ห้องเรียนภาพประกอบสาระธรรม 5 พ.ย. 2563
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาห้องเรียนภาพประกอบสาระธรรม ได้มาการนำเสนอผลงานแบบกลุ่ม กลุ่มละ 1 ผลงาน โดยมี 5 กลุ่มคือ กลุ่ม ยินดี, ศิลา ,เพชร, ปฐพี , พร้อมพัง ในห้องเรียนได้ใช้เวลาในช่วงประมาณ 1 ชั่วโมงแรกในการตรวจผลงานและให้ความเห็นร่วมกัน ในลำดับถัดไปเป็นการเสนอโจทย์สร้างผลงานใหม่ในสัปดาห์หน้า
ในโพสนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียน รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห้องเรียนสาระธรรม เช่น ผู้สอน ผู้รับชม ผู้อำนวยความสะดวก ผู้บันทึกการเรียนการสอน ได้แบ่งปันสภาวธรรม ที่เกิดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสร้างผลงานในสัปดาห์นี้จนจบการนำเสนอผลงาน โดยไม่จำกัดทักษะการเขียนหรือการเรียบเรียง สามารถเขียนบรรยายได้ตามอัธยาศัย โดยมีหลักพุทธพจน์ 7 (1.ระลึกถึงกัน 2.รักกัน 3.เคารพกัน 4.เกื้อกูลช่วยเหลือกัน 5.ไม่วิวาทกัน 6.พร้อมเพรียงกัน 7.เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ) เป็นกรอบในการถ่ายทอดความคิดเห็น
สภาวะธรรมจากห้องเรียนสาระธรรม 5/11/63
อาทิตย์นี้กลุ่มเรามีพี่น้องหาคำคมมาเร็วตั้งแต่ช่วงวันแรกๆ ข้าพเจ้าได้หารูปมาประกอบจำนวนหนึ่งและได้ตกลงเลือกกันกับเพื่อนท่านหนึ่ง เมื่อองค์ประกอบพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ และครั้งนี้ทำเพียงรูปเดียวทำให้ข้าพเจ้าใจเย็นคิดว่าเดี๋ยวค่อยทำก็ได้ พอใกล้ถึงวันส่งการบ้านก็ได้ทำการบ้านโดยเอารูปที่เลือกไว้กับเพื่อนมาทำ ลองทำอยู่นานแต่ก็ทำไม่ได้ ด้วยองค์ประกอบของภาพไม่สมบูรณ์แก้ไขเพิ่มพื้นที่แล้วก็ยังไม่สวยอยู่ดี ข้าพเจ้าเห็นความยึดมั่นถือมั่นของตัวเองที่ว่าจะต้องเป็นรูปนี้เพราะเลือกกับเพื่อนแล้ว ทั้งๆที่มันฝืดฝืนแต่ไม่เปลี่ยน แต่ก็เห็นอีกความคิดของตัวเองอยู่ว่าในเมื่อมันไม่ลงตัวจะยึดมั่นถือมั่นไปทำไม แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนรูปทำไปจนเสร็จแล้วส่งไปในกลุ่มให้พี่น้องช่วยดู สุดท้ายนี้พี่น้องไม่เห็นด้วยข้าพเจ้าก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนรูปใหม่มาทำงาน แล้วส่งไปให้พี่น้องดู สรุปคืองานผ่านมติหมู่กลุ่ม ถึงจะมีแก้ไขบ้างเล็กน้อยก็ไม่ยากอะไร ครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าพอวางความยึดมั่นถือมั่น ทุกอย่างก็ง่ายลงทันทีเลย กราบสาธุค่ะ
สภาวะธรรมห้องเรียนสาระธรรม
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563
กลุ่มยินดีมีระบบการทำงานคือ แบ่งหน้าที่ตามฐานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ได้คำคมมาก็มาโหวตกัน จากนั้นหน้าที่ของคนทำภาพและคำคม ก็เอาไปทำ พอคนทำภาพเสร็จก็ส่งเข้ามาในกลุ่มให้พี่น้องเราช่วยกันวิพากษ์ ตรวจความถูกต้องเรีบร้อย ครั้งนี้ กลุ่มพวกเราก็ชิว ๆ เหมือนที่ผ่าน ๆ มาค่ะ ครั้งนี้
ถึงแม้นว่าพวกเราจะร่วมกันทำการบ้านเสร็จก่อนเข้าเรียนเพียง 1 ชม. ก็ตาม ซึ่งก็ยังทันเวลาเข้าเรียนอยู่ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังคิดว่าคำคมพวกเราก็หาได้ตั้งแต่วันอาทิตย์ ของอาทิตย์ที่แล้ว ( 1 พฤศจิกายน 2563) แล้วน่ะ เสียดายจังพี่น้องที่รับทำ PS ท่านไม่มีเวลาทำให้เสร็จก่อนเข้าเรียนสัก 1 วัน ก็ยังดี คืออยากให้กลุ่มเราทำงานเสร็จเร็ว ไม่อยากที่จะมานั่งปั่นหน้าห้องเรียนค่ะ แต่ก็ไม่ทุกข์นะค่ะ ยังงัยพี่น้องพวกเราก็มีความอดทน และ รอคอย ดีเยี่ยม ( ล้างใจ ล้างกิเสเอง ฮ้า ๆ)
ที่จะรอพี่น้องที่ทำ PS เพราะถ้าท่านไม่ทำส่งเข้ามาในกลุ่มพวกเราก็จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ค่ะ สาธุ
สภาวะธรรมจากห้องเรียนสาระธรรม 5/11/63
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เข้าห้องเรียนสาระธรรม แต่รับทราบข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกก็ตกใจว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ ทำไมเราไม่มีการสื่อสารกันในกลุ่มก่อน แต่พอคิดไปคิดมาหลายๆวันทบทวนไปมา หันกลับมาดูตัวเอง เราที่อยู่ในกลุ่มก็ผิดที่ไม่ค่อยใส่ใจไม่ว่าจะกับงานสาระธรรมหรือกับใจของหมู่อย่างเต็มที่ เลยคิดว่าเราควรจะปรับที่เราคือ ปรับเวลา ทำงานเต็มที่ให้มากขึ้น ใส่ใจให้มากขึ้น หลังจากนั้นส่วนหนึ่งคือ ได้พูดคุยกับพี่น้อง เปิดอกคุยกันมากขึ้น ให้พี่น้องพูดคุยกับแบบตรงๆ ซึ่งกิเลสตัวนี้เราก็เป็น แต่ก่อนไม่กล้าพูด ไม่กล้าติ กลัวไปหมด จะถนอมน้ำใจพี่น้องเลี้ยงไว้ๆ(กิเลส) มี 2 เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าปัญหาคลี่คลายคือ มีสมาชิกใหม่เข้ามา ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน จะมีคำถามโน่นนี้นั้น เขามาสืบราชการลับไหม เขามาทำไร… แต่เหตุการณ์นี้ เราไม่มีคำถามนี้ในหัวเลย กลับรู้สึกดีใจด้วยที่มีคนใหม่เข้ามา ให้รู้สึกว่ากลุ่มเรามีสีสันมากขึ้น จะได้มีความคิดที่แตกต่างกันมากขึ้น อีกใจก็คิดอยากไปลองเข้ากลุ่มอื่น สังเกตุการณ์ว่าเขาทำงานกันอย่างไร (เรารู้สึกว่า การที่มีความคิดที่แตกต่างทำให้ได้เห็นอีกเหลี่ยมอีกมุมหนึ่ง)
อีกเหตุการณ์คือเมื่อคืนหลังจากที่ได้คุยเปิดอกกับพี่ใหญ่ในกลุ่มเพชร เลยทำให้เข้าใจพี่เขามากขึ้น พี่เหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเองแต่ก่อน เราก็กลัว เกรงใจไม่กล้าพูด รักษาน้ำใจคนอื่นไว้เหมือนกัน อีกส่วนที่เราอาจจะต้องปรับคือ อาการท่าทางลีลา คำพูด บางคำพูดดูเหมือนไปกดดันให้หมู่เลือกตามแบบเรา ซึ่งบางทีในใจไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น แต่อาจจะเป็นที่น้ำเสียง ซึ่งตัวเองก็คอยระวังอยู่ ต้องสังวรณ์ระวังมากกว่านี้ สุดท้ายก็ได้ขอโทษขอขมาพี่่และหมู่ไปและก็ทำที่ใจเรา
ขอบคณเหตุการณ์นี้ที่ทำให้เห็นลีลากิเลสของตัวเราเอง
สภาวะธรรมที่ได้จากการร่วมบำเพ็ญประจำสัปดาห์นี้
ประโยชน์ตน คือ
1.ได้ทำความยินดี พอใจไร้กังวล ตลอดการบำเพ็ญ ในบทบาทการหาคำคม คือได้พยายามหาคำคมให้ตรงกับโจทย์ที่ได้มา อย่างเต็มที่ ทั้งฟังจากยูทูบและจากหนังสือ ตรวจใจมีความเบิกบานและผาสุกตลอดการบำเพ็ญ
2.เสนอดีแล้ววางดีได้ด้วยใจที่ผาสุก คือได้เสนอคำคมให้หมู่เลือกแล้วแต่หมูจะเอาก็ได้ไม่เอาก็ได้
3.ได้วางดีไม่ยึดมั่นถือมั่นในบทบาท(วางทำวาง) คือได้เสนอให้พี่น้องท่านอื่นทำหน้าบทบาทนำเสนอตามความสมัครใจ
พร้อมกับมอบความไว้วางใจให้คือ เคารพและศรัทธาในความสามารถของพี่น้องสุดหัวใจ ไม่ตั้งความหวังว่าพี่น้องจะต้องรายงานอย่างนั้นอย่างนี้ ให้อิสระเสรีภาพตามภูมิของพี่น้องในเวลานั้นๆ
4.กล้าแสดงความเห็นวิพากษ์ตามภูมิและวางใจได้เมื่อมีความคิดเห็นต่าง (เคารพ ในส่วนดี เมตาในส่วนด้อย สอดร้อยด้วยอุเบกขา)
5.ตัดความอาลัยอาวรณ์ในหมู่กลุ่มได้ คือเมื่อได้ฟังท่านคุรุบอกว่าอีกสี่สัปดาห์จะสิ้นสุดการเข้าห้องเรียนการทำภาพประกอบสาระธรรม ตรวจใจทันทีรู้ว่าเราพร้อมแล้วนะในที่สุดวันนี้ก็มาถึง(ซึ่งเราได้เตรียมใจมาตลอดตั้งแต่ได้ยินชื่อคำว่ากลุ่ม”พร้อมพัง”ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มคุรุ ทำให้เราได้สภาวะว่า ยึดก็ได้วางก็ได้ พร้อรับพร้อมปรับพร้อมเปลี่ยน) งานเลี้ยงยังมีวันเลิกราการศึกกษาย่อมมีวันสำเร็จ เราประเมินตัวเองผ่านในเรื่องตัดความอาลัยอาวรณ์ได้ ส่วนใจมีพลังมากมีความอบอุ่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และมีความยินดีมากที่สุดที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมกลุ่มโครงการหน้าที่ทีมคุรุจะจัดขึ้น หลังค่ายพระไตรปิฎก
กราบสาธุธรรมค่ะ
ประโยชน์ท่าน ได้ประชุมแลกเปลี่ยนแบ่งปันสภาวะธรรม กับ พี่น้องในกลุ่มศิลา ก่อนนำเสนอผลงานกับท่านคุรุและพี่น้องหมู่กลุ่มใหญ่ เห็นความกลมเกลียวแน่นแฟ้นของพี่น้องหมู่กลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง”
6 พฤศจิกายน 2563
สรุป สภาวะธรรม ห้องเรียนสาระธรรม
อาทิตย์นี้กลุ่ม เพชร ได้หัวข้อ ความหลงตัวหลงตน มักใหญ่ ซึ่งตรงกับตัวตนที่แท้จริงของข้าพเจ้ามีความมั่นใจในตัวมาก(แบบผิดๆ) สัมมาคารวะไม่มีจะไหว้เฉพาะคนที่อยากไหว้เท่านั้น แต่มาเข้าใจจริงๆ หลังจากได้พบแพทย์วิถีธรรม เห็นการทำตัวอย่างของท่านอาจารย์หมอเขียว และพี่น้องจิตอาสามีความอ่อนน้อมถ่อมตนทำออกมาจากใจจริงๆ
ข้าพเจ้า ก็กำลังพยายามฝึกฝนตนเองให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนฝึกเป็นคนเล็กๆ และจะพยายามพากเพียรต่อไป .
ข้าพเจ้าหาคำคมฟังอยู่หลายคริป แต่จับประเด็นเด่นๆไม่ได้ ยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้ก็เลยวางบอกพี่น้องหาไม่ได้
พี่น้องหมู่กลุ่มหาคำคมมาซึ่งตรงประเด็นที่สุด
การทำงานมีได้พูดคุยเปิดใจกันมากขึ้น อาทิตย์นี้จบงานได้เร็วสบายๆและมีเวลาพูดคุยเรื่องครอบครัว,ทำการบ้านเรื่องอริยสัจด้วย
ข้าพเจ้าได้ประโยชน์ตนคือเห็นกิเลสตัวเองชัดมากขึ้นจากทำงานกลุ่ม ก็จะพยายามล้างกิเลสต่อไป
กราบสาธุค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ.
สภาวะธรรมในการบำเพ็ญสำหรับการบ้านของกลุ่มศิลา ใน ธีม “คำติ คำชม” เนื่องจากช่วงนี้มีวิกฤตต่อเนื่องจากงานประจำที่บริษัทมีการเอาพนักงานออกห้าพันเจ็ดร้อยคน และ มีการให้เซ็นสัญญาใหม่ เป็นช่วงที่ทุกคนร่วมกันหาทางต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และยังมีเรื่องที่คุณพ่อแฟนเข้าโรงพยาบาล อยู่ในช่วงขั้นสุดท้าย และ เสียชีวิต จึงเป็นช่วงที่ค่อนข้างไม่มีเวลาจะมาบำเพ็ญเต็มที่มาสองอาทิตย์ เพราะไม่สามารถเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มตัวเอง ถึงแม้พี่น้องในกลุ่มจะเข้าใจ แต่ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ วางใจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ท้ายสุดพอทุกอย่างลงตัวบ้างกับชีวิตส่วนตัว ก็รีบเร่งที่จะทำงานภาพสาระธรรมให้เสร็จ กว่าจะจัดสรรเวลาได้ก็มีเวลาก่อนเข้าประชุม 2 ชั่วโมง งานภาพยังไม่ได้ทำ ตอนนั้นรู้สึก หงุดหงิด ร้อนใจ ตอนแรกตั้งใจใช้เทคนิกของ PhotoShop ทั้งงาน พอมองงานแล้ว คิดว่าไม่หน้าจะทัน เลยใช้มือวาดผสมกับ PhotoShop มาเสร็จก่อนเข้าประชุมพอดี รู้สึกตัวเองยังไม่สามารถสุขใจได้กับทุกสภาวะ ยังมีการติดดีที่จะทำหน้าที่ทุก ๆ อย่างให้สมบูรณ์แบบ รู้สึกว่าต้องพัฒนาในการวางการยึดดี และ วางใจให้ได้กับทุกสภาวะให้ได้ค่ะ
สภาวะธรรมที่ได้จากการร่วมทำงานในกลุ่มยินดีก็ยังเป็นบรรยากาศที่ทุกคนก็ยังคงยินดีทำงานร่วมกันเหมื่อนทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกคนทำหน้าที่เสนอดีสลายอัตตา ในการทำงานก็ยังคงหลักเดิมคือเลือกคำคมก่อน ได้แล้วก็นำไปประกอบภาพ แล้วน้อยก็ทำหน้าที่ทำภาพประกอบคำคมแล้วเสนอหมู่กลุ่มช่วยกันดูและออกความคิดเห็นกันมีอะไรที่ต้องแก้ไขน้องเขาก็ยินดีรับและนำไปแก้ไขแล้วนำมาเสนอหมู่กลุ่มอีกครั้ง และก็ตกลงกันได้ภาพที่นำเสนอหมู่ในห้องเรียน พรเสนอให้อรนำเสนอผลงานของกลุ่มเราอรก็ยินดีเต็มใจทำหน้าที่แม้ว่าภาพนี้ไม่ใช่ภาพที่ตัวเองเลือกแต่ก็ยอมรับมติหมู่ ส่วนสภาวะธรรมในห้องเรียน ตัวอรเองรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้มาเจอพี่น้องและได้มาร่วมรับฟังพี่น้องแลกเปลี่ยนสภาวะธรรมได้รับฟังข่าวคราวพี่น้อง เห็นความพากเพียรของพี่น้องในการต่อสู่กิเลสอัตตาเห็นความเจริญของพี่น้อง ซึ่งเป็นประโยชน์และเป็นพลังเหนี่ยวนำที่ดีในการพากเพียรของตัวเอง ขอบคุณคุรุและพี่น้องหมู่มิตรดีทุกท่านค่ะ ที่ให้โอกาสในการบำเพ็ญ
เจริญธรรมสำนึกดี ไม่โทษใคร ใจไร้ทุกข์
สภาวะธรรมที่ได้จากการร่วมบำเพ็ญห้องเรียนสารธรรม
ตลอดระยะเวลาที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมเรียน ไม่ได้ส่งสภาวะธรรมเลย ก็ขอกราบขอโทษ ขออภัย ขออโหสิกรรม
คุรุและหมู่กลุ่มค่ะ และระยะเวลาที่ได้แยกร่วมบำเพ็ญกับกลุ่มย่อย กลุ่มศิลาตัวข้าพเจ้าก็ได้ทำหน้าที่หาคำคมร่วมกับพี่น้องท่านอื่นและพี่น้องสมาชิกในกลุ่มก็ช่วยกันหาแล้วนำมาโหวดกัน เห็นการยอมรับมติหมู่ เห็นการทำงานเป็นหน้าที่ เห็นการเสียสละของพี่น้อง ส่วนตัวของข้าพเจ้า เห็นความเข้มแข็งของตัวเองที่กล้าจะเสนอและปล่อยวางในเรื่องของงานเพราะตอนแรกๆจะรู้สึกกลัวเพราะเราไม่เป็นอะไรเลย แต่ปัจจุปันก็ผ่านตรงนั้นมาได้ด้วยความเมตตาเอื้อเฟื้อของพี่น้อง ขอกราบอนุโมทนาสาธุกับพี่น้องกลุ่มศิลา
อาทิตย์นี้วันพุทธข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าร่วมบำเพ็ญกับกลุ่มเพชร เป็นวันที่พี่น้องทำงานกันพอดี ได้ร่วมทำงานกับพี่น้องและได้มีการทำงานกลุ่มเป็นการใช้มติกลุ่ม ส่วนตัวของข้ารู้สึกยินดีมีพลัง และงานที่ออกมาดีที่สุดสำหรับข้าพเข้าและเห็นจากที่หมู่กลุ่มทำงานเสร็จก็ได้คุยกันต่อพี่น้องก็เบิกบานแจ่มใส เราอยู่กับปัจจุบันกันจริงๆ สรุปงานแรกในกลุ่มเพชรที่ข้าพเจ้าได้ร่วมคือ ความสำเร็จของงานไม่ใช่ความสำเร็จของงาน ความสำเร็จของงานคือความสำเร็จของใจ สาธุค่ะ
คุรุฝึก
ตอนคุรุแจ้งว่า ห้องเรียนสาระธรรม ของเราจะยุติ ในอีก 4 สัปดาห์ข้างหน้า
ทำให้นึกถึงบรรยากาศ ที่เคยไปเข้าค่ายฝึกภาคสนามสมัยเรียนร.ด ที่ตามค่ายต่างๆจนถึงเขาชนไก่ เจอครูฝึกที่ดุๆ โหดๆ เสียงดังๆ สั่งทำโทษที ด่าแต่ล่ะที เหมือนทะเลาะกับ แม่บ้านมา
ตั้งแต่ปี1จนถึง ปีที่ 5 ตอนอยู่กลางแดดร้อนๆ นอนคลุกขี้ฝุ่น รองเท้าคอมแบค ที่ระอุจนเท้าใกล้จะสุกจากไอแดด แต่ล่ะปีก็ถามตัวเองว่า จะไหวมั้ย มาทำอไรอยู่ตรงนี้ แบกปืนเดินไปมา เฝ้ายาม ทาดินหม้อ โดดหอ มันเท่ห์ตรงไหน เขาพูดกันว่า การที่ผู้ชายไปเป็นทหารเกณฑ์คือการฝึกควายให้เป็นคน แล้วเราเป็นนักเรียน นักศึกษาอยู่เรายอมให้ใครมาด่า มาสั่งเราได้มั้ย
จนกระทั่งวันสุดท้ายของการฝึกแต่ล่ะปี ครูฝึก ก็กลายเป็นพี่ชายใจดี บอกว่าที่ทำไปมันเป็นหน้าที่ ขอโทษขออภัยกันไป ที่ผ่านมาได้เพราะ มันเป็นพลังความทะยานอยากที่จะเป็นว่าที่ร้อยตรี การฝึกท่าทาง ให้ทะมัดทะแมง เป็นการวางตัวให้ดูดีหนักแน่น แต่ใจยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
พอมองกลับไป3-4เดือนที่ผ่านมา การมาพบกันทุกอาทิตย์ บางครั้งก็เพิ่มรอบได้อีก เหมือนได้มาเข้าสนามรบกับกิเลส มีคุรุเป็นครูฝึก ที่คอยเขี่ยๆ คอยแซะ และวางกับระเบิดไว้ให้ไปแกะสลัก ไปสลายอัตตา ตัวตน จากกิเลส
ครูฝึก ที่ไม่ได้ด่าที่เราโง่ แต่ด่ากิเลส ความชั่วร้าย ด้วยลีลา ที่แตกต่างกันไป ให้ไปล้างใจ และขัดเกลากันเองในการทำงานด้วยกัน
ถ้าเปรียบห้องสาระธรรม เป็นสายน้ำ ที่ได้องค์ประกอบ จากลม จากแสงแดด มีดินเป็นฐาน สายน้ำนี้ก็ได้สังเคราะห์ และก่อเกิดพืช และหล่อเลี้ยงพืช ที่เป็นพีชะ คือไม่มีความชอบชัง เพึ่งเข้าใจความลึกซึ้ง ของการใช้งานเป็นเครื่องอาศัย เพื่อให้บรรลุธรรมเป็นเรื่องๆไป เช่นเรื่องไม่ชอบ ไม่ชัง ได้ฝึกบ่อยๆกับการประชุมผ่านซูม ก็ได้ล้างใจตัวเองทุกครั้งไป
การทำงานอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยังเป็นบรรยากาศ เดิมๆแต่เพิ่มเติมคือมีน้องเข้ามาเยี่ยมและเติมสีสันกัน ระหว่างทำโฟโต้ช็อบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ คุยสภาวะกันไปเบาๆ งานกลุ่มในโจทย์ใหม่ ก็ได้พึ่งบารมีคำคมของพ่อครู ด้วยความร่วมมือ ของพี่น้องกลุ่มศิลาที่ให้ข้อมูลมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด
ภาพเราได้รับการ วิจารณ์งานให้แก้ไขอยู่ทุกอาทิตย์ เลยทำให้คิดถึงการวิพากษ์ผ่านกลุ่มเพชรก็ว่าสวยดีทุกทีน้า เราก็ยอมๆกันไม่ค่อยจะขัดใจกัน มติหมู่โลด แต่พอเอาเข้าหมู่ใหญ่ทีไร เพชรก็โดนเจียระไน ได้ขัดเกลา แง่นั้นมุมนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่ได้ดังใจ ของแต่ล่ะคน ที่ซุกซ่อนอยู่ จนยอมรับกัน และให้หันกลับมามองมาใส่ใจได้ แลกเปลี่ยนพูดคุยกันมากขึ้น
จากการเรียนรู้ ที่อยู่ห้องเรียนนี้ ทำให้ทุกคนเห็นพลัง ของตน ได้แสดงศักยภาพออกมา มีความเพียรกันทั้งงานในงานนอก ขยายไปจนถึงงานในเรื่องวิชชาราม และคอยเป็นหมู่มวลสานพลังกับพี่น้อง พวธทุกภาคส่วนในโอกาสต่างๆ สรุปได้ว่าห้องสาระธรรม ได้สร้างแรงเหนี่ยวนำให้พวกเรามาทบทวนธรรม ขณะคุรุ ตรวจงาน พวกเราก็ตรวจใจ แล้วนักเรียนได้อะไร ก็ได้ความเบากาย สบายใจ ล้างความชอบชังได้ ก็สุดยอดแล้ว วันหน้าไม่รู้ สำหรับวันนี้สู้ไม่ถอย ค่ะครูฝึก
นับก้าว….. นับถอยหลัง 30 ก้าว (วัน) นับใหม่ นับต่อไป
Comments are closed.