การบ้าน ความจริงและความลวง (11/2563) [24]

631108 การบ้าน ความจริงและความลวง (11/2563)

นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน ความจริงและความลวง ประจำวันที่ 2 – 8 พฤศจิกายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)

สรุปสัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านรวม 24 ท่าน (28 เรื่อง)

  1. นางจิราภรณ์ ทองคู่
  2. นางก้าน ไตรยสุทธิ์
  3. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)
  4. สำรวม แก้วแกมจันทร์
  5. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม
  6. ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)
  7. นางพรรณทิวา เกตุกลม
  8. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน
  9. ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
  10. นงลักษณ์ สุวรรณคีรี
  11. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
  12. จิตรา พรหมโคตร
  13. อรวิภา กริฟฟิธส์
  14. นปภา รัตนวงศา
  15. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์
  16. สมพงษ์ โขงรัมย์ (4)
  17. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
  18. นางภัคเปมิกา อินหว่าง
  19. จงกช-ป้าย่านาง
  20. วรางคณา ไตรยสุทธิ์ (พุทธพรฟ้า)
  21. ณ้ฐพร คงประเสริฐ (2)
  22. ปิ่น คำเพียงเพชร
  23. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
  24. ศิริพร ไตรยสุทธิ์

Tags:

24 thoughts on “การบ้าน ความจริงและความลวง (11/2563) [24]”

  1. นางจิราภรณ์ ทองคู่

    เรื่อง กลัวทากดูดเลือดกัด
เนื้อเรื่อง ช่วงสถานการณ์โควิด อาจารย์หมอเขียว ดร. ใจเพชร กล้าจน และพี่น้องจิตอาสาบางส่วนจึงต้องอยู่ที่ภูผาฟ้าน้ำ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน เราเป็นจิตอาสาที่โชคดีคนหนึ่งที่ครอบครัวอนุญาตให้มาบำเพ็ญร่วมกันอาจารย์และหมู่มิตรดี ณ ที่แห่งนี้ แต่เนื่องจากที่นี่มีทากดูดเลือด เมื่อได้มาบำเพ็ญจนถึงบัดนี้ได้โดนทากกัดและดูดเลือดไปทั้งหมด 3 ตัว 
ผัสสะ ทากดูดเลือด
ความลวง ถ้าทากกัดจะทุกข์ใจ ถ้าทากไม่กัดจะสุขใจ
ความจริง ทากจะกัดหรือไม่กัดก็สุขใจ เพราะมันเป็นวิบากที่เราต้องรับ รับแล้วก็หมดไป แล้วจะโชคดีขึ้น จะมาทุกข์ทำไม

  2. นางก้าน ไตรยสุทธิ์

    พุทธ.3.ความจิรงความ
    สุขลวง.หิวตืห้าสองวันก็ไปกินพอวันที่สามคิดได้ว่าได้เพิ่งโทษเพื่อนว่าเขากินเช้าและเย็น.วิบากทำให้เราเป็นเหือนเขา
    ความลวงวันต่อมาหิวอีกไปหอ้งนํ้าเช้าเล
    ยต่อรองว่าไปฟังอาจารย์ก่อนท่านกำเทศเรื่องตันหายึดมั่นถือมั่นคือความอยากหิวเบาลงๆรู้แล้วสุขลวงมันไม่เที่ยง
    ความจิรง.อ๋อเข้าใจแล้วสู้กิเลสชนะแล้วได้สุขจริงสุขจากกิเลสคือทุกข์ที่บรรเทาเหืมอนได้เกาขี่กาก.วิบากร้ไม่สิ่นสุดเลิกซะ

  3. ธัญมน หมวดเหมน(มั่นแสงธรรม)

    ชื่อเรื่อง
    มีความชังคนพูดแทรกเวลาอาจารย์แสดงหรืออธิบายธรรมะ
    ความลวง
    เวลามีคนพูดแทรกมากไปตอนอาจารย์กำลังบรรยายธรรม ทำให้อาจารย์ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ท่านกำลังพูดหรืออธิบายอยู่
    ความจริง
    เราไม่ชอบ(รำคาญ)พฤติกรรมที่คนชอบพูดแทรกเวลาอาจารย์แสดงหรือบรรยายธรรมะ ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่ท่านพูดแทรกบางครั้งก็เพื่อช่วยเตือนในสิ่งที่อาจารย์อาจลืมหรือนึกไม่ออก เป็นการช่วยเสริมข้อมูลให้ถูกต้องถูกตรงและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ฟังรวมทั้งตัวเราด้วยแสดงให้เห็นว่าผู้พูดเป็นผู้มีจิตขนขวายที่จะช่วยอาจารย์ด้วยใจที่บริสุทธิ์ เป็นสิ่งดีงามที่เราควรสรรเสริญในความเพียรของท่าน

    1. สำรวม แก้วแกมจันทร์

      เรื่อง “กินเกิน เป็นโทษ”

      ผัสสะ : กินอาหารหลักที่ร่างกายต้องการและอิ่มพอดีแล้ว แต่ใจยังอยากกืนขนมปังไส้เผือก จึงไม่สามารถบังคับใจไม่กืนขนมปังไม่ได้

      ความลวง : ขนมปังมีสีสรรน่ากิน มีกลิ่นหอมด้วย เกิดกิเลสขึ้นจากผัสสะที่มากระทบ ด้วยตาที่เห็นรูป จมูกได้กลิ่นหอม จึงมีความอยากกืนขนมปังไส้เผือกขึ้นมาทันที พอได้กิน ได้สัมผัสรสชาติอร่อยของ ขนมปัง ด้วยความพอใจและความได้ดั่งใจของกิเลส ในที่สุดก็เป็นการกินเกิน จึงเกิดโทษต่อร่างกาย รู้สึกหนักเนื้อหนักตัวขึ้นมาทันที ทั้งยังทำให้ง่วงนอนด้วย

      ความจริง : เพราะ “อาหารเป็นหนึ่งในโลก” อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของทุกชีวิต ร่างกายต้องการอาหารเท่าที่จำเป็น ดังนั้นจึง “ควรประมาณในการบริโภค” ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน จึงจะเป็นประโยชน์ที่แท้จริงที่ธรรมชาติของร่างกายของแต่ละคนต้องการ มิฉะนั้นก็จะทำให้ร่างกายเดือดร้อนเกิดความเจ็บป่วยไม่สบายได้

      จริงๆ แล้ว “ใจเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง” แต่ด้วยเพราะใจของกิเลสมาร (ใจที่ถูกกิเลสครอบงำ) คือ ตัว “ความอยาก” ที่มันไม่สามารถยับยั้งความอยากได้ จึงทำให้เกิดโทษต่อร่างกายในลักษณะความเจ็บป่วย ไม่สบาย ได้หลายอย่าง แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนจะบกพร่องส่วนไหนบ้าง แตกต่างกันไป มากบ้าง-น้อยบ้าง หนักบ้าง-เบาบ้าง ถ้าร่างกายพร่องมาก ก็อาจเกิดโรคร้ายแรงที่รักษาให้หายได้ยาก ทั้งนี่ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ”กิเลส” มาก-น้อยของแต่ละคน ตาม “วิบากกรรม” “กรรมใครก็กรรมใคร”

  4. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม

    เสียเวลาเปล่าๆ

    ข้าพเจ้าเปิดยูทูบเห็นคลิปหนึ่งสอนทำขนมปังฟักทอง เจ เห็นว่าหน้าตา สีสันเหลืองสวย และดูนุ่มน่ากิน ใจก็นึกอยากกินและอยากลองทำตามเพราะเรามีฟักทองอยู่ ส่วนผสมอื่นๆซื้อเพิ่มมาตามสูตรนั้น เมื่อทำแล้ว ไม่ได้เป็นตามที่เห็นในคลิปเลย เนื้อแข็ง กินไม่ได้ เททิ้งหมดเลย เสียเวลาเปล่าๆ

    ผัสสะ : ขนมปังฟักทอง

    ความลวง : สีสัน หน้าตา ขนมปังฟักทอง ดูนุ่มน่ากินถ้าเราได้กินคงจะนุ่มอร่อย

    ความจริง : มีแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก สารอาหารแทบจะไม่มี และมีส่วนผสมของยีสเพื่อให้แป้งพองตัวและนุ่ม ประโยชน์ด้านอาหารไม่มีเลย ส่วนฟักทองต้มสุกบดและนวดให้เข้ากันกับแป้งคุณค่าทางอาหารก็น้อยลงไปอีก หลังจากนั้นก็พักแป้งไว้เพื่อให้ยีสทำปฏิกิริยากับส่วนผสม ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อรออบ เสียเวลาไปอีกพออบก็ไม่ได้ขนมปังนุ่ม แต่ได้ขนมปังแข็ง กินไม่ได้เลย ต้องเททิ้ง เสียของและเสียเวลาเปล่าๆ
    ตรวจใจตัวเอง เห็นว่ายังมีความอยากนิดๆที่จะลองทำใหม่อยู่

    จึงตั้งศีลว่าจะงดทำขนมปังฟักทองหนึ่งเดือน ถ้าฐานจิตแข็งแกร่งขึ้น ก็จะงดไปเรื่อยๆ ค่ะสาธุ

  5. ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)

    ส่งการบ้าน ความจริงความลวง
    เรื่อง.มือเล็บดำ
    ผัสสะ.มีความอยากให้มือและเล็บดูสะอาดเวลาทำกับข้าว
    ความลวง.เห็นเล็บตัวเองมีสีดำแล้วมีโลกธรรมกลัวคนมองว่าเราไม่สนใจไม่สะอาดไม่ใส่ใจดูแลตัวเองให้ดี
    ความจริง.ความจริงคือเรารู้ว่ามือดำเพราะเราไปตัดหยวกกล้วยทุกวันและยางกล้วยติดมือและเล็บล้างออกอยากแต่เราก็ล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนทำกับข้าวใส่ใจดูแลความสะอาดเท่าที่ทำได้
    ล้างโลกธรรมใครจะมองอย่างก็ได้ถ้าเค้ามองไม่ดีก็ดีได้รับวิบากไปเราก็จะโชคดีขึ้นเพราะเมื่อก่อนเราก็ไปคิดกับคนอื่นอย่างนี้มา

  6. นางพรรณทิวา เกตุกลม

    เรื่อง เอกสารตีกลับ
    น้องที่ส่งเอกสารมาให้แจ้งว่า เอกสารตีกลับ เนื่องจากเขาเช็คดูเมื่อถึงกำหนดที่จะถึงได้ข้อมูลว่า”นำจ่ายไม่สำเร็จ ย้าย/ไม่ทราบที่อยู่ใหม่”ทั้งที่วันนั้นอยู่บ้านทั้งวัน พอทราบเรื่องก็วางใจทันที เพราะติดเสาร์-อาทิตย์ไปรษณีย์ปิดทำการตรวจสอบไม่ได้จนถึงวันจัทร์ได้ติดต่อไปที่ไปรษณีย์เจ้าหน้าที่ให้เบอร์โทรศัพท์คนส่งไปรษณีย์มาจึงติดต่อไป ทราบว่าเขาไปส่งแล้วแต่ไปส่งบ้านผิดหลังซึ่งคนละบ้านเลขที่พร้อมทั้งเข้าใจผิดว่าบ้านที่จ่าหน้าซองเป็นบ้านเลขที่อื่นและบอกว่าพยายามติดต่อทางโทรศัพท์แต่หมายเลขไม่ครบติดต่อไม่ได้พร้อมทั้งขอโทษ ส่วนตัวเองไม่ได้ต่อว่า ถือสา คนส่งไปรษณีย์ แค่รอเอกสารที่น้องจะส่งกลับไปให้ใหม่

    ผัสสะ:ไม่ได้รับเอกสาร

    ความลวง:พอทราบว่าเอกสารตีกลับ ตัวเองคิดทันทีว่าคนส่งไปรษณีย์ ทำไมมาส่งไม่ถูกบ้าน ทั้งที่ครั้งก่อนๆเคยมาส่งแล้ว ครั้งนี้ทำไมยังส่งผิดอีกบ้านอีก แถมไม่โทรศัพท์ติดต่อมาด้วยทั้งๆที่แจ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่หน้าซองแล้ว

    ความจริง:การที่เอกสารตีกลับ เป็นวิบากของเราแท้ๆที่ดลใจคนส่งไปรษณีย์ให้ส่งผิดบ้านและเข้าใจผิดว่าบ้านเลขที่ที่จ่าหน้าซองเป็นบ้านเลขที่อื่นไปอีกทั้งที่บ้านอยู่ใกล้กัน แถมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อไม่ครบต่างหาก ส่วนตัวเอง ยินดี เต็มใจ รับความจริงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น อดทน รอคอย น้องส่งเอกสารมาใหม่ก็ไม่เป็นไรนี่ ถ้าเอกสารส่งมาถึงช้าก็ส่งเรื่องไปมหาวิทยาลัยช้า มหาวิทยาลัยรับเรื่องช้า พิจารณาให้จบช้า อนุมัติช้า แค่จบช้าไปหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร จึงไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจ เบิกบาน แจ่มใส ดีกว่า

  7. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน

    เรื่อง ไฟฉายโลหะตกใส่โทรศัพท์

    ตอนเช้าผมอยู่ในเต๊นท์กำลังจะตื่นเนื่องจากพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แล้วหาไฟฉายแต่ไฟฉายแบตหมดจากนั้นวางไฟฉายที่เป็นโลหะตกใส่โทรศัพท์เสียงดังแป๊ก

    ผัสสะ:ไฟฉายกระแทกโทรศัพท์

    ความลวง:พอได้ยินเสียงไฟฉายตกกระแทกโทรศัพท์ก็เครียด กลัวโทรศัพท์หน้าจอแตก กลัวโทรศัพท์พัง กลัวไม่มีโทรศัพท์ใช้ กลัวไม่ได้เล่นเฟสบุ๊ค กลัวไม่ได้เล่นไลน์ หงุดหงิดว่า ทำไม ต้องวางไฟฉายไปทับโทรศัทพ์ ทำไมโทรศัพท์ไปอยู่ตรงที่จะวางไฟฉายครับ

    ความจริง: ได้ทราบความจริงว่า เราติดโทรศัพท์ เป็นเหตุทำให้เราทุกข์ และเราวางของไม่เป็นระเบียบ อาจจะทำให้ของเสียหาย ก่อนนอน ควรวางโทรศัพท์ไว้นอกเต๊นท์ เพราะการเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน ทำให้เรานอนไม่ค่อยหลับ ทำให้เราหลับดึก เพราะมัวแต่ดูเฟสบุ๊ค และโทรศัพท์มีคลื่นแม่เหล็กทำให้เราป่วย พอได้ทราบความจริงว่าเราติดโทรศัพท์ ก็ควรฝึกออกห่างจากโทรศัพท์ ฝึกใช้ชีวิตโดยไม่ติดอยู่ในโลกออนไลน์ ใช้เฉพาะทำประโยชน์เช่นฟังธรรมเป็นหลัก ลดการดูข่าว โดยเฉพาะเรื่องการเมือง หรือข่าวปลอม มงคลตื่นข่าว รายการตลก หนัง ละคร การละเล่นต่างๆ หรือข้อมูลที่ไม่ทำให้พ้นทุกข์ แต่ทำให้เราติด ทำให้เราทุกข์ เพราะสุดท้ายเราต้องพรากจากทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตของเราก็ต้องพราก ถ้าเราไม่ฝึกตอนนี้และยังติดไปเรื่อยๆ เราก็จะต้องทุกข์และออกจากทุกข์ไม่ได้ครับ สาธุครับ

  8. นงลักษณ์ สุวรรณคีรี

    ชื่อเรื่อ : อยากกินแกงส้มปลา

    เนื้อเรื่อง : เกือบจะทุกวันที่พ่อบ้านมักจะทำแกงส้ม จากปลาทะเลที่สดใหม่ไม่ได้แช่แข็ง ทุกครั้งที่ ได้กลิ่นแกงส้มจะรู้สึกว่าหอมมาก อยากกิน เกิดมโนภาพในความรู้สึกว่าเนื้อปลาหวานอร่อย รสชาติที่เปรี้ยวๆ ทำให้น้ำลายไหล กลิ่นหอมของน้ำแกงอยากจะตัดใจ ใจเรียกร้องอยากกิน คิดจะเลิกตั้งศีลกลับไปกินเหมือนเดิมดีกว่าเพราะถ้าได้กินแล้วมีความสุขมากกว่า ทำไมต้องทนทุกข์กับการไม่ได้กินของที่ชอบ

    ผัสสะ : ได้กลิ่นแกงส้มปลาแล้วอยากกิน

    ความลวง : ได้กินของชอบแล้วสุขใจ

    ความจริง : การได้เสพของที่ชอบ แว็บเดียวก็หายไป เก็บไม่ได้ แต่จะสร้างทุกข์ให้เรานานแสนนาน ไม่คุ้มกันเลยที่จะแลกกัน ขอเพียงเราอดทนอีกนิด ไม่ไปรีบกินตามที่มารสั่ง ความอยากกินจะลดลงและก็จะหมดไป

  9. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์

    ชื่อเรื่อง — งานที่ยังไม่เสร็จไม่ใช่ความเสียหาย ใจที่กังวลต่างหากเป็นความเสียหาย

    เนื้อเรื่อง — หลังจากนั่งปั่นงานคลิปโฆษณาค่ายออนไลน์ครั้งที่ 4 จนเสร็จแล้ว ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังมีงานคั่งค้างที่รอการสะสางอยู่อีกหลายเรื่อง ช่วงนี้มีทั้งงานส่วนตัวที่ต้องเคลียร์สต็อคสินค้าในกิจการเดิมเพื่อเลิกกิจการ และต้องปรับปรุงร้านค้าของกิจการใหม่ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีงานจิตอาสาที่ต้องทำสื่อให้กับหมอเขียวทีวีอีกหลายรายการ มีงานที่ต้องคิดต้องทำหลายอย่าง จนได้ละเลยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างในบ้านไป เช่น ไม่ได้ล้างห้องน้ำมาหลายอาทิตย์แล้ว หรือไม่ได้สะสางขยะกระดาษในห้องเก็บของนานแล้ว เป็นต้น แต่ก็คิดว่าหลังจากวันที่ 6 พ.ย. ไปแล้วน่าจะมีเวลาว่างพอที่จะสะสางเรื่องที่คั่งค้างอยู่ได้บ้าง

    ผัสสะ — มีงานมาก หลายเรื่อง งานคั่งค้างสะสม ห้องน้ำเริ่มสะสมคราบไม่สะอาด กองเศษกระดาษในห้องเก็บของเริ่มสะสมมากขึ้น

    ความลวง — มีงานมากทำไม่ทัน มีงานคั่งค้าง กังวลใจ รู้สึกว่าเป็นความล้มเหลว ทำงานไม่สำเร็จ กลัวว่าจะเกิดความเสียหาย

    ความจริง — มีงานมากที่ยังทำไม่เสร็จ แปลว่าเราได้รับความไว้วางใจมาก ได้โอกาสในการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นมาก ถ้าเราได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ได้อู้ และไม่ได้ขี้เกียจ เท่ากับว่าทำสำเร็จแล้ว ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้จริงแล้ว อันที่จริง แม้ว่าจะยังมีงานคั่งค้างที่ยังไม่เสร็จรอให้เราสะสางอยู่ แต่ก็มีงานบางส่วนที่เราทำจนเสร็จลุล่วงไปแล้วเหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไร ไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าล้มเหลว ไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจอะไร ตั้งใจพากเพียรสะสางงานที่คั่งค้างสะสมไปเรื่อย ๆ “ทำดีเรื่อยไป ใจเย็นข้ามชาติ”

    นอกจากนี้ สมมุติว่างานเสร็จไม่ทันกำหนดแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมาจริง ๆ ก็เป็นเรื่องดีที่เราจะได้เรียนรู้ว่าทำแบบนั้นมันไม่พอเหมาะพอดี เราจะได้คิดหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างเดิมอีก

  10. จิตรา พรหมโคตร

    เรื่อง อยากกินปลาทูเค็มทอด

    เนื้อเรื่อง:ช่วงเย็นของวันหนึ่ง กำลังเดินไปซื้อของได้กลิ่นปลาทูเค็มทอดมาจากบ้านญาติพ่อบ้าน ทั้งที่ไม่ได้กินมานานก็ไม่ได้รู้สึกอยากกิน หลายครั้งที่ได้กลิ่นความหอมของปลาทูเค็มทอดก็รู้สึกเฉยๆ มาวันนี้ได้กลิ่นอีกแต่อยากกิน คิดไม่ออกเลยว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกหดหู่ เศร้าใจ ไม่เบิกบานกับอาการที่กลับมาอยากกินปลาทูเค็มทอด ได้นำอาการดังกล่าวมาปรึกษาให้คุรุ และหมู่กลุ่มจิตอาสาช่วยสังเคราะห์ แต่ละท่านก็วิเคราะห์ให้ความคิดเห็นแตกต่างกันว่า เกิดจากความกลัวที่ยังมีความรู้สึกอยากกิน และชังปลาทูเค็มทอด ซึ่งอาการชังกับอาการชอบตัวเดียวกัน ก็แสดงว่าเรายังชอบกินปลาทูเค็มทอดอยู่ เราจึงใช้วิธีพิสูจน์ความจริงอย่างที่คุรุแนะนำว่าไปลองกินดู ตอนเช้าไปซื้อปลาทูเค็มทอดมา แล้วทดลองชิมดู ปรากฏว่ามีกลิ่นคาวของปลาทู ไม่มีความอร่อย รู้สึกแสบลิ้น ไม่มีอาการชอบชัง รู้สึกโล่งใจแล้วได้ตรวจสอบไปอีกว่า ถ้าเราชิมแล้วรู้สึกว่ามันยังอร่อยอยู่เลิกไม่ได้แล้วจะรู้สึกอย่างไร ก็ยังรู้สึกโล่งใจเพราะจะได้รู้ความจริงแล้วจะได้ปฏิบัติใหม่ให้ถูกต้อง

    ผัสสะ:ได้กลิ่นปลาทูเค็มทอดแล้ว”หอมอยากกิน”

    ความลวง:กลิ่นตอนที่ปลาทูเค็มนำมาทอดในน้ำมัน มันหอมน่ากิน อยากเอามากิน กินแล้วน่าจะอร่อย

    ความจริง:กลิ่นตอนที่ปลาทูเค็มทอดมันเป็นกลิ่นของปลาทูที่เอามาหมักด้วยเกลือ ตากให้แห้ง ตอนกินต้องเอามาทอดในน้ำมันเพื่อจะได้ความหอม ตอนนี้ไง”กลิ่นที่คุ้นเคยเป็นสัญญาที่เราจำได้คือ ความหอมของการทอด”ทำให้พิจารณาว่า”กลิ่นนี้ไม่เที่ยงแว๊บเดียวก็หายไป ความรู้สึกหอมนี้ก็ไม่เที่ยงสักพักก็หายไป”เราไม่ได้ต้องการกินปลาทูเค็มทอด เพียงแต่ติดกลิ่นหอมของการทอด ซึ่งการกินของทอดก็ไม่มีประโยชน์เช่นเดียวกัน

  11. อรวิภา กริฟฟิธส์

    ดีใจได้อ่านการบ้าน

    เมื่ออาทิตย์ที่แล้วในชั่วโมงส่งการบ้านวิชชาราม คุรุให้โอกาสเราได้อ่านการบ้านของเราให้พี่น้องฟัง เราเห็นอาการดีใจที่ได้อ่านการบ้าน รู้สึกภาคภูมิใจ พอเห็นอาการเหล่านี้เราเลยถามตัวเองว่าถ้าไม่ได้อ่านล่ะเราจะทุกข์ใจมั้ย ก็เห็นว่าเรายังมีเงื่อนไขให้ใจเป็นทุกข์ได้อยู่ เราจึงพิจารณาให้เห็นความจริงตามความเป็นจริงว่า ได้อ่านการบ้านก็ดีแล้วได้บำเพ็ญกุศล แต่เราต้องไม่ไปยึดมั่นมาเสพว่าได้อ่านการบ้านเป็นสุขมีใจยินดี เราต้องมีความยินดีแม้ไม่ได้อ่านการบ้านก็ตาม

    ผัสสะ ได้รับมอบหมายให้อ่านการบ้าน

    ความลวง การได้เสพดีจากอ่านการบ้านเป็นเรื่องน่าดีใจ ภูมิใจ

    ความจริง การได้อ่านการบ้านก็ดีไม่ได้อ่านก็ดี เราไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่น มีโอกาสได้บำเพ็ญก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยินดีเมื่อได้ทำให้ดีที่สุดแล้ว ไม่ติดไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ดีที่สุด วันนั้นก็อ่านการบ้านด้วยใจยินดีและปล่อยวาง

  12. นปภา รัตนวงศา

    ขอนอนต่อ
    สภาวะเกิดจากเมื่อตอนค่ำของวันที่ 4 พย 63 ได้ไปหาหมอตาเพื่อรักษาวุ้นตาเสื่อม ก่อนพบหมอจะต้องหยอดตาทั้ง 2ข้างเพื่อขยายม่านตาให้กว้างสุดเพื่อหมอจะเข้าไปดูในกระจกตาได้ ก็จะมีอาการมึนๆงงๆ เดินไม่ตรง มองแสงสว่างไม่ได้
    ปกติตอนตี 3.40 จะตื่นมาฟังธรรมะท่านอาจารย์ตลอดครั้งนี้กิเลสมันบอกว่า นอนต่อเถอะ
    ความลวง ใช้สายตาไม่ได้ เดี่ยวจะปวดตามากขึ้นนะ ทำให้วุ้นตาเสื่อมมากขึ้นนะ
    ความจริง ลองดูก่อนดีกว่าไหม ถ้ามันจะเจ็บจะปวดมากจนทนไม่ไหว ถ้าใช้สายตาแล้วมีปัญหาก็จะนอนต่อให้นะ ตอนนี้มาอยู่บ้านได้ทำกุศลน้อยกว่าพี่น้องที่ได้ไปบำเพ็ญกับท่านอาจารย์หลายก้าวแล้วยังจะช้าอีกหรือ จะถอยหลังไม่หยุดใช่ไหม ไม่ ไม่ ถึงจะอยู่ไกลถ้าได้ปฎิบัติก็เหมือนอยู่ใกล้ จะช้าไม่ได้แล้วก็ลุกขึ้นมาฟังธรรมได้โดยไม่มีอาการอะไรเลย ดีจังรู้ทันกิเลสตัวนี้คะ

  13. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    ติดการสวนล้างลำไส้ทุกวัน

    เนื่องจากมีอาการปวดข้อมือและหัวเข่าจากการทานยามากก่อนที่จะมาอยู่ประจำที่สวนป่านาบุญ3 วิธีระบายพิษที่ทำไม่ได้ขาดตลอด5 ปีด้วยการสวนล้างลำไส้เช้าเย็นและไม่ต่ำกว่า2ขวดแต่ละครั้ง

    ความลวง : แม้อากาศเย็นเวลาเช้ามืดหรือเวลาดึกดื่นขนาดไหนก็ยังต้องทำการสวนล้างลำไส้ และยังมากกว่า 1 ขวด จนกว่าจะได้กากใยให้มากพอ หรือน้ำหายร้อน มิฉะนั้นจะกลัวว่านอนไม่หลับในตอนกลางคืน หรือกลัวการแบกอุจจาระที่คั่งค้างในตอนกลางวัน พิษจะได้ไม่ไปสะสมตามข้อต่างๆ จะได้แก้อาการปวดข้อ

    ความจริง : เมื่อสวนล้างไส้บ่อยๆทุกวัน ประกอบกับทานอาหารมื้อเดียว จนไม่มีกากใยหรือของเสียที่ตกค้างอีกแล้ว เนื่องจากการยึดติดในพฤติกรรมเดิมจนเคยชินว่าร่างกายร้อนมีอการปวดข้ออยู่ทุกวัน ทำให้ไม่สบายมากขึ้นกว่าเดิม เช่น ท้องอืด นั่งบนชักโครกนานเกินจนริดสีดวงที่เคยหายไปกลับมาปูดโปนอีก การยึดติดไม่วางดีในสื่งที่ดีเช่นการสวนล้างลำไส้ก็อาจเป็นดาบ 2 คมแปรกลับเป็นโทษถ้าไม่อ่านอาการของร่างกายให้ทำแบบสมดุลพอดี

    ผัสสะ : หงุดหงิดทุกครั้งที่มีผู้เตือนว่าผอมเกินไป ให้เลิกทำสวนล้างลำไส้หริอทำให้น้อยลง เพื่อปล่อยให้อาหารตกค้างเสียบ้างจะได้มีเวลาดูดซึมมากพอเพื่อจะนำไปเลี้ยงร่างกาย ก็ยังดื้อแพ่งทำต่อไปจนต้องให้ทุกข์มาเตือน

    ปัจจุบันเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยตั้งตบะสวนล้างลำไส้เพียงขวดเดียว เช้าเย็น ต่อไปจะลดลงเหลือแค่วันละครั้ง ทำให้ประหยัดเวลาการใช้ชีวิตในห้องน้ำ ปล่อยวางไม่คาดหวังถึงกากใย่วาจะมีมากน้อยเพียงใด มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มมื้ออาหาร

  14. สมพงษ์ โขงรัมย์

    ชื่อเรื่อง ไม่ได้ดั่งใจ

    เนื้อเรื่อง ปลูกผักไม่งามเหมือนอยู่ภูผาฯโทษดินโทษน้ำเพราะเราไม่มีปัญญามากพอ โชคดีแล้วเรามาอยู่สวนป่านาบุญ4 ได้เห็นกิเลสตัวไม่ได้ดั่งใจ เพราะอยากได้ผักงามๆยึดว่าผักต้องงามเหมือนภูผาฯ

    ทุกข์ เครียด ปลูกผักไม่งาม

    สมุทัย อยากให้ผักงามเหมือนภูผาฯ ชังที่ผักไม่งามเหมือนตอนปลูกที่ภูผาฯ

    นิโรธ ไม่ชอบไม่ชัง ผักจะงามเหมือนภูผาฯ หรือไม่ งามเหมือนภูผาก็ได้

    มรรค คิดแบบพุทธะ การที่เรามาอยู่ที่ใหม่ๆ ดีแล้วที่ปลูกผักไม่งามเหมือนที่เดิมได้เห็นผัสสะใหม่ๆ ดีแล้วได้เห็นกิเลสเราก็จะได้ฝึกเรียนรู้ตัวติดยึดว่าเคยทำสำเร็จได้ดั่งใจจากเหตุการณ์นี้เพราะเรามีหมู่มิตรดีจึงอ่านกิเลสออก
    ได้เข้าธรรมะตามบททบทวนธรรมว่า ไม่มีอะไรเที่ยง เรายึดมั่นถือม้่นอะไรไม่ได้

  15. สมพงษ์ โขงรัมย์

    ชื่อเรื่อง ใจร้อนพาให้เหตุการเสียหายได้

    เนื้อเรื่อง อาบน้ำอยู่ใจก็ยึดว่าอยากอาบน้ำให้เสร็จเร็วๆจะได้ไปฟังธรรมะ ทำให้หัวใจเต้นแรงลุกลี้ลุกรนรีบออกจากห้องน้ำลืมทำความสะอาดในห้องน้ำ

    ผัสสะ อาบน้ำอยู่แต่ใจคิดอยากไปทำงานอย่างอื่นเช่นไปปลูกผ้กไม่อยู่ก้บปัจจุบัน ได้เห็นกิเลสในขณะอาบน้ำ

    ความจริง เราอาบน้ำอยู่แต่กิเลสก็มากระซิบบอกให้รีบๆวันนี้เห็นหน้ามารจับอยู่ตั้งนานหลายปีด้วยการพิงเชือกอยู่กับหมู่มิตรดีทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ

    ความลวง เราอาบน้ำอยู่กิเลสก็มาสอนว่ารีบๆ เร็วๆรีบไปปลุกผักเราจะได้กินผักเยอะๆเราก็ทำตามจะได้สมใจ

  16. นางภัคเปมิกา อินหว่าง

    เรื่อง ผัดเส้น
    ถึงรอบรับผิดชอบในการทำอาหารเลี้ยงที่ประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน เราคิดว่าจะทำอาหารอะไรเลี้ยง ที่ง่ายสะดวกและคนกินพอใจ นึกขึ้นมาๆได้ว่า เคยผัดเส้นเลี้ยงคนมาหลายครั้งมีคนชมว่ากินดี กินอร่อย เลยตัดสินใจ”ผัดเส้น”

    ผัสสะ: ถูกใจ ชอบใจ ว่ากินดีกินอร่อย และมีแรงเหนี่ยวนำที่
    มีคนชมว่า ทำกินดีกินอร่อย

    ความลวง:เรากินเส้นคิดว่ากินดีกินอร่อย กินเมื่อไหร่ก็อร่อย
    ทุกที กินได้กินดีและชอบที่จะกินมัน

    ความจริง:เส้นหมี่เป็นอาหารที่ผ่านการแปลรูปมาหลายขั้นตอน
    กว่าจะออกมาเป็นเส้น และยังเป็นฤทธิ์ร้อน คณ
    ประโยชน์คุณค่าก็เหลือน้อย กินเข้าไปจะทำให้
    เป็นโทษต่อร่างกาย หากเราเลือกได้เราควรกินข้าว
    ดีกว่ากินเส้น

  17. จงกช-ป้าย่านาง

    การบ้านความจริงและความลวง (ตอนที่ 11/2563)
    นางจงกช-ป้าย่านาง (รหัส นศ 5911001010)

    ชื่อเรื่อง : การพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยนได้ก็ไม่มีอะไรทุกข์

    ผัสสะ : มีอยู่วันหนึ่ง ตื่นเช้าแล้วทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ก็ตั้งใจว่าถ้าฟังธรรมะเช้าจากอาจารย์เสร็จก็จะลงไปรดน้ำต้นไม้ที่เพิ่งปลูกไว้ที่ชุมชนแจ่มใส ระหว่างฟังธรรมก็มีฝนตกลงมาพอควรเลยตัดสินใจใหม่ว่า ฝนรดให้แล้ว ไม่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวไปช่วยงานครัวดีกว่า ระหว่างไปช่วยที่ครัวก็มีเสียงตามสายมาว่า ต้องการสมาชิกไปช่วยเกี่ยวข้าว ก็วางมือจากครัวตามเพื่อนไปลงแปลงเกี่ยวข้าว ด้วยการไม่ได้เตรียมตัวก็ไม่ได้เอาเคียวไป แต่ไหนๆก็ไปแล้ว ไม่ได้เกี่ยวก็ช่วยเรียงข้าว มัดช่อข้าวก็ได้ ทำไปสักพัก เพื่อนอีกกลุ่มก็จะกลับเพราะแปลงที่เกี่ยว เกี่ยวเกือบหมดแล้ว กะว่าตอนเย็นจะไปช่วยเกี่ยวที่แปลงอื่นต่อ หลังทานข้าวเสร็จ ฝนก็ตกลงมาอีกอย่างหนัก ไปไม่ได้ ก็ไปดูที่ครัวว่าพอช่วยบำเพ็ญอะไรได้บ้าง ช่วยงานครัวสักพัก ฝนหยุดก็นึกได้ว่าเพาะกล้าผักบุ้งไว้ เขาเริ่มงอกแล้ว แปลงก็เตรียมไว้แล้ว ก็ลงไปแยกกล้าจนเสร็จ

    ความลวง : สิ่งที่เราคิดจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ล่วงหน้า เราอาจจะได้ทำก็ได้ หรือต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ได้ “ความยึดมั่นถือมั่นว่ามันต้องเป็นไปตามแผนที่เราคิดไว้แล้วจะได้ทำแน่นอน” เป็นความลวง
    ความจริง : ในแต่ละวินาทีของชีวิต ไม่มีอะไรที่แน่นอน เราจึงต้องพร้อมรับ พร้อมปรับ พร้อมเปลี่ยน ด้วยความยินดีและเบิกบานเพราะ”ทุกอย่าง ไม่มีอะไรเที่ยง ตามกฎของไตรลักษณ์”

  18. ณ้ฐพร คงประเสริฐ

    เรื่อง เข้าห้องเรียนสาย

    เนื้อเรื่องมีอยู่ว่าช่วงเย็น เราต้องเดินทางไปรับลูกกลับจากโรงเรียน รู้เวลาที่เลิกแต่เลิกจริงค่อนข้างไม่แน่นอน ราว 4 เดือนที่ผ่านมาเรามีเรียนทำภาพประกอบในวันพฤหัสช่วงเย็น ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมสายบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็สามารถเข้าผ่านมือถือได้ พอถึงบ้านก็ใช้คอมพิวเตอร์แทน แต่คราวนี้เราลืมสายชาร์จแบตและแบตสำรองไปด้วย

    ผัสสะ แต่คราวนี้เราลืมสายชาร์จแบตและแบตสำรองไปด้วย แบตในเครื่องเหลือราว ๆ ครึ่งนึง เย็นนี้ลูกมีงานต้องเคลียรต่ออีกสักพัก ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่

    ความลวง เข้าห้องเรียนสาย เป็นการไม่ให้ความสำคัญกับพี่น้องหมู่มิตรดี เกรงใจเพื่อนและคุรุ ที่ทุกท่านเสียสละเวลามาพบกันเพียงสัปดาห์ละครั้งเอง ควรจะไปให้ตรงเวลา

    ความจริง คือการ อยู่กับปัจจุบัน ที่อยู่ตรงหน้าด้วยใจไม่กังวล จะได้เข้าห้องเรียนเร็ว เข้าช้า หรือไม่ได้เข้าเรียนเลย ก็ไม่เป็นไร ใจก็ผาสุกได้ ทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน หมู่มิตรดีที่มาร่วมทำกิจกรรมบนเส้นทางเดียวกัน แต่ละท่านเล้วนเข้าใจได้ ตามธรรมที่ท่านมีอยู่แล้ว ไม่มีใคร ไม่อยาก พัฒนาตัวเองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นหรอก การทำปัจจุบันให้ผาสุกได้นี่เเหละ ทำเท่าที่ทำได้ อยู่กับความจริง เป็นความเจริญของเรา ไม่ใช่การไปฝืดฝืน ไปโทษใครหรือแม้แต่โทษตัวเราเอง การไม่ยอมรับความจริง คือ การไม่เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง ใจที่กังวล เป็นการเบียดเบียนตนเอง เป็นการผิดศีล การผิดศีลย่อมนำมาความทุกข์ทั้งปวงมาให้ ในส่วนที่เราเข้าห้องเรียนไม่ทัน ก็ยังมีท่านที่เอาภาระบันทึกไว้ลงข้อมูลซ้ำ ไปติดตามดูภายหลังได้ คิดได้ดังนี้ ความกังวลก็หายไป สามารถมาเข้าห้องเรียนทันเวลาที่กลุ่มนำเสนอกลุ่มสุดท้ายพอดี

  19. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    ความจริงความลวง

    เรื่อง พื้นที่ไม่พอในการบันทึกข้อมูล

    เช้าวันอังคารที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้อัดคลิป” เปิดใจ 50 ปีทองของท่านพ่อครูงานมหาปวารณาออนไลน์” เพื่อบูชาพระคุณของท่านพ่อครู ข้าพเจ้าไม่ได้อัดรายการร่วมกับพี่น้องกลู่มใหญ่เพราะเวลาไม่สะดวก จึงต้องอัดคลิปคนเดียว ” โอ้…โฮ้ ดีใจจังอีดคลิปเพียง 4 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมอัดรอบเดียวอีกต่างหาก” อาการลิงโลดของกิเลสค่ะ จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ส่ง วีดีโอนี้ให้พี่น้องกลุ่มพลังศีลได้ฟังเพื่อร่วมกันวิพากษ์ก่อนที่จะส่งต่อไปยังกลุ่มผาสุกในแดนไกลต่อไป หลังจากพี่น้องฟังแล้วทุกท่านก็ลงความเห็นว่า ข้าพเจ้าสามารถส่งต่อไปได้เลย ข้าพเจ้าก็ส่งเข้าไป หมือนกับว่างานของข้าพเจ้าได้บรรลุตามวัตถุประสงค์แล้ว ตกมาช่วงบ่ายวันเดียวกันมีพี่น้องส่งข้อความมาในไลน์ว่า ” พี่พรค่ะวีดีโอพี่พร เปิดดูได้เพียงสิบวินาทีเองค่ะ” เลยเข้าไปดู ก็เป็นเหมือนพี่น้องว่าจริง ๆ ข้าพเจ้าพยายามแก้ไข เพื่อจะกู้วีดีโอให้คืนมาเป็นปกติ แต่ก็ไม่สำเร็จ ลองอัดวีดีโอ อีกประมาณ 5 รอบก็ยังบันทึกไม่ได้ โชคดีไปเห็นข้อความบนหน้าจอมือถึอบอกว่า ” พื้นที่ในการบันทึกข้อมูลไม่พอ” จึงพยายามจะลบข้อมูลออก ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร สภาวะ ณ เวลานั้น บอกตัวเองว่าถ้ายังไม่ได้อีก จะตัดรอบแล้วฟ้าคงไม่เปิดให้เราได้ร่วมบำเพ็ญเพื่อบูชาท่านพ่อครูแน่ ๆ ก็ไม่เป็นไร ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวิธีแก้ไขการลบข้อมูลในมือถึอว่าทำได้อย่างไร และพอวางใจได้เท่านั้นนะค่ะ วีดีโอที่ กำลังบันทึกอยู่ก็ เด้งขึ้นมา เสร็จเรียบร้อยพอดีเลยค่ะ และได้ส่งคลิปนี้ให้พี่น้องเราได้ทันเวลา

    ผัสสะ : ตกใจเมื่อเห็นข้อความพี่น้องในไลน์บอกว่า ” พี่พรค่ะ วีดีโอเปิดดูได้เพียงสิบวินาทีเองค่ะ”

    ความลวง : วีดีโอบันทึกเรียนร้อย ส่งทันเวลา ไม่ต้องมาแก้ไขอัดใหม่ ไม่ต้องเสียเวลา ทุกอยากควรจะเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทันเวลา น่าจะดี

    ความจริง : วีดีโอ จะไม่สามารถบันทึกได้ ถ้ามีพื้นที่ในมือถึอไม่พอ อินเตอร์เนทมีปัญหา หรือมือถึอมีปัญหา แต่ถึงแม้ว่าจะลบข้อมูลออก อินเตอร์เนทเสถียร และมือถึอไม่มีปัญหา แเล้วก็ตามแต่อาจจะไม่สามารถบันทึกได้ ถ้าหากวิบากกรรมแสดงผล หลังจากได้พยามเต็มที่แล้ว เลยวางใจนึกไปถึงคำพูดของท่านอาจารย์ว่า ” เกิดปัญหาอะไรกับเราให้เราดับทุกข์ใจให้ได้เสียก่อน ส่วนทุกข์อื่นก็เป็นปัญหาแค่ฝุ่นปลายเล็บเท่านั้นเอง” เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นประสบการณ์และบทเรียน สอนให้ข้าพเจ้าให้ได้รู้ว่า การที่ข้าพเจ้า วางใจกับเหตุการณ์นี้ได้จริง ๆ ไม่เบียดเบียนตนเอง ตัดรอบในการทำงาน ไม่ยึดมั่นถึอมั่นว่าเราคือคนสำคัญ ทำเต็มที่แล้วก็วางไม่ยึดมั่นถึอมั่นว่างานต้องสำเร็จ และยอมรับวิบากกรรมที่เราได้รับ เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับข้าพเจ้าแล้วค่ะ กราบขอบพระคุณ ท่านพ่อครู ท่านอาจารย์หมอเขียวและพี่น้องทุกท่านที่ ได้ให้โจทย์การบ้านแก่ข้าพเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าขอให้คะแนนตัวเองต่อโจทย์ครั้งนี้ 10 คะแนะเต็มค่ะ สาธุ

  20. สมพงษ์ โขงรัมย์

    ชื่อเรื่อง เหงือกบวม

    เนื้อเรื่อง วันที่กินอาหารรสจัดปวดเหงือก เหงือกเป็นสัญญาณเตือนว่า จะกินอะไร เราเพิ่มศีล ให้ระวังจะผิดศีล ทำให้มีสติมากขึ้น

    ผัสสะ เหงือกบวมทำให้สังวรศีลจะกินอะไรผิดศีลใหม

    ความจริง ต้นเหตุผิดศีลกินเยอะ กินอาหารรสจัดทำให้ปวดเหงือก

    ความลวง เพราะฟันทำให้ปวดเหงือกต้องถอนฟันทิ้งจะได้กินอารรสจัดสบายๆ

  21. สมพงษ์ โขงรัมย์

    ชื่อเรื่อง เขียนการบ้านวิชชารามไม่ถูกใจ

    เนื้อเรื่อง ตอนที่เขียนการบ้านลงในสมุด เขียนได้คล่องและคิดออก พอมาเขียนโน๊ดบุ๊คคิดไม่ออก ไม่ถูกใจ
    เข้าใจแล้วเรามาจับกิเลสในการเขียนการบ้านวิชชาราม เราต้องแม่นแก่นว่ามาจับกิเลสในการเขียน

    ผัสสะมีความยึด อยากได้ดั่งใจเหมือนการเขียนลงในสมุดทำให้กังวล

    ความจริง การเขียนการบ้านวิชชารามเป็นการลดกิเลส มารข้ารู้จักเจ้าแล้ว เวลาเขียนหรือจดบันทึกมารจะมาแทรกตลอด วันจับมารได้ก็เท่ากับได้ทำการบ้านสำเร็จ คือใจไร้ทุกข์ ความสำเร็จของใจคือความสำเร็จงาน

    ความลวง การทำการบ้านวิชชารามต้องได้ดั่งใจซิ ความคิดของมารหรือของเรา งงๆ เมาๆงานต้องสำเร็จซิ มารจะมาวางของไว้100เมตร พอเราวิ่งตาม มารก็โยนของออกไปอีก200เมตรทำแบบนี้เป็นประจำ

  22. ณ้ฐพร คงประเสริฐ

    ชื่อเรื่อง: ทำไมไม่ทำการบ้าน

    เนื้อเรื่อง: ชั่วโมงการพูดคุยผ่านออนไลน์กับหมู่มิตรดี ในเย็นวันหนึ่ง มีประเด็นคำถาม ที่ถามเพื่อสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มพี่น้องที่มารวมกันในคราวนี้ราว ๆ เกือบ 20 ท่าน ในเรื่อง การทำการบ้านอาทิตย์ละครั้ง การบ้าน เช่น ความจริงความลวง อริยสัจ4 ….-ของนักศึกษาสถาบันวิชชารามตามนโยบายของ อาจารย์หมอเขียว ว่ามีประเด็นติดขัดเรื่องใดบ้าง เช่น ในการเข้าถึงระบบ หรือประเด็นอื่นใดที่เป็นอุปสรรคขวางกั้น แล้วทีมงานผู้เกี่ยวข้องจะได้ นำมาวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยน หรือทำการช่วยเหลือกันและกันเท่าที่เป็นไปได้

    ผัสสะ: คำถามที่ได้ยินว่า ช่วยกันคิด และแสดงความคิดเห็นว่า มีประเด็นใดบ้างที่ทำให้ไม่ทำการบ้าน

    ความลวง:ที่ไม่ว่างมาทำการบ้านเพราะมีภาระกิจหลายอย่างทั้งกิจตน กิจครอบครัวกิจท่าน ในแต่ละวัน ๆ ต้องไปโน่นมานี่ ต้องทำการงานสารพัด จนหัวหมุน บางครั้งก็ลืมโน่นลืมนี่ เท่านี้ก็หมดเวลา หมดแรงแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาทำการบ้านอีก

    ความจริง: ภาระกิจ ที่ชีวิตเราเกิดมาเป็นมนุษย์ และควรทำก่อนสิ่งใด คือ ภาระกิจแห่งความพ้นทุกข์ ที่อาจารย์พาทำอยู่นี่ไง เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้พบสัตตบุรุษ ที่มาช่วยนำพาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เข้าใจไม่ได้ง่าย ให้เข้าใจได้แม้ไม่ง่าย แล้ว เรายังมัวไปโง่ให้ค่ากับ กิจที่สำคัญน้อยกว่า และเป็นกิจแห่งความวนเวียน ไม่รู้จบทำไม เมื่อเห็นความจริงตามความเป็นจริงดังนี้ได้บ้างแล้ว จึงพากเพียรทำกิจที่ควรทำ ตามความสำคัญได้ หมั่นเข้าหาหมู่มิตรดี และทำการบ้านเท่าที่สามารถทำได้

    ประโยชน์ที่ได้รับ ดูจากเวลากระทบผัสสะแล้ว ใจหวั่นไหวน้อยลง ทุกข์น้อยลง ผาสุกมากขึ้นตามลำดับ มีแรงคิดดี ทำดี พูดดี ได้มากขึ้น ความหลงลืมน้อยลง มีสติได้ไวขึ้น สำรวมกายวาจาใจได้มากขึ้น

  23. ศิริพร ไตรยสุทธิ์

    ชื่อเรื่อง อยากนอนนานกว่านี้

    เช้าวันนึง เราจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพราะต้องไปทำงานเร็ว พอนาฬิกาปลุกดังขึ้น ก็ลุกไปปิด แล้วล้มตัวลงนอนต่อ บอกตัวเองว่า ยังพอมีเวลา ขออีกนิดนึง

    ผัสสะ คือ ไม่อยากตื่น มีอาการง่วงนอน
    ความลวง คือ ยังพอมีเวลา นอนต่ออีกนิดค่อยตื่นก็ได้ แต่งตัวแป๊บเดียว อาหารเช้าก็ไม่ทานอยู่แล้ว ทันแน่นอน
    ความจริง คือ เรามันขี้เกียจสันหลังยาว ตื่นขึ้นไปล้างหน้าแล้วก็สดชื่น มีเวลาทำธุระส่วนตัวเพียงพอ(รวมถึงการเข้าน้ำ) ไม่เร่งรีบ แล้วก็ไปทำงานอย่างสะบายใจ

Comments are closed.