640117 การบ้าน อริยสัจ 4 (3/2564)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 11 – 17 มกราคม 2564 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านทั้งหมด 44 ท่าน 74 เรื่อง
- นางจิราภรณ์ ทองคู่
- นธกานต์ สุวรรณ (4)
- jariya junpukdee (6)
- น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล) (2)
- ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)
- นปภา รัตนวงศา (9)
- พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
- นางสาวสันทนา ประวงศ์
- sirikwun saelim
- วิภาภรณ์ กอจรัญจิตต์
- Mr.Metha Wongwiwatwaitaya
- พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
- ภาคภูมิ ยอดปรีดา (สร้างแก่นศีล) (2)
- ลักขณา วรพงศ์พัฒน์ (เอ๊า)
- นางพรรณทิวา เกตุกลม
- จรรญา ชุมจีด (สร้างกลิ่นศีล)
- มัณฑนา ชนัวร์ร เตี้ย ศีลประดับ
- อรวิภา กริฟฟิธส์
- พรพิทย์ สามสี
- สาคร รอดรัตน์(ป้าหนุ่ย) (2)
- ชุติวรรณ แสงสำลี
- น.ส.สายใจ อ่อนแก้ว SAYYAI ONKAEW (3)
- จรูญ สุยะ
- Mr.Prataung Sresuwan
- นางกานดา ศักดิ์ศรชัย
- สำรวม แก้วแกมจันทร์ (7)
- Mrs.Prasert Rattanachote (2)
- ศิริพร ไตรยสุทธิ์
- Suma chaichuay
- Nalee vilaysack
- ศิริพร คำวงษ์ศรี
- นางจีรวัลย์ วัฒนสิน
- จรัญ บุญมี (2)
- จิตรา พรหมโคตร
- โยธกา รือเซ็นแบร์ก
- ขวัญจิต เฟื่องฟู
- นฤมล ยังแช่ม
- Sureenart ratchapan. สุรีนารถ ราชแป้น (2)
- ชนกนันท์ ฉัตรทอง (น้อมแสงศีล)
- นายรวม เกตุกลม
- ประคอง เก็บนาค
- บัณฑิตา โฟกท์ มุกแสงธรรม
- เสาวรี หวังประเสริฐ
- ปิ่น คำเพียงเพชร



แนะนำบทความที่มีเนื้อหาใกล้เคียง
Post Views: 362
เรื่อง ประมาณในการบริโภคไม่พอเหมาะ
เนื้อเรื่อง ช่วงนี้วิบากร้ายไล่ล่ากินอาหารก็ไม่สมดุลย์ทำให้เกิดลมในท้องผายลมบ่อยและขับถ่ายไม่ปกติ เนื่องจากประมาณในการบริโภคไม่พอเหมาะ
ทุกข์ เกิดลมในท้องผายลมบ่อยและถ่ายไม่ปกติ
สมุทัย ถ้าประมาณได้พอเหมาะจะสุขใจแต่ถ้าประมาณได้ไม่พอเหมาะจะทุกข์ใจ
นิโรธ จะประมาณพอเหมาะหรือไม่พอเหมาะก็สุขใจได้
มรรค มันเป็นวิบากกรรมของเราที่เคยเพ่งโทษพระอริยเจ้าจึงทำให้ประมาณในการบริโภคไม่พอเหมาะทั้งที่เราก็พยายามทำเต็มที่แล้วก็ยังประมาณผิดทำให้เกิดอาการไม่สบายคือเกิดลมในท้อง ผายลมบ่อยและถ่ายไม่ปกติมันทรมาน จึงทำความดี 4 อย่างคือ 1.สำนึกผิด หรือยอมรับผิด 2. ขอรับโทษ เต็มใจรับโทษหรือขออโหสิกรรม 3. ตั้งจิตหยุดสิ่งที่ไม่ดีอันนั้น 4. ตั้งจิตทำความดีให้มากๆคือลดกิเลสให้มากๆเกื้อกูลผองชนและหมู่สัตว์ให้มากๆ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับทำให้ไม่ทรมาน จิตก็แช่มชื่นเบิกบานขึ้น
640111
น.ส.นธกานต์ สุวรรณ
เรื่อง พ่อบ้านกินเบียร์
เมื่อคืนนอนตั้งแต่หัวค่ำ แล้วตื่นมาเที่ยงคืน แล้วนอนต่อไม่หลับแล้ว ก็เลยได้เขียนการบ้านอริยสัจสี่ เขียนไปสักพักพ่อบ้านก็ตื่นด้วย แล้วพ่อนบ้านก็เปิดคอมอ่านข่าว ฉันนั่งเขียนการบ้านอยู่ในห้องนอน พ่อบ้านก็เดินมาบอกว่าจะขอกินเบียร์ตอนตี1ครึ่ง ปากบอกเขาว่าแล้วแต่คุณ แต่ใจขุ่นนิดๆว่าทำไมต้องกินด้วย
ทุกข์ :ทำไมต้องกินเบียร์
สมุทัย:ถ้าพ่อบ้านกินเบียร์จะทุกข์ใจ ถ้าไม่กินเบียร์จะสุขใจ
นิโรธ :จะกินหรือไม่กินเบียร์ก็สุขใจ และวางใจให้ได้
มรรค :ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ เพราะเราเป็นห่วงสุขภาพเขา ช่วงนี้ฝนตกหนักก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแต่ก็วางใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด
640106
เรื่อง ลูกสาวไม่กลับบ้านช่วงโควิต
ประมาณวันที่5 ม.ค. 64 ได้ฟังข่าวโควิต19 ที่กลายพันธุ์มาแรงมาก เป็นห่วงลูกฝึกงานอยู่สุราษฎร์ และก็อยู่คนเดียว และได้คุยกับคุณครูประจำชั้นว่าทางวิทยาลัยมีนโยบายให้นักศึกษาฝึกงานหยุดงานหรือเปล่า ได้คำตอบว่า ผอ.บอกว่าให้หยุดได้เลย คุยกันในวันที่5กับลูกสาวว่า ทางวิทยาลัย ให้หยุดฝึกงานได้เลยทางวิทยาลัยอาชีวะอนุมัติมาแล้ว คุยกับลูกสาวเป็นที่เรียบร้อยในวันที่5ว่า จะให้พี่เขาไปรับในวันที่6 ช่วงนั้นลูกชายทำงานอยู่ทุ่งสง
พี่ชายเขาทำงานเสร็จในตอนเย็นวันที่5 แล้วก็ได้ขับรถไปนอนสุราษฎร์ ตอนเช้าจะรับน้องสาวมาแล้วทำงานต่อในตอนเช้าของวันที่6 ลูกชายบอกว่าน้องสาวขึ้นรถมาแล้วเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่จู่ๆน้องสาวเขาบอกว่าจอดรถให้เขาลงจากรถ เขาจะไม่กลับบ้านที่ป่าบอนแล้ว พอแม่รู้ว่าลูกสาวไม่กลับบ้าน ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จากการที่โกรธลูกสาว ก็มาพาลมีปากเสียงกับสามีอีกนิดหน่อย แต่วันนั้นอารมณ์โกรธขึ้นมาปรี๊ดหนึ่ง แล้วบอกสามีว่าฉันจะเข้าไปในสวนนะ ไปทำงานอยู่ในสวนจนถึงเย็นก็กลับมาขอโทษสามีและสามีขอก็โทษด้วย แต่กับลูกสาวตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่คุยกันเลยค่ะ
ทุกข์ :เพราะเป็นห่วงลูกว่าจะติดโควิต(มันอันตรายมาก)
สมุทัย :ชังที่ลูกสาวไม่กลับบ้าน ชอบถ้าลูกกลับบ้าน
นิโรธ :จะกลับหรือไม่กลับก็แล้วแต่เขา เขาตัดสินใจเอง
มรรค :ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่สุราษฎร์แล้วจะโกรธไปทำไม เขาบอกว่าจะดูแลตัวเองได้ (แต่แม่ยังยึดดีอยู่ จึงใช่บททบทวนธรรม เกิดสิ่งใดจงท้องไว้กูทำมา )
640108 เรื่องที่2
เรื่อง อินเตอร์เน็ตดับๆติดๆ
ตอนเช้าได้เข้าสวนไปเก็บสมุนไพรเพื่อจะทำน้ำมันกัวซา ประมาณช่วงบ่ายกว่าคุณสามีโทรศัพท์มาบอกว่าอินเตอร์เน็ตติดขัด แล้วคุณสามีก็โทรไปหา3BB ศูนย์อินเตอร์เน็ตที่แม่ขรึแล้วพนักงานบริการก็เขามาที่บ้าน แต่ช่วงที่พนักงานเข้ามาที่บ้านตัวเองอยู่ในสวน แล้วสามีก็โทรหาให้คุยกับพนักงานเซอร์วิสของ3BB แล้วได้รู้สาเหตุว่าเครื่องคอมเรารุ่นเก่าแล้วให้ซื้อการ์ดแลนมาใส่ ก็เรียบร้อย ตอนเย็นก็กลับบ้านแล้วได้คุยปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ต คุยไปคุยมาคุณสามีบอกว่าให้ไปซื้อการ์ดแลนด์แต่ตัวเองบอกว่าต้องไปซื้อวันจันทร์เพราะวันนี้วันเสาร์และก็ค่ำแล้ว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ร้านก็ปิด คุณสามีไม่ยอมบอกว่าให้จัดการให้ด่วน ตัวเองก็เลยโทรไปหาเพื่อนที่ขายเครื่องไฟฟ้าที่แม่ขรึ เพื่อนบอกว่าร้านเขาไม่มี แต่เพื่อนแนะนำไปอีกร้านที่ขายคอมพิวเตอร์แต่พรุ่งนี้วันอาทิตย์เขาปิด คงต้องเป็นวันจันทร์แล้วหละ คุณสามีไปเปิดดูในเน็ตว่ามีร้านคอมที่ป่าบอน บอกว่าให้โทรไปถามเขา ตัวเองบอกว่าไม่มีแต่สามีไม่เชื่อเขาบอกว่ามีเบอร์ ก็เลยโทรไปแต่ในขณะที่โทรมีตัวโทสะ ความโกรธเขามาว่าทำไมไม่เชื่อฉัน ฉันรู้ดีเพราะว่าที่นี้คือบ้านฉัน พอโทรไปน้องเขาบอกว่าปิดกิจการไปแล้ว ตอนนั้นยังขุ่นอยู่ว่าทำไมไม่เชื่อฉัน แล้วพูดออกไปว่าทำไมไม่เชื่อกันบ้างด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ต่างคนต่างมีอารมณ์กริ้วกัน(นิดหน่อย)แล้วคุณสามีกล่าวคำขอโทษ ฉันขอก็โทษเขาด้วย ทุกอย่างก็จบรอวันจันทร์ที่จะไปซื้อการ์ดแลนด์
ทุกข์ :ทำไมไม่เชื่อฉันนิ
สมุทัย :ถ้าคุณสามีเชื่อฉัน ฉันจะสุขใจ คุณสามีไม่เชื่อฉัน ฉันเลยทุกข์ใจ
นิโรธ :จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ก็สุขใจและวางใจให้ได้
มรรค :สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา(ฉันก็เป็นคนไม่เชื่อใครง่ายๆเหมือนกัน
ส่งการบ้านอริยสัจ4
น.ส.นธกานต์ สุวรรณ
640110 เรื่องที่3
เรื่องตั้งศีลดูแลคุณสามี
วันที่3 ม.ค. 64 ได้ไปทะเลธรรมงานเพื่อฟ้าดิน และได้ตั้งศืลว่าจะดูแล และเอาใจใสคุณสามีให้มากกว่านี้ พอกลับมาถึงบ้านมันมีแต่ปัญหาเขามา(แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ค่ะ)มาทดสอบเราเร็วมากๆค่ะ
ทุกข์ :มันไม่ได้ดั่งใจหวังไว้
สมุทัย :ชังที่ทำตามที่ตั้งไว้ไม่ได้ ชอบถ้าทำตามที่ตั้งไว้ได้
นิโรธ :จะดูแลให้เต็มที่ ทำได้เท่าไหร่ก็จะสุขใจให้ได้
มรรค :ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ
จำรหัสนักศึกษาไม่ได้ค่ะ
ตรวจการบ้านให้ด้วยนะค่ะพี่น้อง
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
ส่งการบ้านอริยสัจ๔
น.ส.จาริยา จันทร์ภักดีระหัส6012007003
ชื่อเรื่องกองเปลือกมะพร้าว
ทีบ้านพี่สาวใช้มะพร้าวทำขนมไทยขายพี่เขยก็มาปอกมะพร้าวที่บ้านทุกวันจะกองเปลือกทิ้งไว้บ้านดิฉันไม่เคยเก็บเลยสามเดีอนผ่านมาเปลือกกองโตทำให้รกและกีดขวางทางเดินเลยขุ่นใจ
ทุกข์ :พี่เขยกองเปลือกมะพร้าวรกและขวางทางเดิน
สมุทัย :ชังทีพี่เขยกองเปลือกมะพร้าวไม่ถูกที่
ชอบถ้าพี่เขยเก็บเปลือกมะพ้ราวทิ้งถูกที่
นิโรธ :พี่เขยจะกองเปลือกมะพร้าวอีกหรีอไม่ก็ยินดีไม่ชอบไม่ชังค่ะ
มรรค สงบใจยินดีไม่ชอบชังคิดไหนมีเปลือกมะพร้าวกองโตเลยเป็นแปลงเพอมาคัลเจอดีกว่าไม่ต้องขนอินทรีย์วัตถุไกลเลยเหนือเต็มกำลังดีเหมือนกันร่างกายได้สร้างเซลล์เพื่อได้เข็งแรงต่อสู้กับความลำบากได้ทำเต็มที่สุขเต็มที่สาธุค่ะ
ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ.
น.ส.ชรินรัตน์ ชุมจีด(น้ำน้อมศีล)
รหัส 6112004008
เรื่อง.ซื้อพัดลม(ได้พัดกิเลสออก)
ตอนเย็นของวันพุธที่ผ่านมาได้ไปซื้อพัดลมกับพี่สาว ขณะที่จะซื้อก็ได้คุยกันว่าจะซื้อเครื่องนี้น่าจะดีเป็นเครื่องเล็กราคา380บาทไม่แพงเกินไปเอาพอใช้ได้ก็พอแต่ในใจตัวเองรู้สึกว่ามันจนทนรึเปล่าน่าจะดูอีกเครื่องมั้ยทีมันดูดีกว่านี้ แต่แล้วก็ตกลงซื้อเครื่องเล็กเครื่องเดิมแต่ก่อนจะกลับก็ถามพนักงานว่าถ้าเครื่องมีปัญหาจะเอามาเปลี่ยนได้มั้ยเค้าบอกว่าได้ก็ตกลงซื้อมา พอกลับมาถึงบ้านก็เอาพัดลมมาประกอบดูรู้สึกว่ามันเป็นไปตามที่กิเลสเราคิดเลยว่ามันบอบบางมาก
ก็เลยเรียกพี่สาวให้มาดูหน่อยว่ามันบอบบางจริงๆเพื่อจะได้เป็นแรงสนับสนุนเพื่อเราจะได้ไปเปลี่ยนเครื่องใหม่แต่เรียกเท่าไหร่พี่ก็ไม่มาเลยวาง ไม่นานพี่ก็เดินมาดูแล้วก็ตกลงกันว่าจะไปเปลี่ยนเครื่องใหม่
ทุกข์.เรียกให้พี่สาวมาดูสภาพพัดลมแล้วเค้ามาช้า
สมุทัย.เพราะอยากได้แรงสนับสนุนเพื่อจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ถ้ามาดูเราสุขใจ ถ้าเขาไม่มาเราจะทุกข์ใจ
นิโรธ.พี่จะมาดูก็สุขใจไม่มาดูก็สุขใจ วางใจไม่กังวล ใจไร้ทุกข์
มรรค.วางความยึดมั่นถือมั่น ความอยากได้ดั่งใจของตัวเอง วางใจว่าเราจะได้สิ่งของอะไรอย่างไรก็เป็นไปตามกุศลอกุศลของเรา
ได้ใช้เครื่องไหนก็ได้ เครื่องเล็กก็อาจจะดีกว่าเครื่องใหญ่ก็ได้ วางความเป๊ะของตัวเองลงว่าจะต้องได้ของดีสภาพดีเท่านั้น แต่ก็ไม่เสมอไปถ้าเราจะได้อะไรอย่างไรเท่าไหร่ก็ต้องวางใจให้มันเป็นไปตามธรรม แต่พอวางใจได้ก็ได้สังเคราะห์กันอีกครั้ง ก็ได้ไปเปลี่ยนเครื่องใหม่มาค่ะ
แต่มาคิดอีกมุมนึงถ้าไม่ได้ไปเปลี่ยนเราจะทุกข์ใจมั้ย ตอบว่าไม่ทุกข์เลยค่ะเพราะวางใจได้ค่ะ
และโชคดีที่ไปซื้อพัดลมแล้วได้เห็นกิเลส
ได้เห็นทุกข์ ได้ล้างทุกข์ ได้ใช้วิบากกรรม
สาธุค่ะ
อริยสัจ 4(The 4 noble truth)
ชื่อเรื่อง เมตตาจิต
ได้ขอให้พี่น้องจิตอาสาช่วยตัดผมให้ ขณะที่ตัดผมอยู่เรานั่งหลับจนคอเอียงไปข้างนึง แบตเตอเลี่ยนจึงไถเข้าไปทำให้ผมตรงบริเวณเหนือหน้าผากขึ้นไปเล็กน้อยแหว่งลึกเข้าไป พี่ที่ตัดผมให้ก็พยายามแก้ไขแต่ก็แก้ไม่ได้ เพราะมันคงกินเข้าไปลึกมาก ทำให้เราเห็นความกังวลของท่านจึงบอกท่านไปว่าอย่ากังวลเลยให้ตัดเป็นสกินเฮดไปเลยก็ได้ แต่ท่านก็ไม่กล้าตัด จนผ่านไป 2-3 วันท่านก็ตามมาถามว่าจะช่วยแต่งผมให้ใหม่เอาไหม แต่เราก็บอกท่านไปว่าไม่ต้องกังวลนะ เพราะเราไม่ได้รู้สึกอะไรและก็ไม่ได้ส่องกระจก แต่วันถัดมาท่านก็มาถามอีก ทำให้เราเห็นและมั่นใจว่าท่านยังกังวลกับเราอยู่ แต่เราถามท่านๆก็บอกว่าไม่ได้กังวลอะไร เราจึงตั้งจิตว่าถ้าท่านมาถามครั้งที่ 3 เราจะยอมให้ท่านแต่งผมให้ใหม่ เพื่อคลายความกังวลใจของท่านและให้โอกาสท่านได้บำเพ็ญด้วย แม้เราจะรู้สึกว่าไม่ต้องทำก็ได้
ทุกข์(The Truth of suffering)
รู้สึกใจไม่เบิกบาน เพราะห่วงในความกังวลใจของเพื่อน
สมุทัย(The Truth of cause of suffering)
เห็นความกังวลใจของเพื่อนที่ท่านปรารถนาอยากให้เกิดสิ่งดีที่สุดกับเรา
นิโรธ(The Truth to end of suffering) ท่านจะกังวลหรือไม่กังวลเราก็ไม่ต้องทุกข์ใจอะไร ในเมื่อเราเองก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ใจอะไรกับสิ่งที่ได้รับ ทำใจให้เป็นสุขให้ได้ เพื่อให้พลังอันเกิดจากความปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นของเราแผ่ไปสู่ท่านให้คลายความกังวลไปด้วย
มรรค(The truth of the path to end of suffering)
วางใจลงว่าจะให้โอกาสพี่น้องได้แก้ไขในสิ่งที่ท่านยังมองว่าท่านยังทำพลาด ยังทำไม่สมบูรณ์ด้วยการให้ท่านได้แก้แต่งผมให้ใหม่ เพื่อเป็นการรักษาจิตวิญญาณของท่านและจะได้เป็นการฝึกจิตตัวเองให้รู้จักเมตตาและเห็นใจผู้อื่นด้วยแต่สุดท้ายท่านก็ไม่ได้มาถามอีก แสดงให้เห็นว่าความไม่เดือดเนื้อร้อนใจไม่กังวลใจที่มั่นคงของเราแผ่ไปถึงท่านให้คลายความกังวลตามได้จริงๆ
อยากเข้าห้องพิเศษ
เมื่อคืนนี้พ่อหอบมากขึ้นอีก น้องชายได้พ่นยาไป 3 ครั้ง ตอนเช้าเหนื่อยมากขึ้น พ่นยาเพิ่มอีกครั้งขอให้พามารพ. ไม่รอรับประทานอาหารเช้าแสดงว่า ไม่ไหว
ถึงรพ.ความดันสูงเล็กน้อย ออกชิเจนในปอดต่ำกว่าปกติ หอบเยอะ พ่นยา 3ครั้ง ฉีดยาไป 1เข็ม หมอให้นอนรพ. เพราะปอดยังไม่โล่ง ให้อยู่เตียงรวม ไม่ให้เข้าห้องพิเศษ เพราะต้องดูอาการมากกว่าปกติ รู้สึกขุ่นใจเล็กๆ อีกอย่างเจอน้องพยาบาล ไง!พี่แอ๋ว เจอโจทย์เก่า ถ้ามาก่อนสักครึ่งชั่วโมง เจอแพทย์อีกท่านก็คงได้เข้าห้องพิเศษ กิเลสเลยปรุงเข้าไปอีก
ทำไมไม่ให้เข้าห้องพิเศษนะ?
ไม่เห็นหอบเท่าไหร่เลย?
ทุกข์ พ่อไม่ได้เข้าห้องพิเศษ
สมุทัย ถ้าได้เข้าห้องพิเศษจะสุขใจ ไม่ได้เข้าห้องพิเศษจะทุกข์ใจ
นิโรธ จะได้เข้าหรือไม่ได้ห้องพิเศษก็สุขใจให้ได้
มรรค สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา แต่ก่อนก็เคยแกล้งเขาไว้หนักไม่ใช่หรือ เจอบางคนที่ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจก็ไปให้บริการช้าๆ บริการแบบขอไปที ไม่เต็มใจ ทำมาเยอะก็ต้องรับบ้าง ที่รับมาก็น้อยกว่าที่ทำมานะ เพราะรับตอนนี้ส่วนหนึ่ง อนาคตส่วนหนึ่ง รับแล้วก็หมดไปจะได้โชคดีขึ้น
โชคดีอีกแล้วร้ายหมดไปอีกแล้ว
รับเต็มๆ หมดเต็มๆ รับเท่าไหร่หมดไปเท่านั้น
และสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอโทษ ขออโหสิกรรมที่คิดไม่ดีต่อ แพทย์ท่าน ท่านพิจารณาดีที่สุดแล้ว ตามวิบากพ่อ วิบากเรา วิบากโลก
หลังพิจารณาความไม่ชอบก็หายไปณ.ตอนนั้น ใจไร้ทุกข์ค่ะ..สาธุ
จะเอาดีหรือชั่ว
วันนี้ 10 มกราคม 64 ขณะนอนเฝ้าพ่อที่รพ. ตอน 18.00 มีรายการเพลงโปรดที่ชื่นชอบมาก คือ รายการ Golden Song รายการเพลงเพราะ แต่ก่อนจะดูทุกวันอาทิตย์ แต่หยุดไปเกือบ 1ปีแล้ว ช่วงนี้เห็นมี โฆษณาและมาใหม่ แต่ก่อนไม่เคยล้าง คงกดข่มอย่างเดียว กิเลสมันบอกว่าดูเถอะ นานๆดูทีไม่เป็นไรหรอก
ทุกข์ อยากดูรายการเพลงเพราะ
สมุทัย ถ้าได้ดูรายการเพลงจะสุขใจ ถ้าไม่ได้ดูรายการเพลงจะทุกข์ใจ
นิโรธ จะได้ดูหรือจะไม่ได้ดูรายการเพลงก็สุขใจให้ได้
มรรค จะเอาอย่างนี้เลยหรือ เอาทุกข์ เอาชั่ว เอาวิบากอีกใช่ไหม ตอนนี้ที่รับอยู่ยังหนักไม่พอใช่ไหม จะเอาให้ถึงตายใช่ไหม แค่นอนติดเตียงไม่พอ แล้วยังมีพลังสันนิทาน เหนี่ยวนำให้คนอื่นเป็นตามแล้ววิบากนั้นต้องรับ พร้อมรับแล้วใช่ไหม? ดูการละเล่นมันเป็นอบายมุข ยังออกจากตัวนี้ไม่ได้อย่าหวังจะออกจากตัวอื่นได้เลย ตั้งศีลไว้ไม่ใช่หรือ มาดูเพลงพุทธะดีกว่า น่าดูกว่ากันเยอะเลย แถมเหนี่ยวนำความดีให้อีก
อย่าดื้อต่อศีล ดื้อต่อศีล ทำให้ทุกข์หนัก ทุกข์หนักมาก ทุกข์หนักที่สุด ที่ทำมาล้างให้หมดก่อนดีไหม
หลังพิจารณาก็ไม่อยากดูอีกแล้ว เข้าไปฟังธรรมะพ่อครูด้วยใจที่เบิกบาน แจ่มใสค่ะ..สาธุ
เรื่อง กลัวหลับใน
วันที่ 11 มกราคม เวลาประมาณบ่ายสองโมง ผมกับแม่บ้านขับรถออกไปส่งของในเมือง ตอนที่ขับรถอยู่นั้นรู้สึกง่วงนอนมากเพราะตื่นมาตั้งแต่ตี 2 กว่า ถ้าไม่ต้องไปส่งของคงจะนอนพักไปแล้ว ในระหว่างที่พยายามฝืนตัวเองขับรถอยู่นั้นก็รู้สึกเหนื่อยมาก มีอยู่แว้บนึงที่รู้สึกกลัวด้วย กลัวว่าจะหลับในแล้วเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็โชคดีที่ไม่เกิด สามารถอดทนจนขับรถกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยดี
ทุกข์ : มีความกลัวกังวลว่าจะหลับในขณะขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ
สมุทัย : เหตุแห่งความกลัวเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าหลับในแล้วเกิดอุบัติเหตุจะทุกข์ใจ
นิโรธ : สภาพใจที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ต้องทุกข์ใจเรื่องอุบัติเหตุที่ยังไม่เกิดและไม่ประมาท
มรรค : พิจารณาวิบากกรรม ยอมรับถ้ามันจะเกิดอุบัติเหตุ แต่เราต้องไม่ประมาท ถ้าง่วงสุด ๆ แล้วต้องหยุดขับรถก่อน
เรื่อง : ความไม่เที่ยง
เหตุการณ์ : เห็นผัดวุ้นเส้นในชามของเพื่อน ตอนเช้าก่อนเริ่มเรียน ตาแว๊บเดียวที่เห็นเพื่อนนั่งกินอยู่ แต่เป็นแว๊บที่ดูดเลย มีด้วยเหรอ? ผัดวุ้นเส้นตอนเช้า ในใจกระสับกระสาย อยากกิน อยากไปเอามากินตอนนี้ จะเริ่มเรียนแล้วก็ไม่สนใจ ใจกระวนกระวายไม่สงบได้เลย ไม่มีสมาธิเลย เอ๊า!…ตัดสินใจบอกหมู่พี่น้อง ขออนุญาตไปตักผัดวุ้นเส้น เดินไปในครัวด้วยอาการรีบร้อน สรุปว่าไม่มีแล้ว หมดไปแล้ว ว้า! อกหัก… อกพัง … คอหัก… ตักอย่างอื่นมา เดินหงอยๆ มาห้องเรียน เพื่อนแบ่งผัดวุ้นเส้นให้ ใจกระชุ่มกระชวยขึ้น พอได้กินจริงๆ ก็รสชาติไม่เหมือนที่อยากกิน ที่ตั้งภพไว้เลย ว้า! อกหัก อกพังอีกเป็นรอบที่ ๒ สรุปว่าถูกกิเลสหลอกปั่นหัวให้ทุกข์ กระวนกระวายใจ วุ่นวายใจ รีบร้อน รนๆ จนสำเร็จไปเรียบร้อยเลย
ทุกข์ : ทุกข์ใจอยากกินผัดวุ้นเส้น
สมุทัย : กิเลสอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ว่ารสชาติผัดวุ้นเส้นต้องอร่อยอย่างที่เราเคยกิน เคยจำได้หมายรู้ไว้
กิเลสชอบ-ชัง มีตัวชังที่ผัดวุ้นเส้นไม่อร่อย (อร่อย คือ รสสมใจกิเลส) ที่เราเคยกิน เคยจำได้
นิโรธ : ยึดมั่นถือมั่น ชอบ-ชังเป็นทุกข์ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ชอบไม่ชัง ไม่เป็นทุกข์ ใจสงบ เบิกบาน แจ่มใส ไร้กังวล ไร้ทุกข์ดีกว่า
มรรค : เห็นความไม่เที่ยงของกิเลสเรา พิจารณาไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน การเกิดดับของกิเลส จะโง่ให้กิเลสหลอกปั่นหัวเล่นอีกนานไหม จะทุกข์แบบนี้อีกนานไหม บอกกับตนเอง ครั้งต่อไปจะเตรียมตั้งรับ จะมีสติให้มากขึ้น ยินดีที่ได้เรียนรู้ สะสมประสบการณ์ไปก่อน สู้ๆ สาธุค่ะ
ชื่อเรื่อง:ปวดสะโพกบริเวณก้นกบ
เหตุการณ์ : ออกกำลังกายท่านอนทำให้น้ำหนักลงไปสะโพก กระดูกก้นกบปวด
ทุกข์:ปวดสะโพกบริเวณก้นกบ
สมุทัย:ชังอาการสะโพกบริเวณก้นกบ ชอบถ้าไม่ปวด
นิโรธ:ปวดหรือไม่ปวดก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค:หันไปมองหน้ากิเลส แล้วบอกมันว่า ต้องขอบคุณที่เขามาให้เรียนรู้ในขีดที่เจริญได้ มาเบากว่า ถ้าไม่ปฏิบัติศีลน่าจะหนักกว่านี้รับแล้วหมดไป ได้รู้ว่าแกยังเหลือเหลี่ยมอาการป่วยหนักแบบนี้ ได้ปรับสมดุลแช่สะโพก กัวซาหลัง ดื่มปัสสาวะทั้งวัน สำนึกผิดชอบกินขากบ หักขากบ กินสะโพกไก่ ขอบคุณที่แบ่งมาให้ค่ะ เบิกบานยินดีรับเลย อย่าบ่น กิเลสก็สลายไป
หนังสือหาย
หลังจากนอนเฝ้าพ่อที่รพ. ตอนเช้าน้องสะใภ้มาเปลี่ยนก็หอบปิ่นโต และตะกร้าอาหารเมื่อวานกลับบ้าน ในนั้นมีหนังสือของท่านอาจารย์ 2เล่มคือ
– ทบทวนธรรมเล่มเล็ก
– เทคนิคทำใจให้หายโรคเร็ว
ถึงบ้านเหลือเล่มเดียว รู้สึกเสียดายเพราะใช้ตลอดเวลาทำการบ้าน ท่องเกือบทุกวัน เล่มเล็ก พกพาสะดวก ที่สำคัญอาจารย์ให้เพชรเพิ่มมาหลายเม็ดมาก โทรมาให้น้องเดินดูจากตึกผู้ป่วยจนถึงหน้า รพ. ไม่เจอ
ทุกข์ หนังสือทบทวนธรรมหาย
สมุทัย ชังที่หนังสือทบทวนธรรมกาย ชอบที่หนังสือทบทวนธรรม
นิโรธ หนังสือทบทวนธรรมจะหายหรือไม่หายก็สุขใจให้ได้
มรรค โชคดีอีกแล้วร้ายหมดไปอีกแล้ว รับเต็มๆหมดเต็มๆ รับเท่าไหร่หมดเท่านั้น ดีแล้วละที่หายไป เรายังหาใหม่ได้ คนที่เจอเขาจะได้นำไปใช้ เขาจะได้พ้นทุกข์ เขาโชคดีจังที่ได้เจอสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต หนังสือนี้คงช่วยเขาได้บ้าง สักนิดก็ดีใจแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปทายใจเขาอาจจะไม่เห็นความสำคัญก็ได้
วิบากเรา วิบากโลกสังเคราะห์แล้วให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แล้วมาทดสอบว่าเราทำใจได้ไหม แว้บแรกก็เสียดาย แต่เมื่อคิดแบบพุทธะ ไม่ได้เสียดายมีแต่ดีใจมาแทนที่ค่ะ…สาธุ
ปวดต้นคอและสบัก
ช่วงนี้คงปรับสมดุลย์ร้อนเย็นมีปัญญา และวิบากเข้า ตอนอยู่ภูผาฟ้าน้ำ ปวดชายโครงซ้ายขณะทำโยคะท่า สะพานโค้ง ผ่านมาเดือนกว่าแล้วก็ยังปวดอยู่บ้าง
2 วันนี้มาปวดท่าดัดหลัง ขณะทำโยคะ ปวดต้นคอปวดร้าวถึงสะบัก เอี้ยวคอไม่ได้ ก้มคอไม่ได้ ลุกนั่ง นอนปวดมาก
ทุกข์ ปวดต้นคอ และสบักทั้ง2ข้าง
สมุทัย ชังอาการปวดต้นคอ สบัก ชอบถ้าไม่ปวด
นิโรธ ปวดหรือไม่ปวดก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค ก็ต้องขอบคุณที่มาบอกให้รู้ว่า ยังปรับสมดุลย์ร้อนเย็นยังไม่ดีพอ อาการหนาวก็จริงแต่ดันไปใส่ร้อนมากเกินไป ก็จะได้ปรับใหม่ให้ถูกสมดุลย์มากขึ้น โชคดีแล้วที่ได้ปฎิบัติศีลมิฉะนั้นหนักกว่านี้แน่ๆ รับแล้วก็หมดไป ก็จะโชคดีขึ้น รับเต็มๆ ก็หมดเต็มๆ
สำนึกผิด แต่ก่อนเคยตีหัวปลา ตีมันหลายครั้ง ปิดตาตีด้วย ตีจนมันตาย ขอโทษ ขออโหสิกรรม มันตายนะ เราโชคดีแค่เจ็บยังไม่เอาถึงตาย ขอบคุณที่แบ่งมาให้ค่ะ ก็ปรับสมดุลย์ไปค่ะ ปรับอาหาร ดีท็อกซ์ กัวซาคอ สบัก แช่มือแช่เท้า
ปวดทุกครั้งก็สำนึกทุกครั้ง และจะไม่ไปเร่งผลด้วย หายเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อทำเต็มที่แล้วยินดีรับด้วยใจที่เป็นสุข กิเลสตายค่ะ…สาธุ
ทุกข์จากการพนักงานไปรษณีย์คิดค่าส่งผิด
วันเสาร์ที่ผ่านมาพอดีเพื่อนนัดให้ออกไปเจอกัน เพราะสั่งของไว้แล้วเราก็จะเอาปฏิทินพ่อครู ปี 2564 ออกไปให้ด้วย จึงนัดเจอกันบ่ายสามโมงครึ่ง พอใกล้จะถึงเวลานัด เพื่อนไลน์มาบอกว่าจะขอเลื่อนเวลานัดเป็นสี่โมงเย็น เรากับพ่อบ้านก็เลยตัดสินใจว่างั้นขับเลยไปส่งของที่ไปรษณีย์กันก่อน ของที่จะส่งวันนี้มี 3 ชิ้น 2 ชิ้นส่งไปรษณีย์ อีก 1 ชิ้นส่งขนส่งเอกชน เหตุผลที่แยกส่งเพราะราคาค่าจัดส่งและความเร่งด่วนของการรับสินค้า สินค้า 2 ชิ้นที่ส่งไปรษณีย์ จัดส่งแบบลงทะเบียน จะมีค่าส่งชิ้นละ 16 บาท ส่วนอีกชิ้นส่งขนส่งเอกชน มีน้ำหนักกว่า 2 ชิ้นแรก ราคาค่าส่ง 25 บาท
พอไปถึงไปรษณีย์ ก็แจ้งพนักงานว่าส่งแบบลงทะเบียน 2 ชิ้น เราก็หยิบเงิน 32 บาทมาเตรียมไว้ เจ้าหน้าที่บอกว่าทั้งหมด 38 บาทครับ เราก็จ่ายเงินด้วยความงงๆ คิดว่าไปรษณีย์ปรับราคาค่าส่งขึ้น ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร พอเดินกลับมาที่รถก็บอกพ่อบ้านว่า ค่าส่ง 38 บาท แล้วก็เอาบิลออกมาอ่าน อ้าวไปรษณีย์ไม่ได้ส่งให้เราแบบลงทะเบียนนี่นา แต่ส่งแบบยิ้มสู้ 19 บาท
ทุกข์: เพราะบอกเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ว่าให้ส่งแบบลงทะเบียน แต่เจ้าหน้าที่ไปทำการส่งอีกแบบ เราไม่พอใจเพราะรู้สึกบอกไปแล้ว
สมุทัย:เพราะใจยึดมั่นว่าเราบอกถูกแล้ว ชอบถ้าเจ้าหน้าที่จะทำตามแบบที่เราบอก ชังถ้าเจ้าหน้าที่ทำนอกเหนือจากที่เราบอก
นิโรธ:ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะคิดราคาค่าส่งแบบไหน เราก็ไม่ทุกข์ใจ จะทำตามที่เราระบุหรือไม่ก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค:ก็เราทำอาชีพนี้ เราขายของออนไลน์ต้องส่งของประจำอยู่แล้ว มีบ้างที่เราคิดค่าส่งลูกค้าเกินไปเพราะคิดค่าน้ำหนักผิด ทำให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินเกิน วิบากนี้ก็มาให้เราชดใช้ ครั้งนี้ให้เราชดใช้ 6 บาท หรือครั้งหน้าอีกกี่บาท ก็ไม่ทุกข์ใจ เพราะเราเคยทำมาทั้งนั้น จะเก็บมาทุกข์ใจ หรือเพ่งโทษเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ทำไม ให้ได้วิบากเพิ่ม ตรงกับบททบทวนธรรมข้อที่ 5 คือ สิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับ โดยที่เราไม่เคยทำมา และบททบทวนธรรมข้อที่ 8 วิบากรรมมีจริง ทำอะไร ได้ผลอะไร ก็เกิดจากการกระทำของเราเองทั้งหมด เจอเรื่องดีเพราะทำดีมา เจอเรื่องไม่ดีเพราะทำไม่ดีมา ทั้งในปัจจุบันและอดีตสังเคราะห์กันอย่างละ 1 ส่วน คิดได้ว่าเราไม่ต้องได้ดั่งใจทุกครั้ง
หลังจากพูดคุยกับพ่อบ้านแล้ว พ่อบ้านก็เสนอว่างั้นอีกกล่องที่ต้องส่งขนส่งเอกชน 25 บาท เปลี่ยนมาส่งแบบยิ้มสู้ 19 บาทของไปรษณีย์แล้วกัน ก็เท่ากับไปประหยัดไป 6 บาท ไม่ขาดทุนค่าส่ง ไม่ขาดทุนเพราะได้ล้างวิบาก ไม่ขาดทุนเพราะได้เห็นกิเลส
Mr.Metha Wongwiwatwaitaya
เรื่อง : ไม่ชอบใจที่ลูกจะไปงานแต่งงานเพื่อน
เหตุการณ์ : วันนี้ลูกชายมาถามถึงเรื่องที่จะไปงานแต่งงานเพื่อน ซึ่งเราก็ได้บอกไปว่าช่วงนี้โรคติดต่อ covid-19 กำลังระบาดอย่างหนัก แถมยังมีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการอีกด้วย อย่าไปเลย ให้เอาซองไปฝากไว้จะดีกว่า แต่เจ้าลูกชายก็ยังยืนยันว่าจะไป เหตุเพราะเพื่อนที่จะแต่งงานนั้น เขาไปทุกงานเลยไม่เคยขาดชักงาน จึงจำเป็นต้องไป
ทุกข์ : ใจเป็นทุกข์ที่ลูกชายไม่เชื่อฟัง จะต้องไปร่วมงานแต่งงานให้ได้
สมุทัย : ทุกข์ใจ ไม่ชอบใจที่ลูกชายไม่เชื่อฟัง จะต้องไปร่วมงานให้ได้ ทั้งที่เราได้เตือนถึงโรคติดต่อ covid-19 กำลังระบาดอย่างหนัก
นิโรธ : รู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย ไม่ทุกข์ใจ ไม่ว่าลูกชายจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ได้ ลูกชายจะไปร่วมงานหรือไม่ไปร่วมงานก็ได้
มรรค : พิจารณาดูแล้ว ก็เห็นว่าเราก็เคยไม่เชื่อฟังพ่อแม่มาเหมือนกัน อีกทั้งยังเคยเถียงคอเป็นเอ็นอีกต่างหาก นี่แค่เขาส่งลูกชายมาเอาคืนบ้างเล็กน้อยจะเป็นไรไปแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ช่างโง่จริงๆ นะเรา ส่วนเรื่องลูกชายเรา เราได้ห้ามและเตือนแล้ว ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่เขาจะไปถ้าเกิดอะไรขึ้นมานั้นเอง
อริยสัจ 4
เรื่อง หมั่นไส้
เมื่อวันศุกร์ ที่ 8 มกราคม 2564 ที่ผ่านมาข้าพเจ้าไปทำงานตามปกติ เห็นเจ้านายใส่หน้ากาก อนามัย และยืนห่างจากตัวข้าพเจ้าประมาณ 2 เมตร กิริยาท่าทางเจ้านายแสดงออกให้เห็นถึงความระมัดระวังตัวเอง และ ท่านรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัด ณ เวลานั้นเองข้าพเจ้าก็เห็นอาการที่เกิดขึ้นในกายคือ คิ้วทั้ง 2 ข้างขมวดเข้าหากัน ในตาร้อนผ่าว ๆ และก็เห็นกิเลสตัวหมั่นไส้เจ้านายขึ้นมาทันที
ทุกข์ หมั่นไส้เจ้านาย
สมุทัย ไม่ชอบกิริยาท่าทางที่เจ้านายแสดงอาการระมัดระวังตัวมากเกินงาม (เหมือนกับว่าตัวข้าพเจ้าเป็นตัวเชื้อโรค) ชอบที่เจ้านายจะทำตัวเองเหมือนคนทั่ว ๆ ไปถึงแม้นจะใส่หน้ากากอนามัยอยู่ และรักษาระยะห่างอยู่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
นิโรธ ไม่ชอบไม่ชังกิริยาท่าทางที่เจ้านายแสดงต่อเรา เพราะท่านก็มีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ดีเสียอีกข้าพเจ้าเองจะได้ปลอดภัยไปด้วย แต่ก็อดหมั่นไส้ในกิริยาอาการของท่านไม่ได้ ที่ท่านแสดงอาการกลัวออกมามากขนาดนั้น
มรรค พอตั้งสติได้ ก็เลยรู้ได้ว่ากิริยาท่าทางที่เจ้านายแสดงออกมาให้ข้าพเจ้าเห็น เจ้านายกำลังแสดงละครที่มีเราเป็นตัวแสดงให้เราดูอยู่นะ นั่นนะมันคือตัวเราเลย และข้าพเจ้าก็รู้จักเจ้านายท่านนี้ดีว่าท่านเป็นคน เกิน 200 % ก็เลยทำให้ไม่ถึอสาและไม่ได้เพ่งโทษอะไรท่านมากไปกว่าการหมั่นไส้ นึกขอบพระคุณท่านที่ได้ทำให้เห็นกิเลส และทำให้ได้ฝักฝน ตนเองให้มีสัมมาทิฎฐิ ในการดำเนินชีวิต และจับกิเลสตัวเองได้ดีมากขึน กราบขอบพระคุณค่ะ เจ้านายที่แสนดี สาธุ
อย่าทายใจ
เนื่องจากพ่อไม่สบาย วันนี้เป็นคืนที่ 3แล้ว ไปนอนเฝ้าพ่อมา 2คืนแล้ว มีอาการปวดต้นคอและสบักด้วย จึงรู้สึกไม่โล่ง ยังโชคดีที่กลางวันมีน้องสะใภ้ไปช่วยดูแลให้ รู้สึกขุ่นๆที่น้องชายที่เหลืออีกคนไม่ถาม ไม่โทร ไม่คุยที่จะไปดูแลเลย
ทุกข์ ขุ่นใจที่น้องไม่มานอนเฝ้าพ่อ
สมุทัย ชอบถ้าน้องมาช่วยนอนเฝ้าพ่อ ชังที่น้องไม่มาช่วยนอนเฝ้าพ่อ
นิโรธ น้องจะมานอนหรือไม่นอนก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค หันไปมองหน้ากิเลสตัวโต อะไรเนี่ย โชคดีที่สุดแล้ว ที่มีโอกาสได้บำเพ็ญ แต่ละเดือนถ้าพ่อต้องนอนรพ.ก็ไม่เกิน 4 คืน ได้มา 2 คืนโชคดีแล้ว ถ้าได้เพิ่มเป็น 3 หรือ 4 ก็โชคดีมหาศาลเลย เห็นไหมพ่อนอนรพ. จับกิเลสได้ตั้งหลายตัว คุ้มสุดๆแล้ว
สมบัตินี้ไม่ใช่ของใครง่ายๆนี่คือสมบัติของนักบำเพ็ญ ต้องเอาศีลมาแลกจึงจะได้ ไม่เกี่ยวกับน้อง เราทำมาเราจึงได้
เราก็เป็นแบบที่น้องเป็นนั่นแหละ ไม่พูด ไม่บอก ปล่อยให้ทายใจไป รับไป รับแล้วก็หมดไปจะได้โชคดีขึ้น อย่าไปทายใจใครเด็ดขาด ทุกคนก็มีเหตุผลกว่าล้านเหตุผล
ถ้าน้องไม่ว่างก็พร้อมจะเฝ้าอยู่แล้ว วางใจ โล่งใจ สบายใจ ถามไป..ว่างไปนอนกับพ่อไหม?
น้อง บอกคืนนี้ผมไปนอนครับ
ในโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่า”การดับทุกข์ใจให้ได้”
เมื่อวางใจได้ เราได้ทุกอย่างจริงๆ จับไปทีละตัวๆ.สาธุ
ส่งการบัานอาริยสัจ๔
น.ส.จาริยา จันทร์ภักดี
รหัสน.ศ.6012007003
เรื่อง. นัดเวลาไปตรวจวัดคนไข้ความดันโลหิตสูง
พอดีรู้แล้วว่าต้องไปตัดกรองความดันแต่เวลาเขานัดลงพื้นทีวางไม่ตรงกัน
ทุกข์ :ไม่ได้ไปร่วมคัดกรองพร้อมนักศึกษา
สมุทัย ยึดว่าจะไปคัดกรองได้ทำงานเป็นทีมจะสุขใจ
ถ้าไม่ได้ไปทำงานรวมทีมกน้องๆนักศึกษาจะสึกเดี่ยวๆจะทให้ทุกข์ใจ
นิโรธ : จะไปทำงานร่วมกับทีมนักศึกษาได้หรือไม่ก็จะไม่ทำให้ทุกข์
มรรค วางใจได้เพราะเราได้เตรียมลงพื้นที่ตองหลัง16.00น.ใช้เวลา2ชั่วโมงเส็จภารกิจวางใจที่ไม่สร้างเงื่อนที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ได้ชีวิตที่ไม่มีเงื่อนไขใจไร้ทุกข์ค่ะ
ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ
เรื่อง. ตัดหญ้าตัดกิเลส
ตอนสายของวันที่11ได้ไปตัดหญ้าสวนหลังบ้าน
ตัดไปประมาณชั่วโมงกว่าๆรู้สึกเหนื่อยอยากดื่มน้ำ จับความรู้สึกขณะที่กำลังตัดหญ้าอยู่ พอยิ่งเหนื่อยสายตาก็มองกลับไปทางบ้านใจอยากให้พี่สาวเอาน้ำมาให้ ยิ่งยึดอยากให้เค้าเอามาให้มากเท่าไหร่สายตาก็ยิ่งมองหาบ่อยครั้ง เพราะเราให้ความสำคัญกับตัวเองเพราะทุกครั้งที่ตัวเองตัดหญ้าพี่สาวจะเอาน้ำไปให้ทุกครั้ง แต่วันนี้ยังไม่เอามาให้เลย แต่ขณะที่กำลังตัดหญ้าต่อไปเรื่อยๆก็เริ่มวางใจได้นั้นพี่สาวก็เดินมาถึงเราพอดีพร้อมกับข้าวหลามและน้ำมะพร้าว1ขันค่ะ
ทุกข์.อยากให้พี่สาวเอาน้ำมาให้ดื่ม
สมุทัย.ยึดอยากได้สภาพดีๆจากพี่สาวถ้าเค้าเอาน้ำมาให้ดื่มจะสุขใจ ถ้าไม่เอาน้ำมาให้จะทุกข์ใจ
นิโรธ.วางใจพีสาวจะเอาน้ำมาให้ก็สุขใจหรือไม่เอาน้ำมาให้ก็สุขใจ ถือว่าเราจะได้อะไรอย่างไรเมื่อไหร่ก็เป็นไปตามกุศลอกุศลของเรา
มรรค.พิจารณาโทษของความยึดมั่นถือมั่นว่ายิ่งเรายิ่งยึดก็ยิ่งเหนื่อยร่างกายก็ยิ่งเสียพลังงานใจก็ขุ่นมัวและพิจารณาประโยชน์ของการวางใจไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นใจก็โล่ง ทำให้เห็นกิเลส ได้เห็นทุกข์ ได้ล้างทุกข์ ได้ใช้วิบากกรรม และอนิงสงค์ที่เราวางใจได้ก็ทำให้ได้ดื่มน้ำที่พี่สาวเอามาให้ค่ะ
#กลัวกังวลว่าผลเลือดจะออกมาไม่ดี
เนื่องจากช่วงต้นเดือนหน้า (ก.พ. 64) จะถึงกำหนดที่ผมจะต้องไปตรวจติดตามผลในเรื่องโรคมะเร็งอีกครั้งหนึ่ง และก่อนตรวจก็ต้องทำการเจาะเลือดไปก่อน
ซึ่งผลจากการเจาะเลือดเมื่อการตรวจติดตามผลครั้งที่แล้ว (เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา) ผลเลือดออกมาไม่ค่อยดีเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
จึงส่งผลให้การเจาะเลือดในครั้งนี้ผมมีความกล้ว กังวล ระแวง หวั่นไหวว่าผลเลือดจะออกมาไม่ดีเหมือนในครั้งที่แล้วหรือแย่ไปกว่าเดิม
ทุกข์ : มีความทุกข์ใจจากการกลัว กังวล ระแวง หวั่นไหว ว่าผลเลือดจะออกมาไม่ดี
สมุทัย : จะรู้สึกสุขใจถ้าผลเลือดออกมาดีและจะทุกข์ใจถ้าผลออกมาไม่ดี
นิโรธ : ไม่ว่าผลเลือดจะออกมาดีหรือไม่ดีก็สามารถสุขใจได้ (เพราะรู้ว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดมาจากการที่ผมได้ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้แล้ว)
มรรค : หมั่นพิจารณาความจริงตามความเป็นจริงและทำใจในใจให้แยบคายในเรื่อง “วิบากกรรม” ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้รับไม่ว่าจะดีหรือร้ายเพียงใดก็ล้วนเกิดมาจากการกระทำของเราเองทั้งนั้น
นำเนื้อหาสาระใน “คาถาทำใจให้หายโรคเร็ว” อย่าโกรธ อย่ากลัวเป็น อย่ากลัวตาย อย่ากลัวโรค อย่าเร่งผล และอย่ากังวล
ตลอดจนเนื้อหาสาระใน “บททบทวนธรรม” โดยเฉพาะในข้อที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วย เช่น “กายนี้มีไว้เพื่อดับทุกข์ใจเท่านั้น กิจอื่นนอกจากนี้ไม่มี” และในข้อที่เกี่ยวกับความยึดมั่นถือมั่น เช่น “ต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นให้ได้ จึงจะได้” มาทบทวนและทำความเข้าใจบ่อยๆ
ลูกชายไม่ช่วยทำสวน
เมื่อคืนก่อนนอนคุยกับลูกชาย ถ้าไม่ไปไหนไปเข้าสวนกันหน่อยไหม ไม่ได้เข้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว ลูกก็รับปาก ตอน7โมงกว่า เรียกลูก 3ครั้ง สุดท้ายลูกลงมา ก็นอนเล่นโทรศัพท์ จึงเข้าไปคนเดียว ใจแช่มชื่นนะ ถึงสวนก็ยังคาดหวังว่าลูกจะตามมา ก็ทำสวนไปเรื่อยไป ร้องเพลงอาจารย์ไปด้วย แต่สักพักชักร้องไม่ค่อยออก ไม่เห็นลูกตามมา
ลูกอาจจะมีงานที่สะสางไม่เสร็จ
ที่บ้านฝนคงตก เพราะที่สวนมืดมาก
ไม่ได้เข้ามาก็โทรมาบอกสิ ทำไมไม่บอกอะไร
แนะ!!!อย่าทายใจเลย ค่อยไปคุยกันดีกว่า
ทุกข์ ลูกไม่มาช่วยงานในสวน
สมุทัย ชอบที่ลูกมาช่วยงาน ชังที่ลูกไม่มาช่วยงาน
นิโรธ ลูกจะมาช่วยงานหรือไม่มาช่วยงานก็สุขใจ
มรรค เจ้ากิเลส คิดว่าตัวนี้หมดแล้ว ยังไม่หมดอีกหรือนี่ จะเอาอะไรกับลูกชายกันหนักกันหนา เขาไม่เกเร ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นคนมีศีลระดับที่เขาเป็นได้ ก็ดีมากแล้ว ช่วงอายุเท่าเขา เราก็แย่กว่านี้อีก
สิ่งที่ได้รับคือสิ่งที่ทำมา รับไป รับแล้วก็หมดไป จะได้โชคดีขึ้น
ระวังกิเลสมันมาหลอกให้ยึดมั่นถือมั่น
ความสำเร็จของใจที่พ้นทุกข์ คือความจริง
ใจเรานี่จะคิดให้ทุกข์ทำไม ไม่ใช่พุทธะแล้ว เลิกคิดใจเบิกบาน ทำไปร้องเพลงไปต่อได้
กลับถึงบ้านถามลูกเขาตอบว่า งานของลูกยังไม่เสร็จครับแม่…ครับ …สาธุ
พ่อจะกลับบ้าน
วันนี้เป็นวันที่ 4แล้ว ที่ พ่อนอนรพ. ขณะเข้าสวน น้องสะใภ้โทรมาให้คุยกับพ่อหน่อย พ่อจะไม่อยู่รพ.แล้ว จะกลับบ้าน อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ออกไปไหน จะไปเดินก็ไม่ได้ พยาบาลไม่ให้ออกไปกลัวโควิท เก็บของเลย ไปจ่ายค่าห้องเลย
โทรศัพท์คุยกับท่าน พ่อหายดีแล้วใช่ไหม หายแล้วกลับบ้านได้ค่ะ
แต่ตอนนี้อากาศหนาวมาก ถ้ายังไม่หายก็นอนต่อก่อนดีไหม
ให้หมอตรวจถ้าหมออนุญาตก็ค่อยกลับนะ
พ่อจะกลับบ้าน อยู่ก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งๆนอนๆพ่อเบื่อ
ใจมันขุ่นนิดๆ จะใจร้อนไปไหนเนี่ย
ใคร! ใคร! ใจร้อน เรานั้นเอง
ทุกข์ พ่อไม่อยากนอนรพ.อยากกลับบ้าน
สมุทัย ถ้าพ่อยังหอบ ชอบถ้าพ่อนอนรพ.ชังถ้าไม่นอนรพ.
นิโรธ พ่อจะนอนหรือไม่นอนรพ.ก็สุขใจ
มรรค นี่มันกิเลสตัวใหญ่มากๆ ของตัวเองเลยค่ะ ใจร้อน เอาแต่ใจ โมโห นี่เราชัดๆ ไม่ใช่พ่อ รับเต็มไป หมดเต็มๆ รับแล้วก็หมดไปจะได้โชคดีขึ้น โชคดีอีกแล้ว ร้ายหมดไปอีกแล้ว เชื่อและชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งจริงๆ ทำไมโชคดีทุกวันเลยช่วงนี้ ดีจังเลย
ไม่ใช่พ่อ เรา เรา เรา
สรุป หมอให้นอนต่ออีกค่ะ ปอดด้านขวายังไม่โล่ง ลดความใจร้อนทั้งลูกทั้งพ่อค่ะ….สาธุ
ส่งการบ้านอริยสัจ๔
ชื่อน.ส.จาริยา จันทร์ภักดีระหัสน.ศ.6012007003
สองเท้าก้าวถึงที่หมาย
วันนี้ตอนเช้าออกจากบ้านนั่งรถหลานเค้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุร.พ.ตอนเย็นก็มักจะกลับด้วยกันตลอดทุกๆวันวันนี้หลานเขยบอกว่าจะตอนไม่ได้มารับหลานสาวเขาจะกลับกับรถเพื่อนที่ทำงานด้วยกันทีนี้ก็ดิฉันจะกลับสองแถวก็กังวลโรคโควิดผู้โดยสารมักจะเป็นพม่าเลยสองเท้าพึ่งตนกัาวเดิน5ก.ม.ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ทุกข์ :จะกล้บบ้านไม่มีรถส่วนตัว
สมุทัย ชังที่จะไปรถประจำทางพม่ามาก
ชอบถ้าได้ไปกลับรถส่วนตัวจะหายกังวลเรื่องโควิด19ไม่มีรถที่เว้นระยะห่างได้เลยทุกข์
นิโรธ ถึงหลานจะมารับหรือไม่ได้มารับก็ไม่กังวลเรายังช่วยเหลือตัวเองได้
มรรค เสร็จงานก็เตียมตัวเดินทางกลับบ้านจากร.พ.มาเรื่อยๆทำให้ได้ออกกำลังกายในตัวพร้อมกับร้องเพลงสิบเท้าก้าวไปด้วยใจมั่นคงเร่งดำรงสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ด้วยใจมั่นคงทำให้มีฉันทะในการเดินทางอย่างเพลินเหนื่อยบ้างทำให้เรามีกำลังต่อสู้กับอุปสรรคตั้งตนอยู่บนความลำบากกศุลธรรมเจริญยิ่งและทำให้มีกำลังใจใการเดินถึงจุดหมายอย่างเบิกบานไร้กังวลสาธุค่ะ
เรื่อง ไม่อยากล้างถั่วหรั่งคนเดียว
ได้สั่งเพื่อนให้ส่งถั่วหรั่งจากตรังมาที่ภูผาฟ้าน้ำ 30 กก.เลยต้องมานั่งล้างดินโคลนออกจากถั่วหรั่งก่อนต้ม ใจไม่อยากล้างเพราะว่าอากาศหนาวแล้วน้ำก็เย็นมาก จึงเดินไปชวนเพื่อนๆว่ามีใครสนใจมาช่วยล้างถั่วไหมคะ แต่เพื่อนๆก็กำลังมีภาระงานอื่นทำก็เลยมานั่งล้างถั่วคนเดียว คอยเพื่อนๆมาช่วย
ทุกข์ อากาศหนาวน้ำเย็นมาก ไม่อยากล้างถั่วหรั่งคนเดียว
สมุทัย ถ้าเพื่อนมาช่วยล้างจะสุขใจ
ไม่มีเพื่อนมาช่วยล้างจะทุกข์ใจ
นิโรธ เพื่อนจะมาช่วยล้างหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ล้างถั่วไปคนเดียวด้วยใจที่เบิกบาน
มรรค ได้ระลึกถึงเวลาเราเห็นเพื่อนล้างผักเราก็เดินผ่าน ไม่อยากเข้าไปช่วยล้าง อากาศหนาวเราไม่อยากโดนน้ำเย็นๆ ได้สภาวะธรรมใช้บททบทวนธรรม ่”สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมาไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา” ทำให้ล้างถั่วไปก็ยิ้มไปเพราะเป็นวิบากของเราเองที่เราต้องรับ สำนึกได้ก็ทำให้รู้สึกว่าล้างถั่วนี่ก็ดีเหมือนกันรู้สึกว่ามีสมาธิในการพิจารณาจิตของเราให้ละเอียดขึ้นเพราะเม็ดถั่วแต่ละเม็ดจะมีเม็ดดีและเม็ดเสียที่ต้องเลือกทิ้ง เหมือนกิเลสแต่ละตัวที่เราต้องพิจารณาให้ละเอียดขึ้นได้สังเคราะห์ในการฆ่ากิเลสแต่ละตัว หลังจากนั้นก็มีเพื่อนมาช่วยล้าง 2 คน
เรื่อง ตัวเองแท้ๆ
ในบ้านแต่ละวันมีเหตุการณ์ซ้ำกันเสมอๆแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้เกิดอาการหงุดหงิดพ่อบ้านขึ้นมาเมื่อเห็นพ่อบ้านใส่รองเท้าเปื้อนเดินไปเดินมาบนพื้นข้างบ้านทำให้พื้นเปื้อนไปทั่ว จึงพูดขึ้นว่าได้อริยสัจ 4 แล้ว จากนั้นเห็นพ่อบ้านเลี่ยงลงเดินในร่องน้ำ ได้สติรู้สึกผิดว่าปากเร็วจริงไม่น่าพูดเลยเรื่องแค่นี้เอง เราต่างหากที่ใจยังเปื้อนเพราะยังเห็นแก่ตัวจะเอาดีจากพ่อบ้านอยู่ อยากให้พ่อบ้านทำพื้นสะอาดแต่จะเป็นได้อย่างไรหากเรายังวางใจไม่ได้ จึงขอโทษพ่อบ้าน
ทุกข์:หงุดหงิด ที่พ่อบ้านใส่รองเท้าเปื้อนเดินบนพื้นจนพื้นเปื้อน
สมุทัย:เพราะเราเห็นแก่ตัวจะเอาดีจากพ่อบ้านด้วยการยึดดีว่า ถ้าพ่อบ้านไม่ใส่รองเท้าเปื้อนเดินบนพื้นแล้วจะชอบ พอพ่อบ้านใส่รองเท้าเปื้อนเดินบนพื้นจึงชัง หงุดหงิด
นิโรธ:พ่อบ้านจะใส่รองเท้าเปื้อนเดินหรือไม่ เราต้องมีสภาพไม่ชอบ ไม่ชังให้ได้
มรรค:ตั้งสติแล้วพิจารณาว่าดีเหมือนกันที่เจอแบบนี้เพราะ”เจอผัสสะไม่ดี ได้โชค 3 ชั้นคือ ได้เห็นทุกข์ ได้ล้างทุกข์ ได้ใช้วิบาก ได้ใช้วิบากที่ไม่ดี ร้ายนั้นก็หมดไป ดีก็จะออกฤทธิ์ได้มากขึ้น”พร้อมทั้งขอโทษ ขออโหสิกรรม
เรื่องกลัวส่งการบ้านไม่ได้
เหตุการณ์ จะส่งการบ้านกดเข้าลิงค์วิชารามแต่เข้าไม่ใด้ครั้งก่อนๆเข้าใด้ลองหลายครั้งจนมันบล๊อค
ทุกข์ ทุกข์ที่ส่งการบ้านไม่ใด้
สมุทัย ถ้าส่งการบ้านใด้จะสุขใจส่งการบ้านไม่ใด้จะทุกข์ใจ
นิโรธ จะส่งการบ้านใด้หรือส่งไม่ใด้เราก็ต้องสุขใจให้ใด้
มรรค เห็นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอนทุกสื่งทุกอย่างย่อมแปลี่ยนแปลงใด้เสมอล้างตัวอยากใด้ดั่งใจความยึดมั่นถือมั่นเมื่อวางใจใด้ก็ไม่ทุกข์ใจและใด้เห็นว่ายังมีวิธีอื่นที่สามารถทำใด้
ทุกขอริยสัจ ๔
ไม่มีอะไรบังเอิญ
เช้าวันอังคารได้ไปซื้อของตั้งแต่เช้า 8.00 น วันนี้มีหิมะและฝนตก อากาศอยู่ที่ 2 องศา ซื้อของเสร็จประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เตรียมตัวขับรถกลับบ้าน แต่รถสตาร์ทไม่ติด ก็ลองสตาร์ทไปสี่ครั้ง และก็พิจาณาว่าลืมอะไรทำไมไม่ติดก็นึกได้ว่าคงจะเป็นที่แบตเตอรี่ เผอิญไม่ได้เอามือถือไปด้วย ก็พิจารณาว่าจะทำยังไง ก็เลยเดินไปบ้านเพื่อนที่อยูใกล้ร้านขายของ รู้สึกหนาวและก็นึกไปว่าเราจะเปียกไหม พอไปถึงก็กดกิ่ง กดไปสองครั้งก็ไม่มีใครเปิดก็พิจารณาว่าคงเช้าไปเพราะยังไม่ 9 โมงเลย ก็เลยต้องเดินกลับบ้าน รู้สึกหนาวฝนหิมะก็เริ่มตกแรง เห็นกายเริ่มหนาวมากขึ้นและพิจารณาดูใจก็ยิ้มได้นะ พอเดินขึ้นเนินบนถนนคนเดินรู้สึกว่าถนนลื่น ก็รู้สึกกลัวว่าตัวเองจะล้มหรือลื่น เพราะรองเท้าที่ใส่เป็นรองเท้าสปอร์ต และก็คิดไปว่าถ้าล้มแล้วจะทำยังไง
กลับมาพิจารณา มันยังไม่เกิดไปสร้างความกลัวรอ ก็เพิ่มความระวังในการเดิน เดินช้าๆและก็เดินบนถนนรถวิ่งคอยระวังรถเอา และก็ถึงบ้านประมาณ 1 ชั่วโมงอย่างปลอดภัย
ทุกข์ : กลัวล้ม
สมุทัย : หิมะตกทำให้ถนนลื่น จะต้องเดินกลับบ้าน
นิโรธ : เหตุการณ์ยังไม่เกิด จะไม่คิดและไม่ปรุงแต่งรอ แม้จะเกิดแต่ใจอย่าทุกข์
มรรค : เมื่อความกลัวเกิด พิจารณา นี่เราคิดไปก่อน สร้างทุกข์รอ สร้างความกลัวให้ตัวเองอยู่นะ อยู่กับปัจจุบัน ก็นึกถึงบทธรรมของท่านอาจารย์หมอเขียว กลัวสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้น ก็พิจารณาดูใจตัวเองความกลัวก็หายไป 90% ก็เพิ่มความระมัดระวังในการเดินและเดินช้าๆ และก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
สาธุค่ะ
เรื่อง อย่าผิดศีล
พ่อบ้านเตรียมตัวจะออกไปเล่นแบตมินตัน เห็นตัวเองยังมีอาการไม่ชอบใจอยู่นิด ๆ ในใจ ก็เลยบอกกิเลสไปว่า ดีก็เป็นของท่าน ชั่วก็เป็นของท่าน อย่าไปถือสาท่านเลยวันที่ท่านทุกข์จนเกินทนท่านก็หยุดเองแหละ ต้องขอบคุณท่านต่างหากที่ทำให้เราเห็นกิเลสความไม่ชอบใจ พอพิจารณาอย่างนี้ใจก็เบิกบานยินดี
ทุกข์ ไม่อยากให้พ่อบ้านไปเล่นแบตมินตัน
สมุทัย ไม่ชอบใจที่พ่อบ้านออกไปเล่นแบตมินตัน ใจยึดมั่นถือมั่นว่าถ้าท่านไม่ไปเล่นแบตมินตันจะชอบใจ สุขใจ
นิโรธ พ่อบ้านจะไปเล่นแบตมินตันหรือไม่ก็ไม่ทุกข์ใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละชีวิต
มรรค พิจารณาเห็นความจริงตามความเป็นจริงว่า แต่ก่อนเราก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ แม่ให้ทำงานเราก็อยากจะไปวิ่งเล่น แต่ตอนนี้เรารู้ว่าการทำงานและออกกำลังกายไปด้วยกันได้ แต่พ่อบ้านท่านยังไม่เข้าใจ แล้วเราจะไปอยากให้ท่านเห็นเหมือนกันกับเราก็เป็นการขโมยเอาของที่เขาไม่ได้ให้ เป็นการขโมย ผิดศีล เราควรยินดีรับแต่ของที่เขาให้ พอเราพิจารณาอย่างนี้ใจก็เบิกบานยินดี ไม่ได้แสดงกิริยาที่ไม่ดีหรือต่อว่าพ่อบ้านเลย
เรื่อง อย่าผิดศีล (แก้ไข หลังตรวจการบ้าน)
พ่อบ้านเตรียมตัวจะออกไปเล่นแบตมินตัน เห็นตัวเองยังมีอาการไม่ชอบใจอยู่นิด ๆ ในใจ เพราะเราเห็นว่าการละเล่นหรือกีฬาเป็นอบายมุข ก็เลยบอกกิเลสไปว่า ดีก็เป็นของท่าน ชั่วก็เป็นของท่าน อย่าไปถือสาท่านเลยวันที่ท่านทุกข์จนเกินทนท่านก็หยุดเองแหละ ต้องขอบคุณท่านต่างหากที่ทำให้เราเห็นกิเลสความไม่ชอบใจ พอพิจารณาอย่างนี้ใจก็เบิกบานยินดี
ทุกข์ ไม่อยากให้พ่อบ้านไปเล่นแบตมินตัน
สมุทัย ไม่ชอบใจที่พ่อบ้านออกไปเล่นแบตมินตัน ใจยึดมั่นถือมั่นว่าการละเล่นหรือกีฬาเป็นอบายมุขถ้าท่านไม่ไปเล่นแบตมินตันจะชอบใจ สุขใจ
นิโรธ พ่อบ้านจะไปเล่นแบตมินตันหรือไม่ก็ไม่ทุกข์ใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละชีวิต
มรรค พิจารณาเห็นความจริงตามความเป็นจริงว่า แต่ก่อนเราก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ แม่ให้ทำงานเราก็อยากจะไปวิ่งเล่น แต่ตอนนี้เรารู้ว่าการทำงานและออกกำลังกายไปด้วยกันได้ แต่พ่อบ้านท่านยังไม่เข้าใจ แล้วเราจะไปอยากให้ท่านเห็นเหมือนกันกับเราก็เป็นการขโมยเอาของที่เขาไม่ได้ให้ เป็นการขโมย ผิดศีล เราควรยินดีรับแต่ของที่เขาให้ พอเราพิจารณาอย่างนี้ใจก็เบิกบานยินดี ไม่ได้แสดงกิริยาที่ไม่ดีหรือต่อว่าพ่อบ้านเลย
เพ่งโทษน้องทำความสะอาด
ที่รพ.มีน้องพนักงานทำความสะอาด ใจมันไปเพ่งโทษเขาเกือบทุกครั้งที่เจอ ไม่เคยได้ล้างเลย กดข่มทุกครั้ง เวลามาทำความสะอาด จะทำแบบไม่ตั้งใจ กวาด2-3ครั้งก็ถูแล้ว ปกติก็เคยขอให้เขากวาดเพิ่ม บางครั้งก็ทำเอง ทำไมใครไม่ตักเตือนเลยหรือ ทำไมน้องหัวหน้ายังจ้างทำอยู่นะ แนะ!!! ไปเพ่งโทษเขาอีก
ครั้งนี้ตอนอยู่ห้องรวม กวาดแบบขอไปที จนเข้าห้องพิเศษ แล้วบังเอิญตอนเช้า กระดาษคั่นหนังสือตกไปในร่อง ก็เลยขยับเก้าอี้ที่เป็นเตียงนอน กวาดขยะได้เยอะมาก น้องมาทำความสะอาดมาเห็นเขาตกใจ
ขยะอะไรทำไมเยอะจัง?
น้องได้ขยับแล้วกวาดบ้างไหมค่ะ?
ขยับและกวาดอยู่ค่ะ? ออ!ค่ะ
ทุกข์ พนักงานทำความสะอาด ทำงานไม่เรียบร้อย
สมุทัย ชอบที่พนักงานทำงานเรียบร้อย ชังที่ทำงานไม่เรียบร้อย
นิโรธ พนักงานทำงานเรียบร้อยหรือไม่เรียบร้อยก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค กิเลสตัวนี้โตมากเลย ตั้งแต่ได้เป็นหัวหน้าก็จะดูไปหมด เห็นไปหมด จนทุกคนคงรำคาญมาก ตกลงใคร? ไม่ใช่น้อง เรา เรา เรา ทำมาทั้งนั้น
เวลาแม่ให้กวาดบ้าน ก็ทำแบบขอไปที ทำต่อหน้าแม่เท่านั้น ตรงอื่นไม่ทำ รับเต็มๆ จะได้หมดเต็มๆรับแล้วก็หมดไป จะได้โชคดีขึ้น
ยินดีในความไม่ชอบ ไม่ชังได้พลังสุดๆ
อยากได้สิ่งใด จงคิดสิ่งนั้นกับผู้อื่น
หลังจากนั้นใจไม่ทุกข์ ใจเบิกบาน ดีจังที่ได้ล้างกิเลสตัวนี้ที่กบดานมานาน….สาธุ
เรื่อง ความเร่งรีบของพ่อบ้าน
วันไหนที่เราตื่นสายหน่อย(ไม่สายมาก) ถ้าพ่อบ้านตื่นก่อนเขาจะเข้ามาในครัวหุ้งข้าว แล้วก็ไปนั่งกินกาแฟ ชมนกชมไม้ นั่งอยู่พักหนึ่งแหละ เราต้องรีบมาทำกับข้าวให้เขากินก่อนที่จะไปสวนพ่อบ้านเป็นคนขยันทำงานอยู่ แต่ทำด้วยความรีบเร่งแถมบางทีจะมาพาลกับเราเสียอีก ไม่เข้าสโลแกนเราเลย ความสำเร็จของงานไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จของงาน
ทุกข์ # เร่งงานมาตลอด
สมุทัย # ชอบที่จะให้พ่อบ้านทำงานแบบเบิกบานแจ่มใส
นิโรธ # เขาจะทำงานแบบทุกข์ใจก็ได้ไม่ทุกข์ใจก็ได้เราต้องไม่เป็นทุกช์ใจไปกับเขา
มรรค # ที่เขามาเร่งเราเรื่องทำกับข้าวในตอนเช้าเราก็พร้อมปรับปรุงแก้ไขตัวเอง เราต้องคิดว่าเราก็เคยไปเร่งผู้อื่นมาเช่นกัน โชคดีอีกแล้วได้ใช้วิบาก ที่จริงเราก็อายุเยอะกันแล้ว งานบ้านงานสวนเราก็มากอยู่ แต่ถ้าเราทำมันไปเรื่อยๆแบบเบิกบานแจ่มใส ใจเราจะเป็นสุขกว่าแต่เราบอกเขาไม่ได้เราไม่มีหน้าที่สอนเขาให้ความทุกข์สอนเขาเอง จงทำดีเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร คือสุดยอดแห่ง ความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส
การบ้าน
สาคร รอดรัตน์ สังกัดสวนป่านาบุญ2
เรื่อง : เสียดายต้นกล้วย และถังน้ำหมัก
เหตุการณ์ :ต้นกล้วย 3 ต้นลูกกำจะแก่และออกปลี ริมสระ ล้มทับกันถูกถังน้ำหมักแตก
ทุกข์: เสียดายกล้วยและถังน้ำหมัก
สมุทัย: ชอบถ้าครอบครัวกล้วยไม่ล้ม และทับถังแตก ชังที่กล้วยล้มและทับถังแตก
นิโรธ :ครอบครัวกล้วยล้มทับถังแตก หรือจะไม่ล้มก็ได้ เราก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : วางใจทุกอย่างไม่เที่ยงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
การได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเราไม่ได้ดั่งใจเราเป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่าที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลสคือความหลงชิงชังรังเกียจหลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา
การบ้าน :
สาคร รอดรัตน์ (ป้าหนุ่ย) อายุ 64 ปี สังกัดสวนป่านาบุญ 2
เรื่อง: เห็นต้นมะม่วงหิมพานต์จะออกผลได้กินแล้วถูกตัด 4 ต้น คิดว่าไม่ดีเลยนะทำอย่างนี้ ถามเขาว่าตัดทำไม เขาว่าจะได้กินยอด เขารูสึกผิดขอโทษ เราผิดที่ทำให้เขา
ทุกข์ : เห็นต้นมะม่วงหิมพานต์กำลังจะออกลูกถูกตัด
สมุทัย : ชอบถ้าเขาไม่ตัด ไม่ชอบที่เขาตัด เราควรรักษาจิตใจคนสำคัญ
นิโรธ: เขาตัดต้นมะม่วงแล้ว หรือจะยังไม่ตัดก็ได้ วางใจ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : ต้นไม้ โดนตัดไปแล้ววางใจ ไม่ควรถามให้เขาทุกข์ใจ เราผิดเอง ต้องสำรวมกายวาจาใจให้มากกว่านี้ขอโทษและขออโหสิกรรม เราต้องรู้ว่าแต่ละคนมีฐานจิตแตกต่างกันเราจึงควรประมาณ การกระทำให้เหมาะสมกับฐานจิตของเรา และฐานจิตของผู้อื่น คิดดี พูดดี ทำดีไว้ก่อนดีที่สุด สาธุ
ชื่อเรื่อง : ยิ่งหนาว ยิ่งแข็งแรง
🍀
เนื้อเรื่อง : วันนี้ได้บำเพ็ญฐานครัวแต่เช้าตรู่ อาท่านหนึ่งส่งฟักมาให้ลูกหนึ่ง ทั้งใหญ่และหนักมาก ท่านแนะนำให้ปลอกเปลือกออกตลอดทั้งลูก เพื่อจะใช้ที่ขูดเป็นเส้นยาวๆ ใจเราก็คิดว่า เราจะทำได้ไหมหนอ เพราะเจ็บข้อมือซ้ายมีอาการเสียวแปล๊บปล๊าบอยู่
นึกถึงสัญญาเก่าเราเองก็เคยทำแบบนี้ต้องการเส้นฟักยาวๆ แต่มันก็ทำให้เสียเวลา ทั้งหนักทั้งปลอกลำบาก เราก็เคยทำแบ่งครึ่งฟักเป็น 2 ท่อนแล้วคว่ำลง จะทำให้ปลอกเปลือกได้ง่ายกว่า ตัดเรื่องเส้นยาวออกไป เพราะคนที่ทานเขาไม่ดูหรอกว่าจะยาวแค่ไหนมันอยู่ในหม้อแล้ว ได้รับโจทย์นี้ยังไง
อ้อ!จำได้แล้วว่าเป็นวิบาก
ที่เราก็เคยทำมามีคนมาช่วยปลอกฟักเราก็บอกให้เขาปลอกเปลือกทั้งลูกนี่แหละและ
ขูดเส้นยาวๆ ทั้งที่มือเขาเป็นรูมาตอย เขาคงทำยากมากแต่เขาก็เต็มใจเราคงเกรงใจเราด้วย
🌻
ทุกข์ : ไม่สบายใจที่ต้องปลอกฟักลูกใหญ่มากๆ กลัวว่าจะลำบากเกินไปอาจทำไม่ได้
🌻
สมุทัย : ถ้าได้ปลอกฟักลูกไม่ใหญ่เกินไปจะชอบมีความสุขใจสมใจจะทำได้สำเร็จดั่งใจหมาย แต่พอได้ปลอกฟักลูกใหญ่มากๆ จะชังไม่มีความสุข ทุกข์ใจ ไม่สมใจ กลัวว่าจะทำได้ไม่สำเร็จดั่งใจหมาย
🌻
นิโรธ : แม้จะได้ปลอกฟักลูกใหญ่มาก ๆหรือลูกขนาดอื่นๆ ใจเราก็เป็นสุขใจ ไม่กลัวว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่ว่าเจอสิ่งที่ยากหรือง่าย ใจเราก็ยินดีทำ มีความสุขใจ สบายใจไร้กังวล
🌻
มรรค : เมื่อได้ตั้งจิตบำเพ็ญเรื่องใดๆก็ตามสัมผัสวัตถุที่ไม่ได้ดั่งใจหมาย ก็มีความยินดีในการสัมผัส มีฉันทะที่ได้มีโอกาส ต้องลองทำไปเรื่อยๆไม่ได้ก็รู้เอง ไม่ท้อ กับ ความยากลำบากที่ได้รับ อดทนในการปลอก ค่อยๆผลิก ทำใจให้สบาย ไม่ใจร้อน ค่อยๆใช้มีดปลอกเปลือกออกทีละนิดๆ ดีนะที่เขาไม่เร่ง ไม่รีบเราก็ใจเย็นด้วยเกรงว่ามีดปังตอจะหล่น ผ่าเข้าไปมีดติดลูกฟักแน่นเลย ทำไงดีเอาไม่ออก ค่อยๆขยับ น้องข้างๆบอกให้ใช้สากกระเบือมาค่อยๆทุบ ทำให้ผ่าฟักได้สำเร็จ ต่อมาช่วงขูดฟักต้องสัมผัสฟักแช่ล้างน้ำเย็นๆๆๆ จับใส่มือข้างหนึ่งและขูดฟักเป็นเส้นยาวๆตามลูกฟัก
มารกิเลส : หรอกว่าทำไมๆๆต้องมาทำเส้นฟักยาวๆนี้
น้ำก็เย็นๆ ฟักก็ฤทธิ์เย็น เย็นไปหมดแล้ว เราจะสู้ความเย็นได้ไหมหนอ น้ำมูกเริ่มจะมา
ใจสู้ไม่ท้อคิดแบบพลังพุทธะ เราได้ฝึก ได้ลำบากนะดีแล้ว ได้ใช้หนี้ ดูซิท่านที่สั่งให้เราทำ ท่านยังใจเย็นเลย ท่านรอเราได้ ท่านก็เคยทำได้ เราก็เคยเห็นพี่น้องท่านอื่นๆทำได้ เราก็เคยทำได้ แม้ที่นี่จะอากาศหนาวมากแต่ก็เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ มีความสมดุลพี่น้องก็จะไม่หนาว เราเองมีใจเป็นด่างใจเย็นอดทนก็เป็นพลังปรับกรดในร่างกายที่กินอาหารฤทธิ์ร้อน ร่างกายก็จะสู้กันได้ กิเลสความกังวลก็สลายหายไป ในขณะที่ขูดฟัก ร่างกายเราไม่รู้สึกหนาวมาก ไม่ทรมาน แต่กลับสมดุล พอดี อดทนสู้หนาวเย็นได้ น้ำมูกไม่มี
ในขณะขูดฟักผ่านไป 1 ช.ม จะได้เส้นยาวๆหรือไม่ยาวก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นปล่อยวางไม่หวั่นไหวความยาว-สั้นของเส้นและความสัมผัสของเย็นได้
ทำเต็มที่ดีที่สุดแล้วสำเร็จด้วยใจผาสุกสงบ กายแข็งแรง จิตเบิกบาน มีสมาธิดี ก็ดีมากแล้ว มีความสุข ความยินดีที่ทำได้
🌻
สรุป
ตรงกับบททบทวนธรรม
ข้อ 8″สิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับ โดยที่เราไม่เคยทำมา”
และมานั่งฟังสาระธรรมต่อ
ที่อ.หมอเขียวได้บรรยายในเช้าวันนี้ว่า
☘
กายคตาสติ (๑๔/๓๑๗)
[๓๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันภิกษุเสพแล้วโดยมาก เจริญแล้ว ทำให้
มากแล้ว ทำให้เป็นยานแล้ว ทำให้เป็นพื้นที่ตั้งแล้ว ให้ดำรงอยู่เนืองๆ แล้ว อบรมแล้ว
ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๐ ประการนี้ คือ
(๑) อดกลั้นต่อความไม่ยินดีและความยินดีได้ ไม่ถูกความไม่ยินดีครอบงำ ย่อมครอบงำ
ความไม่ยินดีที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ด้วย ฯ
(๒) อดกลั้นต่อภัยและความหวาดกลัวได้ ไม่ถูกภัยและความหวาดกลัวครอบงำ ย่อม
ครอบงำภัยและความหวาดกลัว ที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ด้วย ฯ
(๓) อดทน คือเป็นผู้มีปรกติอดกลั้นต่อความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย
ต่อสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และ สัตว์เสือกคลาน ต่อทำนองคำพูดที่กล่าวร้าย ใส่ร้าย ต่อเวทนาประจำสรีระที่เกิดขึ้นแล้ว อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ ไม่ใช่ความสำราญ ไม่เป็น
ที่ชอบใจ พอจะสังหารชีวิตได้ ฯ
(๔) เป็นผู้ได้ฌาน ๔ อันเกิดมีในมหัคคตจิต เครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน🍀🍀🍀
กดจุดลมปราณที่มือ 2 จุด ข้อมือซ้ายที่เจ็บป่วยหายไปเลยค่ะ
ทำให้ได้ร่วมบำเพ็ญกับหมู่มิตรดีได้ดีต่อไป
ขอบพระคุณพี่น้องหมู่มิตรทุกท่านที่ได้สานพลังร่วมกันให้โอกาสเราได้บำเพ็ญ ค่ะ
เรื่อง ทุกข์ที่ลูกชายคนเล็กไปทำงานสาย
เหตุการณ์ : ทุกวันป้าแต้วจะต้องเรียกลูกชายคนเล็กให้ตื่นไปทำงาน ลูกชายขานรับแล้ว
ป้าแต้วก็ออกไปเดินออกกำลังกายในหมู่บ้านทุกเช้า(เวลาฝนไม่ตกถ้าฝนตกก็ปั่นจักรยานอยู่ในบ้าน) พอเดินได้ประมาณ15 นาทีก็แวะมาดูว่าลูกชายตื่นแล้วยัง ปรากฏว่ายังไม่ตื่นอีกตอนนี้ไม่เรียกแล้วแต่ขึ้นไปปลุกบนห้องนอนพบว่ายังนอนเฉย ถามว่าไปทำงานไหมลูกก็ตอบว่าไปทำงาน( งานก็เป็นงานของครอบครัว) เมื่อลูกตอบว่าไปแม่ก็ออกไปเดินต่อและคิคว่ากลับมาอีกทีลูกคงจะไปทำงานแล้วจนถึง7 โมงเช้าแม่เดินครบแล้ว 5 รอบ( 5 รอบคือ5 โล ) พบว่าลูกชายกะยังไม่ทำงานอีก
ทุกข์: ลูกชายไปทำงานสายทุกวัน
สมุทัย :ชอบใจถ้าลูกชายไปทำงานทันไม่ชอบถ้าลูกชายไปทำงานสาย
นิโรธ: ลูกจะไปทำงานสายหรือทันก็วางใจ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค: กิเลสตัวที่ให้ได้ดั่งใจแม่ยังมีอยู่ แต่พอมาคิคอีกทีลูกชายก็ไปช่วยงานพ่ออยู่เสมอ แล้วเราทุกข์ทำไม ถึงไปสายแต่ก็ไปช่วยงานจะให้ดั่งใจแม่นั้นทุกอย่างไม่ได้ทำให้นึกถึงบททบทวนธรรมของอาจารย์หมอว่าคนเรามีฐานจิตที่แตกต่างกันมีความคิดต่างกัน คิดได้แล้วแม่ก็วางใจน่ะ
เรื่อง ถูกตำหนิ
วันนี้ขายพวงมาลัยตามปกติ พอดีมีลูกค้าเข้ามาซื้อพวงมาลัย ลูกค้าต่อรองขอลดราคาได้ไหมจะซื้อเยอะหลายพวง ข้าพเจ้าก็ตอบไปว่าลดได้นิดหน่อยดอกไม้ฤดูหนาวราคาแพง ลูกค้าก็บอกว่าวันนี้ร้อยพวงมาลัยได้ไม่สวยเลยหาเรื่องตำหนิพวงมาลัยเรา เราพอได้ยินว่า ร้อยพวงมาลัยไม่สวยเลยวันนี้ ใจของข้าพเจ้าก็ปี๊ดขึ้นไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ข้าเจ้าก็รู้ทันว่าเริ่มมีอาการคันหัวใจเข้าแล้ว พอรู้เริ่มมีอาการก็กดข่มไว้ ทำหน้าปกติคุยกับลูกค้าต่อไปจนขายพวงมาลัยได้ลุล่วง แต่ขบวนการในการขายขณะต่อรองราคากัน ภายในใจของข้าพเจ้าก็ยังคันหัวใจยิบๆอยู่ ก็ได้นึกถึงคำพูดของอาจารย์ขึ้นมา เขานั่นแหละคือ เราๆๆๆ เราทำเช่นนั้นมามากกว่านั้นหาประมาณมิได้ ถึงเวลาที่เราจะได้ชดใช้แล้วความโชคดีก็เกิดขึ้น ร้ายหมดอีกแล้วเรา พอนึกถึงคำอาจารย์สอน อาการที่คันหัวใจอยู่ในใจก็สงบลงด้วยดี
ทุกข์
เมื่อถูกตำหนิ
สมุทัย
ทุกข์ใจเมื่อถูกตำหนิ จะสุขใจเมื่อเขาชมเรา
นิโรษ
เขาจะตำหนิเราก็ไม่ทุกข์ใจ เขาจะชมเราก็ไม่สุขใจและก็ทุกข์ใจ สุดท้ายเราก็ไม่ต้องการทั้งสุขใจและทุกข์ใจ
มรรค
เมื่อเราเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง ความทุกข์ของเราก็จะลดลงเป็นระดับๆ ทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์เราเคยทำมาทั้งหมดทั้งสิ้นไม่มีสิ่งใด้เลยที่เราไม่เคยทำมา อาจารย์เคยสอนเรามาอย่างนี้ พอเราปฎิบัติตามก็เห็นผลตามเป็นลำดับๆ เกิดอะไรขึ้นจงท่องไว้ กูทำมา ความคันหัวใจของเราก็เบาบางลง พอเกิดขึ้นมาอีกเราก็จะรู้สึกตัวเร็วและกำจัดได้เร็วยิ่งขึ้น สาธุครับ
เรื่อง ขอบคุณเหี้ยที่ทำให้กำจัดเหี้ยในใจได้
วัน เวลา ที่เกิดเหตุ : ประมาณช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 90.00น -11.00น เกิดเหตุหลังสถานีตำรวจภูธรปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
ก่อนอื่นต้องอธิบายคำว่าเหี้ยในบริบทนี้หมายถึงสัตว์เลื้อยคลานมิใช่คำไม่สุภาพ
เหตุการณ์ กระผมและเพื่อนร่วมงาน(ลูกน้อง)ประมาณ 8 นาย กำลังนั่งสนทนาเรื่องการทำงานอยู่ก็มีตำรวจนายหนึ่งเอาตัวเหี้ยมาในสภาพถูกมัดเท้าทั้ง 4 เท้าด้วยเชือกผูกโยงกันแล้วมาผูกไว้ที่คอ จะนำมาคั่วกลิ้งแกล้มเหล้า ผมก็สังเกตุเห็นก็รอดูสถานการณ์ก่อน คิดในใจว่าจะช่วยตัวเหี้ยอย่างไรดี ผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมก็ขอเสนอขอซื้อตัวเหี้ยนี้ เขาก็ไม่ขาย ผมก็คุยเรื่องอื่นต่อ ประมาณอีก 10 นาที ผมก็ขอซื้อตัวเหี้ยนี้อีก เขาก็ไม่ขาย ผมเลยขอเสนอซื้อเหล้า 1 กลมพร้อมโซดา แต่ขอไถ่ชีวิตเหี้ยตัวนี้ เขาเกรงใจก็เลยยอมแลก ผมก็พาไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
ทุกข์=ไม่สบายใจเพราะเขาจะฆ่าเหี้ย ,ไม่สบายใจเพราะผิดศีลข้อ 5 สนับสนุนให้เขากินเหล้า
สมุทัย=ชังถ้าช่วยเหี้ยไม่ได้ ชอบเมื่อช่วยเหี้ยได้
นิโรธ= ช่วยเหี้ยได้หรือไม่ได้ก็ไม่ทุกข์ใจ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค =ได้ช่วยเหลือชีวิตสัตว์แม้เพียงน้อยก็เป็นการทำทานช่วยด้วยใจบริสุทธิ์โดยที่คิดไม่เอาอะไรจากใครให้ได้
เรื่อง กลัวผิดศีลที่นำเหล้าไปแลกเหี้ย
วัน เวลา ที่เกิดเหตุ : ประมาณช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 90.00น -11.00น เกิดเหตุหลังสถานีตำรวจภูธรปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
ก่อนอื่นต้องอธิบายคำว่าเหี้ยในบริบทนี้หมายถึงสัตว์เลื้อยคลานมิใช่คำไม่สุภาพ
เหตุการณ์ กระผมและเพื่อนร่วมงาน(ลูกน้อง)ประมาณ 8 นาย กำลังนั่งสนทนาเรื่องการทำงานอยู่ก็มีตำรวจนายหนึ่งเอาตัวเหี้ยมาในสภาพถูกมัดเท้าทั้ง 4 เท้าด้วยเชือกผูกโยงกันแล้วมาผูกไว้ที่คอ จะนำมาคั่วกลิ้งแกล้มเหล้า ผมก็สังเกตุเห็นก็รอดูสถานการณ์ก่อน คิดในใจว่าจะช่วยตัวเหี้ยอย่างไรดี ผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมก็ขอเสนอขอซื้อตัวเหี้ยนี้ เขาก็ไม่ขาย ผมก็คุยเรื่องอื่นต่อ ประมาณอีก 10 นาที ผมก็ขอซื้อตัวเหี้ยนี้อีก เขาก็ไม่ขาย ผมเลยขอเสนอซื้อเหล้า 1 กลมพร้อมโซดา แต่ขอไถ่ชีวิตเหี้ยตัวนี้ เขาเกรงใจก็เลยยอมแลก ผมก็พาไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
ทุกข์=ไม่สบายใจกลัวผิดศีลข้อ 5 สนับสนุนให้เขากินเหล้า
สมุทัย=ชังที่นำเหล้าไปแลกเหี้ย ชอบถ้าไม่ต้องนำเหล้าไปแลกเหี้ย
นิโรธ= นำเหล้าไปแลกเหี้ย หรือ ไม่ต้องนำเหล้าไปแลกเหี้ย ก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค= เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่าผลวิบากของกรรมที่ตัวกระผมผู้ช่วยเหลือ ตำรวจนายนั้นที่จะฆ่าเหี้ย และตัวของเหี้ยเอง มีอยู่ ซึ่ง กูทำมา เขาแค่คิดจะฆ่าเหี้ย แต่แกทั้งกินทั้งฆ่าหมูเลย ไอ้กิเลส
เรื่อง เกรงใจค่ะ
เนื้อเรื่อง เย็นวันหนึ่ง ระหว่างเข้าประชุมกิจกรรมกับพี่น้องจิตอาสาทางห้อง Zoom จนเวลาล่วงเลย จากเวลาปกติที่จะต้องออกเดินทางกลับบ้าน สัญญาณการรับอินเทอร์เน็ตระหว่างเดินทางจะไม่ค่อยเสถียร การประชุมก็ยังไม่จบ ใจหนึ่งก็อยากจะให้จบการประชุมก่อน ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าทำให้พ่อบ้านต้องรอ กลัวว่าพ่อบ้านจะไม่พอใจที่เอาภาระส่วนตัวมาทำให้ต้องรอ พ่อบ้านก็ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจหรือเร่งให้จบการประชุมแม้ถึงเวลาที่จะต้องทำกิจกรรมร่วมกันตามปกติ มีแค่ทำท่าว่าง่วงนอนให้เห็น เมื่อการประชุมจบจึงออกจากห้องประชุมโดยที่ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นกังวล
ทุกข์อริสัจ ไม่สบายใจที่เป็นเหตุให้พ่อบ้านรอจนจบการประชุมทาง Zoom
สมุทัย ไม่ต้องการ ไม่ชอบ ไม่อยากถูกตำหนิ ถ้าพ่อบ้านตำหนิเรื่องทำให้รอจะเป็นทุกข์ ถ้าพ่อบ้าน ไม่ตำหนิหรือต่อว่าจะเป็นสุข
นิโรธ ไม่ถูกตำหนิก็เป็นสุข ถูกพ่อบ้านตำหนิก็เป็นสุขได้
มรรค วิถีชีวิตที่ผ่านมาจะเป็นคนใจร้อนไม่ค่อยยอมรอใคร ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อบ้านที่ต้องรอ ครั้งใดที่เป็นฝ่ายรอก็จะไม่ชอบ รู้สึกหงุดหงิด บางครั้งก็นำไปสู่การต่อว่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้คิดถึงคนอื่นแม้จะเป็นแค่ใจเขาใจเราแบบธรรมดาธรรมดาก็ยังไม่ค่อยจะนำมาปฏิบัติ จนได้มาเรียนรู้เรื่องทุกข์อริยสัจก็เริ่มเห็นความจริงตามความเป็นจริง รับรู้อารมณ์ชอบไม่ชอบ อารมณ์โกรธ อารมณ์เอาแต่ใจตัวเองได้ชัดขึ้นเป็นลำดับลำดับ รวมถึงวิธีที่จะล้างหรือขจัดความทุกข์เหล่านั้นให้หมดไปจากใจตัวเอง เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เห็นความก้าวหน้าส่วนตน ที่รู้จักคิดเกรงใจที่ต้องทำให้พ่อบ้านรอ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นสภาวะเริ่มจากเห็นว่าไม่สบายใจ ความไม่สบายใจเป็นเพราะเกรงใจ เป็นเพราะไม่อยากถูกตำหนิ กลัวถูกต่อว่า การล้างกิเลสอัตตาตัวนี้คือ ยอมรับว่าเราเป็นต้นเหตุ รีบบอกขอโอกาสประชุมจนจบ วางใจว่าแม้ถูกต่อว่า ก็จะยินดีรับโทษนั้นด้วยความสบายใจ เหตุการณ์ที่ดูธรรมดาธรรมดา เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ หากไม่ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจว่า นี่คือทุกข์ และเหตุแห่งทุกข์ก็เป็นเพราะใจเราไม่เข้าใจ ไม่รู้ หรือก็คือ ยังโง่อยู่ ก็คงจะโง่อยู่และเป็นทุกข์อยู่อย่างนั้น จึงได้สภาวะว่า ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผัสสะต่างๆ ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จนสามารถได้ฝึกฝนจิตใจลดกิเลสได้อย่างทุกวันนี้ สาธุค่ะ
อยากได้ เครื่องปั่น (ตอนที่ 1)
ได้ยินเสียงพูดว่า ใครว่างช่วยเทน้ำถั่วออกจากเครื่องปั่น จะได้กินร้อนๆ” ตัวเองเห็นเพื่อนกำลังเทน้ำถั่วออกจากเครื่องปั่น เพื่อนบอกว่า เป็นเครื่องปั่นร้อน ปั่นได้ละเอียด กินได้เลย ใช้ง่าย สะดวก เร็ว ประหยัด ปั่นน้ำธัญพืชได้หลายอย่าง ประโยชน์มาก คุ้มค่า คุ้มราคา ค่อนข้างแพง แต่สนใจ อยากได้ อยากซื้อ
ทุกข์ : อยากได้ อยากซื้อ เครื่องปั่น
สมุทัย : ถ้าได้ซื้อเครื่องปั่นจะพอใจ สุขใจ ถ้าไม่ได้ซื้อ จะไม่พอใจ จะทุกข์ใจ
นิโรธ : “วางใจ” มีเครื่องปั่น หรือไม่มี ก็สุขใจได้
มรรค : คิดว่าอะไรดีที่สุด ยึดอาศัยดี ตั้งศีลว่า “ไม่ต้องอยากได้” ยึดว่าต้องซื้อ จะทุกข์ วางใจว่า มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ จะเบา ไม่ทุกข์ ถามตัวเอง โง่ทำทุกข์ทำไม “ทุกข์เท่าที่โง่ โง่เท่าที่ทุกข์” ท่องบทบทนี้ ซ้ำๆ เอาบทอื่นมาท่องด้วย หนังสือบททบทวนธรรม พกติดตัวเสมอ จำได้ไม่หมด รีบเปิดหาอ่านทันที เจอแล้วๆ
ยิ่งยึดยิ่งไม่ได้ ยิ่งไม่ยึด ยิ่งได้ ยึดเท่าไหร่ๆ ก็จะไม่ได้เท่านั้นๆ
ยิ่งยึดยิ่งพร่อง ยิ่งยึด ยิ่งช้า ยิ่งโง่ ยิ่งทุกข์ เพราะยึด คือ วิบากร้าย
อยากได้อย่ายึด ถ้ายึดจะไม่ได้ ยิ่งยึด ยิ่งโง่ ยิ่งซวย
พิจารณาซ้ำๆ ท่องซ้ำๆ ความอยากได้ อยากมี อยากซื้อเครื่องปั่น ก็หายไป ในเวลาไม่นาน
จึงรู้ได้ด้วยตนเอง ว่า :
“กิเลสทุกตัว เป็น มารร้าย เป็นวิบากร้าย ที่ทำให้เกิดทุกข์ทั้งมวล”
“ตั้งศีลเป็น สู้กิเลสได้”
“ปัญญาแห่งธรรมเท่านั้น ที่สามารถฆ่ากิเลสได้”
“วางใจ มีหรือไม่มี ก็สุขใจได้”
“วันหน้าไม่รู้ แต่วันนี้สู้ไม่ถอย สู้กับกิเลสอย่างรู้เพียรรู้พัก”
ผิดหวัง ใจร้อน อยากได้เครื่องปั่นเร็ว (ตอนที่ 2)
ความอยากได้เครื่องปั่นครั้งแรก หายไปเมื่อไหร่จำไม่ได้ 8 ธันวาคม 2563 ค่ายพระไตรปิฎก ที่ ภูผาฟ้าน้ำ เจอเพื่อนที่ขายเครื่องปั่น เกิดความอยากได้อีก สั่งซื้อทันที แต่ต้องรอ 1-2 เดือน รู้สึกผิดหวัง ใจร้อน อยากได้เร็วๆ
ทุกข์ : รู้สึกผิดหวัง ต้องรอ ใจร้อน อยากได้เร็ว
สมุทัย : ถ้าได้เครื่องปั่นเร็ว จะสุขใจ แต่ถ้าได้ช้า ก็ทุกข์ใจ
นิโรธ : จะได้ช้าหรือได้เร็วก็ได้ ด้วยใจที่ไม่ทุกข์
มรรค : ตั้งศีลว่า “ให้วางใจ” ได้ช้า ได้เร็ว ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องรีบ ได้เมื่อไหร่ก็ได้ ใจร้อนทำไม ใจร้อนไปทำทุกข์อีก ทุกข์แล้วโง่ โง่แล้วทุกข์ นำบททบทวนธรรมมาท่อง ใช้สติพิจารณาซ้ำๆ เกิดปัญญาเห็นแสงสว่างในใจ “ไม่ทำทุกข์ มาทับถมตัวเอง” จำไว้ๆ “ผิดหวัง,ใจร้อน,ความอยาก เป็นกิเลส” เป็นตัวมารร้าย กิเลสชั่วๆ ด่ามันเลยๆ ด่ากิเลส ด่ามารร้าย ด่ามันๆ ยึดมานาน ยึดโง่ ยึดทุกข์ ยึดทำโง่ ยึดทำไม ทำไมไม่จำ ทำไมไม่เข็ด กี่ครั้งแล้วๆ หึๆ ยอมแล้ววาง ว่าง เปล่า เบา สบาย ท่องไว้ๆ ภาษาก็ได้แล้ว ปฏิบัติก็ทำได้เยอะแล้ว เคยวางเป็นแล้วใช่มั้ย?ๆ เคยฝึกวางได้บ่อย การวางได้ เบา โล่ง สบาย ไร้กังวล ไร้ทุกข์ พิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง
อยากได้เครื่องปั่นเร็วหรือมันโง่น่ะ! “ไม่โง่เท่าที่ฉลาด ฉลาดเท่าที่ไม่โง่” ฆ่ากิเลส ฆ่ามัน “ฆ่าตัวอยาก” “ตัวผิดหวัง” “ตัวใจร้อน” ทำให้ทุกข์ ฆ่าให้ตายคามือไปเลย ณ บัดเดี๋ยวนี้
ใช่ๆ การสู้กับกิเลส ต้องนำบททบทวนธรรม ซึ่งเป็นคาถาที่อาจารย์หมอให้ไว้ ใช้ต่อสู้กับกิเลส ท่องไว้ๆ บทไหนๆ เอามาใช้ สู้กับกิเลสต้องสู้ด้วยวิธีนี้ จำไว้ “ตัวอยาก “ตัวผิดหวัง” “ตัวใจร้อน” ยอมแล้ว 3 ตัว!” เย้! วันนี้ชนะอีกแล้ว “วันหน้าไม่รู้ วันนี้สู้ไม่ถอย” กิเลสแพ้เลย แต่มันไม่ตายสนิท มันยังนอนนิ่งอยู่ เพียงแค่มันไม่กล้า โผล่หัวออกมาให้เห็น
“วันหน้าไม่รู้ วันนี้สู้ไม่ถอย”
ตื่นเต้น เหนื่อย เสียพลัง (ตอนที่ 3)
อ่านไลน์จากคนขายเครื่องปั่นว่า “ของที่สั่งได้แล้ว” ตื่นเต้น ที่จะได้เป็นของขวัญสำหรับครอบครัว คิดปรุงไปต่างๆ นานา จะทำน้ำปั่น กินเพื่อสุขภาพ จะเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของคนในบ้าน 31 ธันวาคม ได้รับเครื่องปั่น ตื่นเต้น ดีใจ รู้สึกเหนื่อยกับความคิด เพราะเสียพลังงานไปมาก
ทุกข์ : ตื่นเต้น คิดมาก เหนื่อย เสียพลังงาน
สมุทัย : ได้เครื่องปั่นเร็ว ยินดี พอใจ ไม่เหนื่อย ไม่เสียพลัง สุขใจดี แต่ ความตื่นเต้น คิดมาก ทำให้เหนื่อย ร่างกายอ่อนล้า เสียพลังงาน สมใจกิเลส (อยาก) ทำให้กายและใจ เกิดความทุกข์
นิโรธ : ยินดี พอใจ รับรู้แล้ว เฉยๆ อุเบกขา ใจสบาย เบิกบาน
มรรค : ตั้งอธิศีลว่า “ฝึกการวาง ให้ถึงขั้นอุเบกขา” ไม่ดีใจไม่ตื่นเต้น ทำความสบายแก่ตน ฝึกตรวจดูสภาพกาย-จิตใจ บ่อยๆ ว่า มีกิเลสซ้อนทับกันอยู่มั้ย ใช้ปัญญาปราบมารร้าย กิเลสตัวนั้นๆ ฝึกการวางอย่างรู้ตัวถ้วนพร้อมได้แล้ว ดีแล้ว อธิศีลสูงขึ้นไปอีก เป็นลำดับๆ ให้กายใจสมดุลไปด้วยกัน สู่ความไม่สุข ไม่ทุกข์
ไม่พอใจ เสียงบ่น…จนทนไม่ได้ (ตอนที่ 4)
31 ธันวาคม 2563 ได้รับกล่องพัสดุเครื่องปั่นที่สั่งไว้
1 มกราคม 2564 ตัวเองเอากล่องมาวางให้ทุกคนเห็น ลูกชายนั่งดูโทรศัพท์ ลูกสะใภ้นี่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลาน 3 คน กำลังนั่งเล่น จึงยื่นกล่องให้ลูกชายเปิด ลูกไม่เต็มใจรับ เขาพูดว่า ให้แม่เปิดเอง จึงไม่พอใจ ขุ่น เพราะลูกพูดไม่เพราะ พูดไป บ่นไป จึงหยิบกล่องมาเปิด นิ่งเงียบ กดข่มไว้ ไม่พูดโต้ตอบ บอกตัวเองว่า “ต้องยอมลูก” เพราะเขายังไม่รู้ พยายามเปิดกล่อง แต่เปิดยากมาก ดึงด้วยมือเปล่าไม่ออก หลานเข้ามาช่วย แกะทางด้านบนของกล่อง ไม่กล้าเปิดแรง กลัวจะเสียหาย เอากรรไกรมาตัด ย่า-หลาน พยายามอยู่ ประมาณ 30 วินาที ยังแกะกล่องไม่ได้
ลูกชายนั่งดูอยู่ พูดเสียงดังว่า อย่าทำอย่างนั้น เปิดก็ไม่เป็นเลย เขาเอื้อมมือมาดึงแล้วกระชากกล่องออกไป พลิกด้านล่างขึ้นมา กระแทกด้านบนลง เปิดกล่องอย่างชำนาญ ใช้กรรไกรตัดอย่างคล่องแคล่ว ดึงซ้าย ดึงขวา ดึงเครื่องปั่นออกมา หลานๆ ตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ กระโดดโลดเต้น แต่ลูกเฉยมาก ไม่ยินดีเลย เปิดเครื่องปั่น ตรวจดูชิ้นส่วนทุกชิ้น พิจารณาอย่างละเอียด พูดไป-บ่นไป เขาถามราคา? เราตอบ! เขาว่า! “แพง! แพงมาก!!!” ยี่ห้อไหรไม่คุ้น อ่านภาษาไม่ออก แม่ถูกหลอกแล้ว ทีหลังก่อนจะซื้อไหร่ ให้ปรึกษาลูกสะใภ้ก่อน จำไว้นะ อย่าซื้อตามเพื่อนจำได้แล้วยังหึ? เราทนฟังอยู่นานจนรำคาญ อดทนไม่ไหว จึงโต้ตอบ ไปด้วยเสียงตะวาดว่า “ไม่ได้ซื้อตามใคร ซื้อด้วยตัวเอง” ลูกนิ่ง เงียบ เฉยไม่ยอมพูดต่อ ส่วนลูกสะใภ้ ได้ค้นหาข้อมูลให้จากกูเกิร์ล จึงได้รู้ว่า เครื่องปั่นแบบนี้ ยี่ห้อนี้ ราคาประมาณนี้แหละ ลูกชายนิ่งไม่พูดอะไร แสดงว่า เขายอมรับแล้ว ที่เขาบ่นโวยวาย เพราะเขาเป็นคนดื้อ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ต้องพิสูจน์ให้รู้จริงก่อน เหมือนเราเมื่อก่อนนี้แหละ ไม่มีผิด เหมือนแป๊ะเลย
ทุกข์ : ไม่ชอบเสียงบ่น เสียงดัง ขุ่น รำคาญ
สมุทัย : ถ้าลูกไม่บ่น เต็มใจเปิดกล่อง จะชอบใจ พอใจ สุขใจ ลูกไม่ทำตาม ชัง เสียงบ่น เสียงดัง ทุกข์ใจ
นิโรธ : ไม่ชอบ – ไม่ชัง เสียงบ่น-เสียงดัง ใจไร้กังวล เบิกบานได้ตลอดเวลา
มรรค : กลับมาตรวจดูที่ใจตัวเอง ว่า “ไม่ชอบ ไม่ชัง” ให้ได้ ไม่ว่าลูกจะไม่พอใจหรือจะบ่นอย่างไร มาทำที่ใจเรา ทำไม?ๆ ทำมา!ๆ เอ๊ะ!ๆ ออ!ๆ ท่องบททบทวนธรรม “สิ่งที่เราได้รับ คือ สิ่งที่เราทำมา” “ยอมลูก” เพราะเขายังไม่รู้ ให้อภัย ไม่ถือสา ไม่เพ่งโทษ ไม่เอาดีจากเขาเกินไป ให้เป็นไปตามฐานของเขา ไม่ใช่เวลาของเขา เข้าใจและเห็นใจ ศรัทธา และเมตตา
ที่ลูกบ่น พูดไม่เพราะ ไม่เต็มใจ ไม่พอใจ จริงๆ แล้วทั้งหมดที่ลูกเป็นตอนนี้ คือ ตัวเราเองที่เคยทำมาแล้วทั้งนั้น เคยทำมามากกว่านั้น “ขอบคุณลูก” แม่จะได้ล้างกิเลสออกไปเสียบ้าง เออดี! ขอบคุณๆๆ “ไม่ชอบ ไม่ชัง” “ไม่โทษใคร” “ผิดที่เรา” “ทุกอย่างยุติธรรมเสมอ” “เพราะเราเคยทำมามากกว่านั้น”
ทุกอย่างนับ 1 ที่เรา เริ่มต้นที่เรา วางใจให้ไร้ทุกข์ ไร้กังวลได้ เบิกบาน ได้ตลอดเวลา
ทำน้ำเต้าหู้เสร็จ ทำใจไม่สำเร็จ (ตอนที่ 5)
จัดสรรเวลาฉลองเครื่องปั่น เตรียมความพร้อม มีเวลา ใจกายพร้อม วัตถุดิบ-สถานที่พร้อม แช่ถั่วเหลืองไว้ 1 คืน แช่ข้าวกล้องให้งอก ก่อน 48 ชั่วโมง ศึกษาคู่มือการใช้
8 มกราคม 2564 เอาเครื่องปั่น/อุปกรณ์ ล้างทำความสะอาด ล้างถั่วเหลือง ล้างข้าวกล้องงอก ตั้งพักไว้ เตรียมภาชนะ เตรียมปลั๊กไฟ สายไฟ สถานที่ อ่านคู่มือ มีความมั่นใจ มุ่งมั่น ยินดี พอใจ ที่จะทำน้ำปั่น มี 3 เมนู คือ น้ำเต้าหู้, น้ำข้าวกล้องงอกและน้ำธัญพืช ตวงถั่วเหลือง 1 ถ้วย น้ำสะอาด 900 ซีซี เทใส่ลงในเครื่องปั่น ปิดฝาอย่างระมัดระวัง จนเรียบสนิทดี
กำลังเสียบปลั๊ก น้องบอกว่า “ขอปลั๊กไฟ ไปเสียบเครื่องซักผ้าก่อน ขอปั่นผ้าก่อน เพราะรีบไปทำธุระ ตัวเองกำลังเพลินอยู่กับการใช้เครื่องปั่นครั้งแรก รู้สึก “ไม่ได้ดั่งใจ” ยืนงง อยู่ครู่หนึ่ง บอกเขาว่า ไปทำอย่างอื่นก่อนได้มั้ย ตัวเองก็ลังเล ตัดสินใจไม่ถูก จะยอมถอดปลั๊กให้หรือไม่ให้ ในที่สุดก็ไปหาปลั๊กตัวใหม่มาใช้แทนแต่ เสียบไม่เข้า จึงถอดปลั๊กที่เสียบไว้ ไปเสียบปลั๊กเครื่องซักผ้า ช่วยปั่นผ้าให้เขา เสร็จภายในไม่กี่นาที เขารีบจริงๆ ทำไม เราไม่ยอมเข้าใจ ไม่ยอมเห็นใจน้อง ถอดสายไฟจากปลั๊กจากเครื่องซักผ้ามาเสียบปลั๊กเครื่องปั่น เปิดสวิทช์ แตะปุ่มเลือกทำน้ำเต้าหู้รสดั้งเดิม แล้วแตะปุ่มเริ่ม มั่นใจว่า ทำถูกทุกขั้นตอน รอเครื่องทำงาน ด้วยใจจดใจจ่อ ผ่านไป 15 นาที เครื่องทำงานปกติ รอนานกว่า 20 นาที เครื่องดัง ติ๊ดๆ ตี๊ดๆ เครื่องหยุดทำงาน “น้ำเต้าหู้ เสร็จพอดี” รอพักเครื่องนิดหนึ่ง ค่อยเปิด น้องบอกว่า “ไปแล้วนะ รถรอนานแล้ว” เราว่า “รออีกแป๊บเดียว น้ำเต้าหู้เสร็จแล้ว ช่วยชิมหน่อย รสชาติใช้ได้มั้ย” เขาว่า “ไม่ชิมๆไม่ชอบน้ำเต้าหู้” เขาก็จะไป เราก็ยังคะยั้นคะยอ ให้เขาชิมให้ได้ เริ่มฉุนขึ้นมาอีกแล้ว เราพูดเสียงดังไปว่า “ให้กินของดี มีประโยชน์ ไม่ต้องเสียตังค์ ยังไม่กิน” น้องไปหยิบแก้วมารับน้ำเต้าหู้ร้อนๆไปชิม ด้วยความเกรงใจ ชิมนิดเดียว ให้เราพอใจ
ทุกข์ : กิเลสมันซ้อนกันหลายตัว “ไม่ได้ดั่งใจ” “ไม่พอใจ” “ฉุน” “จะเอาดีเกิน” ยัดเหยียด ขโมย
สมุทัย : ถ้าเขาไม่มาขอปลั๊กไฟ เราจะพอใจ แต่เขามาขอตอนที่เรากำลังใช้อยู่ จึงทุกข์
ถ้าเขายอมชิมน้ำเต้าหู้ เราจะสุขใจ แต่เขาปฏิเสธ เราทุกข์
นิโรธ : เขาจะขอใช้ปลั๊กไฟก่อน หรือไม่ขอใช้ เราก็เป็นปกติ เฉยๆ ไม่ทุกข์ ไม่สุข
เขาจะชิมน้ำเต้าหู้ หรือไม่ชิม เราก็ไม่ต้องทุกข์ใจ
มรรค : ตั้งสติ ใช้ปัญญาทบทวนตัวอง ท่องบททบทวนธรรม ตั้งแต่บทที่ 1 การเข้าใจผิดของเรากับผู้อื่น มันคือ วิบากกรรมเขา วิบากกรรมเรา… ฐานจิตแตกต่างกัน…คิดดี พูดดี ทำดี ไว้ก่อน ..ให้นับ 1 ที่เรา เริ่มต้นที่เรา…สิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา…ถ้าเราไม่เข้าใจคนอื่น แสดงว่า เรายังไม่เข้าใจตนเอง..ไม่มีทางบรรลุธรรม … ไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างยุติธรรมเสมอ ไม่มีใครผิดต่อเรา เราเท่านั้นที่ผิดต่อเรา
“กิเลสนี้หนาจริงๆ” พอได้สติรู้สึกตัว “น่าอายมาก” “ชั่วมาก” “โง่มากๆ”
ทำน้ำเต้าหู้เสร็จ แต่ทำใจไม่สำเร็จ กิเลสมีให้ล้าง ต่อไป
การที่ได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดังใจเรา เป็นสุดยอด แห่งเครื่องมือ อันล้ำค่า ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส คือ ความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา
ส่งการบ้านอริยสัจ๔
น.ส.จาริยา จันทร์ภักดีระหัส 6012007003
เรื่องอากาศเย็นผิวแห้ง
ช่วงนี้ตอนกลางคืนอากศเย็น ทำให้ผิวแห้งจริงหรหรือไม่เป็นการคันตอนหลังอาบน้ำทุกคร้งสองสามวันผ่านมาต้องใช้น้ำมันเขียวทาทุกครั้งดีขึ้น
ทุกข์ จากคันทั้งตัวไม่ผื่นแต่รู้สึกรำคาญ
สมุทัย ชังอาการคันที่มองไม่มีเหตุผิวดูปกติ
ชอบที่ไม่คันจะไม่รำคาญ
นิโรธ จะคันหรือไม่คันก็ไม่ทุกข์
มรรค วางใจได้โดยใช้ น้ำมันมะพร้าวทาตัวแก้ผิวแห้งกิเลสเพ่งโทษอากาศเย็นที่แท้ น่าจะเราพ่นแอลล์กอฮอล์มากไปเลยทำให้ผิวแห้งค่ะตั้งศีลเพิ่มเลิกเส้นหมี่ขาวได้อนิสุงส์รู้จริงตามความจริง จับกิเลสตัวเพ่งโทษอ้อเราระวังโควิดมากเกินพ่นกอฮอล์ทั้งตัวนั่นเอง
เรื่อง ทุกข์เพราะไม่ได้ดังใจ
เหตุการณ์ : ตั้งใจว่าจะไปสวนป่านาบุญ๒ สักแปดวันเพื่อจะได้บำเพ็ญสิ่งที่ทำค้างๆไว้ก่อนกลับบ้านเพราะคิดว่ากลับบ้านไม่หลายวัน แต่มันมีเหตุการณ์ให้ต้องอยู่หลายวัน จึงเดินทางไปได้แวะเยื่ยมป้าสม วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปสวน๒
ทุกข์ : เดินๆอยู่ได้ยินเสียงดังที่ขาขวา แล้วเท้าแตะพื้นไม่ได้เจ็บมากๆๆ เดินไม่ได้ต้องคลานก็ไม่ทุกข์ใจ
สมุทัย : ก็คิดชังว่าคงหายช้าแน่ๆ คิดชอบถ้าหายเร็วๆ
นิโรธ: ถึงจะหายเร็วหรือช้า ใจก็จะไม่ทุกข์ เจ็บก็ให้มันเจ็บ ปวด ก็ให้มันปวด ทรมาร ก็ให้มันทรมาร ชดใช้วิบากไป
มรรค : เจ็บก็ให้มันเจ็บ ปวด ก็ให้มันปวด ทรมาร ก็ให้มันทรมาร ชดใช้วิบากไป
เจ็บก็ไม่ทุกข์ คิดว่าคงถึงเวลา ของเราทีร่างกายเสื่อมบ้าง ใช้มาหกสิบเจ็ดปีแล้ว วางใจ และยังไปไม่ถึงสวน๒ ตามที่ตั้งใจก็ไม่ทุกข์ใจ หายก็ไปได้วางใจ ตอนนี้ดูแลตัวอยู่กับพี่น้อง(บ้านป้าเอื้อเอ็นดู)อย่างเบิกบานแจ่มใส่ ใจไร้ทุกข์เดินได้แล้วแม้ยังไม่เหมือนเดิม ดูแลตัวเองดัวยยา๙เม็ด ปฎิบัติจริงหายจริง ลดกิเลสได้ใจก็สุขได้
สัญญาณเตือน
นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เยอะขึ้น นานขึ้น มีอะไรหลายอย่างให้ทำ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แต่พอหลายวันสะสม ทั้งนั่งนานและนอนดึกกว่าปกติ ก็เกิดอาการหนักศรีษะ ตึงที่ท้ายทอย บอกตัวเองว่า นี่คือสัญญาณเตือนจากร่างกาย
ทุกข์ : อาการทางกาย คิ้วขมวด รู้สึกศรีษะโตขึ้นเหมือนลูกมะพร้าว
อาการทางใจ เฮ้อ!มาแล้วเหรอ กังวลเล็กน้อย ก็คิดว่าจะแก้อย่างไรดี
สมุทัย : เกิดอาการหนักศรีษะ ตึงที่ท้ายทอย
นิโรธ : เมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนมาแบบนี้แล้ว ก็รับรู้ ทำใจให้สบายไร้กังวล อาการนี้จะหายเมื่อไรก็ได้ แต่เราก็จะพยายามรู้เพียรรู้พักตั้งแต่ตอนนี้
มรรค : เมื่อเริ่มมีอาการเล็กน้อย ก็คิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย เป็นธรรมดาที่นอนน้อย นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน คืนนี้ก็นานเร็วหน่อยแล้วก็ตื่นสาย เดี๋ยวอาการก็หายไปเอง ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายไป มีความกังวลเล็กน้อย จึงปรับตัวเองใหม่ ไม่นอนดึก ตื่นเช้า เพิ่มการออกกำลังกายที่บ้านนานขึ้น เพิ่มรอบออกเดินและปั่นจักยานช่วงเช้า จากแต่เดิมทำเฉพาะช่วงบ่าย กินอาหารประเภทแป้ง(ข้าว)น้อยลง กินผักสดเพิ่มขึ้น แค่ 2 วันร่างกายก็เบาสบาย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ให้ฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายให้ดี ถ้าทำอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง อาจจะป่วยได้ รู้ปรับรู้เปลี่ยนให้เหมาะสม
แก้ไข
เรื่อง สัญญาณเตือน
นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เยอะขึ้น นานขึ้น มีอะไรหลายอย่างให้ทำ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แต่พอหลายวันสะสม ทั้งนั่งนานและนอนดึกกว่าปกติ ก็เกิดอาการหนักศรีษะ ตึงที่ท้ายทอย บอกตัวเองว่า นี่คือสัญญาณเตือนจากร่างกาย
ทุกข์ : มีอุทานในใจว่า เฮ้อ!มาแล้วเหรอ กังวลเล็กน้อย เกิดอาการชังที่ร่างกายอ่อนแอกว่าที่คิดไว้
สมุทัย : ยึดว่า เราสุขภาพดีมาตลอด ทำไมมีอาการหนักหัว ตึงท้ายท้อยแบบนี้
นิโรธ : เมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนมาแบบนี้แล้ว ก็รับรู้ ทำใจให้สบายไร้กังวล อาการนี้จะหายเมื่อไรก็ได้ แต่เราก็จะพยายามรู้เพียรรู้พักตั้งแต่ตอนนี้
มรรค : เมื่อเริ่มมีอาการเล็กน้อย ก็คิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย เป็นธรรมดาที่นอนน้อย นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน คืนนี้ก็นานเร็วหน่อยแล้วก็ตื่นสาย เดี๋ยวอาการก็หายไปเอง ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายไป มีความกังวลเล็กน้อย จึงปรับตัวเองใหม่ ไม่นอนดึก ตื่นเช้า เพิ่มการออกกำลังกายที่บ้านนานขึ้น เพิ่มรอบออกเดินและปั่นจักยานช่วงเช้า จากแต่เดิมทำเฉพาะช่วงบ่าย กินอาหารประเภทแป้ง(ข้าว)น้อยลง กินผักสดเพิ่มขึ้น แค่ 2 วันร่างกายก็เบาสบาย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ให้ฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายให้ดี ถ้าทำอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง อาจจะป่วยได้ รู้ปรับรู้เปลี่ยนให้เหมาะสม
ได้ปั่นกิเลสละเอียดขึ้นทุกวัน… (ตอนที่ 6)
ได้รับเครื่องปั่นมา 17 วัน ทำน้ำปั่นธัญพืชได้ 3 ครั้ง แต่ได้ปั่นกิเลสทุกวัน ปั่นกิเลสหยาบๆ หลายตัวละเอียดขึ้น เช้าวันที่ 15 มกราคม ขณะไปเดินออกกำลังกาย เจอเพื่อนบ้าน พูดคุยถามทุกข์สุขกัน เขาเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ค่อนข้างอ้วน เป็นเบาหวาน ความดันสูง ต้องกินยาต่อเนื่อง ถามเราว่า “ป่วยเป็นอะไร ทำไมผอมมาก” บอกเขาว่า“ไม่ป่วยอะไร ไม่หาหมอ ไม่กินยา มา 9 ปีแล้ว น้ำหนักหายไป 12 กิโล กินวันละ 1-2 ครั้ง แข็งแรงดี” บอกต่อว่า ปลูกผักกินเองไม่ใช้เคมี ทำกับข้าวกินเองปรุงด้วยเกลือ ไปไหนพกห่อข้าว ไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ เขาพูดว่า “ใครๆ เขาก็ว่าพี่รวมเป็นคนขี้เหนียว!” ได้ยินคำว่า “ขี้เหนียว” รู้สึกทันทีว่าไม่พอใจ กิเลสมันดิ้นนิดหนึ่ง แล้วมันก็หายไปเลย เพราะเรา “ให้อภัย ไม่ถือสา” ยืนยิ้มเฉยเลย วันนี้ได้ปั่นกิเลส ขจัดตัวมารร้ายออกไปได้ คือ ตัว “ไม่พอใจ” “ไม่ชอบและตัวชัง” ได้ละเอียดไปเลย
ทุกข์ : ความรู้สึก ไม่พอใจ ไม่ชอบ และชัง
สมุทัย : ถ้าเพื่อนพูดคำชม จะพอใจ มีความสุข เพื่อนพูด คำติ “ขี้เหนียว” ไม่พอใจ มีความทุกข์
นิโรธ : ไม่ชอบ-ไม่ชัง กับคำติ/คำชม ยิ้ม เบิกบานได้
มรรค : ตั้งสติก่อน ปัญญาเกิดทันที โดยการน้อมนำบททบทวนธรรมมาใช้ทันที พอได้รับผัสสะจากเสียงที่มากระทบหู ท่องบทที่ 1 “เรื่องการเข้าใจผิดของเรากับผู้อื่น เราต้องระลึกรู้ว่า มันคือวิบากกรรมเขา วิบากกรรมเรา แก้ไขได้ด้วยการทำดีไม่มีถือสาไปเรื่อยๆ” เพราะฐานจิตเขา ฐานจิตเราแตกต่างกัน “คิดดี พูดดี ทำดีไว้ก่อนดีที่สุด”
“การได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส คือความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา ทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา”
กิเลส เป็นตัวมารร้ายที่มันซ่อนตัวนอนนิ่งมานาน อยู่ในกายหยาบของเรา “อริยสัจ ขจัดมาร” ได้จริง
ตั้งศีล และอธิศีล สู้กับกิเลสทุกวัน ได้ปั่นกิเลสละเอียดขึ้นทุกวัน เบิกบาน ผาสุกได้ตามลำดับ
เครื่องปั่น ปั่นไม่ได้ (ตอนที่ 7)
แช่ถั่วเหลือง และแช่ข้าวกล้องไว้ก่อนแล้ว โดยเพิ่มปริมาณมากขึ้น
15 มกราคม ตื่นตี 3 ครึ่ง ตั้งใจทำน้ำเต้าหู้และน้ำข้าวกล้องงอก แบ่งปันเพื่อนบ้าน ปั่นครั้งแรกเสร็จแล้ว ได้น้ำเต้าหู้แล้ว แต่ต้องพักเครื่องให้เย็นก่อน ประมาณ 10 นาที จึงจะใช้เครื่องปั่นต่อได้ ด้วยความที่ใจร้อนและรีบเร่ง จึงไม่ได้ดูนาฬิกา คือ การกะประมาณเวลาเอาเองว่า น่าจะได้ 10 นาทีแล้ว ด้วยความที่ใจร้อนมากไป จึงใช้เครื่องปั่นต่อไม่ได้
ทุกข์ : ใจร้อน ไม่พอใจ ขุ่น ไม่ได้ดั่งใจ
สมุทัย : ถ้าเครื่องปั่น ปั่นได้ เร็ว จะพอใจ ได้ดั่งใจ สุขใจ แต่เครื่องปั่นร้อน ปั่นไม่ได้ ไม่พอใจ ทุกข์ใจ
นิโรธ : วางใจได้ว่า ได้ปั่นก็สุขใจ ไม่ได้ปั่นก็สุขใจได้ ไร้กังวล ไม่ทุกข์
มรรค : ตั้งสติ ให้ได้ก่อน แล้วพิจารณา ใคร่ครวญ หาเหตุผลว่า ทำไม?ๆๆ เอ๊ะ!ๆๆ อ่อ!ๆๆ ทำมาๆๆ ทำมาทั้งนั้น เยอะมากเลย เห็นมั้ย?ๆ เห็นตัวกิเลส มารร้าย แล้วใช่มั้ย? ความใจร้อน.. ไม่พอใจ.. ขุ่น.. ไม่ได้ดั่งใจ.. เพียบเลย เหตุที่เครื่องปั่นทำงานไม่ได้ ก็เพราะยังร้อนอยู่ ใครทำให้เครื่องร้อนล่ะ? ยอมรับเสี่ย! ดีๆ เราทำเองทั้งนั้น อย่าโทษใคร จึงได้ตั้งศีลใหม่ขึ้นมาทันทีว่า “วางเลย” พอวางได้ รู้สึกได้ว่า เบาทันทีเลย มหัศจรรย์จริงๆ นะ ก็เมื่อครู่นี้ ยังทุกข์หนักอยู่เลย แล้วตอนนี้ เบา สบาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะ ทุกข์กับสุข เป็นตัวเดียวกัน “มันอยู่ที่วิธีคิด” เหมือนที่เคยได้ยินที่ใครๆ ชอบพูดว่า “เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน” คล้ายๆ กัน
เห็นตัวกิเลสมารร้ายได้เร็วขึ้น คือ ตัวที่ยึดว่าต้อง “ให้ได้ดั่งใจ”
การยึดเป็นทุกข์
“การยอมได้ หายทุกข์ทันที” ทุกข์-สุข มันอยู่ติดกัน เหมือนตัวเดียวกันจริงๆ เปลี่ยนวิธีคิดจากทุกข์ ให้สุขได้จริง
เรื่อง ไม่ดั่งใจ
เหตการณ์ : มีงานด่วนเข้ามาเลยให้เด็กจัดการงานให้อยู่ก็มีคนมาแทรกบอกด่วนเหรอ ด่วนค่ะงั้นให้เขาไปธุระของฉันก่อนน่ะแล้วค่อยไปทำให้เธอ
ทุกข์ : ไม่ได้ดั่งใจ
สมุทัย : ชังที่เขามาสั่งให้ไปธุระเขาก่อนชอบ ถ้าไปธุระให้เราก่อน
นิโรธ: ไปให้ใครก่อนก็ได้ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : ไม่เคยตัดหน้าทำแบบนี้มาเหรอ ทำมาก็เยอะจะไปให้เราก่อนหรือไปให้เขาก่อนงานก็เสร็จทันอยู่ดีจะร้อนใจไปทำไม
สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา อยากได้สิ่งใดจงทำสิ่งนั้นกับผู้อื่น
#รำคาญที่แม่เข้ามาจัดห้อง
วันนี้ (16/1/64) แม่เข้ามาในห้องนอนผมตั้งแต่เช้าและเมื่อเห็นสิ่งของที่วางเกะกะหรือวางไม่เข้าที่แม่ก็เริ่มจัดห้องให้ผม ซึ่งด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีบางอย่างของผมที่ยังล้างไม่ได้ในการไม่ชอบให้ใครเข้ามาจัดห้องให้ จึงทำให้ผมรู้สึกทุกข์ใจเพราะรำคาญแม่ขึ้นมา
ทุกข์ : ทุกข์ใจเพราะรำคาญที่แม่เข้ามาจัดห้อง
สมุทัย : จะชอบและสุขใจถ้าแม่ไม่จัดห้องให้ และจะไม่ชอบจะทุกข์ใจถ้าแม่จัดห้องให้
นิโรธ : สามารถสุขใจได้ไม่ว่าแม่จะจัดห้องให้หรือไม่จัดห้องให้
มรรค : ล้างชอบล้างชังในประเด็นนี้ด้วยการทำความเข้าใจความจริงตามความเป็นจริงและทำใจในใจให้แยบคาย โดยในประเด็นนี้ผมเริ่มจาก
การพิจารณาว่าที่แม่เข้ามาจัดห้องให้ก็เพราะแม่ปรารถนาดีกับผมและถ้าแม่ไม่เข้ามาจัดห้องให้ผมก็คงยังไม่เห็นกิเลสในประเด็นนี้ที่ยังล้างไม่ได้ ดังนั้นแทนที่จะรำคาญแม่ก็ต้องขอบคุณแม่ถึงจะถูกต้อง
จากนั้นก็ต่อด้วยการพิจารณาประโยชน์และโทษระหว่างการรู้สึกรำคาญกับไม่รำคาญว่าแบบไหนที่มีประโยชน์แบบไหนที่มีโทษ
ตลอดจนการนำบททบทวนธรรมในบทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโทษของทำใจให้เป็นทุกข์ เช่น
“ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทุกข์ใจ ความทุกข์ใจ ไม่ได้แก้ปัญหา มีแต่เพิ่มปัญหา สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องดับไป จะทุกข์ใจไปทำไม เบิกบานแจ่มใสดีกว่า” และ “กลัว ชั่ว ทุกข์ คือ โง่” มาพิจารณา
เรื่อง อยากให้ได้ดั่งใจ
เหตุการณ์: คือเมื่อวานหนูเพิ่งกลับจากที่ไปงานศพของพี่น้องอยู่ต่างเมืองมาค่ะและน้องชายก็เพิ่งกลับจากที่ไปประชุมต่างจังหวัดค่ะ พอมาถึงบ้านก็รู้ว่าน้องสะใภ้ไม่ค่อยอยากทำกับข้าวให้พ่อแม่กิเลสก็ออกมาเลยค่ะ
ทุกข์ : อยากให้น้องสะใภ้ดูแลพ่อแม่
สมุทัย :ชอบถ้าน้องสะใภ้จะดูแลพ่อแม่แทนเรา ชังที่เขาไม่ทำ
นิโรธ :น้องสะใภ้จะดูแลพ่อแม่แทนเราหรือไม่ก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค : มาดูการคุยกับกิเลสกันค่ะ
กิเลสบอกว่านี้พวกเราหาน้องสะใภ้มาก็จ่ายค่าสินสอดแพงน่ะก็หวังให้น้องสะใภ้มาทำหน้าที่แทนพวกเราในเวลาพวกเราไปธุระทางไกลหลายวันค่ะแต่ทำไมเขาไม่ทำอย่างที่เราหวังค่ะแล้วกิเลสมันยังคิดย้อนหลังอีกว่าอ้อขนาดเวลาเราอยู่บ้านแต่น้องชายไม่อยู่ก็จะเห็นน้องสะใภ้ชอบเล่นโทรศัพท์เวลาเขาเห็นเราทำงานเขาเกรงใจเราเขาก็เข้าไปเล่นโทรศัพท์ในห้องนอนกิเลสมันปรุงไปว่าทำไมน้องสะใภ้จึงไม่อายบ้างหล่ะขนาดหนูเป็นลูกหนูยังเกรงใจคนในบ้านแถมยังให้เด็กๆทำงานด้วยค่ะ พ่อกับแม่ก็มีภาระเลี้ยงวัวเลี้ยงเป็ด,ไก่และดูแลหลานด้วยที่นี้หนูก็คิดว่าจะเล่าให้น้องชายฟังดีไหมเพราะไม่มีไครกล้าบอกกล้าสอนน้องสะใภ้ได้เลยแล้วหนูก็ปรึกษากับพี่ขวัญแล้วพี่ขวัญชี้ให้หนูเห็นว่าจริงๆแล้วที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเป็นความคิดของกิเลสค่ะกว่าจะเอากิเลสลงได้ก็ใช้เวลาคุยกันพี่ขวัญนานชั่วโมงเลยค่ะเมื่อรู้ว่าถูกกิเลสหลอกให้ผิดทางหนูจึงเปลี่ยนวิธีคิดค่ะทีนี้หนูก็บอกมันว่า เฮ้ย!!!มารมึงหลอกกูที่มึงคิดไปทั้งหมดนั้นก็เพราะมึงยึดดีไงมึงอยากได้คนมาทำหน้าที่แทนเวลามึงไม่อยู่ กูรู้แล้วมึงคิดชั่ว มารมึงมาลองคิดดูชิเขาเป็นสะใภ้เขาไม่ใช่ลูกจะไปอยากให้เขาทำหน้าที่แทนเหมีอนกับลูกได้ทุกอย่างได้ยังไงในเมื่อเขาไม่อยากทำคิดแล้วมึงก็ทุกข์เอง!!!
กิเลสมันยังมาเถียงอีกว่าน้องสะภัยก็ไม่มีอาชีพการงานอะไรเลยเงินก็มีผัวหามาให้จ่ายสะดวกสบายขนาดนี้แล้วจะทำหน้าที่เป็นแม่บ้านทีขยันก็ไม่ได้รึ แล้วหนูก็บอกกิเลสว่าน้องสะใภ้ของนาลีทำดีได้เท่าที่เขาทำทุกวันนี้ก็ดีทีสุดแล้วที่พอเป็นไปได้ เขายังอุตส่าห์มาเอาภาระช่วยเลี้ยงดูแลพ่อแม่ดูแลน้องชายถึงเขาจะทำไม่ได้ดีเท่ากับคนเป็นลูกแต่เขาก็ยังดีที่ไม่ติดการพนัน,หวย,บุหรี่ ,เหล้า,เล่นชู้,ยาบ้า.การประพฤติที่หยาบพวกนี้น้องสะใภ้เราก็ไม่มีแล้ว
ถามกิเลสว่ามึงอยากได้น้องสะใภ้คนใหม่รึเปล่าวมันบอกว่าไม่เอาแล้วทีมีอยูนี้ก็จะไม่แบกแล้วคุยกับกิเลสมาถึงตรงนี้มันสะลายเลยค่ะ
ชื่อเรื่อง : มือปราบสัมภเวสีในซอยบ้าน
เรื่องราวของการปราบปรามเด็กแว้นและกลุ่มคนเมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนเหล่านี้ท้าทายกฎหมายเหลือเกิน ตำรวจจะมาเตือนกี่ครั้ง ก็ยังเย้ยความผาสุกของประชาชนในซอยอยู่ร่ำไป ตำรวจมาเตือน พอตำรวจไป ก็เมาอีก แว้นอีก เปิดเพลงเสียงดัง เมาโวยวาย เพราะคนเมานั้นรู้จักกับตำรวจบางท่านในสน. เลยหยามใจประชาชน ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินที่ห้ามการมั่วสุม แต่ครั้งนี้หนักกว่าเดิม จนต้องน็อตหลุด เพราะคนเมาไม่เพียงทวงบุญคุณ โดยอ้างว่าเพราะกลุ่มพวกพ้องของตนเองนั้นมานั่งดื่มเหล้าในซอย จึงทำให้เด็กแว้นไม่มา มีบุญคุณค่ำหัวคนในซอย ที่จะต้องยอมทนฟังเสียงเพลงนรกจนถึงเช้า บางท่านไม่ได้นอนเลย งงมาก ว่าต้องสำนึกบุญคุณอะไร เพราะในวันที่เด็กแว้นไม่มา พวกคุณคนเมาก็มาก่อกวนแทน ใช้ตรรกะสาขาไหนมาทวงบุญคุณประชาชน และยังด่ากราดหน้าบ้านของเรา พร้อมข่มขู่ว่าจะมาล็อคล้อรถ และจะเอาระเบิดมาขว้างใส่บ้าน จนหมดหวังกับตำรวจ เพราะได้เห็นข่าวเรื่องบ่อนระยองที่โครกโครมระดับประเทศ ก็ยังปล่อยให้หัวหน้าแก๊งลอยนวลบินออกนอกประเทศไปแล้ว จึงโทรแจ้งทางสส.ว่าจะขอดำเนินการเกล่าเกลี่ยกับผู้ก่อเหตุกันเอง เพราะตำรวจและเจ้าหน้าทุกท่านที่ได้ทำดีที่สุดแล้ว พวกเราจะใช้พลังหมู่เข้าเก็บหลักฐาน แต่ล่าสุดทางสส.ได้ยื่นเรื่องคำร้องให้อีกครั้ง และขอโอกาสขอความเชื่อมั่นจากพวกเราที่จะมีให้กับตำรวจอีกสักครั้ง จากนั้นตำรวจก็มาขอเข้าพวกเราเพื่อหารือ และจะหาหนทางแก้ไขปัญหานี้อย่างดีที่สุดเพื่อประชาชน แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครรู้…
ทุกข์ คือ เด็กแว้นและกลุ่มคนเมาก่อกวน
สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) คือ คาดหวังกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ว่าถ้าแจ้งให้เข้ามาช่วยดำเนินการ เด็กแว้นและกลุ่มคนเมาจะเลิกก่อกวน อยากให้ทุกสิ่งที่เราดำเนินการไป เรียบร้อย หมดความทุกข์
นิโรธ (สภาพดับทุกข์) คือ ยินดี พอใจ ไร้กังวล ยอมรับว่า ให้เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทุกท่านเกี่ยวข้อง เด็กแว้นและกลุ่มคนเมาเป็นไปตามธรรมที่สังเคราะห์ว่าต้องเป็น ใจที่น้อมรับทุกสิ่งว่า รับแล้วก็หมดไป เราก็จะโชคดีขึ้น
มรรค (ทางเดินสู่ความพ้นทุกข์) คือ พิจารณาวิบากที่เราเคยก่อกวนผู้อื่นให้รำคาญใจมามาก ที่เราเคยทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ เราเคยส่งเสริมและทำเรื่องไร้สาระ เรื่องไม่ประโยชน์มามากเหลือเกิน ชาตินี้ก็ยังเคยขายเหล้าขายเบียร์ เป็นส่วนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญปัญหาการไร้สติของคนเมามากมาย เจอแค่นี้ จะทุกข์ทำไม พวกเขาทำสิ่งใด ก็ย่อมต้องได้รับสิ่งที่พวกเขาทำอยู่แล้ว แต่ที่เราพบเจอในปัจจุบันนี้ คือ สิ่งที่เราทำแน่นอน ยุติธรรมที่สุดแล้ว ไม่ผิดตัวผิดคนแน่นอน จะไปโทษเขาว่า เขามาทำความรำคาญให้เราไปทำไม? พวกเขายังไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้น มันสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นมติหมู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมาย เราก็สักแต่ทำไปตามเหตุปัจจัยอย่างเต็มที่ และปล่อยวางให้ถึงที่สุด เพราะถ้าวิบากยังไม่หมดผู้ก่อเหตุก็คงไม่มีทางหยุด แต่ถ้าวิบากหมดแล้ว ถึงพวกเขาอยากจะก่อเหตุอย่างไร ก็ทำไม่ได้ เพราะว่ามันหมดแล้ว แต่ถ้าเราไปชังการกระทำของพวกเขา เราก็จะยิ่งเพิ่มวิบากให้ตนเอง จะทำแบบนั้นให้โง่ไปทำไม? การที่มีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องทำให้เราได้ทดสอบจิตวิญญาณของตนเองว่าจะโง่โกรธ โง่ทุกข์ตามกิเลสหรือไม่? เราจะเมตตาคนที่ทำไม่ดีกับเราได้หรือไม่? สอบผ่านไหม? เหมือนจะเกือบผ่าน แต่ก็ยังไม่ผ่าน รู้แล้วเริ่มใหม่ ให้กำลังใจตนเอง ว่าครั้งหน้าจะวางใจให้เป็นกลาง และดูกิเลสที่เข้ามาให้แววไวมากขึ้นกว่านี้เท่าที่จะทำได้ ไม่โลภอยากขโมยเอาเหตุการณ์ดีๆให้มาเกิดขึ้นดั่งใจหมาย ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลา
เรื่อง ชังแมว
เหตุการณ์ : คือที่บ้านมีกองทรายที่เหลือจากงานก่อสร้างรั้วอยู่1 กองตั้งอยู่หน้าบ้าน ข้างประตูบ้าน เราทุกคนทราบอยู่แล้วว่ากองทรายกับแมวเป็นของคู่กันคือแบบว่าแมวชอบมาคุ้ยทรายและอึ(ขี้)เอาไว้ บางครั้งอึเสร็จก็ใช้เท้ากลบแต่ที่ชังแมวก็ตรงที่อึแล้วไม่กลบเนี๊ยะทำให้เหม็นอึแมว เวลาตอนเช้าเราเดินออกกำลังกายได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ พอกลับมาถึงบ้านทันทีที่เปิดประตูรั้วกลิ่นอึ(ขี้)แมวเข้าจมูกแทบอาเจียน. เราก็เอากระสอบมาปิดที่กองทราย (ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงแมวน่ะ) มันเป็นแมวที่ไม่อยู่เป็นหลักแหล่งคือแบบว่าใครให้กินข้าวมันก็จะอยู่ประจำบริเวณนั่น พอเราเอากระสอบมาปิดกองทรายเจ้าแมวย้ายมาอึที่พื้นปูนข้างรั้วอีก แล้วเค้าฉลาดน่ะจะเข้ามาตอนที่เราไม่อยู่บ้านเพราะถ้าเราอยู่บ้านเราจะไบ่ไม่ให้เข้ามาพอเราไล่แมวก็จะมายื่นจ้องที่หน้าประตูอัยย๊ะท้าทายมาก
ทุกข์ :เหม็นอึ(ขี้)แมว
สมุทัย: ชังที่แมวมาอึที่บ้านชอบถ้าแมวไม่มาอึที่บ้าน
นิโรธ: แมวจะมาอึก็ได้ไม่มาอึก็ได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค :เราก็เข้าใจธรรมชาติของแมวน่ะว่าต้องอึบนกองทรายหรือกองหินอยู่แล้ว สอบถามเพื่อนบ้านข้างๆเค้าก็บอกว่าอึที่บ้านเค้าเหมือนกัน ถึงบางอ้อไม่ใช่บ้านเราบ้านเดียวที่แมวอึ อึแมวเราทำความสะอาดก็หมดไปแต่ใจเรานี้สิล้างยากกว่าอึแมวมากเราต้องใช้ใจที่สะอาดล้างถึงจะออก เมื่อพิจารณาแล้วก็วางใจ
กลัวพ่อทุกข์
เนื่องจากน้องชาย มีปัญหาทางการเงินตั้งแต่สมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด ไปยืมเงินมาแล้วไม่มีเงินคืน จนมีการฟ้องร้องขึ้นศาลในวันจันทร์นี้ น้องชายไปแจ้งให้พ่อทราบ น้องๆที่เหลือก็กังวลเพราะพ่อเพิ่งออกจากรพ.มาเมื่อวาน กลัวพ่อเครียด
ทุกข์ กังวลพ่อจะเครียดเรื่องน้องชาย
สมุทัย ชอบถ้าพ่อไม่มีเรื่องเครียด ชังถ้ามีเรื่องเครียด
นิโรธ จะมีเรื่องเครียด หรือไม่เครียดก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค แต่ละคนก็ต้องเป็นไปตามวิบาก ทั้งดีและร้าย ทำอะไรก็ต้องรับแบบนั้น ไม่สามารถหลีกหนีได้ ดีแล้วที่พ่อได้รับฟังเรื่องจากน้อง ดีกว่าไปทราบเรื่องจากบุคคลอื่น ทุกข์มาเพื่อจะหมดไป แล้วจะโชคดีขึ้น รับเต็ม ๆ หมดเต็มๆ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม ต้องไปตามธรรม เราต้องให้พ่อทุกข์ ท่านจะได้หาทางออก สิ่งนั้นถ้าเป็นสมบัติของพ่อ ท่านก็ต้องรับ เราก็ต้องไม่ทุกข์ใจให้ได้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดีที่สุดแล้ว
ปัญหาไม่เคยหมดไปจากชีวิตของเรา
มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่หมดไปจากใจของเรา
ถามพ่อเป็นไงบ้าง พ่อจะกินผักให้เยอะขึ้น เพราะกินเนื้อสัตว์จะท้องผูก จะทำดีท็อกซ์และแช่มือแช่เท้าโดยที่ไม่งอแงอีก นี่คือเพิ่มศีลใช่ไหม?
ทุกข์ใจอยู่บ้าง แต่ไม่มาก
ร่วมกันพากเพียรไปทั้งพ่อทั้งลูก…สาธุค่ะ
เรื่อง ทุกข์เพราะไม่ได้ดังใจ
เหตุการณ์ : ตั้งใจว่าจะไปสวนป่านาบุญ๒ สักแปดวันเพื่อจะได้บำเพ็ญสิ่งที่ทำค้างๆไว้ก่อนกลับบ้านเพราะคิดว่ากลับบ้านไม่หลายวัน แต่มันมีเหตุการณ์ให้ต้องอยู่หลายวัน จึงเดินทางไปได้แวะเยื่ยมป้าสม วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปสวน๒
ทุกข์ : เดินๆอยู่ได้ยินเสียงดังที่ขาขวา แล้วเท้าแตะพื้นไม่ได้เจ็บมากๆๆ เดินไม่ได้ต้องคลาน
สมุทัย : ก็คิดชังว่าคงหายช้าแน่ๆ คิดชอบถ้าหายเร็วๆ
นิโรธ: ถึงจะหายเร็วหรือช้า ใจก็จะไม่ทุกข์ เจ็บก็ให้มันเจ็บ ปวด ก็ให้มันปวด ทรมาร ก็ให้มันทรมาร ชดใช้วิบากไป
มรรค : สำนึกผิดตั้งศีลกินเมื้อเดียว แล้วไปกินกล้วยนอกมื้อ จึงทำให้ล้ม เจ็บก็ให้มันเจ็บ ปวด ก็ให้มันปวด ทรมาร ก็ให้มันทรมาร ชดใช้วิบากไปเจ็บก็ไม่ทุกข์ คิดว่าคงถึงเวลา ของเราทีร่างกายเสื่อมบ้าง ใช้มาหกสิบเจ็ดปีแล้ว วางใจ และยังไปไม่ถึงสวน๒ ตามที่ตั้งใจก็ไม่ทุกข์ใจ หายก็ไปได้วางใจ ตอนนี้ดูแลตัวอยู่กับพี่น้อง(บ้านป้าเอื้อเอ็นดู)อย่างเบิกบานแจ่มใส่ ใจไร้ทุกข์เดินได้แล้วแม้ยังไม่เหมือนเดิม ดูแลตัวเองดัวยยา๙เม็ด ปฎิบัติจริงหายจริง ลดกิเลสได้ใจก็สุขได้
ส่งกการบ้านอริยสัจ๔
น.ส.จาริยา จันทร์ภักดี
รหัสน.ศ.6012007003
เรื่องส่งงานกสิกรรม
ทำกสิกรรมไร้สารพิษได้เก็บรูป ตอนทำแปลงมานานมีรูปการปลูกผักมากมาย แต่
ได้ทำการลบทิ้งหมดแล้ว เพราะพื้นที่เก็บเต็มค่ะเมื่อวานทำร่องเตรียมปลูกผักกาดขาว จะส่งการบ้านกสิกรรมไร้สารเพื่อบูชาครูอาจารย์หมอเขียวค่ะ ถ่ายรูปวันนี้ก็ส่งเลย
ทุกข์. กังวลว่ารูปถ่ายส่งเน็ทช้ามาก
สมุทัย. ยึดอยากส่งการบ้านกสิกรรมให้เส็จทันไว้ครู
ถ้าส่งเน็ตช้าจะกังวลใจ
นิโรธ. จะสงการบ้านได้เร็วหรือช้าจะไม่กังวลใจ
มรรค. วันนี้ได้ถ่ายรูปเท่าที่มีในแปลง ผักยังไม่ท้นได้ลงแปลงที่ย้งไม่ขยายได้ส่งทัน และก็ดายหญ้าคอยเวลาเข้าไปในชูมเพลินไปเลยเวลาไม่ได้เข้าในชูมเลยไม่ได้กราบอาจารย์พร้อมพี่น้องค่ะ แต่ก็ยินดีที่เราไม่กังวลในใจก็ได้แสดงความเครพบูชาอ.จ.เสมอทุกวันอยู่แล้วสาธุค่ะ
เรื่อง กลัวลูกป่วย
เนื่องจากลูกชายเป็นคนสูบบุหรี่จัดมาก แม่เป็นห่วงกลัวจะป่วยด้วยโรคต่างๆ ไม่อยากเห็นลูกป่วยแล้วทรมาน แม่เตือนก็เฉยไม่ทำตาม
ทุกข์:กลัว ลูกป่วยจากการสูบบุหรี่
สมุทัย:ยึดดี อยากให้ลูกเลิกสูบบุหรี่ ถ้าลูกเลิกสูบบุหรี่จะชอบ แต่ลูกสูบบุหรี่จึงชัง
นิโรธ:ลูกจะเลิกสูบบุหรี่ก็ได้ ไม่เลิกก็ได้ ไม่ชอบ ไม่ชัง
มรรค:วางใจ ปล่อยให้เป็นไปตามวิบากกรรมของแต่ละคน แสดงว่าเราไม่ใช่สัตตบุรุษของเขาและการที่ได้พบกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส คือ ความหลงชิงชัง รังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา
อริยสัจ๔ 17มกราคม 64
เรื่อง.หนาวนุกดี
#ทุกข์ หนาวเกร็ง เพราะกลัวหนาว
#สมุทัย.ไม่ชอบอากาสหนาวชอบอุ่นสบาย
#นิโรธ. หนาวก็ได้สนุกดี
#มรรค.มันก็สนุกดีร่างกายจะปรับรับ ร่างกายจะแข็งแรงได้สูงสุด รับได้ทุกฤดูผ่านหนาวคราวนี้ก็จะเลิกกลัวหนาว ต่อไปได้ใจที่แข็งแกร่งยินดีมีแต่สุขสนุกทุกสถาณการณ์
ผักตัดกิเลส
ช่วงนี้ผักไร้สารพิษที่ได้กินทุกวัน ก็คือ วอเตอร์เกท และยอดมันปู(ผักทางภาคใต้ รสชาดมันๆ ) วันนี้ขณะรดน้ำผัก ต้นมันปูต้นสูง พ่อบ้านจึงตัดเหลือครึ่งต้น ซึ่งมียอดที่ ตัดรับประทานได้บ้าง
“มาตัดยอดนะ เดี่ยวจะได้เอาไปทิ้ง”
ใจมันขุ่นทันที
“เอาไปทิ้งได้เลย”
เดินเข้าบ้าน ในใจไม่คิดจะเอายอดมันปู
แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้ ไม่เห็นหรือไง งานเยอะแค่ไหน ทำงานตั้งแต่เช้ายังไม่ได้หยุดเลย แนะ!!! ดูนะที่ปรุงไป ตามไม่ทันอีกแล้ว
ทุกข์ ขุ่นใจที่พ่อบ้าน ไม่เก็บยอดผักให้ และพูดจาไม่ค่อยถูกใจ
สมุทัย ชอบถ้าพ่อบ้านเก็บผักให้ และพูดจาดี ชังถ้าไม่เก็บผักให้และพูดจาไม่ถูกใจ
นิโรธ พ่อบ้านจะเก็บหรือไม่เก็บผักให้ และพูดจาดีหรือไม่ดีก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค ล้างชอบล้างชังในประเด็นนี้ด้วย การทำความเข้าใจความจริงตามความเป็นจริง
พิจารณาว่า ดีแล้วที่พ่อบ้านตัดต้นนี้ให้ เพราะตอนนี้ต้นสูงมาก ตัดยอดไม่ถึงท่านเอาลงมาให้ก็ควรขอบคุณท่านเสียด้วยซ้ำ และยังได้เห็นกิเลสในประเด็นนี้ที่ไม่ยอมล้าง มีแต่กดข่มมาตลอด แทนที่จะรำคาญ ก็ขอบคุณท่านถึงจะถูก
ส่วนประเด็นความโกรธมันเยอะมากจริงๆ เห็นตัวเองชัดเจน โกรธเท่าที่โง่ โง่เท่าที่โกรธ
จะโง่ จะชั่ว จะทุกข์ไปถึงไหน
สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่ใช่เขา เรา เรา เรา เต็มใจรับ รับแล้วก็หมดไป จะได้โชคดีขึ้น
เรื่องการพูด มากพอๆกับตัวโกรธก็สมควรได้รับเพราะ พูดจาไม่เพราะ ขวานผ่าซาก มะนาวไม่มีน้ำ ตัวเองพูดไม่ดีแต่จะเอาคำพูดดีๆจากผู้อื่นได้อย่างไง
อยากได้สิ่งใดจงคิดสิ่งนั้นกับผู้อื่น ต้องขอบคุณท่านจริงๆที่กระทุ้งกิเลสตัวนี้ออกมาให้เห็นด้วย ถึงแม้ทั้งตัวโกรธ และ การพูดไม่เพราะจะลดลงแล้ว ถ้ายังล้างไม่หมดก็ต้องพากเพียรไป เวลาที่ทำได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
สักพักท่านก็เก็บยอดมาให้ แต่ใจเรามันโง่ไปแล้วตามดูตัวได้ดั่งใจอยู่ด้วยค่ะ…สาธุ
การบ้านอริยสัจ ๔
จรัญ บุญมี (เพชรแผ่นดิน) Charun Boonmee
เรื่อง ความจริงความลวง ทำงานหรือทำทุกข์
ชีวิตเมื่อกุศลพอ ก็จะได้บำเพ็ญกับผู้ที่มีบารมี เป็นโอกาสได้สั่งสมกุศลให้ยิ่ง ที่ภูผาฟ้าน้ำ ร่วมสร้างแดนบุญ ตาม อ.หมอเขียว และหมู่มิตรดี หมู่สัตบุรุษ ทำเต็มที่เหนื่อยเต็มที่ ยึดเต็มที่วางเต็มที่ ทำด้วยความร่าเริง แต่! ที่ยังวางไม่เกลี้ยงก็มีอยู่ การบำเพ็ญบนภูผาไม่แน่อย่ามา คือที่ฝึกหน่วยซีล
ทุกข์ : ยกร่องปลูกผักที่แปลงบำรุงง่าย เป็นครั้งแรกในการยกร่องผักด้วยแบคโฮ งานละเอียดที่ไม่เคยทำก็รู้สึกยาก เหนื่อยใจ อยากทำให้เร็ว ใจที่ตั้งใจสนองงานอาจารย์วาดภาพตอนงานเสร็จ ไว้สวยงาม เกิดความไม่โล่งไม่โปล่ง ปวดเมื่อย สมุทัย :คือชอบถ้างานออกมาตามที่ยึด ชังถ้าไม่ได้ดั่งใจ
นิโรธ :งานจะออกมายังไงก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค :นิโรธโคตรสุขถ้าไม่มีแกมารบอกสนองงานอาจารย์แท้จริงมารลวงสนองกิเลสความมุ่งมั่นพากเพียรทำกุศลนั้นถูกแล้ว เราทำในสิงที่ยากนั้นและถูกแล้วคาดหวังให้งานออกมาดีก็ถูกแล้ว เพียงแต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไร มีกุศลอกุศลของเราของโลกเป็นปัจจัย ให้วางผลแล้วยินดีกับโอกาศ ภาคภูมิที่ทำดีมาพอให้ได้ร่วมบุญกุศลกับสัตบุรุษ โชคดีมากแล้ว
เรื่อง ลูกพูดหยาบ
เหตุการณ์คือว่า มีลูกชาย 2 คนน่ะ คนโตอายุ 27 ปี คนเล็กอายุ 25 ปี พี่น้อง2 คนนี้ เวลาพูดกันพูดเหมือนว่าจะเกลียดกันคือคนโตเวลาพูดกับน้องจะพูดหยาบ แบบว่าเวลาจะให้น้องชายไปซื้อของให้แทนที่จะพูดกับน้องดีๆ คือใช้คำพูดแบบวางอำนาจ เช่น(อ้าย) ไปซื้อของให้หน่อยซิ เวลาเราได้ยินมันไม่รื่นหู พยายามบอกกับลูกคนโต. ว่าทำไมถึงพูดแบบนี้กับน้องล่ะ เวลาเราจะให้ใครทำอะไรให้เรา เราต้องพูดจาดีๆๆสิ แล้วเราจะได้สิ่งที่เราต้องการ สรุปแล้ววันนั้น น้องชายก็ไม่ได้ไปซื้อของให้
ทุกข์: ไม่ชอบให้ลูกพูดจาหยาบ
สมุทัย: ชอบถ้าลูกพูดจาไม่หยาบ. ชังเวลาลูกพูดจาหยาบ
นิโรธ: ลูกจะพูดจาหยาบก็ได้ ไม่พูดจาหยาบก็ได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค: เห็นชัดเจนเลยว่าเรากระทำอย่างไรเราก็ได้รับอย่างนั้นจริงๆ เมื่อก่อนเคยพูดจาหยาบกับพ่อบ้าน (ลูกเคยเห็นพฤติกรรม) ลูกๆคงคิคว่า เป็นสิ่งดีเน๊าะเห็นแม่พูดได้ก็เลยทำตาม บททบทวนธรรมของอาจาร์ยแว๊บเข้ามเลยชัดเจนมากคือ สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา สิ่งที่ทำได้ก็คือทำใจร่มๆน่ะ พอเราทำใจได้ต่อมาสิ่งที่เราได้รับลูกพูดจากับน้องน่าฟังขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้ จบแล้วครับผม
เรื่อง:พ่อบ้านขอเงินซื้อบุหรี่
เนื้อเรื่อง:พ่อบ้านมีเงินซื้อบุหรี่ แต่ไม่พอมาขอเงินข้าพเจ้า 5 บาท ก็ให้ไปรู้สึกไม่พอใจที่พ่อบ้านไม่เลิกสูบบุหรี่
ทุกข์:ไม่พอใจที่พ่อบ้านไม่เลิกสูบบุหรี่
สมุทัย:อยากให้พ่อบ้านเลิกสูบบุหรี่ ชอบถ้าพ่อบ้านเลิกสูบบุหรี่แล้วจะสุขใจ ชังถ้าพ่อบ้านไม่เลิกสูบบุหรี่ก็ทุกข์ใจ
นิโรธ:พ่อบ้านจะเลิกสูบบุหรี่หรือไม่เลิกก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค:พิจารณากรรมและเข้าใจเรื่องกรรมว่า อดีตเราเคยเสพและส่งเสริมมา ผลของกรรมทำให้มาพบกับพ่อบ้านที่ชอบสูบบุหรี่ เขามาเพื่อให้เราล้างก็โชคดีแล้ว! แต่ก็ยังมาถูกกิเลสหลอกให้หลงมาชังเป็นพรหม 3 หน้า อยากให้พ่อบ้านเลิกสูบบุหรี่ให้สมใจหมายของเรา แต่ฐานของพ่อบ้านยังไม่ถึงเวลาของเขา อย่ามัวเสียเวลาโง่อยู่เลย มาเมตตาที่ใจเราเองดีกว่า นึกถึงคำสอนของอาจารย์ว่า”พอเราไม่สูบบุหรี่ได้แล้ว เราก็จะไปชังคนสูบบุหรี่ ก็เท่ากับเรายังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้”เพราะเป็นลำดับของการ ลด ละ เลิก กาม จึงกลับมาตรวจพิจารณาตัวเองว่า พ่อบ้านชอบสูบบุหรี่ก็คืออดีตของเราที่เคยชอบเมื่อเลิกได้แล้วก็กลับมาชัง ถ้าเราไม่ให้อภัยพ่อบ้านก็เท่ากับเราไม่ให้อภัยตัวเอง เมื่อคิดได้ก็รู้สึกโล่งใจ สบายใจได้100% แล้วตั้งจิตจะพากเพียรปฏิบัติต่อไป
ทำเต็มที่แล้ว
ทำภาพปกรีวิว ใส่คำที่จะเขียนลง แต่ใส่ยังไงๆ ก็ใส่ได้ไม่หมด พี่น้องทำตัวอย่างให้ดู ก็ถามทำไมของเราถึงใส่ลงอีกไม่ได้ พี่น้องก็บอก แต่ก็ได้พยายามทำใหม่หลายๆครั้งก็ทำไม่ได้เหมือนเดิมและคิดว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว จึงส่ง แต่ผิดขนาดอีก เห็นใจตัวเองเซ็งไม่อยากทำใหม่เพราะคิดว่าทำเต็มที่แล้ว ทำมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่พี่น้องก็เมตตาไม่ถือสา ช่วยบอกวิธีทำทีละขั้นอย่างใจเย็นพอเข้าใจวิธีทำมันก็ง่าย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ก่อนนั้นพี่น้องบอกทำง่ายๆ เราก็เถียงว่าง่ายสำหรับคนทำเป็นนะซิ พี่น้อง แต่ที่สำคัญคือ”ใจที่ต่อต้าน”ของเรา ทำให้คิดไม่ออก เพราะคำว่าทำเต็มที่แล้ว.
ทุกข์ : เซ็ง ต่อต้าน ไม่อยากทำใหม่
สมุทัย : ไม่ชอบที่จะต้องทำใหม่ ชอบ-ที่จะไม่ต้องทำใหม่
นิโรธ : วางใจ ทำใหม่อีกกี่ครั้งก็ได้ เพื่อได้จะฝึกใจเราให้อดทน ไม่ปิดกั้นใจตัวเอง ด้วยประโยค ว่า”ทำเต็มที่แล้ว”
มรรค : สงบใจ ระลึกถึงคำของคุรุ บอกเราว่า”เต็มที่วันนี้กับ เต็มที่พรุ่งนี้ไม่เหมือนกัน” น้อมนำมาพิจารณาเห็นจริงๆ เพราะเราไปสะกดจิตตัวเองว่า “ทำไม่ได้ ทำเต็มที่แล้ว “ปิดใจ ทำให้คิดไม่ออก
กราบขอโทษ ขออภัย ขออโหสิกรรมต่อตัวเองและ พี่น้อง ข้าพเจ้าขอตั้งจิตจะคิดใหม่ ทำใหม่ เปิดใจเรียนรู้ น้อมรับคำแนะนำ
ของครูบาอาจารย์ และพี่น้อง จะเรียนรู้งานนอกเท่าที่ฐานจิตของตัวเองจะทำได้ . และจะไม่ลืมจิตวิญญาณของตัวเอง จะพยายามพากเพียรทำงานในใจให้มากๆ เพื่อประโยชน์ของตนก่อน .
กราบขอบพระคุณค่ะ. สาธุค่ะ.
อริยสัจ 4
ให้ไม่จริง
วันศุกร์ที่ผ่านมาไปหน้าของที่ซุบเปอร์มาร์เก็ต เห็นคนเร่รอนนั่งหนาวอยู่หน้าร้าน ก็นึกในใจเดี๋ยวซื้อขนมปังเเละอะไรร้อนๆมาให้เขาตอนขากลับ ขณะที่ซื้อของอยู่ ก็เห็นเขาท่านนั้นเดินเข้ามาซื้อของ ก็บอกเขาว่า คุณหยิบเอาสองสามอันได้นะ เดี๋ยวจ่ายตังค์ให้ เขาก็หยิบเอาสี่อัน ใจมันก็มีขึ้นมา เออนะ… จากนั้นเขาก็ถามอีกว่า เอาเครื่งดื่มได้ด้วยไหม ก็ตอบเขาเอาซิ เขาก็หยิบเอาห้าขวด ก็เห็นใจที่คิดว่า เอ้มันมากไปหรือเปล่า เเต่ก็ให้เขาหยิบใส่รถเข็น เขาก็ถามต่ออีกว่า เอาบุหรี่ได้ไหม ก็เลยบอกเขาว่าพอเเล้ว จ่ายเงินเเละให้ของเขาไป เเต่ใจมันก็ยังมีตะหงิดๆอยู่
ทุกข์ : เพราะใจจะให้เขาเเค่สองหรือสามอัน ให้ไม่จริง
สมุทัย : ยึดว่าเขาจะต้องเอาเเค่สอง สามอัน ชอบที่จะให้เเค่นั้น ไม่ชอบที่เขาเอาเยอะ
นิโรธ : ไม่ทุกข์ใจ ให้เเล้วคิดที่จะไม่เอาอะไรให้ได้
มรรค : ระหว่างที่เห็นเขาหยิบเอาของครั้งเเรก เเละที่สองพิจารณาว่า เราจะให้เขาเเล้ว เขาอยากได้ก็ให้เขาหยิบเอาเราตั้งใจที่จะให้ ตั้งใจที่จะทำเเล้ว ตอนนนั้นก็เห็นว่าเป็นการกดข่มอยู่ พอเขามาถามเรื่องบุหรี่ เห็นตัวหนึ่งวิ่งขึ้นมาบอกว่าพอเเล้ว เเละก็ได้ปฏิเสธออกไป กลับมาดูที่ตัวเรา เราเองก็เคยโลภ ถ้ามีโอกาสก็จะเอามากๆอย่างนี้เเหละ ความโลภของคนมักไม่รู้จักพอ เขาทำให้เราเห็นตัวเรา การเอามากๆเป็นการเพิ่มวิบากร้ายให้กับตนเองเละยังเป็นเเรงเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นเป็นตาม มาตารีเทพสารถีท่านได้มาทดสอบเรื่องนี้อีก ก็เห็นว่ายังติดเรื่องนี้อยู่
ท่าน อ.หมอเขียว ท่านเทศน์อยู่บ่อยๆ ” ให้เล้ว คิดที่จะไม่เอาอะไรจากใครให้ได้ ” คำนี้มีพลังเตือนใจยิ่งนัก จะปฎิบัติให้ถึงจิต ถึงใจให้ได้ ต้องขอบคุณท่านผู้นั้น ที่มาทำให้เห็นตัวข้าพเจ้าเองเเละได้ใช้วิบากร้ายที่เราเคยทำมา ใจที่หนัก ก็เบา คลายหายไป
กลัว
ปุ้ยเป็นคนที่ชอบกินข้าวมาก เมื่อก่อนจะชอบกินผลไม้มากกว่า แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาชอบกินข้าวแล้วถ้าเป็นข้าวที่หุงใส่ถั่วด้วยความชอบจะเพิ่มขึ้น ทำให้เวลากินจะกินมากเกิน มาตาลีเทพสารถีก็มาเตือนคือ มีตุ่มขึ้นตามตัว พร้อมกับอาการคัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเดือนมกราคม ปุ้ยก็เคยปะทุด้วยตุ่มแบบนี้มาแล้วเพราะตอนนั้นกินข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง และงาขี้ม่อน ซึ่งเป็นของมมีประโยชน์ทั้งนั้น แต่กินเกินเลยถูกทำโทษด้วยการปะทุเป็นตุ่มตามตัว มาครั้งนี้ก็เริ่มมีสัญญาณให้เห็นว่าควรจะต้องตั้งศีลลดกินข้าว โดยเริ่มต้นด้วยการต้มข้าวปั่นกับใบไชยา และข้าวโพด ผลไม้กินกลัวยน้ำว้า ลองแค่นี้ก่อนวันแรก ช่วงบ่ายกำลังปรับปรุงต้นวอเตอร์เครสใหม่รู้สึกคันที่ตุ่ม แล้วก็ถามใจตัวเองว่ากลัวไหม ก็ได้คำตอบว่ากลัว กลัวอะไร กลัวจจะเป็นเหมือนเดิมอีก
ทุกข์ กลัวว่าจะเกิดตุ่มขึ้นตามร่างกายและมีอาการคันเหมือนครั้งแรก
สมุทัย ถ้าตุ่มไม่ขึ้นตามร่างกายก็จะสุขใจ แต่ถ้าตุ่มเกิดขึ้นตามร่างกายพร้อมด้วยอาการคันก็ทุกข์ใจ
นิโรธ ตุ่มจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็สุขใจได้
มรรค ตอนที่ถามตัวเองว่ากลัวไหม แล้วได้รับคำตอบว่ากลัว ก็บอกกิเลสไปว่า ถ้าตุ่มจะขึ้น กลัวหรือไม่กล้ว ถึงอย่างไรตุ่มมันก็เกิดขึ้นอยู่ดี ความกลัวไม่ได้ทำให้ตุ่มหายไปแล้ว มีแต่จะทำให้เป็นมากกว่าเดิม แล้วจะกลัวไปทำไม กลัวก็เป็นทุกข์ใจ แต่ถ้าไม่กลัว ก็ไม่ต้องทุกข์ใจ แล้วตุ่มจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็แล้วแต่วิบากร้ายที่เราทำมา ยินดีรับยินดีให้หมดไป รับเท่าไรหมดเท่านั้น
เรื่อง การเลี้ยงไก่
เหตุการณ์ มีคนในบ้านนำไก่มาเลี้ยงในบริเวณบ้าน ซึ่งตนเองคิดว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นบ้านในเขตเมือง ไม่ใช่บ้านสวน จะทำให้ตนเองและเพื่อนบ้านรำคาญ เพราะจะเหม็นขี้ไก่ และไก่จะคุ้ยเขี่ยต้นไม้ด้วย เวลาให้อาหารจะมีนกพิราบมาร่วมแจมอาหารด้วย อาจจะเป็นแหล่งเกิดโรค ก็เลยคุยกันว่าไม่สมควรนำมาเลี้ยวด้วยเหตุผลดังกล่าวแต่ก็ไม่เป็นผลเขายังคงเลี้ยงต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบ
ทุกข:มีการเลี้ยงไก่ในบริเวณบ้าน ไม่ได้ทำตามที่เราเสนอ
สมุทัย: ชอบถ้าเขาทำตามที่เราเสนอคือไม่เลี้ยงไก่ในบริเวญบ้าน ชังถ้าเขาเลี้ยงไก่ในบริเวณบ้าน
นิโรธ:จะเลี้ยงไก่หรือไม่เลี้ยงไก่ในบริเวณบ้านก็ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค:เราได้พูดเหตุผลถึงความเหมาะควรไปแล้ว ส่วนการตัดสินใจในการกระทำเป็นเรื่องของเขา เขาจะทำตามก็ได้ไม่ทำตามก็ได้ เพราะไม่รู้สักกี่ร้อยเรื่องที่เราไม่ได้ทำตามใจคนอื่น นี่คือตัวเราที่ดื้อกับคนอื่น. กูทำมา กูทำมา สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่ทำมา รับแล้วก็หมดไป ถึงเวลาที่เราต้องรับบ้างนะ. โชคดีอีกแล้ว ได้ใช้วิบาก พอตามกิเลสได้ทัน ก็ไม่ชอบไม่ชังในการเลี้ยงไก่ สามารอยู่ร่วมกันได้ทั้งเรา คนเลี้ยงไก และไก่ อย่างสงบสุข
2 เรื่องล้างขี้ไก่ล้างใจตัวเอง
จากการที่เลี้ยงไก่ไว้ในบริเวณบ้านทำให้พื้นรอบบ้านเต็มไปด้วยขี้ไก่
ทุกข์:พื้นบ้านสกปรกขี้ไ่ก่
สมุทัย:ชอบถ้าพื้นไม่มีขี้ไก่ ชังที่พื้นเต็มไปด้วยขี้ไก่
นิโรธ:บริเวณพื้นบ้านมีขี้ไก่หรือไม่มีขี้ไก่จะไม่ชอบไม่ชัง
มรรค:ใช้บททบทวนธรรมการได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลสคือความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา ทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา เราได้ล้างขี้ไก่ที่พื้นทำให้ได้ล้างใจเราที่สกปรกด้วยกิเลสไปด้วย ล้างกิเลสไปได้ใจเราก็เบิกบาน กิเลสตายด้วยนำ้มือขี้ไก่ เย้ๆๆๆ ได้ล้างทุกวัน
ทุกข์..ใจที่ตัวเองกินไม่ประมาณ ในแต่ละวัน
สมุทัย..ชอบที่จะกินเยอะ ชังที่ไม่ได้กินเยอะ
นิโรธ..ไม่ชอบไม่ชัง จะได้กินหรือไม่ได้กินก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค..ตั้งศีลในการประมาณในการตักอาหารให้พอดีให้เป็นประโยนช์ต่อตัวเอง วันต่อวัน ฟังธรรมะจาก อ.จ ฝึกความยินดี พอใจ ไร้กังวล ในทุกสถานการณ์ สาธุ
เรื่อง:เจอจนได้
เหตุการณ์:คือวันก่อนกำลังทานข้าวอยู่ดีๆ เผลอกัดปากตัวเอง วันต่อมาก็กัดปากซ้ำที่เดิมอีก อะไรมันจะแม่นขนาดนั้น เราก็เลยย้อนพิจารณา สาเหตุที่กัดปากตัวเอง จึงได้รู้เคยตั้งจิตว่า ในขณะที่คำข้าวอยู่ในปาก เราจะไม่พูด แต่วันที่เรากัดปากตัวเอง ได้เผลอพูดในขณะที่กำลังเคี้ยวอาหาร เมื่อเป็นดังนี้จึงได้ สำนึกผิด หรือยอมรับผิด เต็มใจรับโทษ ตั้งจิตปฎิบัติใหม่ ไม่เผลอใจ ไม่ห่างใจ บำเพ็ญเต็มที่สุดฝีมือต่อไป ด้วยใจที่เป็นสุข
ทุกข์:ขัดใจทานข้าวลำบาก
สมุทัย:ผิดศีลข้อ4 พูดในขณะที่ข้าวอยู่ในปาก เกือบทุกครั้งที่ข้าวอยู่ในปากแล้วพูด ก็จะกัดปากตังเองทันที
นิโรธ:จะทานข้าวลำบากหรือไม่ เราก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค:สำนึกผิด หรือยอมรับผิด ขออภัยโทษ เต็มใจรับโทษ หรือขออโหสิกรรม ตั้งจิตหยุดสิ่งที่ไม่ดีอันนั้น ตั้งจิตทำความดีให้มากๆ คือลดกิเลสให้มากๆ เกื้อกูลผองชนและหมู่สัตว์ให้มากๆ เมือได้สารภาพบาปแล้ว เราก็ตั้งจิตใหม่ ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ ปัญหาและอุปสรรค ไม่เคยหมดไปจากโลก มีแต่ทุกข์ใจเท่านั้นที่หมดไปจากตัวเราได้ ทำให้จิตเราแกร่งขึ้น ไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจ เบิกบานแจ่มใส ดีกว่า
เรื่อง : จะให้เขาดับ หรือ ดับที่เรา
เนื้อเรื่อง : ห้องที่เราทำงานจะอยู่บริเวณด้านหน้าของสำนักงานติดกับบันไดทางขึ้นชั้นล่าง เมื่อมีคนมาติดต่องานก็มักจะมาจอดรถข้าง ๆ ห้องทำงานหรือตรงบันไดทางขึ้น ซึ่งส่วนมากแล้วคนขับรถจะไม่ยอมดับเครื่องยนต์และปล่อยให้เครื่องยนต์นั้นทำงานเป็นเวลานานจนกว่าตนเองจะติดต่องานเสร็จ หรือบางคันก็ขับมาส่งผู้อื่นบ้าง หรือแม้แต่จะเป็นพนักงานส่งพัสดุต่าง ๆ หลากหลายบริษัทที่มักจะวนเวียนสลับกันขึ้นมาส่งของวันละหลาย ๆ คัน จึงเป็นที่มาของการเกิดควันจากท่อไอเสียรถที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณและได้ลอยเข้ามาในห้องที่เราทำงานอยู่ด้วย ซึ่งเราก็แก้ปัญหาด้วยการปิดประตู หน้าต่างเพื่อป้องกัน แต่ในฤดูนี้เป็นฤดูหนาวไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อระบายอากาศ ในห้องทำงานจึงเกิดความอึดอัดและอากาศไม่โล่งโปร่งสบายเหมือนตอนที่เปิดหน้าต่าง
ทุกข์ : รู้สึกไม่ชอบใจ ชังคนที่ขับรถมาจอดแล้วไม่ดับเครื่องยนต์
สมุทัย : ยึดว่าคนขับรถควรจะดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดควันพิษจากท่อไอเเสียซ฿่งจะเป็นมลพิษต่อชีวิตคนอื่นและสิ่งแวดล้อม
นิโรธ : เมื่อเราได้บอกกล่าวหรือทำป้ายแจ้งเตือน ขอให้เขาดับเครื่องยนต์แล้ว เขาจะดับเครื่องยนต์หรือไม่ เราก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณาถึงวิบากกรมเราทำมา แต่ก่อนเราก็เคยทำแบบนั้นมานะ เวลาขับรถไปไหน ๆ เรามักจะเปิดเครื่องปรับอากาศในรถเพื่อปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย หากเมื่อเราต้องจอดรถก็ไม่อยากดับเครื่องยนต์เพราะไม่อยากปิดเครื่องปรับอากาศในรถ พิจารณาถึงคนที่เขาขับรถส่งพัสดุที่อาจต้องขับรถเป็นระยะทางไกล หรือขับเป็นเวลานาน เครื่องยนต์ของรถทำงานตลอดเกิดความร้อนสะสมหากมาจอดและดับเครื่องยนต์ทันที เครื่องยนต์อาจเกิดความเสียหายได้ หรือ เขาอาจจะคิดว่ามาติดต่องานนิดเดียวคงไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไหร่นักหรอก ไม่ต้องดับเครื่องยนต์ก็ได้ อีกอย่างก็ไม่มีป้ายเตือน หรือป้ายบอกขอความกรุณาจอดรถกรุณาดับเครื่องยนต์ หากเราทำป้ายเตือนไปติดไว้ก็น่าจะดีนะ..พิจารณาถึงความรังเกียจกลิ่นเหม็นของไอเสียจากรถ ความกลัวจะเกิดพิษเป็นผลเสียต่อร่างกาย อีกทั้งต้นไม้ใบหญ้าด้านหน้าสำนักงานก็จะปนเปื้อนสารพิษ ออ นี่เรายังชังสิ่งนี้ ไม่ชอบใจสิ่งนี้ เราถึงยังต้องมาพบเจอ มารับซ้ำ ๆ ไปจนกว่าเราจะวางเรื่องนี้ได้ คิดถึงบททบทวนรรมของท่านอาจารย์ที่ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่มีข้อดี มีข้อดีได้หมด มีประโยชน์ได้หมด ต้องหาข้อดี หาประโยชน์ให้ได้ในทุกเรื่อง..ชีวิตคนเราควรเบิกบานให้ได้ในทุกสถานการณ์ เหมือนกับเหตุการณ์นี้ไง ที่มีข้อดีตรงที่เราได้ใช้วิบากร้าย ที่เราเคยพลาดทำงาน รับแล้วก็หมดไป รับเต็ม ๆ หมดเต็ม ๆ เย้ ๆๆ..
ใช้ของที่มีอยู่ให้คุ้มค่า
เรามีโน๊ตบุ๊คตัวหนึ่งแต่แป้นเป็นภาษาเยอรมัน จึงเกิดความหวั่นไหวอยากจะได้ โน๊ตบุ๊คตัวใหม่ ที่มีแป้นภาษาไทย
ทุกข์ : หวั่นไหว ไม่ค่อยพอใจ โน๊ตบุ๊คที่ตัวเองมีอยู่
สมุทัย : อยากได้โน๊ตบุ๊คตัวใหม่
นิโรธ : ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าจะได้โน๊ตบุ๊คตัวใหม่ สุขสบายใจใช้โน๊ตบุ๊คที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด
มรรค : สงบใจพิจารณาประโยชน์ของโน๊ตบุ๊คตัวที่มีอยู่ ซึ่งก็พอใช้งานได้ และตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาเร่งด่วนที่จะต้องเรียนรู้อะไร ๆ ใหม่เพิ่มหรอก เรา ปรุงแต่งวาดฝันไปเองปั้นอากาศให้เป็นตัว ว่า ตัวเองจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่ม ซึ่งความจริงเรียนรู้เพียงเท่านี้ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาอยู่แล้ว แต่กืลิเลสมาหลอกให้ปั้นอากาศเป็นตัวว่า ถ้าได้โน๊ตบุ๊คตัวใหม่จะสุขใจ ชอบใจมากกว่านี้ ได้เรียนรู้มากว่านี้ พอเรามีสติและรู้ว่านี่เป็นความคิดกิเลส ใจก็คลายลง 80% และเราได้ระลึกถึงศีลที่ตั้งมาปฏิบัติว่า “จะใช้ของที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ามากที่สุด ” ตอนนี้สติและสมาธิเริ่มเต็ม จึงพิจารณาลึก ๆลงไปถึงความจำเป็น หรือ ไม่จำเป็น ที่จะซื้อโน๊ตบุ๊คตัวใหม่ในเวลานี้ สรุปว่า ยังไม่จำเป็น ใจก็คลายลง 95% วันต่อมา เราได้เล่าสภาวะธรรมให้พี่น้องหมู่กลุ่มฟัง พี่น้องแนะนำว่า สามารถเปลี่ยนระบบในโน๊ตบุ๊คให้เป็นภาษาไทยและซื้อสติ๊กเกอร์ภาษาไทยมาแปะที่แป้นได้ ใจเราก็คลายลง100% ยินดีและพอใจที่จะใช้โน๊ตบุ๊คตัวเดิมที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
เรื่อง การทำนาแปลงเล็ก
เมื่อได้ทดลองทำนาแปลงเล็กขุดดินก็คิดในใจว่าจะสำเร็จหรือไม่จะปลูกอะไรดีแล้วจะได้ผลดีเหมือนที่ท่านอาจารย์และจิตอาสาทำหรือไม่ ทุกข์ : อยากทำนาแปลงเล็กให้ได้ผลดีสมุทัย: เหตุุแห่งทุกข์กลัวว่าการทำนาแปลงเล็กจะไม่ได้ผลชอบที่จะทำงานให้สำเร็จ ชังที่ทำงานแล้วไม่ได้ผลงานที่ดี นิโรธ: สภาพดับทุกข์จะทำนาแปลงเล็กได้ผลดีหรือไม่ดีก็ไม่ทุกข์ใจ มรรค:วิธีดับทุกข์พิจารณาขณะที่ขุดดินทำจิตใจของเราให้เบิกบานแจ่มใสทำอย่างรู้เพียรรู้พัก ตามบททบทวนธรรมที่ว่าจงทำดีเต็มที่เหนื่อยเต็มที่ไม่มีอะไรคาใจไม่เอาอะไรคือสุดยอดแห่งความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใสผลจากการทดลองทำแปลงปลูกโดยมีเศษอาหารและอินทรีย์วัตถุเป็นปุ๋ยมีต้นฟักทองงอกขึ้นมาจากเศษอาหารโดยไม่ต้องไปหาพันธ์พืชมาปลูกในแปลงต้นฟักทองเจริญเติบโตดีทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะมีอาหารที่ปลอดภัยไว้รับประทานในอนาคตอันใกล้
เรื่อง:การทำนาแปลงเล็กด้วยใจที่ผาสุข เมื่อเริ่มทดลองทำนาแปลงเล็กใจก็กังวลว่าจะทำได้ดีเท่าท่านอาจารย์และจิตอาสาทำหรือไม่ ทุกข์ :อยากทำนาแปลงเล็กให้ได้ดีมีความสำเร็จ
สมุทัย: เหตุแห่งทุกข์ กลัวกังวลหวั่นไหวว่าจะทำนาแปลงเล็กได้ไม่ดีปลูกพืชไม่งามเหมือนที่ท่านอาจารย์และจิตอาสาชอบที่จะทำงานให้สำเร็จชังที่จะทำงานไม่สำเร็จ
นิโรธ: สภาพดับทุกข์ทำนาแปลงเล็กด้วยใจที่เบิกบานแจ่มใส ไร้ทุกข์ไร้กังวลมรรค:วิธีดับทุกข์พิจารณาขณะขุดดินทำนาแปลงเล็กมีความกังวลหวั่นไหวหรือไม่ พิจารณาตามทบทวนธรรมที่ว่าจงทำดีเต็มที่เหนื่อยเต็มที่ไม่มีอะไรคาใจไม่เอาอะไรคือสุดยอดแห่งความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใสผลจากการปฏิบัติด้วยใจที่ไร้ทุกข์ปรากฏว่าเราสามารถทำแปลงนาโดยใช้ปุ๋ยจากเศษอาหารและอินทรีย์วัตถุปลูกฟักทองโดยไม่ต้องหาเมล็ดมาเพาะเนื่องจากมีเมล็ดฟักทองขึ้นมาจากเศษอาหารที่นำมาทำปุ๋ย ลำต้นแข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดี ทำให้มั่นใจว่าจะมีผักไว้รับประทานโดยไม่ต้องซื้อและเป็นผักอินทรีย์ที่ปลอดภัย
Comments are closed.