การบ้าน ความจริงและความลวง (13/2563) [23]

631122 การบ้าน ความจริงและความลวง (13/2563)

นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน ความจริงและความลวง ประจำวันที่ 16 – 22 พฤศจิกายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)

สรุปมีผู้ส่งการบ้านสัปดาห์นี้รวม 23 ท่าน 25 เรื่อง

  1. วรางคณา ไตรยสุทธิ์ (พุทธพรฟ้า)
  2. นงลักษณ์ สมศรี(ลายใบไม้)
  3. นางจิราภรณ์ ทองคู่
  4. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)
  5. ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
  6. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน
  7. อรวิภา กริฟฟิธส์
  8. พรพิทย์ สามสี
  9. สำรวม แก้วแกมจันทร์
  10. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
  11. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์
  12. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม
  13. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
  14. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
  15. ณ้ฐพร คงประเสริฐ
  16. นปภา รัตนวงศา
  17. ปิ่น คำเพียงเพชร (๒)
  18. จิตรา พรหมโคตร
  19. นางพรรณทิวา เกตุกลม
  20. จงกช -ป้าย่านาง (๒)
  21. น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)
  22. ศิริพร ไตรยสุทธิ์
  23. เสาวรี หวังประเสริฐ

22 thoughts on “การบ้าน ความจริงและความลวง (13/2563) [23]”

  1. นงลักษณ์ สมศรี(ลายใบไม้)

    เป็นห่วง

    ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาส บำเพ็ญกับน้องๆ ผ่านช่วงเวลา ดีๆที่มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และร้องไห้ มาด้วยกัน เมื่อตัดสินใจจะเดินทางกลับไทย ใจก็ห่วงเล็กๆว่าใครจะช่วยประสานให้ เมื่อแจ้งพี่น้องไปแล้ว ยังไม่มีใครมารับช่วงต่อ จึงบอกน้องไปว่าต่อไปต้องดูแลตัวเองแล้วนะ

    ผัสสะ : รู้สึกผิด ที่ต้องทิ้งงานไปกลางคัน

    ความลวง : ถ้ามีคนช่วยประสานงานแทนเราคงดี จะได้รู้สึกผิดน้อยลง จะได้กลับไทยสบายใจ

    ความจริง : เราควรจะเชื่อมั่นในตัวพี่น้อง จะมีใครทำแทนหรือไม่ก็ไม่ควรไปกังวลใจ ล่วงหน้า เรามีหน้าที่อย่างเดียวเมื่อได้บำเพ็ญกับหมู่มิตรดีคือ การได้มาลด ละ กิเลส ไม่ควรมายึดติดหรือทุกข์กับงานหรือคิดแทนพี่น้องอีก เราทำเต็มที่ ได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว พอวางใจได้ ก็ได้ทราบว่าทางฝ่ายประสานงานส่วนกลางก็มีการปรับเปลี่ยนการทำงานระหว่างทีมภาค ก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ความกังวลใจก็ค่อยๆหมดไป

  2. นางจิราภรณ์ ทองคู่

    เรื่อง กิเลสลวงให้หลงผิด

    
เนื้อเรื่อง มาบำเพ็ญที่ภูผาฟ้าน้ำ ตอนเช้าได้ไปเก็บถั่วแป๋โดยผู้รับใช้ที่เป็นคนดูแล ได้มอบหมายให้เราเป็นคนเก็บ วันที่1-2 ไม่มีร่องรอยของสัตว์มากิน แต่พอถึงวันที่ 3 มีร่องรอยของสัตว์ซึ่งน่าจะเป็นหนูมากิน ๆไปหลายฝักกิเลสก็บอกว่า เก็บทั้งฝักแห้งและฝักที่ยังไม่แห้ง ๆ เอาไปให้แม่ครัวต้มให้อาจารย์และที่เหลือจากอาจารย์พวกเราก็จะได้กินอย่างทั่วถึง แต่ไม่ได้ปรึกษาหมู่กลุ่มว่าควรเก็บฝักที่ไม่แก่หรือไม่ ได้ตัดสินใจเอง พอเก็บเสร็จได้เอาถั่วที่ยังไม่แห้งไปให้แม่ครัวต้มให้อาจารย์ แม่ครัวก็ทักว่าทำไมไม่เอาไว้ทำพันธุ์ เราก็บอกไปว่าถั่วเรายังมีมากยังไม่เก็บก็มี และที่เก็บมาแล้วก็มากพอทำพันธุ์ 


    ผัสสะ ขุ่นใจเมื่อโดนแม่ครัวทัก

    
ความลวง ถ้าแม่ครัวไม่ทักจะสุขใจ แต่พอแม่ครัวทักก็ทุกข์ใจ

    
ความจริง รู้ว่าทำผิดรีบสำนึกผิดและยอมรับผิด ขอรับโทษเต็มใจรับโทษ หรือขออโหสิกรรม ตั้งจิตหยุดสิ่งที่ไม่ดีอันนั้น ตั้งจิตทำความดีให้มากๆ คือลดกิเลสให้มาก ๆ เกื้อกูลผองชนและหมู่สัตว์ให้มาก ๆ ต่ออาจารย์และหมู่กลุ่มให้ถึงจิต ก็เป็นสุขได้

  3. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)

    ชื่อเรื่อง ความขี้น้อยใจ
    เวลาถูกคนที่เรารักหรือคนที่เราศรัทธามากๆ ชื่นชมคุณสมบัติหรือข้อดีของคนอื่น ในสิ่งที่เราขาดหรือเราพร่อง จะรู้สึกน้อยใจเหมือนตัวเองไม่มีค่าเท่าคนอื่น
    ความลวง
    เราเกิดมามีปมด้อย มีความความรู้ความสามารถด้อยกว่าผู้อื่น
    ความจริง
    อาจารย์ช่วยให้สัมมาว่า ที่เรารู้สึกว่าด้อยกว่าคนอื่น เพราะเรามีความโลภ โง่ อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง ทั้งที่ในบางแง่บางมุมตัวเองมีสิ่งดีที่คนอื่นไม่มีแต่เรามองข้ามไป เพราะใจเราไปอยากได้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จึงทำให้ใจทุกข์ และคนที่ชอบคิดให้ใจทุกข์ ชอบคิดทำทุกข์ทับถมตนคือคนโง่ คนบ้า คนมีปัญญาต้องฉลาดที่จะคิดให้ตัวเองพ้นทุกข์ ต้องมีฉันทะความยินดีในสิ่งมีตนได้ จึงจะไม่เป็นการทำทุกข์ทับถมตน ต้องรู้จักยินดีในสมบัติของตนแม้น้อย และถ้าเราเข้าใจในเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่า ทุกชีวิตที่เกิดมา ไม่สามารถทำให้เท่าเทียมกันได้ เพราะชีวิตทุกชีวิตจะได้สิ่งดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับวิบากหรือผลของกรรมที่ทำมาทั้งสิ้น ทำสิ่งดีมาก็จะได้รับสิ่งดี ทำสิ่งที่ไม่ดีมาก็จะได้รับสิ่งไม่ดี ถ้าเราอยากได้รับสิ่งดี ก็ให้ทำดีในปัจจุบันให้มากๆด้วยการลดกิเลสและช่วยเหลือผู้อื่น เพราะการทำดีในปัจจุบันจะสั่งสมเป็นวิบากในอดีต และให้ผลกับเราในปัจจุบันและอนาคต การทำดีที่ทำได้อย่างมีสติและปัญญาที่ถูกตรงในทุกปัจจุบันขณะจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

  4. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน

    ชื่อเรื่อง ติดอาหารอร่อย

    เนื้อเรื่อง เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมา มีพี่น้องจิตอาสามาจากหลายที่ มาช่วยดำนา แล้วมีอาหารหลายอย่าง หลายเมนู มากมาย ไม่เหมือนตอนทำกินเอง ที่อาหารไม่อร่อย ไม่หลากหลาย เหมือนกับวันนี้ครับ

    ผัสสะ อาหารหลายเมนู แกงกะทิสัปปะรดใส่เต้าหู้ ข้าวต้มมัด ข้าวโพด ลาบเห็ด มะละกอ ซุปหน่อไม้ ผัดลิ้นฟ้า ผัดกระเพา ส้มตำ ฯลฯ

    ความลวง อาหารอร่อย มีหลายเมนู ต้องกินเยอะเยอะ นานนานกินทีไม่เป็นไร นาทีทอง มารบอกว่า กินเยอะๆ ยัดเข้าไปๆ อันไหนที่ชอบก็กินเยอะๆครับ

    ความจริง การเสพรสชาติอาหารในการกิน ทำให้เกิดวิบากร้ายจากการเสพกิเลส ทำให้เราติด ทำให้เราทุกข์เวลาเราอยากกิน แต่ไม่มีให้กิน ทำให้เราประมาณการกินอาหารผิดพลาด ทำให้เรากินเกินความพอดี ทำให้เกิดพิษในร่างกาย ทำให้อึดอัด ทำให้เกิดโรค ดังนั้น อาหารจะอร่อยหรือไม่อร่อย อาหารจะมากหรือน้อย เราก็ควรกินตามประโยชน์ที่ร่างกายควรจะได้รับ กินเพื่ออยู่ กินเพื่อลดกิเลส กินเพื่อให้ชีวิตได้บำเพ็ญได้ลดกิเลสเพื่อที่จะพ้นทุกข์เท่านั้น และอาหารอร่อยเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องทุกข์โดยตรง เป็นศัตรูตัวร้ายของนักปฏิบัติธรรม ดังนั้นเราไม่ควรเสพรสชาติในอาหาร ไม่ควรปรุงสุขจากการกินอาหาร ควรจะล้างความอร่อยออก ฝึกอ่านเวทนาว่าอาหารนั้นรสชาติเป็นอย่างไร เช่น หวาน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม ฝึกเลิกติดความอร่อยในอาหารหรือรสชาติที่เราติดเท่าที่ทำได้ ซึ่งจะเป็นเหตุปัจจัยทำให้เราพ้นทุกข์ได้ครับ สาธุครับ

    1. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน

      แก้ไขครับ มาช่วยเกี่ยวข้าว ไม่ใช่มาดำนาครับ สาธุครับ

  5. อรวิภา กริฟฟิธส์

    คุยกับพี่น้องไม่ได้เสียง
    วันนี้มีการนัดเรียนทำแต่งภาพกับพี่น้องแต่ปรากฏว่าอยู่ ๆ เสียงเราก็หายไปคุยกับพี่น้องก็ไม่ได้ยินเสียงแต่เราได้ยินเสียงพี่น้องชัดเจนดี มีบางช่วงเราตามไม่ทันอยากจะให้น้องคุรุทบทวน แต่พอพูดน้องก็ไม่ได้ยินเสียงเรา รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยก็พยายามแก้แต่ไม่เป็นผล ก็เลยพูดกับตัวเองว่าช่างเถอะเขาไม่ให้พูดก็ไม่ต้องพูดก็ตัวเองผิดศีลมา(คือตั้งศีลกินมื้อเดียวเป็นปกติ ยกเว้นหิวหรือร่างกายต้องการ แต่วันนี้ไปกินนอกมื้อคือไปกินแตงโมกับเชอรี่ ทั้งที่ไม่หิว) วิบากต้องรับ เต็มใจรับโทษ ตั้งใจฟังไปเรื่อยๆก็แล้วกัน วิบากหมดเขาคงให้พูด เอาไว้ถามนอกรอบเอาก็ได้ พอวางใจได้ก็มีพี่น้องอีกท่านที่เรียนอยู่ด้วยกัน ท่านก็มีปัญหาเหมือนกันแล้วท่านก็ถามขึ้นมา เราเลยได้ประโยชน์หายสงสัยเพราะน้องที่สอนได้ตอบคำถามนั้น

    ผัสสะ เสียงหายคุยกับพี่น้องไม่ได้ยิน

    ความลวง แย่แล้วเราเรียนตามไม่ทัน มีปัญหาจะบอกพี่น้องก็ไม่ได้ เราคงทำไม่ได้หรอก

    ความจริง คือเราทำผิดศีลมาก็ต้องสำนึกผิด ตอนนี้วิบากร้ายมาให้เราได้ชดใช้ก็ต้องเต็มใจรับโทษเต็มใจให้หมดไปด้วยใจที่เบิกบานยินดี ตั้งใจหยุดสิ่งที่ไม่ดี คือไม่ทำทุกข์ทับถมตนเพราะความกังวล พอวิบากร้ายหมดเราก็จะโชคดีขึ้น และก็โชคดีจริงๆเพราะพี่น้องในห้องได้ถามคำถามที่เราสงสัยแทนเราพอดี เราเลยหายสงสัย

  6. พรพิทย์ สามสี

    เมื่อวานได้ไปทำธุระในเมืองเย็นแล้วก็รีบมาขึ้นรถสองแถวเพื่อจะกลับบ้านกลับพร้อมเพื่อนเพื่อนบอกรีบเข้ากลัวรถหมดจะตกรถเรามาถึงคิวประมาณตี 4 กว่าเราถามคนขับสองแถวว่ารถหมดตีเท่าไหร่คนขับตอบคันนี้แหละคันสุดท้ายเขาเป็นคนขับเรานึกในใจก็เราเคยรู้มาหมดตี 5 นี่ (17.00น) แล้วทำไมเขามาบอกแบบนี้พอรถที่เรานั่งเตรียมจะออกก็มีอีกคันถอยมาเตรียมเข้าคิวเป็นคันสุดท้าย (17.00น) คนเดียวนี้ร่วมอาชีพเดียวกันก็เอาประโยชน์กันเพื่อแย่งลูกค้ากัน
    ผัสสะ ชังคนขับน่าจะพูดว่ารถหมดตี 5 ไม่ใช่บอกผู้โดยสารรถหมดตี 4.30 พูดโกหกว่าคันนี้สุดท้าย
    ความลวง กิเลสมันบอกว่าไม่ชอบที่เขาพูดแบบนั้นเราไปยึดต้องพูดจริงเราถึงจะสุขใจ
    ความจริง นั่นแหละคือเงาของเรา เราเคยพูดความไม่จริงมา โชคดีอีกแล้วได้ใช้วิบาก เจอเรื่องดีมาเพราะทำดีมา เจอเรื่องไม่ดีเพราะทำไม่ดีมา ไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจ

  7. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    เรื่อง หลานไม่ช่วยงาน

    ผัสสะ : มีผักหลายอย่าง จึงต้องการให้หลานช่วยเด็ดผัก(พวกเขากำลังเล่นกันอย่างสนุกเพลิดเพลิน) “มีใครช่วยเด็ดผักได้บ้าง”
    คนแรก 11 ปี หันมองหน้านิดหนึ่ง ก้มหน้าเล่นต่อ
    คนที่2 10 ปี ได้ยินแล้วก้มหน้าเล่นต่อ ไม่พูดอะไร
    คนที่3 6 ปี “กำลังทำของเล่นอยู่”

    ความลวง : มีความต้องการ ให้หลานช่วย หลานไม่ช่วย จึงรู้สึกไม่พอใจ

    ความจริง : เด็กๆ กำลังสนุกเพลิดเพลินอยู่กับการเล่นอย่างต่อเนื่อง

    ความลวงเป็นกิเลส คือ ตัวความต้องการที่เราจะเอาดีจากเขา ที่จะให้เขาทำงาน พอไม่สมใจ ด้วยความใจร้อนไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดความไม่พอใจ เราจะไปเอาดีจากเขาเกินไป ให้ได้ทันทีทันใจ
    ความจริง คือ เด็กๆ เขากำลังมีความสุขกับการเล่น ตอนนั้นยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องมาช่วยงานเราได้ เราต้องรู้จักในการประมาณให้หลานช่วยงาน

  8. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    เรื่อง “หลานไม่ช่วยงาน”

    ผัสสะ : เห็นว่าหลานๆ กำลังเล่นกันอยู่ จึงเอ่ยชวนหลาน 3 คน เพื่อต้องการให้พวกเขามาข่วยเด็ดผัก “ใครมีความสามารถ ช่วยเด็ดผักบ้าง?”
    เอ่ยชื่อคนที่1(11ปี) หันมามองตาแล้วก้มหน้าเล่นต่อ
    เอ๋ยชื่อคนที่2(10ปี) ได้ยินแต่ไม่มองหน้า เล่นต่อ
    เอ่ยชื่อคนที่3(6ปี) “กำลังทำของเล่น” เล่นต่อ

    ความลวง : “ไม่พอใจ” ต้องการให้หลานช่วยทำงาน

    ความจริง : เด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุก ยินดี-พอใจกับเขาด้วย

    ความเอาแต่ใจจนเกิดความไม่พอใจนั้น เป็นกิเลสเป็นความลวง เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล
    ความยินดี-พอใจ เป็นความจริง ที่ได้เห็นเด็กๆ เล่นกันสนุก

  9. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์

    ชื่อเรื่อง — ที่เขายังทำอย่างนั้นอยู่เพราะเขายังไม่รู้ความจริงเท่านั้น

    ในการทำงานต่าง ๆ เรามักเห็นปัญหาบางอย่างจากคนบางคนเสมอ เช่น บางคนไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับทีมงาน บางคนถือดีไม่ยอมรับฟังความเห็นเพื่อนร่วมงาน บางคนไม่ค่อยยอมเข้าหากัน เป็นต้น ปัญหาต่าง ๆ จากคนเกิดขึ้นอยู่เสมอในการทำงาน บางครั้งก็ทำให้เราอึดอัดใจ หงุดหงิดรำคาญใจ บางครั้งก็เป็นอุปสรรคในการทำงาน หลาย ๆ ครั้งเราก็เห็นปัญหาอยู่ตำตา แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะเรื่องนั้นอยู่นอกเหนือหน้าที่ความรับผิดชอบของเรา ณ เวลานั้น

    ผัสสะ — เห็นเพื่อนร่วมงานบางคนไม่คุยกัน ไม่ยอมปรึกษาหารือกัน

    ความลวง — คิดว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนต้องเข้ากันได้ดีเท่านั้นจึงจะทำงานร่วมกันได้ ถ้าได้เพื่อนร่วมงานที่เข้าใจกันดี รักสามัคคีกันดี ก็จะชอบใจ ก็จะอยากทำงาน แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าใจกัน ไม่สามัคคีกัน ก็จะไม่อยากทำงาน

    ความจริง — โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ เพื่อนร่วมงานจะดีหรือไม่ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับวิบากดีร้ายของเราและของทีมงาน เงื่อนไขต่าง ๆ ของการทำงานเป็นไปตามเหตุปัจจัยคือกุศลและอกุศลของคนที่เกี่ยวข้อง และมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เรามีหน้าที่ทำงานของเราให้ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และทำเหตุปัจจัยที่ดีในปัจจุบันคือ ลดกิเลส ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นไปเรื่อย ๆ แล้ววันใดวันหนึ่งข้างหน้า ในชาตินี้หรือชาติหน้า เพื่อนร่วมงานหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ของการทำงานจะดีขึ้นเอง

    อีกข้อนึง โลกนี้ไม่มีใครอยากโง่ ไม่มีใครอยากชั่ว ไม่มีใครอยากทุกข์ การที่คนบางคนยังคงทำสิ่งที่ไม่ดีอยู่ ยังทำเรื่องที่ไม่เข้าท่าอยู่ ยังทำทุกข์ให้ตัวเองอยู่ เพราะเขายังไม่รู้จริง ๆ เพราะถ้าเขารู้แล้วเขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน

  10. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    น้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนพร้อมดื่ม

    จากที่เคยชอบทานมะพร้าวทั้งเนื้อและน้ำที่เคยได้ทานเป็นประจำก่อนที่จะมาเป็นจิตอาสาจะทานวันละ 3 ลูก เพราะคิดว่าไม่ทานเนื้อสัตว์ และทานมื้อเดียวแต่กินมะพร้าวแทน ไม่น่าจะมีโทษอะไร แต่ก็ลดลงเหลือ เดือนละไม่เกิน 7 ลูก แต่เมื่อมาเป็นจิตอาสาประจำและ 0 บาท จึงได้ทานต่อเมื่อมีผู้นำมาบำเพ็ญ ส่วนใหญ่เป็นทะลายแก่และต้องพึ่งจิตอาสารุ่นพี่ปลอกให้ ก็จะเกรงใจไม่กล้าทานเยอะ

    ความลวง โดดเข้าใส่ทันทีที่เห็นถุงน้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนพร้อมดื่ม หลังทานข้าวอิ่มเมื่อไปเรียน ป. เอก กับเพื่อนที่ทั้เงฆราวาสและพระที่ท่านจะได้อาหารจากการบิณฑบาต มาแบ่งปันหลังจากท่านฉันเสร็จแล้ว น้ำมะพร้าวที่ไม่แช่เย็นมีผู้เตือนว่าระวังเสีย เพราะอากาศร้อนและเป็นเวลาเที่ยงแล้ว แต่ก็หลอกตัวเองว่ากลิ่นยังหอมอยู่ ไม่น่าจะเป็นอะไร นานๆจะได้กินทั้งปริมาณมากที่จุใจเช่นนี้ ดื่มน้ำมะพร้าวและทานเนื้อจนหมดเกลี้ยงไม่ได้แบ่งใครสมใจอยาก

    ความจริง สุขจากการดื่มน้ำมะพร้าวหลังจากอิ่มมื้ออาหารได้ไม่นาน ก็ท้องอืด อึดอัดท้อง แก้สพิษดันพุงป่องทันที ดีว่าช่วงบ่าย อาจารย์ติดภารกิจ ไม่ได้เข้าสอน เพียงแค่ทบทวนบทเรียนกับเพื่อนๆ และอาการผื่นคันขึ้นตามขาและแขนก็เริ่มเกิดขึ้นตอนเย็น จึงได้สำนึกว่า สาเหตุน่าจะมาจากน้ำมะพร้าวที่กินเป็นปริมาณมากและทานเพราะอยากดื่มตามใจกิเลส เกินความต้องการของร่างกายที่อิ่มด้วยอาหารตามลำดับไร้สารพิษที่นำจากศูนย์ไปทานจนอิ่มแล้ว ก็ยังอยากทานเพราะสัญญาเดิมที่มีความสุขแว้บเดียวจากการดื่มน้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่มหวานหอมเย็นชื่นใจ แต่ความจริงคือไม่มีอะไรคงทนถาวร น้ำก็ไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิดเพราะเจือการปรุงน้ำตาล เนื้อก็แข็งกระด้างไม่นุ่มอย่างที่คิด เพื่อจะให้น้ำมะพร้าวเก็บได้นานช่วงอากาศร้อน ย่อมมีสารกันบูดและพิษออกฤทธิ์ผื่นตุ่มบวมแดงชึ้นเต็มขาและแขนคันจนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน

    ผัสสะ พ่ายแพ้ต่อความตามใจกิเลสตน แม้จะฉุกคิดได้ว่าน้ำมะพร้าวอาจเสียเมื่อมีเพื่อนเตือน แต่ยังประมาทดึงดันที่จะทานจนหมด ลืมพิจารณาไตรลักษณ์ว่า อร่อยไม่มีอยู่จริง จนร่างกายค้องขับพิษที่ได้รับจากสารกันบูดและน้ำตาลเกินเป็นผื่นดวงโตขึ้นเต็มไปหมดตามขาและแขน

    ได้รับบทเรียนจากความลวงของน้ำมะพร้าวที่ดูไม่มีพิษภัย แต่เป็นโทษมหันต์ถ้าประมาท ยังตามใจกิเลส และจิตวิปลาสปรุงแต่งว่าน้ำมะพร้าวที่เป็นพิษ ที่เพียงพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าน่าได้ น่ากิน น่าครอบครอง เป็นสิ่งมีประโยชน์ไม่น่าจะเป็นโทษ อยู่ใต้อำนาจกิเลสสะกดจิตทำตามใจกิเลสได้อย่างง่ายดาย ต่อไปจะไม่ประมาทและพิจารณาถึงโทษที่ได้รับ ขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่มาขัดเกลากิเลส หวังว่าจะเบวบางลง และจะเพียรพยายามให้สิ้นเกลี้ยงได้สักวันไม่ชาตินี้ก็ชาตืหน้า หรือชาติอื่นๆสืบไป

  11. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม

    ขนมปังยามเช้าตรู่

    เช้าตรู่วันหนึ่งก่อนที่ พ่อบ้านจะไปทำงาน ท่านให้เราไปซื้อขนมปังชนิดหนึ่ง ที่มีแป้งสาลี นมและเนยเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อมาเตรียมห่อไปกินที่ทำงานด้วย ซึ่งนานมากแล้วที่พ่อบ้านไม่ซื้อขนมปังชนิดนี้ เพราะ มีประโยชน์คุณค่าทางอาหารน้อย มีเพียงรสนุ่มอร่อย และเราก็เลิกกินมานานจนจำไม่ได้แล้ว ขณะที่เดินไปซื้อก็ตั้งศีล ว่าจะไม่ชิมขนมปังชนิดนี้ พอกลับมาถึงบ้าน หยิบขนมปังออกจากถุง ส่งให้พ่อบ้านเตรียมห่อไปทำงาน มือจับขนมปัง รู้สึกว่านุ่มและมีชิ้นเล็กๆอยู่สองชิ้น ใจก็หวั่นไหวอยากจะทดลองชิมว่า เรายังจะติดรสอะไรในขนมปัง จึงได้ขออนุญาตพ่อบ้านว่า ฉันชิมชิ้นเล็กๆนี้ได้ไหม? ในใจเราก็ขออนุญาตตัวเองและลาศีล เมื่อนำขนมปังเข้าปากหนึ่งชิ้นและกำลังเคี้ยว เราสังเกตอาการ อารมณ์พ่อบ้านเริ่มเปลี่ยนไป จากที่คุยกันดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ภายในเสี้ยววินาที เรายังเคี้ยวขนมปังไม่ละเอียดเลยและรับรู้ได้ว่า ขนมปังนี้มีแต่แป้งหนึบๆไม่ได้รู้สึกว่ามีความนุ่มอร่อยเลย อยากจะบ้วนทิ้งไปจริงๆเลย และ อีกหนึ่งชิ้นที่เหลือจะใส่ถุงไว้เหมือนเดิม เจอแล้วว่า ผิดศีล นำเรื่องร้ายมาให้ มาตาลีเทพสารถีเตือนทันที !

    ผัสสะ : ขนมปังที่มีแป้งสาลี นม และ เนย เป็นส่วนประกอบหลัก รสนุ่ม มีชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า ” butter Milch Brot” อ่านว่า “บุทเทอร์มิลค์โบรท”

    ความลวง : หวั่นไหวและสงสัย อยากจะทดลองชิมว่า ตัวเองยังจะติดรสอะไรไหม? ในขนมปังชนิดนี้

    ความจริง : โง่ ถูกกิเลสหลอก ไม่เด็ดขาด ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกอยากกิน และรู้ทั้งรู้ว่า มีส่วนประกอบหลักเป็น แป้งสาลีขาวขัดสี นมและเนย มีคุณค่าทางอาหารน้อยมาก และเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ กินเข้าไป ก็ผิดศีลแน่นอน เรื่องร้ายเกิดแน่นอน อยากพิสูจน์ใช่ไหม? เจอเลย เจอทันทีเลย ” อย่าล้อเล่นกับศีลนะ” ซาบซึ้งใจในศีลแล้วค่ะ

    เราจึงได้สงบใจ พิจารณา ดีเหมือนกัน เจออย่างนี้ จะได้ เลิกโง่ เลิกสงสัยเสียที ยอมรับ เต็มใจรับ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยน อย่างฉับพลัน วิบากกรรมผิดศีล เห็นทันตา ทันใจจริงๆ จึงตั้งจิตสำนึกผิด สารภาพผิด ขอขมา ขอโทษ ขออโหสิกรรม ให้กำลังใจตัวเอง ไม่ทำทุกข์ทับถมตน เจริญอภัยไม่ถือสาต่อตนเองและพ่อบ้าน ท่านจะพูดอะไร ๆ ก็ปล่อยให้ท่านพูดไป เราก็รับฟังท่านได้ด้วยความเข้าใจท่าน และ เข้าใจเรา เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง ณ เวลานี้ เราเป็นลูกหนี้ ยอมจำนน ด้วยพยานและหลักฐาน และได้ตั้งจิต ตั้งศีล สู้ ความอาลัยอาวรณ์ต่อรสอาหารอื่นๆด้วย ไม่เฉพาะขนมปัง ช่วงสายๆพ่อบ้านโทรจากที่ทำงาน มาหาเรา ท่านก็คุยปกติเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…เอวัง

  12. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    ความจริงความลวง

    เรื่อง ใคร..น้อผิดศีล?

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้โทรศัพท์คุยกับแม่ แม่บอกว่าแม่ไม่ได้ยินเสียงของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของแม่ชัดเจนดีมาก ข้าพเจ้าลองวางสายแล้วโทรใหม่ อย่างนี้อยู่ 3 ครั้ง และแล้วแม่กับข้าพเจ้าก็พูดเกือบพร้อมกันว่าเราพอแค่นี้ก็ได้นะ ไม่ได้ยินก็ไม่คุยแล้วล่ะ ข้าพเจ้าก็เลยวางสาย พอตอนเย็นวันเดียวกันข้าพเจ้าก็เลยลองโทรหาแม่อีกครั้ง ปรากฏว่าปกติดี แม่ได้ยินเสียงของข้าพเจ้าชัดเจน ข้าพเจ้าเลยพูดขึ้นมาว่า
    ” ใครผิดศีลอะไรน้อ ทำไมเมื่อเช้าแม่ถึงไม่ได้ยินพรพูด ” แม่เลยตอบมาว่า ” สงสัยแม่นี่แหละผิดศีล” ข้าพเจ้าเลยถามแม่ว่า แม่ผิดศีลอะไรเหรอ แม่บอกว่า” แม่กินเนื้อสัตว์” ฮ้า ๆ ๆ ข้าพเจ้าก็เลยหัวเราะชอบใจ รู้สึกยินดีกับแม่ และอนุโมทนาบุญกับแม่ที่แม่เริ่มซึมซับ เรียนรู้เรื่องศีล และการผิดศีล และวิบากกรรมของการผิดศีล ซึ่งแต่ก่อนแม่ไม่เคยพูดในลักษณะเช่นนี้

    ผัสสะ : หงุดหงิด ที่แม่ไม่ได้ยินเสียงพูดของข้าพเจ้าผ่านโทรศัพท์มือถึอ

    ความลวง : ถ้าแม่ได้ยินเสียงข้าพเจ้าพูดชัดเจนจะสุขใจ ชอบที่แม่จะได้ยินเสียงพูดของข้าพเจ้าได้ชัดเจน ไม่ควรจะมีปัญหาใด ๆ ติดขัดในการสื่อสาร

    ความจริง : การสื่อสารผ่านคลื่นสัญญาณแม่เหล็ก (อินเตอร์เนต) บางครั้งสัญญาณก็เสถียร บางครั้งก็ไม่เสถียร จะเชื่ออะไรแน่นอนไม่ได้ และการที่แม่ไม่ได้ยินเสียงเราก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยโทรไปใหม่ก็ได้ แต่เรื่องการผิดศีล เรื่องวิบากกรรมดีร้ายนี่สิ ! จะให้ผลแน่นอนที่สุด เสถียรที่สุด ! เพราะใครทำอะไรเอาไว้จะถูกบันทึกไว้หมด พอข้าพเจ้าสำนึกได้อย่างนั้นใจก็เบา และไม่กังวลกับทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นอีกเลย สาธุ

  13. ณ้ฐพร คงประเสริฐ

    เรื่อง: ยกเลิกการบ้านความจริงความลวง

    เนื้อเรื่อง: ช่วงอปริหานิยธรรมวันก่อน มีการพูดถึงประเด็นการจะยกเลิกการบ้านในเรื่องความจริง ความลวง โดยให้นำไปรวมกับการบ้านอริยสัจ4 ได้รับฟังดังนั้นใจก็ยอมรับ พร้อมปรับพร้อมเปลี่ยนนะ แต่เอ๊ะ! มันไม่ 100%อะสิ เลยลองตรวจใจดูว่ามีอะไรติดใจอยู่ไหม ก็ได้พบว่าเวลาตัวเองจะทำการบ้านอริยสัจ4 ทีไร จะต้องมาทำการบ้านความจริงความลวงก่อน เพื่อตรวจสอบ ทำเตวิขโช กับผัสสะที่มากระทบก่อน เมื่อทำตามลำดับอย่างนี้แล้ว ทำให้เราดับทุกข์ได้ดีขึ้น

    ผัสสะ: ได้ยินการพูดคุยในช่วงอปริหานิยธรรม ว่าให้ยกเลิกหัวข้อการบ้านความจริงความลวง ไปรวมอยู่ในการบ้านอริยสัจ4 เลยใจก็ดูยอมและพร้อมปรับพร้อมเปลี่ยนอยู่แต่ไม่100% ตรงจพบว่ามีตัวรู้สึกเสียดายการบ้านส่วนนี้ที่เรากำลังสนุกกับการจัดการกิเลสได้ดีขึ้นตามลำดับอยู่เชียว

    ความลวง: จะยกเลิกทำไม ที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว การจะดับทุกข์อริยสัจไม่ใข่เรื่องง่าย ๆ เลย ไม่งั้นพระพุทธเจ้าท่านคงไม่ตรัสไว้ในพระไตรปิฎกหรอก อาจารย์นำมาสอนพวกเราและเห็นว่าเป็นการทำไปตามลำดับ ๆ จิตอาสายังเข้ามาทำกันไม่เท่าไหร่เลย เป็นช่วงเริ่มต้นของหลาย ๆ ท่านด้วยซ้ำ ท่านที่เริ่มต้นการแยกความจริงความลวงยังยากเลย เราเองแรก ๆ ก็ไม่มั่นใจเลย ว่าความจริงมันเป็นแบบนี้จริงหรือ เพราะกว่าจะเชื่อและชัดเรื่องกรรมมันไม่ง่ายเลยนะ

    ความจริง: ไม่ได้มีการยกเลิกการบ้านความจริงความลวงเลยนะ ฟังให้ดี เพียงแต่การทำเวปที่ผู้รับผิดชอบร่วมกันคิดขึ้นมาก็เป็นเพียงสมมุติตามความเห็น ข้อเสนอของหมู่ ของครูบาอาจารย์ แล้วมาลองทำแบบนั้นแบบนี้ดู ถ้าพี่น้องหมู่มิตรดีเห็นอย่างไร เสนอดีเข้ามา สลายอัตตา มติหมู่ว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น พร้อมรับ พร้อมปรับพร้อมเปลี่ยน ไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีอะไรเที่ยง ส่วนการบ้านการล้างใจก็ยังคงเหมือนเดิม และมีแต่จะอธิศีลเพิ่มไปเรื่อย ๆ ส่วนการจะไปกรอกข้อมูลรวมกันเลยก็ไม่เห็นเป็นไร เป็นการไม่ซ้ำซ้อน ผู้เกี่ยวข้องก็สะดวกขึ้นในการลงข้อมูล ส่วนเรื่องการล้างใจก็ตัวทำการบ้านของเรานี่แหละ ที่ ทำ ๆ ไปตัวยึดก็โผล่หัวมาให้ได้เห็นซะแล้ว โชคดีอีกแล้ว ได้เห็นกิเลสอีกแง่มุมนึงอีกแล้ว ลุยล้าง เลยเบาสบายได้เต็ม100% จริง ๆ แล้ว

  14. นปภา รัตนวงศา

    หลังลูกจบรับปริญญาบัตร ก็เริ่มคบกับเพื่อนผู้หญิงที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าตอนที่เรียนหนังสืออยู่ ก็เริ่มมีความกังวล กลัวเขาจะแต่งงาน มีครอบครัว ซึ่งเรารู้ว่ามันทุกข์อย่างไง ยิ่งได้ศึกษาแพทย์วิธีธรรมยิ่งซาบซึ้งเรื่องกรรมและวิบากกรรมชัดขึ้น ไม่อยากให้เขามีครอบครัว
    ผัสสะ ไม่ค่อยแช่มชื่นที่ลูกเริ่มมีเพื่อนหญิงที่ชัดเจน
    ความลวง ลูกคิดว่าการแต่งงานเป็นการเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาด คนในโลกส่วนใหญ่ก็จะเดินตามที่ทำตามไปกันมา จะได้มีคนดูแลในขณะเจ็บป่วยหรือตอนแก่เฒ่า
    ความจริง จากหนังสือเป็นโสดดีหรือมีคู่ พระพุทธเจ้าทรงพบความจริงว่า ผู้ที่แต่งงานหรือมีคู่ครองนั้น เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็จะรู้ว่า”นรกมีจริง”คือจะประสบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสต่อเนื่องยาวนาน
    กามทั้งหลายมีความพอใจน้อย ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากามไม่มี
    เหมือนดาบที่ลับคมดีแล้วเชือด เหมือนกระบี่ที่ขัดดีแล้วแทง เหมือนหอกที่พุ่งปักอก กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งกว่านั้น
    ฉะนั้นถ้าลูกยังมีวิบากที่ยังต้องมีคู่ครองก็แล้วแต่วิบากที่เขาต้องรับ เราเป็นใครไปโง่ไม่อยากให้แต่งงาน ชีวิตใครก็ชีวิตมัน จะไปแบกรับชีวิตลูกหรือ ตัวเองก็จะตายอยู่แล้ว อีกอย่างสิ่งนั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย ไปคิดไปทุกข์แล้ว ทำไมไม่อยู่กับปัจจุบันทำวินาทีนี้ ตอนนี้ให้ดีที่สุด ลดกิเลสให้มากๆ ตั้งใจฟังธรรมะ จับกิเลสที่ทำให้ทุกข์ ก็ดีถ้าเขาแต่งงานไปเขาก็จะได้เห็นทุกข์เร็วเขาจะกลับมาทางพุทธะเร็วขึ้น ก็ดีไม่ใช่หรือ ฆ่ากิเลสได้ก็หายทุกข์ค่ะ

  15. จิตรา พรหมโคตร

    เรื่อง:อยากกินผักกาดดอง

    เนื้อเรื่อง:ตอนเช้าเอาน้ำสมุนไพรไปให้ลูกค้า ขา
    กลับเห็นผักกาดเขียวนึกอยากกินผักกาดดอง. และอยากฝึกทำ ซื้อมา1กิโลกว่ามาถึงรบกวนให้พ่อบ้านสอน พ่อบ้านก็เต็มใจถึงขั้นตอนจะต้องเอาผักไปตากแดดให้เหี่ยวก่อน ข้าพเจ้านำกระจาดไม้ไผ่มาล้าง ขณะกำลังล้างโดนไม้ไผ่บาดฝ่ามือข้างซ้ายเล็กน้อยก็ยังคงล้างอยู่ ต่อมาโดนครั้งที่2 ไม้ไผ่เสียบนิ้วชี้ข้างขวารู้สึกเจ็บแปล๊บมากกว่าครั้งแรกเลือดไหลมีอาการปวด หยุดทำและคิดว่ามาตาลีเทพสารถีมาเตือน2ครั้งแล้ว จะทำอย่างไรดีน๊า!จะเลิกทำพ่อบ้านไม่ยอมแน่ๆ เราไปจุดประกายให้เขาสอนแล้ว ตัดสินใจเป็นไงเป็นกันต้องกล้ารับกล้าทำ แล้วสำนึกผิดในความอยากกิน อยากฝึก ไม่ได้พิจารณาฆ่าความอยาก ไปหลงทางเสียเวลาเพราะขั้นตอนการทำผักกาดดองใช้เวลาเกือบ 5ชั่วโมง กว่าจะได้กินอีก3วัน พ่อครูท่านบอกว่า”การทำสิ่งใดที่เสียเวลา เสียแรงงาน เสียทุนรอนกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นเป็นบาป”ไม่เป็นไรเราสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอรับโทษ เต็มใจรับโทษและตั้งศีลว่าวันนี้จะไม่กินผักกาดดอง จะตั้งใจฝึกฝนพากเพียรปฏิบัติต่อไปด้วยความมุ่งมั่น อดทน รอคอย ให้อภัย ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ ความรู้สึกกังวลก็ค่อยๆผ่อนคลายถึงแม้จะยังเจ็บแผล แต่ใจไม่ทุกข์เพราะเข้าใจเรื่องกรรม

    ผัสสะ:อยากกินผักกาดดองเพราะมีรสเปรี้ยว

    ความลวง:ถ้าได้กินผักกาดดองที่มีรสเปรี้ยวจะสุขใจ ถ้าไม่ได้กินผักกาดดองที่มีรสเปรี้ยวจะทุกข์ใจ

    ความจริง:ผักกาดดองก็คือ การเอาผักสดมาตากแดดให้เหี่ยวผสมด้วยเกลือและน้ำซาวข้าวหมักไว้ 3วันก็จะมีรสเปรี้ยว เป็นของหมักดองไม่มีประโยชน์

  16. นางพรรณทิวา เกตุกลม

    เรื่อง ผ้าถุงสวย
    เห็นผ้าถุงในเฟสบุ๊ค ถูกใจทันที ทั้งสี รูปทรง แบบ คิดปรุงต่อไปต่างๆนานาว่า ผ้าถุงนี้ถ้าได้ใส่น่าจะสบาย แบบเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด สีก็ถูกใจ แถมมีให้เลือกหลายๆสี ที่สำคัญราคาถูกด้วย และถ้าเราใส่น่าจะเข้ากันและดูดี คิดจะสั่งซื้อแต่ทำไม่เป็น แต่ยังคิดถึงอยู่นะ พอปัญญาเกิดคิดได้ว่า เราหลงไปอย่างไรเนี่ย ที่จริงผ้าถุงที่มียังพอใช้อยู่ไม่ได้ขาดเลย ความรู้สึกถูกใจก็จางคลายไป

    ผัสสะ:เห็นผ้าถุงแล้วถูกใจ

    ความลวง:เห็นผ้าถุงสวยรู้สึกถูกใจ แบบดี ทรงสวย สีโดนใจ เนื้อผ้าน่าจะใส่สบาย น่าจะเหมาะกับเรา ผ้าแบบนี้ยังไม่เคยมีด้วย เมื่อดูราคาแล้วไม่แพงอีกต่างหาก

    ความจริง:ผ้าถุงมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ปกปิดร่างกาย กันร้อนกันหนาว ไม่ใช่เพื่อใส่อวดโชว์ให้สวยงาม แต่เรากลับหลงว่า ผ้าถุงสวยใส่แล้วจะดูดี ใส่สบาย ที่จริงเป็นความลวง ใส่แล้วอาจไม่สบายและดูไม่ดีก็ได้ ถ้าได้มาอีกจะเป็นการสะสม เป็นความโลภของเราแท้ๆ

  17. จงกช -ป้าย่านาง

    ความจริง ความลวง (ตอนที่ 12/2563)
    นางจงกช-ป้าย่านาง (รหัส นศ 5911001010)

    ชื่อเรื่อง : ความอร่อยในรสชาดอาหารเป็นที่มาของทุกข์
    ผัสสะ : เมื่อตามองเห็นรูปทอดมันเจที่วางอยู่ตรงหน้า

    ความลวง : ถ้าได้ลิ้มรสสักเล็กน้อยก็คงสุขไม่น้อย เราไม่ได้ทานมานานแล้ว ทานบ้างก็คงไม่เป็นไร กินแต่อาหารฤทธิ์เย็นลองใส่ร้อนเข้าไปบ้างเพื่อทำสมดุล คงไม่เป็นไร ครั้งแรกคิดว่าจะให้โควต้าเพียง 3 ชิ้น พอใส่เข้าปาก สัญญาเก่าของการรับรู้ความอร่อยก็โผล่มา สรุปคือที่อยู่ในจานประมาณ 7-8 ชิ้น ก็หายเข้าไปอยู่ในท้องด้วยเวลาอันรวดเร็ว กว่าจะเริ่มรับรู้ถึงความเผ็ดบ้างก็ปาเข้าไปเกือบหมดจานแล้ว อาหารอร่อยเป็นเสมือนยาเสพติดที่ทำให้เราเผลอติดได้ง่ายถ้ากินอย่างไม่มีสติ
    ความอร่อยจึงเป็นความลวง

    ความจริง : การเลือกอาหารที่จะทานในแต่ละมื้อเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งเราไม่ควรปล่อยปะละเลย ควรดูสภาวะร่างกายก่อนเลือกมาทาน หากจำเป็นต้องทานอาหารที่เป็นพิษอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็ทานให้น้อยที่สุด ถ้าเลือกยากนัก ข้าวกับเกลือ ถั่วธัญพืชเล็กน้อย(ถ้ามี) ก็จะทำให้เมนูวันนั้นได้ความปลอดภัยสำหรับร่างกายในระดับหนึ่ง อาจขาดธาตุอาหารไปบ้าง เมื่อมีโอกาสเสริมในวันข้างหน้าก็สามารถทำได้ การทานอาหารที่ไม่ต้องกลัวการขาดสารอาหารบ้างในบางมื้อ แต่เซลล์เราปลอดภัย เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง นี่คือความจริงค่ะ

  18. จงกช-ป้าย่านาง

    ความจริง ความลวง (ตอนที่ 13/2563)
    นางจงกช-ป้าย่านาง (รหัส นศ 5911001010)

    ชื่อเรื่อง :ได้ยินเสียงเพลงที่เคยชอบแล้วมีความสุข
    ผัสสะ : เมื่อหูได้ยินเสียงเพลงจากนักร้องที่เคยชื่นชอบ

    ความลวง : เสียงเพลงจากนักร้องที่มีทำนองที่ฟังแล้ว รู้สึกผ่อนคลายและสบาย เนื้อร้องที่มีความหมายดี เข้าถึงอารมณ์ที่เป็นสัญญาเดิมที่เคยชอบ ทำให้เราปล่อยความคิดเพื่อตามเสียงนั้นไปได้ชั่วคราว เมื่อเพลงหยุด อารมณ์ชอบนั้นก็จะจบไปด้วย จะมีความอ้อยอิ่งของความสุขที่ยังหลงเหลืออยู่ในช่วงที่เพลงจบใหม่ๆ ถ้าเราไม่เปิดฟังซ้ำ ความรู้สึกสุขนั้นก็จะค่อยๆจางไป จางไปเรื่อยๆ อาจจะหายไปอย่างรวดเร็วได้ถ้ามีผัสสะหรือเวทนาใหม่เข้ามาให้เราได้รับรู้ต่อ นี่คือความลวง

    ความจริง : สิ่งที่ยั่งยืนมากกว่าเสียงเพลงที่ดังมาจากการได้ยินคือเสียงเพลงจากจิตวิญญาณของตัวเราเองที่ไม่ต้องมาจากผัสสะภายนอก เป็นเสียงเพลงที่ไพเราะทั้งเนื้อร้องและทำนองจากความสบายของจิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเสียงเพลงที่เราจะเข้าถึงได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องอาศัยรูปจากภายนอก เป็นเสียงเพลงที่ไม่มีขึ้นต้น และไม่มีลงท้ายตอนจบ ไม่ต้องเปิดซ้ำเพื่อฟังใหม่ แต่เพลงนี้จะเปิดตลอดอยู่ในใจโดยอัตโนมัติ

    เสียงเพลงจากจิตที่ปล่อยวางเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด

  19. น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้าน้อมศีล)

    ส่งการบ้าน ความจริงความลวง
    เรื่อง. จัดสำหรับอาหารอาจารย์ช้า
    ผัสสะ.เนื่องจากช่วงนี้เป็นค่ายกสิกรรมพี่น้องผู้เข้าค่ายต้องมารับประทานอาหารเวลา 11:00 น อาจารย์ก็ต้องมาพิจารณาอาหาร ตอน 11:00 น ก็เลยต้องจัดอาหารก่อนเวลา11:00 น แต่เมื่อ อาจารย์มาถึงแล้ว ยังจัดอาหารไม่เสร็จเลย
    ความลวง.กิเลสอยากให้ได้ให้เสร็จทันก่อนอาจารย์มาถึง ไม่อยากให้อาจารย์นั่งรอ
    ความจริง.สิ่งที่เกิดขึ้นที่เป็นณ.ปัจจุบันดีที่สุดแล้ว
    เมื่อเราได้ทำณ.กาละนั้นให้ดีที่สุดแล้วก็ต้องวางใจเพราะอาจารย์หรือใครจะได้รับอะไรอย่างตอนไหนก็เป็นไปตามกุศลของแต่ละท่าน
    และเราก็ได้เห็นกิเลสตัวยึดของตัวเองและได้ล้างกิเลสตัวนั้น และตั้งใจบำเพ็ญให้เต็มที่ตามฐานให้เป็นไปตามธรรมอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น
    ทำเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร เป็นสุดยอดแห่งความอิ่มเบิกบานแจ่มใส สาธุ

  20. ศิริพร ไตรยสุทธิ์

    ชื่อเรื่อง วิตามินบี 12

    เราไม่ทานเนื้อสัตว์ ตั้งแต่สมัครเป็นนักศึกษาวิชชารามแล้ว และได้ค่อยๆบอกให้เพื่อนได้รับรู้ไว้ก่อน เวลาเขามาบ้านเรา หรือเราไปบ้านเขา แต่ละฝ่ายจะได้เตรียมตัวถูกในการตอนรับ และเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังมีเพื่อนที่เป็นห่วง ก็ได้คุยกันเป็นการส่วนตัวเพิ่มเติม

    ผัสสะ คือ เพื่อนได้เล่าประสบการณ์ของลูกพี่ลูกน้องเขา ว่า ไม่ทานเนื้อสัตว์ จะขาดวิตามินบี 12 ซึ่งจะมีเฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น ต้องทานวิตามินเสริม เพื่อที่จะได้ไม่ขาดสารอาหาร แต่วิตามินเสริมก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย และเพื่อนได้พูดให้เรากลับมาทานเนื้อสัตว์เหมือนเดิม จะดีกว่า

    ความลวง คือ ก็จริงอย่างที่เพื่อนเล่านะ วิตามินบี12 มีเฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น ถ้าขาดไป ระบบเลือดก็จะไม่ดี และจะมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาด้วย

    ความจริง คือ เราได้หาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้รู้ว่า วิตามินบี 12 มีในถั่วเหลืองประเภทหมัก เช่น เต้าเจี้ยว และมิโซะ ของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเราก็ทานบ้างอยู้แล้ว จึงได้ชี้แจ้งเพื่อนและเปิดข้อมูลให้เขาดูด้วย เขาก็ลดความเป็นห่วงเราลงและยอมรับการตัดสินใจของเรา

    ตอนที่ตัดสินใจเลิกเนื้อสัตว์ ไม่ได้คิดเรื่องการขาดสารอาหารเลย เพราะเชื่อมั่นว่า ร่างกายจะสังเคราะห์สิ่งดีและร้ายตามวิบากกรรมของเรา เมื่อเราไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น ร่างกายก็แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดแล้ว

  21. เสาวรี หวังประเสริฐ

    หลงกิน จากการตั้งศีลงดรับประทานกล้วยทอดปกติก็ทำได้มาโดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแม่บ้านที่หน่วยงานขออนุญาติออกไปทำธุระแล้วกลับมาพร้อมของกำนัลคือกล้วยทอดก็หยิบขึ้นมารับประทาน ผัสสะ : มองเห็นกล้วยทอดเป็นอาหารที่ชอบมาก
    ความลวง: เกิดความอยากนึกถึงความอร่อยเมื่อมองเห็นกล้วยทอดซึ่งเป็นอาหารที่ชอบมาก ความจริง:กล้วยทอดเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายคนขายจะใช้น้ำมันทอดซ้ำเมื่อเรารับประทานเข้าไปเป็นภาระต่อร่างกายในการต้องขับพิษและถ้าขับออกไม่ได้พิษนั้นก็จะสะสมในร่างกายเราทำให้เจ็บป่วย

Comments are closed.