านอื่น ๆ ได้ลองทำปั่นอาหารเพื่อเป็นตัวอย่างและแรงเหนี่ยวนำผู้อื่นให้ได้ลองนำไปทำรับประทาน ซึ่งบางภาพที่เราเห็น สัญญาเก่าที่คิดปรุงเปรียบเทียบสภาพสี เนื้อสัมผัสที่คล้ายกับอุจจาระ หรืออาหารที่เกิดจากการอาเจียน ทำให้ตนเองไม่มีความแช่มชื่นและยินดีในการรับประทานอาหารปั่น อีกทั้งเครื่องปั่นที่บ้านก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพที่จะสามารถปั่นผักผลไม้ให้ออกมาละเอียดเนียนนุ่มเหมือนที่พี่น้องท่านอื่นทำมา เพราะปั่นได้เพียงหยาบ ๆ และเมื่อตั้งทิ้งไว้ไม่ได้รับประทานทันที ก็จะเกิดการแยกชั้นของผักผลไม้และน้ำ รสชาติก็แปลก ๆ ไม่ค่อยคุ้นเคย

    ทุกข์ : ไม่แช่มชื่นที่ตนเองไม่รู้สึกยินดีเหมือนพี่น้อง

    สมุทัย : ยึดว่าตนเองควรมีความพอใจ แช่มชื่น ในการทำกิจกรรมเหมือนพี่น้อง

    นิโรธ : เราควรยินดีพอใจในฐานของตนเอง ตอนนี้เราทำได้เพียงเท่านี้ก็ควรจะยอมรับ และเราก็ไม่ควรทุกข์ใจ

    มรรค : พิจารณาถึงประโยชน์ของอาหารปั่น น้อมใจพิจารณาถึงข้อดีของการรับปะทานอาหารปั่นที่ท่านอาจารย์หมอเขียวได้สั่งสอนมา เราเองก็ควรฝึกทานไว้บ้างนะ เพราะเมื่อวันนึงที่เราอยู่ในสภาพหรือสถานที่ที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดเลย นอกจากต้องทานอาหารปั่น เราจะได้ไม่ต้องทุกข์มากและยินดีรับได้ในทุกสถานการณ์

    จากการที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นกับพี่น้องท่านอื่น ๆ เกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงที่แต่ละคนได้ลองทำอาหารปั่นรับประทานแล้ว ปรากฎว่าไม่มีท่านใดที่คิดแบบเราเลย พวกท่านรู้สึกยินดี พอใจกับการทานอาหารปั่น มองเป็นโจ๊กบ้าง เป็นอาหารที่ชอบรับประทาน เป็นของโปรด สามารถทานได้ทุกวันเลย และบางท่านยังสามารถทานได้เป็นมื้อหลักมื้อเดียวได้อีกด้วย

    พิจารณาเห็นกิเลสตังชิงชัง รังเกียจในสีสัน เนื้อสัมผัส ติดยึดในรูปกายภายนอก ทำให้นึกย้อนไปตอนที่เริ่มฝึกดื่มใช้น้ำปัสสาวะใหม่ ๆ ต้องตวงใส่แก้วน้ำที่มีสีทึบไม่ใช่แก้วใสจึงจะวางใจใช้ได้ หรือดื่มตอนมืดไม่เห็นสีสันของปัสสาวะ แม้ปัจจุบันจะรู้สึกติดยึดเรื่องสีสันของปัสสาวะน้อยลงแต่ก็ยังคงเลือกใช้แก้วน้ำสีทึบอยู่เพื่อความสบายใจ สุขใจ นี่คงเป็นผลพวงของการไม่คิดพากเพียรหรือพยายามพิจารณาตัดกิเลสตัวติดยึดรูปนอกของปัสสาวะ เมื่อต้องมาฝึกฝนการทานอาหารปั่นกิเลสตัวนี้จึงออกมาให้เห็นอีกครั้ง

    ก่อนนี้เราก็ทานน้ำผักปั่นได้โดยไม่ยากไม่ลำบาก แต่เมื่อต้องมาฝึกทานที่ต้องนำข้าว หรือกับข้าวไปปั่นผสมด้วย จึงมีความรู้สึกแปลก ๆ จิตคิดปรุงจะทานได้หรือ รสชาติจะพิลึกอะไรไหม จะท้องอืดไหมเพราะต้องทานทุกอย่างพร้อมกัน ปกติเราจะทานอาหารตามลำดับนี่นา พอจับความคิดปรุงต่าง ๆ ได้ ก็บอกกลับไปว่า ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ลองทำสิ ลองกินดูสิ ทีกินอาหารพิษ ขนม ผลไม้หวานจัดอื่น ๆ ยังกินได้เลย อ้างว่ากินเป็นวัคซีน แล้วทีอาหารปั่นจะกินป็นวัคซีนบ้างไม่ได้หรือไง วัคซีนแก้กิเลสตัวชิงชังรังเกียจ อาจารย์หมอเขียวบอกมาว่าไง คนที่ทานอาหารปั่นไม่ได้คือคนที่ยังติดกามอยู่..จะติดแบบนี้ไปทุกชาติหรือไง อ้างบอกแต่ว่าไม่ใช่ชาตินี้หรอก ม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้..นี่ไงถ้าไม่เริ่มตอนนี้ ชาตินี้ อย่าหวังว่าจะได้เริ่มในชาติต่อไป..ลองดูนะ ตั้งจิตใหม่ เพียรพยายามตั้งสู้ พี่น้องก็ยังเป็นกำลังใจ เป็นตัวอย่าง เป็นแรงเหนี่ยวนำ อยากเป็นคนแปลก นิสัยไม่เข้าพวกหรือไง..พิจารณาสรรหาคำแรง ๆ มาด่ากิเลสอีกหลายวัน จนตอนนี้กิเลสเริ่มอ่อนแรงลง จึงได้ลองปั่นผักบางอย่างทานดู ก็พบว่าทานได้บ้างแล้ว ต่อไปก็จะได้ฝึกฝนการปั่นอย่างอื่น ๆ ทานอีก ทำไปเรื่อย ๆ แบบนี้เราจะได้ยิ้มเบิกบาน แช่มชื่นได้ในหมู่กลุ่มสักวัน..สู้ สู้

Comments are closed.