การบ้านอริยสัจ (11/2563) [41]

631025 การบ้านอริยสัจ (11/2563)

นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 19-25 ตุลาคม 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)

ผู้ส่งการบ้านสัปดาห์นี้มีทั้งหมด 41 ท่าน

  1. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
  2. ธัญมน หมวดเหมน
  3. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
  4. สมพงษ์ โขงรัมย์
  5. สำรวม แก้วแกมจันทร์
  6. ก้าน ไตรยสุทธิ์ (ใกล้พร)
  7. นางสาวสุพัชชญา ทองเปรม
  8. นงลักษณ์ สมศรี(ลายใบไม้)
  9. ดินแสงธรรม กล้าจน
  10. สุนิตา มอนิทเซอร์
  11. นาง มณเฑียร ธโนปจัย
  12. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
  13. นปภา รัตนวงศา
  14. สมประสงค์ ไวคช์
  15. อมรา อ่อนทรัพย์
  16. ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
  17. จงกช-ป้าย่านาง
  18. อรวิภา กริฟฟิธส์
  19. นาง โยธกา รือเซ็นแบรก์
  20. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม
  21. จุฬิญญา ชายสวัสดิ์
  22. ทิวากร ชุมจีด (บ่าว สุขแสงพุทธ)
  23. ประคอง เก็บนาค
  24. นางพรรณทิวา เกตุกล
  25. นางจิราภรณ์ ทองคู่
  26. ปิ่น คำเพียงเพชร
  27. ชลิตา แลงค์
  28. นางมันฑณา ชนัวร์ร เตี้ย ศีลประดับ
  29. ณ้ฐพร คงประเสริฐ
  30. จรัญ บุญมี
  31. นฤมล จารุเดช
  32. Anonymous
  33. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์
  34. นฤมล ยังแช่ม
  35. จิตรา พรหมโคตร
  36. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน
  37. นายรวม เกตุกลม
  38. น.ส. ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)
  39. วรางคณา ไตรยสุทธิ์ (พุทธพรฟ้า)
  40. ศิริพร ไตรยสุทธิ์
  41. ขวัญจิต เฟื่องฟู
  42. พลศักดิ์ สุขยิ่ง เพชรแก่นพุทธ

Tags:

72 thoughts on “การบ้านอริยสัจ (11/2563) [41]”

  1. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    ทุกขอริยสัจ 4

    เรื่อง คิดแทนเพื่อน

    คุยสภาวะธรรมกับเพื่อน ขณะเพื่อนกำลังเล่า
    สภาวะธรรมอยู่ ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนกำลังจะพูดและคิดในสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังคิดอยู่ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ดีจึงได้พูดแทรกเพื่อนและบอกให้เพื่อนยกเลิกความคิดและคำพูดที่กำลังจะพูด ซึ่งเพื่อนเองก็ยังไม่ได้พูดอะไร แต่กิเลสตัวร้ายของข้าพเจ้าไปคิดแทนเพื่อน ไปดูถูก ดูหมิ่น และเหยียดหยามเพื่อนไปแล้ว คิดว่าเพื่อนจะคิดไม่ดีเหมือนข้าพเจ้า แต่พอได้ถามเพื่อนและเพื่อนได้อธิบายให้ฟังว่าเพื่อนคิด และจะพูดอะไรแล้ว ก็รู้สึกผิดมากๆ เพราะเพื่อนไม่ได้คิดเหมือนที่ข้าพเจ้าคิด จึงรีบขอโทษขออโหสิกรรมตัวเองและเพื่อนทันที ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์และพฤติกรรมแบบนี้อีก

    ทุกข์ ไม่สบายใจที่คิดแทนเพื่อน

    สมุทัย ชอบที่ตัวเองจะไม่คิดแทนเพื่อน ไม่ชอบที่ตัวเองไปคิดแทนเพื่อน

    นิโรธ ไม่ชอบไม่ชังที่ตนเองไปคิดแทนเพื่อน (ไม่ตีตัวเองซ้ำ) โดยเพิ่มการเจริญสติ รู้เนื้อรู้ตัวตลอดเวลา เพื่อจะหยุดความคิดที่จะไปคิดแทนเพื่อนและไม่พูดแทรกขณะที่เพื่อนกำลังคุยสภาวะ

    มรรค ตั้งศีลที่จะไม่ คิดแทนเพื่อนและไม่พูดแทรกขณะพี่น้องกำลังคุยสภาวะธรรมอยู่ พราะเป็นการผิดศีลข้อ 2 และเพิ่มการเจริญสติให้รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา จะไม่พูดแทรกคนอื่นหากท่านนั้นยังพูดสภาวะยังไม่จบและจะไม่ไปคิดและพูดแทนคนอื่นอีก หากท่านนั้นไม่อนุญาตข้าพเจ้าให้พูด นี้แหละคือวืบากกรรมที่ข้าพเจ้าเคยทำมา เคยเป็นคนพรหม 3 หน้า ปฏิบัติกับคนอื่นติดตัวมาหลายภพหลายชาติแล้ว และยังล้างไม่หมด เชื้อก็เลยยังเหลืออยู่ ข้าพเจ้าขอโทษขออโหสิกรรมกับทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ที่ข้าพเจ้าได้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวกับพวกท่านทั้งหลาย ทั้งในชาตินี้และชาติใดๆ นับตั้งแต่เวลานี้ ข้าพเจ้าจะพากเพียรล้างกิเลสตัวนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต หลังจากที่ข้าพเจ้าได้พิจารณาดังกล่าวแล้ว ใจ กายก็เบาสบาย ทุกข์ที่มีก็หายไป ณ บัดนั้น คะ สาธุ

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ ปรับปรุง
      คำแนะนำ ปรับสมุทัย คือ มีความยึดดีอยากให้คนอื่นรู้ว่ามันไม่ดีตามที่ตนเองยึด

  2. ธัญมน หมวดเหมน

    The four noble truth
    Unmoderate consumption
    กินเกิน
    กินข้าวเยอะเกินพอดี เพราะโลภตามใจปาก ตอนจะนอนจึงรู้สึกอึดอัด ไม่สบายท้อง ไม่สบายตัว
    ทุกข์the truth of suffering
    อึดอัดในท้อง ไม่สบายตัว
    สมุทัย the truth of cause of suffering
    กินข้าวเยอะเกินพอดี เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
    นิโรธ the truth of state end of suffering
    อาการไม่สบายท้อง ไม่สบายตัวลดลง
    มรรค the truth of path to end of suffering
    ทำใจให้สบาย วางใจไม่กังวลกับเวทนาทางกาย เพราะรู้ว่าเป็นผลวิบากจากการทุศีลผิดศีลของตัวเอง คือกินเกินตามใจกิเลส เป็นผู้ไม่ทำความสบายให้แก่ตน เบียดเบียนตัวเองให้ไม่สบาย สำนึกผิดจากใจจริงๆตั้งจิตขอขมาอาจารย์และตั้งจิตสำรวมในศีลจะฝึกเป็นผู้รู้ประมาณในการกินให้พอดี สาธุ

    1. รูปแบบ พอใช้ได้ (ควรเว้นบรรทัด)
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ ควรปรับสมุทัย ให้จับสภาวะทางใจเพิ่มที่อยากไปกินเยอะเกิน

  3. พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์

    ชื่อเรื่อง ความจริงของทุกข์เมื่อคราวตกงาน

    เนื้อเรื่อง
    ช่วงนี้ผมกำลังพยายามปรับเปลี่ยนอาชีพของตัวเองให้เป็นสัมมาอาชีวะมากขึ้น ลดความเป็นมิจฉาอาชีวะลง จึงอยากจะเล่าปัญหาความทุกข์เกี่ยวกับอาชีพในอดีตให้ฟัง เป็นการเล่าสู่กันฟังและวิเคราะห์ตามหลักอริยสัจสี่ด้วย

    เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่จะมาพบกับแพทย์วิถีธรรม มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมตกงาน คืองานเดิมที่ทำอยู่นั้นไม่สามารถทำต่อไปได้แล้ว และอยู่ในภาวะที่ยังหางานใหม่ไม่ได้ ต้องอยู่บ้านอาศัยเงินเดือนของแม่บ้านที่ในสมัยนั้นยังทำงานประจำอยู่ ช่วงนั้นผมอยู่ในอารมณ์ที่หดหู่เศร้าหมองมาก หมดอาลัยตายอยาก รู้สึกว่าชีวิตตัวเองทำท่าจะล้มเหลว ไร้ค่า อยู่กินเงินกินแรงแม่บ้านไปวัน ๆ พยายามคิดหาอาชีพใหม่ทำ แต่ก็ยังคิดไม่ออก จำได้ว่าเคยอยู่ในอารมณ์ที่นั่งอยู่ชายทะเล เหม่อมองออกไปในท้องทะเลอันกว้างไกลด้วยความรู้สึกเศร้าใจอย่างลึกซึ้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งหดหู่เศร้าหมอง โชคดีที่ไม่ได้ปล่อยอารมณ์ถลำลึกไปกว่านั้น แม่บ้านเองก็ไม่เคยตั้งแง่รังเกียจอะไรที่ผมตกงาน และอีกประมาณสองสามเดือนต่อมา ผมก็สร้างอาชีพใหม่ขึ้นมาได้ ในตอนนั้นถ้าเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ต้องตกอยู่ในสภาพหดหู่เศร้าหมองไปนาน ๆ ผมเชื่อว่าสุดท้ายคงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็นโรคซึมเศร้าแล้วฆ่าตัวตาย ทิศทางมันเป็นไปอย่างนั้น แต่อาจจะเป็นเพราะวิบากกรรมดีที่เรายังพอมีอยู่ ช่วยเปิดทางให้เรามองเห็นหนทางเล็ก ๆ ในการสร้างอาชีพใหม่ได้ และยังได้ทุนสนับสนุนจากแม่ยายอีกส่วนหนึ่ง ช่วยให้เราตั้งหลักได้ แม้จะไม่มั่นคงนัก แต่ก็ช่วยได้มากในเรื่องของจิตใจ

    ทุกข์
    จำได้ว่าตอนนั้นทุกข์ใจมาก ถึงขั้นทำให้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากต่อชีวิตเลยทีเดียว เป็นทุกข์ทางใจที่ลึกซึ้งและรุนแรงมาก เชื่อเลยว่าถ้าทุกข์อยู่อย่างนั้นไปนาน ๆ สุดท้ายจะต้องเป็นโรคร้ายแรงอะไรสักอย่างแน่นอน จุดศูนย์กลางของอารมณ์แห่งความทุกข์อยู่ที่ความคิดที่ว่าชีวิตเรากำลังไร้ค่า ไร้ความสามารถ เอาตัวเองไม่รอด

    สมุทัย
    เหตุแห่งทุกข์คือความยึดมั่นถือมั่นว่าเราจะต้องพึ่งตัวเองได้และดูแลครอบครัวได้ ยึดว่าถ้าเรามีงานทำเลี้ยงตัวเองและดูแลครอบครัวได้เราจะสุขใจ ถ้าทำไม่ได้เราจะทุกข์ใจ แม้เพียงเหตุการณ์ชั่วคราวเราก็ทุกข์ใจเหมือนเหตุการณ์นั้นจะคงอยู่ตลอดไป มีกิเลสคือความหลงผิดคิดไปว่าสถานการณ์ตกงานนี้จะคงอยู่ตลอดไป

    นิโรธ
    สภาพดับทุกข์คือแม้ตกงานก็ยังสุขใจได้ เข้าใจได้ว่าเรามีวิบากกรรมที่ทำให้ต้องตกงานชั่วคราว เรามีหน้าที่ขวนขวายหางานใหม่อย่างเต็มที่ด้วยความแช่มชื่นเบิกบานเท่านั้น

    มรรค
    ในตอนนั้นเรายังไม่ได้เรียนรู้เรื่องอริยสัจสี่ จึงไม่รู้วิธีดับทุกข์ในใจเลย โชคดีที่ยังมีวิบากดีมาช่วยให้ตั้งหลักสร้างอาชีพใหม่ได้ แต่เมื่อมามองย้อนหลังกลับไป จากความรู้เรื่องเรื่องมรรคที่ได้เรียนรู้มา เราเห็นชัดเจนว่าสามารถออกจากทุกข์ได้เร็วกว่านั้น ด้วยการพิจารณาให้แจ่มแจ้งในเรื่องวิบากกรรม เชื่อในวิบากกรรมว่าเรากำลังได้รับวิบากร้ายทำให้ต้องตกงาน เมื่อรับแล้ววิบากกรรมก็จะเบาบางลงไป สุดท้ายมันก็จะหมดไป

    นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาไตรลักษณ์ของทั้งกิเลสและเหตุการณ์ร่วมด้วย คือมองให้ออกว่าความหลงผิดที่เราคิดว่าถ้าได้ทำงานจะสุขใจ ถ้าตกงานจะทุกข์ใจ นี้เป็นความคิดของกิเลส เป็นความคิดที่มันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนจริง เป็นการปรุงแต่งในจิตของเราเองเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์ที่เราตกงานก็เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว มันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน มันเพียงแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วจะดับไปในที่สุด เมื่อเหตุปัจจัยของวิบากดีมาถึง สภาพตกงานก็จะเสื่อมไป หมดไปเอง ถ้าเราสามารถพิจารณาจนเห็นไตรลักษณ์ได้อย่างชัดเจน เราก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์อะไรเลย มีหน้าที่ทำแต่ละสิ่งแต่ละอย่างให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เท่าที่จะพึงทำได้ ด้วยความเบิกบานแจ่มใส

  4. สมพงษ์ โขงรัมย์

    ทุกข์กินหลายมื้อ
    สมุทัยกินหลายมื้อจุกชังอึดอัดชอบที่กิน1มื้อแต่กิเลสไม่ยอม
    นิโรธไม่ชอบไม่ชังแต่ก็พยามยามกิน1มื้อไว้ก่อนทำใจไม่ทุกข์
    มรรคคิดแบบพุทธะการจะกิน1มื้อต้องกินจืดให้ได้ก่อนมีกินปรุงบ้างแต่กินทีหลังขัดเกลามารไม่ให้มารโต100%ลดลงกิเลสลดไปเรื่อยๆ
    คิดแบบมารกินมั่วๆชีวิตก็เข้าทางมารไม่เอาจริงไม่เห็นประโยชน์ยินยอมเต็มใจให้กิเลสโตวันโตคืน

    1. รูปแบบ พอใช้ได้ (ควรใส่ชื่อเรื่องและเนื่อเรื่องเพิ่ม)
      สภาวะ พอใช้ได้

  5. สำรวม แก้วแกมจันทร์

    เรื่อง:กลัวอากาศหนาว
    เรื่องย่อ:การมาภูผาครั้งนี้ (ค่ายพตฏ.ครั้งที่30) มาพร้อมหมู่แล้วจะกลับพร้อมหมู่ ก่อนฤดูหนาว แต่ด้วยเหตุปัจจัยที่จัดสรรให้ได้อยู่บำเพ็ญต่ออีกประมาณครึ่งเดือน อากาศก็เริ๋มหนาวขึ้นๆ ทุกวัน จึงกลัวอากาศหนาว เพราะไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าชุดกันหนาวมาให้เพียงพอ
    ทุกข์:มีความกล้วอากาศหนาว
    สมุทัย:ไม่ได้เตรียมเสื้ผ้าชุดกันหนาว จึงทำให้กลัวอากาศหนาว
    นิโรธ: วางใจว่า ดีแล้วยอมรับด้วยความเต็มใจว่า หนาวก็ได้ ไม่หนาวก็ดี เบิกบานได้ทุกเพตุปัจจัย
    มรรค: ตรวจใจดูว่า ทำไม่จึงกลัวอากาศหนาว พิจารณาเอาประโยชน์ท่ามกลางอากาศหนาวให้ได้ ได้ฟังธรรม ปฏิบัติศีล และได้บำเพ็ญอยู่ใกล้สัตบุรุษ ท่ามกลางหมู่มิครดี สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด อากาศหนาวก็ดีแล้วจะได้ฝึกความอดทน ร่างกายจะได้แข็งเกร็งขึ้น ได้เพิ่มพลังชีวิต เพียงให้หมู่ช่วยแก้ปัญหาจัดอุปกรณ์เสื้อผ้าชุดกันหนาวให้พอเพียงก็ไม่หนาวจนเกินทนแล้ว

    1. รูปแบบ ผ่าน (ควรเว้นบรรทัดระหว่าหัวข้อ)
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เสื้ผ้า = เสื้อผ้า

  6. ก้าน ไตรยสุทธิ์ (ใกล้พร)

    ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ
    เรื่อง.สายน้ำแตก
    ทุกข์.ไม่ชอบใจจะรสนํ้าผักไม่ได้
    สมุทัย.ถ้ามีนํ้ารสผักจะชอบใจ ถ้าไม่มีนํ้ารสผักไม่ได้ดั่งใจทุกข์ใจ
    นิโรธ.มีนํ้าก็สุกใจได้ ไม่มีนํ้าก็สุขใจะ
    มรรค.ล้างความยึดมั่นถือมั่นใจพิจารณาประโยชน์ไปทำอย่างอื่นก็ได้สบายใจจริง

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ ผ่าน
      คำแนะนำ พยายามให้เพื่อนตรวจคำผิดช่วย

  7. นางสาวสุพัชชญา ทองเปรม รหัสศึกษา6314009002

    ทุกข์ ญาติธรรม ทุศีลแตกเจ
    กลับมาจากภูผาฟ้าน้ำ 17/ตุลา ได้กลับมาชลบุรีเยี่ยมญาติธรรม ที่ทุศีลแตกเจ เนื่องจากป่วยเป็นไตวายขณะนี้ท่านฟอกไต..ผู้เขียนเคยให้เลือดท่านทุก 3 เดือนช่วงที่เริ่มแรกที่พบ อาการไตเสื่อม อยู่หลายปี พอมาอยู่ จ.น่าน จึงไม่ได้ให้เลือดท่านอีก..มาพบครั้งนี้ ท่านได้ ทุศีลแตกเจ เพราะความห่วงใยของแพทย์และลูกๆ ที่ไม่เข้าใจเรื่องบาปกรรมทำให้เกิดโรคภัย ท่านถูกลูกบังคับให้กินเนื้อสัตว์ และไข่
    เมื่อเห็นน้ำผึ้ง เข้าไปเยี่ยมท่าน น้ำตาคลอ ด้วยความดีใจ ทำให้ยิ่งสงสารมาก
    สมุทัย : ใจที่ยังติดสงสาร ปล่อยวางกับทุกข์ของเวไนยไม่ได้
    นิโรธ : เรียนรู้ธรรมะ ให้เข้าให้ถึงปัญญาให้ได้ เห็นถึงกิเลส ที่ติดค้างกังวล สงสาร ให้สติ ตัวเราหากวันนี้ เรายังไม่ชัดเจน กระจ่าง แล้วเราจะช่่่่่่่่วยให้คนที่ทุกข์ อยู่หายทุกข์ได้่อย่างไร
    มรรค : สมาธิ vs ปัญญา นำมาใช้ให้เกิดผล
    # ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย..
    ทำให้เกิด แล้วเราจะทุกข์เพราะเหตุใด #
    ทำดีที่ทำได้..วางใจ (คือ อุเบกขา) ตามที่ อ.หมอเขียวท่านสอนไว้ #

    1. รูปแบบ ปรับปรุง (ควรบอกชื่อเรื่อง แล้วค่อยเล่าเนื้อเรื่อง และต่อด้วยหัวข้อทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
      สภาวะ ปรับปรุง (ควรศึกษารูปแบบการเขียน การวิเคราะห์ และการถ่ายทอดสภาวะอริยสัจ 4 กับหมู่มิตรดีแพทย์วิถีธรรมเพิ่ม)

  8. นงลักษณ์ สมศรี(ลายใบไม้)

    เก็บมะกอกหรือเข้าประชุม

    ช่วงเดือนตุลาคมในอิตาลี จะเป็นช่วงเก็บมะกอกมาทำน้ำมัน(โอลีฟออย) เพื่อนจะขอแรงไปช่วยกันในวันหยุด สถานที่อยู่บนเนินเขาริมทะเลสาป ปีที่แล้วอยู่ไทย ปีนี้คิดว่าจะไปช่วยเพราะอากาสดี.ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้น้ำมันมะกอกสดๆมาทาน แต่ทางพี่น้องพวธแจ้งว่าจะมีการประชุมสรุปกาย สรุปใจผู้ประสานงานค่ายออนไลน์ วันอาทิตย์พอดี ใจหนึ่งก็คิดว่าได้ออกนอกบ้านบ้างก็ดี อีกใจนึงก็สนใจจะสนทนาธรรมกับพี่น้อง แต่ฝากเพื่อนเข้าประชุมก็ได้ เหมือนกัน
    พอถึงสุดสัปดาห์วันเสาร์ก็ไม่ได้ไป ก็วางใจว่าจะไปวันอาทิตย์ เรียกได้ว่าตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เข้มข้น เคี่ยวกรำกับการจับกิเลสล้างใจ ในการทำงานในอย่างเข้มข้น คลายความขึ้งเครียดมาตามลำดับ มานึกดูว่าก็ปล่อยไปสบายๆ ถ้าจะไปก็ได้ ไม่ไปก็อยู่บ้านเข้าประชุมพูดคุยกับพี่น้อง ให้ธรรมะจัดสรรเอง

    ทุกข์ : อยากไปเก็บมะกอก แต่อีกใจก็อยากสรุปกาย สรุปใจกับพี่น้อง

    สมุทัย : ชอบปีนต้นมะกอก ชังที่ยึดว่ายังมีเรื่องสำคัญมากกว่าทำให้วางดีไม่ลง

    นิโรธ : ไม่ยึดว่าจะต้องไปตามใจ ทั้งเราทั้งเพื่อน ส่วนจะเข้าประชุมก็ได้ ไม่เข้าก็ได้ บำเพ็ญมาเต็มที่แล้วหลายเดือนที่ผ่านมาได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว
    พอทำใจให้ว่างได้แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ผาสุก ไม่ตัดสินว่าอันไหนดีกว่ากัน สังวรณ์อินทรีย์พละตัวเองได้ว่า สังขารเราอาจจะไม่เหมาะที่จะไปปีนป่ายต้นมะกอก หากดันทุรังยังยึดดีเกินไป อาจพบวิบาก ตกต้นมะกอกกลิ้งลงมากองอยู่ก้นทะเลสาปก็เป็นได้ (น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นเราตาย)
    ส่วน สรุปกาย-สรุปใจกับพี่น้อง นั้นแม้จะดี แต่หากไม่สะดวกก็ แจ้งที่ประชุมไปก็พอ

    มรรค : ตั้งจิตจะทำความผาสุกที่ตน ไม่ไปหลงยึดว่า ต้องทำตามใจทุกคนแล้วใจเราจะเป็นสุข เมื่อไม่ต้องโหยหาความสุข ก็ไม่ทุกข์ อะไรที่ยังไม่ถึงเวลาก็ ยังไม่ใช่โอกาสที่เราที่จะได้รับสิ่งนั้นๆเช่น ไม่ได้น้ำมันมะกอกมาปรุงอาหาร ไม่ต้องเที่ยวท่องไปดูธรรมชาติ พอตื่นเช้ามาในวันอาทิตย์ ไม่มีความคิดกังวลอะไร ธรรมะจัดสรรให้ได้ ฟังอปริหานิยธรรม ร่วมกับพี่น้องจิตอาสาจากทั่วโลก ผ่านซูมจากภูผา ได้ฟังอาจารย์ให้สัมทิฐิเรื่องการเลี้ยงลูก ในยุคนี้ ก็ทำให้ได้เห็นสภาวะที่นำมาล้างใจให้หลุดจากกิเลสที่นอนเนื่องไม่ยอมไปไหนมานานนับปี จากนั้นก็ได้เข้าประชุม สรุปกายใจกับพี่น้อง ทีมเบื้องหลังค่ายสุขภาพออนไลน์ ถือเป็นรางวัลของการทำดีเพราะยามเจอ ทุกข์ พบผัสสะ ได้ ลด ละ กิเลส จากความพร่อง ความพลาด ที่ผ่านมา จากการพบหมู่มิตรดีที่ให้โกาสแก้ไข ชี้ขุมทรัพย์(ช่วยไล่จับกิเลส)ให้ จึงเป็นวิบากดี และดันวิบากร้าย ให้ผ่านพ้นไปในเวลาไม่นานนัก มีพลังสู้กิเลสอย่างรู้เพียร รู้พักแล้วจ้า

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เช่น นึ่ง = หนึ่ง ขึ้ง = ตึง

  9. ดินแสงธรรม กล้าจน

    เรื่อง ตอนเห็นอาการชังไม่มีปัญญาล้าง ตอนเห็นอาการชอบจึงเกิดปัญญาล้าง

    นั่งทำงานที่โต๊ะในกลางศาลามานานหลายเดือนแล้ง ก็มีเสียงรบกวนอยู่ แต่พอทำงานไปได้ แต่พอมาเรียน ป.เอกเริ่มทำงานไม่ค่อยไปไม่ค่อยมา เพราะส่วนใหญ่เป็นวิเคราะห์สังเคราะห์แนวคิด ต้องใช้เวลามาก กว่าจะทำได้แต่ละเรื่อง ๆ เสียเวลาไม่ได้ไปทำกิจกรรมฐานงานกับพี่น้องหลายวัน แต่ตอนนั้นรู้นะว่าเรามีตัวยึดพวกนี้อยู่ และกำลังพากเพียรล้างอยู่เรื่อย ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะล้างกิเลสแล้วก็แล้วไป ก็ทำงานต่อไปอย่างเก่า คิดว่ากิเลสหมดก็ทำงานได้ กิเลสยังไม่หมดก็ทำงานด้วยและล้างกิเลสไปด้วยได้ ตอนนั้นไม่รู้และไม่คิดหรอกว่าจะต้องแก้ปัญหานี้มั๊ยแล้วจะต้องแก้อย่างไร รู้สึกว่าสบาย ๆ อยู่นะกับสภาพที่เป็นอยู่ อ่านกิเลสไปทำงานนอกไป ก็พอเป็นพอไป

    แต่วันหนึ่ง อาหมอนัฐมาแจ้งที่อปริหานิยธรรมว่า จะขอย้ายที่อยู่ไปชั้นบนถ้าก่อสร้างเรียบร้อยเพราะตอนนี้แร่งทำงานป.เอกอยู่ ที่ ๆ อยู่เดิมเสียงและคนรบกวนเยอะ ในใจเราก็คิดว่าเหมือนเราเลย แต่เรายังไม่คิดจะย้ายหรอก ต่อมาอาจารย์ก็บอกว่าย้ายได้เลย คนที่ต้องใช้สมองจะย้ายมาอยู่ในห้องม่วงก็ได้ เงียบสงบดี บางทีคิดอะไรออกแว้บนึงถ้าไม่ได้จดไม่ได้เขียนก็จะลืมหายไปนะ ใจเราก็คิดตามว่าใช่ ๆ แต่เรื่องย้ายมาห้องม่วงก็ยังเฉย ๆ อยู่ ไม่ได้คิดว่าจะย้ายมา แต่พออาจารย์พูดมาถึงว่าจะมาทำงานก็ได้ จะมานอนก็ได้ กิเลสเริ่มดุ๊กดิ๊กๆ นิด ๆ ค่ะ เห็นอาการมันดิ้นนิด ๆ อยู่ มันชอบตรงที่ได้มานอนด้วยนี่แหละ 555 จับได้แล้วเจ้ากิเลส ต่อมาเห็นอานัฐย้ายมาทำงานในห้องม่วงก่อน เพราะก่อสร้างยังไม่เรียบร้อย มันก็มองตามอานัฐนะ แต่ก็เหมือนไม่ได้คิดอะไร มองเฉย ๆ แล้วก็ผ่านเรื่องนี้ไป

    เห็นตัวเองเลยว่า ปล่อยกิเลสลอยนวลไป 2 ครั้งแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ล้างออก ดังนั้นมันก็ยังคาอยู่ในใจ โดยที่เราไม่ได้รู้ตัวว่าเราแบกกิเลสไปไหนมาไหนตลอดวันนั้นแลย ตรงนี้ต่อให้เราเริ่มเห็นทุกข์แล้ว แต่เราไม่ทำอะไรต่อ ทุกข์มันก็ไม่หายไปไหนนะ แถมกิเลสความชอบที่จะได้เข้ามาทำงานและนอนในห้องม่วงมันก็แอบโตขึ้นด้วย เพิ่มอัตราความอยากขึ้นด้วย แต่จริง ๆ ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกว่า เรากำลังถูกอำนาจบาง ๆ ของกิเลสปกคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว ดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำงานไปที่เดิมเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและมีแต่หนักขึ้น ๆ คือ กิเลสเกิดและโตแล้ว

    เช้าวันต่อมาประมาณ 00:14 น. ตื่นเต็มนอนพอแล้วคิดว่าจะออกมาทำงานต่อ ตอนที่กำลังเดินไปที่โต๊ะ กิเลสที่ยังไม่ได้ล้าง มันก็ดิ้นอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้มันรีบมาเสนอเลยว่า อากาศหนาว ไปทำงานในห้องม่วงไหม อุ่นดี เงียบดีนะ งานเธอก็ไม่ไปไม่มาอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าง่วงก็นอนได้เลยนะ อาจารย์อนุญาตแล้ว…เราก็เคลิ้มตามความเห็นของกิเลส โดยไม่คิดว่านั่นคือความคิดของกิเลส…เพราะมันคือความจริงเหมือนที่กิเลสว่ามาทุกประการ แล้วสุดท้ายเราก็หอบคอมฯ หอบผ้าห่มเข้ามานั่งทำงานในห้องม่วงเป็นที่เรียบร้อย

    นั่งทำไปนานพอสมควร สว่างพอสมควรแล้ว สมองแล่นปรู๊ดปราด งานเดินดี ไม่ง่วงเลย มีกำลังดีมาก ได้โยคะท่านอนแบบสบายใจด้วย เราเริ่มเอะใจ เอ๊ะ! ทำไมสดชื่นจัง นั่งพื้นโต๊ะญี่ปุ่นดูสบาย ๆ ผ่อนคลายจังเลย เริ่มเคลิ้มเริ่มฟินเพิ่มขึ้น…. เท่านั้นแหละเราเริ่มได้สติ เออ…ทำไม่เราสดชื่นจัง เอ…แบบนี้เป็นกิเลสแล้วนะ ดูมันหนักไปทางชอบแล้วนะ บอกตัวเองว่าพักงานไว้ก่อน อ่านใจตรวจใจก่อนซิ…ใจเป็นอะไร ทำไมมันฟูอย่างนั้นล่ะ มันไม่ใช่สภาพที่สงบแล้วนะนี่ พอตรวจไปเรื่อย ๆ ก็เลยเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อวาน อานัฐว่ายังไง อาจารย์ว่ายังไง ใจเราว่ายังไง ตอนนี้มันคิดออกหมดเลย..แล้วก็หัวเราะอยู่คนเดียว…เออ..หนอ..เมื่อวานเราโง่กว่ากิเลสมาก เราเห็นกิเลสมันชังสภาพโต๊ะที่ทำงานเก่า นั่งเก้าอี้ โต๊ตัวใหญ่ ๆ ใช่ร่วมกับคนอื่นอยู่นานแล้ว แต่มันก็ไม่กวนมาก เราก็เลยชาชินไปกับสภาพนั้น ทำให้นึกถึงคนที่ยังล้างกิเลสไม่หมด แต่ใจไม่ทุกข์แรง ๆ แล้วไม่ได้ล้าง ตัดจบไปเฉย ๆ แบบนี้ก็สูญไม่ได้ เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักให้มากกว่านี้

    เออ..หนอ ไม่เห็นตอนชัง มาเห็นตอนชอบก็ดีแล้ว เพราะในชอบมีชังในชังมีชอบเสมอ มีปัญญาแท้เห็นด้านหนึ่งก็จะเห็นอีกด้านหนึ่งด้วยแน่นอน เออ..หนอ มีปัญญาแจ่มแจ้งเห็นทางธรรมแล้ว หมดวิบากแล้ว ก็วิบากที่ไปกีดกัน หรือไมปส่งเสริมไม่ให้ใครเขาได้ล้างกิเลสตอนที่เขากำลังเห็นทุกข์ เขาก็ไม่ได้ล้างกิเลส เขาก็ต้องแบกทุกข์ เราก็เลยต้องเจอสภาพที่เห็นกิเลสเห็นทุกข์แล้ว แต่ก็ไม่มีปัญญาล้าง ก็ต้องมาแบกทุกข์ไป 1 คืน มาถึงตอนนี้ได้รับวิบากแล้ว วิบากหมดปัญญาก็มา ก็เลยได้เข้าสู่กระบวนล้างกิเลสที่สมบูรณ์ค่ะ (เรียกว่าเตวิชโช คือ ตอนกิเลสเกิดเมื่อวานเราไม่ได้พิจารณา เราได้เห็นทุกข์แต่เราไม่ล้างทุกข์ เป็นการใช้สมถะแบกทุกข์ต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้สึกว่าแบก แต่ถามว่าสดชื่นเบิกบานเต็มที่ไหม ก็ไม่นะ แต่ก็ไม่เห็นหรอกว่า มันก็เหี่ยวใจ ฝ่อใจอยู่ เออ..หนอ เก่งสมถะมาหลายชาติ มาเจอวิชาวิปัสสนาแท้ ๆ แล้วก็ยังนำมาใช้ไม่ทันกับสถานการณ์ เพราะอวิชชาไม่รู้ชัดเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ่ง และไม่รู้ชัดว่ากิเลสแม้น้อยก็เหม็นมาก แต่ในเมื่อตอนนั้นเรามีปัญญาเท่านั้นก็ยอมรับความจริงว่าได้เท่านั้น ก็ยินดีเท่าที่ทำได้ แค่ได้เห็นทุกข์ก็ดีมากแล้ว)

    ทุกช์ : ที่ทำงานไม่ถูกใจ

    สมุทัย : สภาพใจ 2 ด้านที่ไม่เท่ากัน คือ ใจยึดนิด ๆ ใจชอบกรุ่น ๆ อยู่ว่า 1. ถ้าได้ทำงานในห้องม่วงเป็นสุขสมใจหลายอย่าง ทั้งได้งานสมใจ ได้เสพอารมณ์ที่เคยเสพตอนเรียนป.โท คือ ทำงานไป ๆ พอง่วงก็นอนได้เลย ไม่ต้องไปนอนที่เต็นท์ ได้โยคะท่านอนแบบสบายใจ 2. แต่ถ้าไม่ได้ทำงานในห้องม่วงมันเป็นทุกข์เล็ก ๆ อยู่ เพราะต้องทำที่ศาลา ไม่ค่อยได้งาน และไม่ได้ทำงานกับนอนในที่เดียวกันเหมือนตอนป.โท แถมมีชังโต๊ะทำงานที่กลางศาลานิด ๆ อีกด้วย เพราะเสียงรบกวน คนรบกวน รกรุงรัง ทำการบ้านไม่ไปไม่มา เสียเวลากับเนื้อหาเกินไป

    นิโรธ : สภาพใจ 2 ด้านที่เท่ากันเป๊ะเลย ไม่ว่าจะได้ทำงานที่โต๊ะเก่าหรือทำในห้องม่วงก็รับได้ทั้ง 2 ด้าน ก็สุขใจทั้ง 2 แบบ คือ ใจที่ไม่ชอบไม่ชัง ใจไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องได้ดั่งใจหมาย คือ 1. ใจที่ไม่ชอบที่ได้ทำงานในห้องม่วง ใจที่ไม่ยึดว่าต้องได้ทำงานและนอนที่เดียวกัน 2. ใจที่ไม่ชังโต๊ะทำงานที่กลางศาลาเลย แม้จะต้องเจอสภาพเสียงรบกวน คนรบกวน ทำการบ้านไม่ไปไม่มา หรือเสียเวลากับเนื้อหาบ้าง

    มรรค : 1. ยินดีที่ทำได้เท่านี้ เราไม่ได้ปล่อยตัวเองให้เนิ่นชา แต่เพราะมีวิบากก็ต้องใช้วิบากก่อน ทำให้เห็นกิเลสล้างกิเลสไม่ทันในปัจจุบันก็ไม่เป็นไร ล้างไม่ทันตอนนั้นก็มาเตวิชโชทีหลังก็ได้
    2. ตั้งศีลคอยระวังการเกิดกิเลสตัวชอบ-ชังเรื่องนี้ ถ้าเจอก็จะพากเพียรพยายามวิปัสสนาล้างออกให้เร็วขึ้น ตั้งจิตตรงจะพยายามไม่เก็บกิเลสไว้ แบกกิเลสไว้แบบสมถะอีก

    ผลการพิจารณาแบบนี้ ทำให้เห็นใจโล่ง ผ่านมา 2 วันที่ทำงานในห้องม่วง แต่ก็กลับไปทำที่โต๊ะเก่าได้ด้วย แต่ใจพร้อมบอกตัวเองเสมอว่า เราจะอ่านตัวยึดสภาพที่ได้อาศัยตอนนี้ว่ามีมุมไหนเหลี่ยมไหนไหม และจะคอยฟังเสียงมาตลีเทพสารถีที่มาเตือน ถ้าเห็นว่าเริ่มยึดก็จะเริ่มถอยเริ่มวาง ก็ออกจากห้องไปทำกิจกรรมกับที่น้องแทน คือ เห็นชัดแล้วว่าอาการใจที่ชอบชังในเรื่องนี้มันไม่เที่ยงหรอก มันคือสุขลวง ที่เรายังชอบอยู่นี่แหละที่ทำให้เราไม่เห็นความจริงทั้งหมด แต่การมาอาศัยสิ่งที่ยังชอบอยู่แต่สามารถล้างกิเลสออกไปได้เรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง จะทำให้เห็นความจริงความลวงชัดขึ้น ๆ และควมามจริงอีกอย่างคือ ตอนนี้กุศลออกฤทธิ์ เป็นสภาพกุศลที่ให้เราได้อาศัยไปก่อน เพื่อให้ใจเราอยู่ในสภาพที่ทำงานนอกได้แบบไม่กิลมถะมากเกินไป และเจริญในธรรมได้มากที่สุด คือ ล้างกิเลสได้มากที่สุดเท่านั้น และต้องเข้าใจให้ชัดว่า กิเลสชอบชังตัวนี้จะหมดไปเมื่อไหรเราก็ไม่รู้ได้ ตามสัจจะแล้วมันเป็นอนัตตา เรากำหนดให้มันหมดไปตามใจเราไม่ได้ เราสั่งการมันไม่ได้ เรามีหน้าที่แค่พิจารณาล้างกิเลสออกไปเท่าที่มีปัญญาเท่านั้น ที่เหลือก็ได้แค่คอยตรวจดูอาการกิเลสไปเรื่อย ๆ ล้างไปเรื่อย ๆ หมดชาตินี้ก็ได้ หมดชาติหน้าก็ได้ หมดชาติไหนช่างหัวมัน วันหน้าไม่รู้ วันนี้สู้ไม่ถอย สู้กิเลสอย่างรู้เพียรรู้พัก

    1. รูปแบบ พอใช้ได้ (ควรฝึกย่อความเพิ่มเพื่อช่วยให้วิเคราะห์กิเลสได้แม่นประเด็นมากขึ้น)
      สภาวะ พอใช้ได้ (อ่านแล้วงงเล็กน้อย)

  10. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    ทุกขอริยสัจ 4

    เรื่อง ใจหายที่ท่านจิตอาสาอาวุโสได้จากโลกนี้ไป

    ข้าพเจ้าอ่านไลน์ ก็ได้ทราบว่าจิตอาสาอาวุโส ที่ข้าพเจ้าเคารพและนับถึอ ท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว รู้สึกใจหายและตกใจเล็กน้อย เพราะท่านเป็นแบบอย่างอีกท่านหนึ่ง ที่ปฏิบัติตัวได้ดีจนหายจากการเจ็บป่วยและยังเป็นแรงเหนี่ยวนำที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา สามารถมีกำลังใจกลับมาสู้และรักษาให้ตนเองฟื้นคืนมาได้ด้วย หลักการแพทย์วิถีธรรมของท่านอาจารย์หมอเขียว

    ทุกข์ : เสียดายที่ท่านจิตอาสาอาวุโสได้จากโลกนี้ไป

    สมุทัย : อยากให้ท่านมี สุขภาพแข็งแรงและชีวิตอยู่ต่อไป ติดยึดว่า ถ้าท่านยังไม่วางขันธุ์วางร่างจะสุขใจ

    นิโรธ : คลายความติดดี ยึดดี และ วางใจได้ตามวิบากกรรมของแต่ละชีวิต ไม่ว่าท่านจะได้สุขภาพชีวิตที่แข็งแรง หรือวางขันธุ์วางร่าง ในช่วงเวลาใด

    มรรค : ตั้งสติ สงบใจพิจารณา ใจตัวเองในเรื่องของความเข้าใจ ของความตาย ที่เราได้พากเพียรเรียนรู้ตามครูบาอาจารย์มา ถ้าเรายังตกใจหรือใจหายอยู่นี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังเป็นการเบียดเบียนตัวเอง ผิดศีล เป็นทุกข์ เหนี่ยวนำคนอื่นได้ จึงได้สติขอโทษขออโหสิกรรมตัวเอง เห็นใจตัวเองที่ตกใจและใจหายก็ค่อยๆแช่มชื่นขึ้นมา จึงพิจารณาต่อว่า การวางขันธุ์วางร่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งเราก็ได้ผ่านสภาวะนี้มาแล้ว กับ พ่อบ้าน เมื่อห้าปีก่อน และคุณพ่อเมื่อหนึ่งปีก่อน ทำให้เข้าใจเรื่องนี้ ชัดเจนขึ้น เห็นว่าใจตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และได้ฝึกเพิ่มศีลขึ้น เรื่อยๆ คือ จะฝึกวางใจให้ได้ เมื่อได้ทราบข่าวการวางขันธุ์วางร่างของพี่น้อง ทั้งคนรู้จักและไม่รู้จัก คนใกล้คนไกล ขอบพระคุณ เหตุการณ์ที่เข้ามาเป็นผัสสะให้ได้เห็นว่า ยังมีกิเลสตัวนี้อยู่ ข้าพเจ้าจะพากเพียรล้างกิเลสตัวนี้ ต่อไป เมื่อระลึกได้ดังนี้ใจก็คลายลง วางใจได้ตามวิบากกรรมที่แต่ละชีวิตไม่ว่าท่านจะได้สุขภาพชีวิตเป็นอย่างไร วางขันธุ์วางรางเมื่อไหร่ จะขอรักษาใจตัวเอง ปฏิบัติศีลข้อนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองและเป็นพลังเหนี่ยวนำพี่น้อง กราบสาธุธรรมค่ะ

  11. สุนิตา มอนิทเซอร์

    การบ้ายอริสัจ๔

    ชื่อเรื่อง : ห่วงใยลูกสาวที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง

    เนื้อเรื่องย่อ : ข้าพเจ้าได้เข้าไปในห้องลูกสาววัย14ปี เห็นลูกสาวกำลังดื่มเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง เห็นใจตัวเองว่ามีความหวั่นไหว กังวลใจ ห่วงใย ต่อสุขภาพของลูก ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงได้น้อมจิตปฏิบัติอริยสัจสี่ตามกระบานการดังนี้

    ทุกข์ : หวั่นไหว กังวลใจ ที่ลูกสาวดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง

    สมุทัย : กลัว สุขภาพ ของลูกสาวจะเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อยากให้ลูกสาวหยุดดื่มตามที่ใจข้าพเจ้าปราถนา ถ้าลูกสาวทำตามได้จะสุขใจ ถ้าไม่ทำตามจะทุกข์ใจ

    นิโรธ : คลายความติดดี ยึดดี ในใจตัวได้ และวางใจได้ว่าเมื่อปราถนาดีจะให้เกิดกับลูกสาวแล้ว ดีจะเกิดได้แค่ไหนก็ยอมรับวิบากเราวิบากลูก

    มรรค : ตั้งสติ สงบใจ ระลึกถึงศีลที่ตั้งมาปฏิบัติ ถ้าเรา หวั่นไหว กังวลใจแบบนี้ก็เบียดเบียนตัวเองผิดศีล ใจก็คลายลงเรื่อยๆ พิจารณาต่อไปว่า สิ่งที่เราได้เห็นได้เจอกับลูกสาว ก็เป็นวิบากกรรม ที่เราเคยทำมา หรือส่งเสริมมา และ จึงตั้งจิต สำนึกผิดขออโทษขออโหสิกรรม ตรวจดูใจตัวเองก็คลายลงไปอีก และ ระลึกถึงความดีงามอื่นๆที่ลูกมีเช่น ไม่ดื่มเหล้า,ไม่สูบบุหรี่,ไม่เล่นการพนัน,ไม่ติดเพื่อนไม่เที่ยวกลางคืน,ไม่กลับบ้านดึกและไปโรงเรียนสม่ำเสมอ ลูกเราได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เห็นใจตัวเองว่าเย็นลง คลายความติดดี ยึดดีลงได้ จึงพูดกับลูกด้วยความ เมตตา ปราถนาดี เพื่อเตือนสติลูกตามความเหมาะควร และ วางใจได้ แม้ลูกจะทำตามที่เราต้องการก็ได้ไม่ทำตามก็ได้ ปล่อยวางตามวิบากเราและวิบากลูก
    กรายสาธุธรรมค่

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เช่น การบ้าย = การบ้าน ค่ = ค่ะ

  12. นาง มณเฑียร ธโนปจัย

    การบ้านวิชาราม
    ป้ามณเฑียร ธโนปัจจัย สวนป่านาบุญ 9 วันที่ 20 ตุลาคม 2563
    ทุกข์อริยสัจ 4
    ข้อ 1 ทุกข์
    จากความหนาวตื่นนอนมาไม่หนาวพอออกจากเต็นท์มาก็หนาวไม่เหมือนคนอื่นเพราะมันหนาวที่หัวใจก็เลยเกิดความทุกข์
    ข้อ 2 สมุทัยเหตุแห่งทุกข์ไม่ชอบความหนาวข้อความไม่หนาว
    ข้อ 3 นิโรธสภาพดับทุกข์หนาวก็ได้ไม่หนาวก็ได้ใจไร้ทุกข์เพราะ
    ข้อ 4 มรรควิธีดับทุกข์พิจารณาความหนาวมันมีประโยชน์คือทำให้ร่างกายเบาสบายไม่เหนียวเนื้อเหนียวตัวไม่มีเหงื่อโทษของความหนาวเตรียมเสื้อกางเกงถุงมือถุงเท้าเพราะว่าเวลาหนาวมากฉันจะหนาวที่หัวใจเพราะว่ามันเป็นวิบากเพราะฉันชอบกินหัวใจไก่กับตับไก่ผัดกระเพราชอบมากๆแต่ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เช่น ข้อความไม่หนาว = ชอบความไม่หนาว

  13. นปภา รัตนวงศา

    ส่งการบ้านทุกข์อริยสัจ
    เดินทางกลับจากภูผาฟ้าน้ำในวันที่ 11 ตุลาคม 2563 หลังจากได้ขึ้นไปบำเพ็ญประมาณ 20วัน ได้กลับโดยรถตู้พร้อมหมู่อีก 8คนเดินทาง 2วันแวะค้างบ้านน้องพจน์ จิตอาสาที่สมุทรสงคราม วันที่ 16 เช้าพ่อไปรพ.ตอนเช้าตามหมอนัดเพื่อผ่าตัดต้อกระจก คืนนั้นนอนเฝ้าพ่อ นอนบนโซฟาที่สปริงมีปัญหาไม่สมดุลย์ บวกกับพ่อไอเยอะมีเสมหะมากและปวดปัสสาวะบ่อยก็เลยได้นอนน้อยไป วันรุ่งขึ้นตอนบ่ายๆก็กลับบ้านได้
    วันอาทิตย์เช้าไปเฝ้าพ่อฝนตกปรอยๆเริ่มรู้สึกหนาวๆจะเป็นไข้ หลังจากนั้นเริ่มมีไข้ ตัวร้อน ปวดหัวมากปวดหัวตามการเต้นของชีพจร ปวดเมื่อยตัว อาการครั้งนี้เป็นหนักๆ2วัน มีไข้ ปวดหัวหนักมากปวดเหมือนจะเอาหัวเดินแทนเท้าต้องใช้ผ้าชุบน้ำวางไว้ตลอดเวลา ก็เริ่มสงสัยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไข้เกิดจากอะไร ครั้งก่อนไม่สบาย ตัวเองวินิจฉัยเองเกิดจากไปเยื่ยมน้องสุธีมาเลยติดไข้ ครั้งก่อนหนักคะเป็นนานเกือบ 8 วันทุกคนเป็นห่วงเพราะไข้สูงลอย 5วันกว่าจะลด ปวดเมื่อยตัวมาก ปวดหัวมาก เข้าใจน้องเลยที่ยอมวางร่างวางขันธ์มันอย่างนั้นจริงๆคะไม่ยอมไปรพ.ดูแลตามศาสตร์วิธีธรรม ครั้งนี้ไปดูแลป้าติ๋มซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ดูแลมากมายอะไร หรือจะมีตัวแมลงกัดมาก็ไม่มี ทำไมเป็นไข้ได้อีก
    ทุกข์ ไม่สบายใจทำไมมีไข้หลังกลับจากการบำเพ็ญ
    สมุทัย ถ้ากลับมาจากการบำเพ็ญแล้วสบายดีจะสุขใจ แต่ถ้ากลับมาแล้วไม่สบายจะทุกข์ใจ
    นิโรธ กลับมาจากการบำเพ็ญจะมีไข้หรือไม่มีไข้ก็ไม่ทุกข์ใจ
    มรรค สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา ก็เราทำวิบากไม่ดีตั้งแต่ปางไหนๆมาละ มันมาให้ใช้แล้วไม่ดีอีกหรือ ใช้แล้วมันก็จะหมดไปแล้วจะโชคดีขึ้นแล้วทำไมไม่รับ เฮ้ย!มันโชคดีขึ้น รับคะ เต็มใจรับครั้งนี้มันจะไข้จะเจ็บจะปวดจะทรมานน้อยกว่า เท่ากับ หรือมากกว่าครั้งที่แล้วก็ยอม รับเต็มๆหลังจากทำใจยอมรับ มันเบา เบากว่าครั้งก่อนมาก มันจะเป็นไข้จากไวรัส จากแบคทีเรีย จะเป็นสตัปไทฟัส เหมือนป้าติ๋มก็รับได้หมด ทำไมอยากได้สิ่งดีๆมันไม่ใช่ของเราแต่อยากได้ความสบายดี อย่าไปอยากได้ในส่วนที่ไม่ใช่ของเรา ก็นอนฟังธรรมะอาจารย์ พ่อครูไป บ่นครางไปบ้าง ถ้าปวดหัวมากก็นอนพักไป กินข้าวต้มเกลือ จะลุกทำดีท็อกซ์ยังไม่ไหวเลยคะ ครั้งนี้วันที่3ไข้ลด ยังมีปัญหาปวดหัว มีปวดมากเป็นครั้งๆตามเส้นประสาทด้วยคะ วันนี้วันที่4อาการดีขึ้นมาก ตอนแรกตั้งใจฟังธรรมอาจารย์เสร็จจะเข้าเข้าสวน แต่วันนี้อ.แจกโบนัสปล่อยลูกศิษย์ช้า และยังรู้สึกมึนๆเล็กน้อยจึงขอพักก่อน ถ้าไม่ได้ศึกษาทำตามที่ท่านอาจารย์สอนคงทุกข์มากมายคะ /สาธุคะ

    1. รูปแบบ ผ่าน (ควรเว้นบรรทัดแต่ละหัวข้อ)
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ พิมพืผิดบ้าง คะ = ค่ะ

  14. สมประสงค์ ไวคช์

    ความหวังดี

    ตัวข้าน้อยเองมีน้องสาวทั้งหมดสามคน. คนแรกได้แนะนำให้เขารู้จักแพทย์วิถีธรรมสำเร็จ แต่คนที่สองนี้รู้สึกว่าหลายปีมาแล้ว ที่คอยพูดให้ฟังว่าแพทย์วิถีธรรมนั้นมีดีอย่างไร และได้บอกเขามาตลอดเวลา ว่าถ้าพี่ไม่รู้จักแพทย์วิถีธรรม คงไม่สามารถทำงานและดูแลสุขภาพแบบพึ่งตนจนหายจากโรคต่างๆได้อย่างทุกวันนี้

    ทุกข์ : เพราะอยากให้น้องสาวมารู้จักและเรียนรู้ศาสตร์แพทย์วิถีธรรม

    สมุทัย : ชอบ ถ้าเขาเข้ามาเรียนรู้หลักแพทย์วิถีธรรมแล้ว เราจะจึงจะพอใจ เป็นสุขใจ
    ชังที่น้องไม่เชื่อ ไปยึดดีว่า ถ้านำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้. จะได้ช่วยให้น้องสาวมีความสุขมีพลังเหนี่ยวนำที่ดีต่อหน้าที่การงาน

    นิโรธ : เมื่อเสนอดีแล้ว เขาจะรับหรือไม่รับก็ได้ มันเป็นเรื่องของเขา. เราก็ตั้งศีลทำที่ตน ทำดีเรื่อยไป เมื่อฟ้าเปิดกุศลถึงรอบ เขาจะได้รับในสิ่งที่ควรจะได้เอง
    มรรค : เมื่อตั้งศีลว่ าเราจะพากเพียรให้มากที่สุด ที่เราจะทำได้คือพูดแต่ความจริง ไม่กังวลใจ และมีใจไร้ทุกข์
    เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำดี เพื่อลด ละ ล้างกิเลสให้ได้ เมื่อยังไม่ถึงเวลา ก็ไม่ควรชวนใคร ฟ้ายังไม่เปิด ถ้าทำไปอาจจะเสียหายได้ ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ใจ ทุกข์ใจ มีใจที่เบิกบาน เป็นหลักไว้ก่อนดีกว่า
    พอคิดได้ดังนี้ใจก็คลายลง รู้สึกสบายใจมากขึ้นตามลำดับ

  15. อมรา อ่อนทรพย์

    ทุกเรื่องการบำเพ็ญงานสมุทัยได้ขึ้นมาภูผา ได้ลงงานเกษตรขุดดินปลูกผักมาอยู่หลายเดือนเริ่มมีอาการปวดเมื่อยเส้นตึงรั้งไม่สบายตัวจะมีอาการกลางดึกต้องดูแลตัวเองในการโยคะกลัวซาก็ลดอาการปวดเมื่อยได้ทุก กลัวนอนไม่พอ ตื่นเช้าจะมีอาการมึนหัวนิโรธ ต้องดับทุกข์ใจว่าจะเมื่อยก็ได้ไม่ ปวดเมื่อยก็ได้ต้องยอมรับกับสังขารของเรามักอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากการผิดศีลใช้ร่างกายเกินกับอายุตอนนี้ วิตามินเพิ่มเติมเราต้องระลึกว่าเคยทำมาไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อนต้องสำนึกผิดยอมรับผิดขอรับโทษเป็นใจรับโทษหรือขออโหสิกรรมเสร็จแล้ว กดตรงนี้ไหม

    1. รูปแบบ ปรับปรุง
      สภาวะ ปรับปรุง (ศึกษาเพิ่มเติม การเขียนแยกตามหัวข้อและเว้นบรรทัด รวมถึงศึกษาจากหมู่มิตรดีแพทย์วิถีธรรม)

  16. จงกช-ป้าย่านาง

    การบ้านวิชชาราม(นางจงกช – ป้าย่านาง) รหัส นศ 5911001010

    อริยสัจ 4 (ตอนที่ 5)

    สังขารไม่เที่ยง

    เมื่อวานได้ไปช่วยงานหมู่กลุ่มที่แปลง”เลี้ยงง่าย”ได้ใคร่ครวญก่อนไปว่า เวลาไปทำกสิกรรมที่นั่น หมู่จะอยู่จนมืดค่ำ ก็ได้เตรียมเสื้อผ้า รองเท้า เสื้อคลุมกันอากาศหนาว ไฟฉายอันเล็ก หมวกตาข่ายกันแมลง ก็ตามหมู่ไปทำงานด้วยความยินดี ในช่วงบ่ายก่อนมืดก็ช่วยตัดเพื่อนพืชเพื่อเอาไปลงแปลงทำปุ๋ย ก็ทำได้ไปเรื่อยๆ พอความมืดเข้าคืบคลาน ด้วยวัย 73 ปี ถึงแม้กำลังยังพอมี แต่สายตาเริ่มมองไม่ชัดเจน ทุกข์เล็กๆจึงเริ่มเกิด

    ทุกข์ : ความกังวลจากการเดินไปตามบริเวณแปลงท่ามกลางความมืดทำให้เริ่มเดินช้าลง
    สมุทัย : จากสายตาที่เริ่มมองไม่ชัดเจนด้วยสังขารไม่เที่ยงตามวัย
    นิโรจ : ต้องประมาณงานที่ช่วยหมู่ต่อว่า จะได้ช่วยก็ดี ถ้าเดินไปช่วยต่อไม่ได้ก็ยินดีวาง ยืนสังเกตุการณ์ก็พอ
    มรรค : เมื่อใจเราเล็งเห็นความสำคัญและประโยชน์ในการไปร่วมทำงานกับหมู่ และตัดสินใจไปช่วยด้วยความยินดี แต่เมื่อถึงสถานะการณ์หนึ่งที่เราช่วยต่อไม่ได้ เราก็ต้องหยุด โดยยืนสังเกตุการณ์ทำงานของเพื่อน การแนะนำของอาจารย์ต่อหมู่ในขณะร่วมทำงานด้วยอย่างแข็งขัน ใคร่ครวญเหตุผลของการแนะนำในการทำงานที่แนะศิษย์ว่าถ้าทำแบบอาจารย์จะได้ผลออกมาเช่นใด การฝึกให้พวกเราปรับเปลี่ยนการทำงานตลอดด้วยความเต็มใจอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น ทำให้ทุกท่านได้เรียนรู้อย่างอดทน อย่างใจที่ไม่ทุกข์ เป็นห้องเรียนของจริงในภาคสนามด้วยการทำงานจริง ข้าพเจ้ายืนมองเห็นถึงความแกร่งของเพื่อนๆด้วยความชื่นชม เมื่องานเสร็จก็ค่อยๆเดินตามหมู่ไปขึ้นรถกลับที่พัก

    การประมาณการช่วยงานหมู่ของผู้สูงวัย ต้องคำนึงถึงความพร้อมของร่างกายเราเป็นหลัก เพราะไม่งั้นจะเป็นปัจจัยที่อาจไปเพิ่มปัญหาให้เพื่อนที่เขาต้องมาช่วยแก้ปัญหาให้เรา การที่เราช่วย save ตัวเองก็เป็นการช่วยงานหมู่ชนิดหนึ่งเข่นกัน

    ความจริงและความลวง (ตอนที่ 5)

    ความรักความเป็นห่วงคือความลวง ความพลัดพรากคือความจริง

    เมื่อเรามีความรักความห่วงใยต่อลูก ต่อครอบครัว ต่อพ่อแม่พี่น้อง ญาติ เพื่อนที่เราผูกพัน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เป็นสิ่งไม่เที่ยงเพราะแต่ละชีวิตที่กล่าวถึง ต่างคนก็มีวิบากดีชั่วที่ต่างกัน และเราก็ไม่สามารถไปเข้าถึงหรือกำหนดสิ่งนั้นได้ทุกอย่าง บางอย่างหากวิบากดีระหว่างเราและเขาที่เคยมีกันมา ทุกเหตุการณ์ก็เป็นไปด้วยดี เราก็รู้สึกสุข แต่พอวิบากร้ายมาถึง มันไม่เกิดดั่งที่ใจเราหวังเราก็ต้องทุกข์ สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนให้เราต้องประสพครั้งแล้วครั้งเล่าไม่สิ้นสุด หากเราต้องการจะออกจากวังวนนั้น เราก็ต้องมาเรียนรู้ความจริงของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์และวิธีดับทุกข์ที่ถูกต้องถูกตรงของพระพุทธองค์(โดยผ่านสัตบุรุษผู้รู้แท้) ด้วยการเข้าใจและปฏิบัติการล้าง”ชอบ ชัง”ได้อย่างถ่องแท้ ความรักและความห่วงใยจึงเป็นความลวง ทำให้เกิดทุกข์

    ส่วน”ความพลัดพราก” เป็นความจริงที่ต้องเกิดกับมนุษย์ทุกคนและเป็นเหตุให้เกิดทุกข์เข่นกัน เพราะเมื่อมีเกิด ก็ต้องมีตายมีดับไป เสื่อมไปเป็นธรรมดา หากเราไม่เรียนรู้และทำความเข้าใจกับคำว่า”พลัดพราก” เราจะรู้สึกว่าขีวิตนี้ไม่น่าอยู่ แต่หากเราเข้าใจสัจจะว่า ไม่มีอะไรเที่ยง เกิดดับ เกิดดับ เมื่อยอมรับมันได้ ปล่อยให้มันผ่านไป จะได้เอาเวลาที่เหลือของชีวิตเรามาทำประโยชน์กับตัวเราเองและไปช่วยผู้อื่นได้ “ความไม่เที่ยง” ก็คือความจริง

    1. รูปแบบ ปรับปรุง
      สภาวะ ปรุงปรุง (สมุทัยควรเป็นเหตุจากสภาวะทางใจ)
      คำแนะนำ
      1. ส่งการบ้านควรส่งแยกหัวข้อกัน หัวข้อนี้ คือ อริยสัจ 4
      2. การบ้านความจริงความลวง ควรไปส่งอีกหน้าให้ถูกต้องและศึกษาตัวอย่างการเขียนเพิ่ม

  17. อรวิภา กริฟฟิธส์

    ติดตั้งรูปโปรไฟล์

    ตอนเช้านี้เข้ามาห้องทำการบ้านก็คิด อยากจะติดตั้งรูปโปรไฟล์ ตัวเองทำไม่ได้ก็เลยขอให้พ่อบ้านช่วยแต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรก็ไม่ทราบ เขาก็ทำอยู่สักพักแล้วก็บอกเราว่าทำไม่ได้ เราก็ตรวจใจดูว่าทุกข์ใจหรือไม่ ก็เห็นว่าจะมีรูปโปรไฟล์ก็ดี แต่ถ้าเราโหลดไม่เป็นจะไม่มีก็ได้ เราก็ยินดีไม่ได้อยากได้อย่างยึดมั่นว่าต้องได้ เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งว่าวิบากร้ายออกฤทธิ์อยู่ก็ยินดีรับอย่างเต็มใจ โชคดีอีกแล้วร้ายหมดอีกแล้ว วิบากร้ายหมดก็คงติดโปรไฟล์ได้

    ทุกข์ อยากติดตั้งรูปโปรไฟล์

    สมุทัย ชอบใจถ้ามีรูปโปรไฟล์

    นิโรธ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องมีรูปโปรไฟล์

    มรรค มีความเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งทุกสิ่งที่เราได้รับเพราะเราทำมา ติดตั้งรูปไม่ได้เพราะเหตุปัจจัยไม่สมบูรณ์ เราก็ตั้งใจพากเพียรเรียนรู้เพิ่มเต็ม เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็จะทำได้เอง จึงไม่ได้ทุกข์ใจ ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ

  18. นาง โยธกา รือเซ็นแบรก์

    22 ตุลาคม 2563 แก้ไขครั้งที่ 3

    ชื่อเรื่อง: หัวเราะเกินงาม
    เนื้อเรื่องย่อ: พี่น้องหมู่กลุ่มทักว่าข้าพเจ้าหัวเราะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์และเกินงามข้าพเจ้าน้อมรับความเมตตาจากพี่น้อง และกำลังฝึกฝนที่จะสำรวมการหัวเราะให้พองามตรงกับสถานการณ์ แต่ก็ยังทำไม่ค่อยได้ ดั่งใจ ยังไม่นิ่งพอ มีความอยากให้ตนเองนิ่งกว่านี้ เห็นกิเลสว่าใจร้อนอยากให้ตัวเองนิ่งๆ หัวเราะให้ถูกกาละเทศะกว่านี้ จึงน้อมจิตปฏิบัติอริยสัจสี่ตามกระบวนการดังนี้
    ทุกข์:ใจร้อนเร่งตัวเอง ให้สงบนิ่งและไม่หัวเราะ แต่ยังทำไม่ได้ดั่งใจหมาย
    สมุทัย:อยากเป็นคนสงบๆนิ่งหัวเราะแต่พองาม ชังที่ตัวเองหัวเราะเกินงามไม่ถูกกาลเทศะ ชอบที่ตัวเองจะนิ่งๆ หัวเราะแต่พองาม
    นิโรธ :ใจเย็น และวางใจได้ ไม่ว่าตัวเองจะสงบสำรวมอยู่นิ่งๆ หัวเราะแต่พองามได้ช้าหรือได้เร็ว
    มรรค :ตั้งสติพิจารณาให้กำลังใจตนเองโดยการไม่ทำทุกข์ทับถมตนเอง คือไม่ชังที่ตนเองยังไม่สำรวม อยู่นิ่งๆไม่ได้ ตั้งใจใหม่เอาจริงในการเจริญสติภาวนา
    พุทโธ ตลอดเวลาและเพิ่มศีล คิด พูดและทำอะไรๆให้ช้าลง เมื่อพิจารณาอย่างนี้ใจก็คลายลง70-80% และเริ่มเห็นว่าตัวเองหัวเระน้อยลง การหัวเราะ ก็มีสติรู้ทันมากขึ้น ความที่อยากจะหัวเราะก็หายไป ตอนนี้ใจคลายลง95% พิจารณาต่ออีกถึงวิบากกรรมที่เคยเพ่งโทษพี่น้องที่หัวเราะ จึงสำนึกผิด ขอขมาขอโทษ อโหสิกรรม ใจก็คลายลง เบิกบานใจ ใจเย็นกับตัวเองได้ 100% กราบสาธุธรรมค่ะ

    1. รูปแบบ ผ่าน
      สภาวะ พอใช้ได้
      ปรับปรุงได้ดีขึ้น

  19. นางบัณฑิตา โฟกท์ แบม มุกแสงธรรม

    ชื่อเรื่อง การบำเพ็ญในสถานภาพคนครองเรือน

    เนื้อเรื่องย่อ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเมื่อใดที่ข้าพเจ้าเข้าร่วมบำเพ็ญ กับพี่น้องหมู่กลุ่ม วิบากข้าพเจ้าจะไปยืมชีวิตพ่อบ้าน แสดงอาการเกรี้ยวกราดและไม่พอใจที่ข้าพเจ้าเข้าร่วมคุยกับพี่น้องหมู่กลุ่ม ข้าพเจ้าได้เข้าใจเรื่องวิบากกรรมของตนเอง ชัดแจ้งที่สุด มาเป็น ลำดับๆ และ เต็มใจรับ เต็มใจให้หมดไป เจริญอภัยไม่ถือสา เบิกบานและผาสุกได้ มาเป็นลำดับๆ แต่ เมื่อตรวจใจ ลึกๆลงไปแล้ว เกิดความสงสารพ่อบ้าน เราเบิกบานและผาสุก อยู่คนเดียว จะเป็นการเอาเปรียบพ่อบ้านหรือเปล่า? เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เห็นใจตัวเอง มีความ กังวลหวั่นไหว เกิดความสงสารพ่อบ้านขึ้นมาจับใจ และ ได้น้อมระลึกถึงคำสอน ครูบาอาจารย์ ที่กล่าวว่า อย่า ลืมสถานะภาพตนเอง อย่าเอาเปรียบคนข้างๆ เอื้อจิตวิญญาณคนข้างกายเราด้วย ถ้าเรายังไม่สามารถจะเอื้อคนใกล้ๆเราได้ บุญกุศลใดๆที่เราจะทำกับคนอื่นๆที่ไกลออกไป ก็ไม่บริสุทธิ์ เมื่อระลึกได้อย่างนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ปรับเปลี่ยนและบริหารชีวิตใหม่เพื่อจะเอื้อจิตวิญญาณ และ เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบพ่อบ้าน ทำให้เกิดความสงบร่มเย็นทั้งตนเองและพ่อบ้าน ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

    ทุกข์ : กังวลหวั่นไหว สงสารพ่อบ้าน

    สมุทัย : กลัวที่จะเอาเปรียบพ่อบ้าน ชอบที่ไม่เอาเปรียบ ชังที่จะเอาเปรียบ

    นิโรธ : วางใจได้ตามวิบากกรรมของพ่อบ้าน

    มรรค : ตั้งสติ สงบใจพิจารณาว่า เรากำลังจะผิดศีลคือ เบียดเบียนตัวเอง ระลึกถึงคำสอน ของท่านพ่อครูที่เมตตาสอนว่า อย่าพร่า ประโยชน์ตน แม้ ประโยชน์ท่านจะมาก และได้พิจารณาต่อไปว่า ใจเราสงบเย็นได้แล้ว เจริญ อภัย ไม่ถือสา ได้แล้ว เข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว จงศรัทธาและเมตตาต่อตนเองเถิด เราก็ได้ปรับเปลี่ยนและบริหารชีวิตใหม่แล้วเพื่อจะไม่เป็นการเอาเปรียบพ่อบ้าน เข้าใจในสถานะภาพของตนเองที่มีวิบากกรรมคนคู่ และ จะบำเพ็ญกิจกรรมต่างๆตามที่พ่อบ้านมอบหมาย ให้เรียบร้อย ก่อน และตามที่เราจะทำได้ เพื่อเอื้อจิตวิญญาณของตนเองและพ่อบ้าน ใจก็คลายความสงสารลงและวางใจได้ ตามวิบากกรรมของพ่อบ้าน และได้ระลึกถึงคำสอนของท่านอาจารย์หมอเขียวที่เมตตาสอนไว้ว่า แม้ว่าทางกายภาพอาจจะได้เข้าร่วมบำเพ็ญกับพี่น้องหมู่กลุ่ม เพียงบางส่วน บางกิจกรรม แต่ถ้าได้น้อมจิตบำเพ็ญตามครูบาอาจารย์และพี่น้องหมู่กลุ่มตลอดเวลา (เอาจิตวิญญาณบำเพ็ญ ,กายไม่เดิน แต่เอาจิตวิญญาณเดิน) ก็ได้บำเพ็ญกับพี่น้องไปด้วย และไม่ให้เลือกสถานที่ ไม่เลือกพี่น้องหมู่กลุ่มในการบำเพ็ญ คือทำได้ทุกที่ กับทุกคน ทุกเวลา เพราะ บำเพ็ญที่ใจ(คือล้างชอบ ล้างชังให้ได้มากๆ ในทุกสถานการณ์) เมื่อระลึกได้อย่างนี้ ก็ทำให้ วางใจได้ เบิกบานและผาสุก ในการบำเพ็ญ ตามสถานภาพคนครองเรือน

    ข้าพเจ้าได้สนทนาแลกเปลี่ยนสภาวะธรรมกับพี่น้องหมู่กลุ่ม พี่น้องได้แนะนำให้เขียนแบ่งปันสภาวะธรรมเรื่องนี้ออกมาเพราะจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องท่านอื่นๆ ที่อาจจะเจอสถานการณ์คล้ายๆกัน วันนี้ข้าพเจ้าจึงได้กลั่นกรองสภาวะธรรมเขียนออกมา กราบขมา ขอโทษ ขออโหสิกรรม ต่อพ่อบ้าน และกราบขอบพระคุณที่ท่านมาเป็นครูให้ได้เรียนรู้ เหลี่ยมมุมกิเลส ทุกขอริยสัจ “เห็นทุกข์ จึงเห็นธรรม” กราบสาธุธรรมค่ะ

  20. จุฬิญญา ชายสวัสดิ์

    ชือเรื่อง เศร้าใจยายโกฏิวางร่างวางขันธ์

    เนื้อเรื่อง
    ดิฉันใช้เฟชบุ๊คเป็นหลักในการบำเพ็ญ สื่อสารกับพี่น้องพวธและพี่น้องที่สนใจแพทย์วิถีธรรม สิ่งที่ทำเป็นประจำคือการแชร์ต่อ กิจกรรมของพี่น้องจิตอาสาที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง ส่งเสริม หรือเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ยาเก้าเม็ด ไปที่กลุ่มเฟชบุ๊คทีตอนเองเป็นแอดมินร่วมอยู่ คือห้องชมรมแพทย์วิถีธรรมยุโรป กับห้องแพทย์วิถีธรรมเนเธอร์แลนด์และยุโรป คนที่ยืดหยัดการโพสวิถีชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดีคือ อาหมอวงค์ประสิทธิ์ มิลิรสและครอบครัว โดยเฉพาะคุณยายโกฏิที่เป็นคนใข้ให้คุณหมอได้ดูแลและแบ่งปันประสบการณ์ทุกวัน ดิฉันก็เห็นคุณยายและคุณหมอพร้อมครอบครัวทุกวัน จนไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณหมอได้โพสว่าคุณยายได้วางร่างวางขันธ์แล้ว ใจนั้นหงอยและเศร้าจนกระทั่งเมื่อวานคุณเห็นและได้ฟังคุณหมอคุณกับท่านอาจารย์ในการประชูมอปริหานิยธรรมประจำวันผ่านช่องทางZoom ได้เห็นหน้า ได้ฟังสภาวะธรรมและความจริงจากฝั่งหมอวงค์แล้ว อาการเศร้า ใจหาย ใจหงอย ก็หายไป และชื่นชมในการปฏิบัติตัวของคุณหมอและซาบซึ่งในความเมตตาของท่านอาจารย์หมอเขียวเป็นอย่างมาก

    ทุกข์
    รู้สึกใจหงอย ใจหายและเศร้ากับการจากไปของคุณยายโกฏิและรู้สึกห่วงใยความรู้สึกของคุณหมอและครอบครัว เพราะดูแลกันมาไกล้ชิดและผูกพันธ์ในฐานะคนเป็นลูกเป็นหลาน

    สมุทัย
    เกิดจากความผูกพันธ์ที่เห็นกันทุกวันผ่านเฟชบุ๊ค ความชื่นชมที่ได้เห็นความเป็นนักสู้ของคุณยาย ความพากเพียรของหมอวงค์และครอบครัว ได้กลายเป็นความยึดว่ายายโกฏิจะหาย จะดีขึ้น

    นิโรธ
    ไม่เสียใจ ไม่ใจหงอย ที่ยายโกฏิวางเปลี่ยนร่างแล้ว วางจิตใจเป็นปรกติได้

    มรรค
    เมื่ออาจารย์ได้สนทนากับหมอวงค์ เห็นหมอวงค์สดชื่นเบิกบานและไมไ่ด้เศร้าโศรกเลยก็เกิดศรัทธาในคำสอนของอาจารย์หมอเขียวเป็นอย่างมาก เห็นหมอวงค์เป็นต้วอย่างของการปฏิบัติได้ที่ตนจึงทำให้ตนเกิดการยอมรับและปล่อยวางทุกข์ที่ยายโกฏิเปลี่ยนร่างได้ด้วยข้อความที่พูดกับตัวเองว่า “เออเนอะขนาดเค้าเป็นลูกแท้ๆ ดูแลกันมา เขายังไม่เสียใจเลย แล้วเราเป็นใครจะไปเสียใจไปทำไมเนอะ” “เค้าวางใจได้เราก็วางใจได้ จะทุกข์ใจไปทำไม” “หมอวงค๋นี่เก่งจริงๆทำใจได้” “นี่้แหละตัวอย่างของคนที่ปฏิบัติได้จริง ทำได้จริง ตามคำสอนอาจารย์ เรียนไปไม่สูญเปล่าจริงๆ”

  21. ทิวากร ชุมจีด (บ่าว สุขแสงพุทธ)

    ๑.) ชื่อเรื่อง : เท่านี้ก็พอแล้ว
    ๒.)เนื้อเรื่องหรือเรื่องย่อ : ช่วงบำเพ็ญที่สวนป่านาบุญ 9 วันหนึ่งขณะรับประทานอาหารเที่ยงอยู่ มีพี่น้องท่านหนึ่งเอาผักสด มาให้พิจารณา ท่านกล่าวว่า “เพิ่งเด็ดมาใหม่ๆ เลย” ตอนนั้นผมประมาณ น้ำใจที่เคลื่อนเข้ามา จึงเดินไปรับ น้ำใจจากท่าน พอเห็นเป็นผักกาดกวางตุ้ง จึงหยิบมา1 ต้น คิดในใจว่า “เท่านี้ก็พอ” มากว่านี้ กินแล้วจะไม่สบาย เป็นการประมาณแบบมีส่วนเหลือ (กระแทกอุปาทานส่วนเหลือ ความคิดของมารก็แสดงออกมา พยาบาทวิตก ) เพราะส่วนใหญ่ผมไม่ถูก(ไม่ชอบ)ผักกวางตุ้งสด กินแล้วจะไม่สบายในปาก รสของกวางตุ้งโดยส่วนใหญ่จะ ซ่าๆ ที่ลิ้น ด้วยพลังกุศุล แล้วท่านก็กล่าวว่า “เอาไปอีกได้นะ ผมรับเพิ่มมาอีก 1 ต้น พร้อมกับให้คำขอบคุณท่าน ด้วยใจภายในที่ไม่สบาย และเมื่อนำผักกวางตุ้งมีรับประทานก็ กินได้ สบายดี ไม่มีรสซ่าๆ เลยเห็นชัดว่า กิเลสมาหลอก แล้วทำให้ผมสัมผัส รูเห็นชัดขึ้นว่า ความจริง มันจะเป็นอย่างที่คิดก็ได้ ไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ กิเลสชอบคาดเดา สั่งสมความคาดเดา สร้างทุกข์ให้เรา เอาทุกข์มาขู่ ด้วยเหตุผลเหมือนจริง แต่ ใจเป็นทุกข์ซึ่งส่งปลสัมพันธ์ต่อร่างกายและเหตุการณ์ นามสร้างรูป เอาสุขลวงมาล่อ หว่านล้อม ให้หลง
    ๓.) ทุกขอริยสัจ : ชัง ไม่สบายใจ ไม่ชอบสภาพความไม่สบายภายในปากที่จะเกิดขึ้น(เมื่อกินสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกกัน คาดเดา) ประสบกับสิ่งที่ชัง
    ๔.) ทุกขสมุทัย : ชอบสภาพสบาย ภายในปาก(เมื่อกินสิ่งที่คิดว่าถูกกัน) อยากได้สภาพทางกายที่สบาย
    ๕.) ทุกขนิโรธ : ร่างกายจะสบายหรือไม่สบายก็ยินดี
    ๖.) ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา : พิจารณาโทษของกิเลส ที่สร้างทุกข์ในปัจจุบัน คือ *พิจารณาเห็นสภาพความชัง ความไม่อยากได้ความไม่สบายที่จะเกิดกับร่างกาย ใจที่ไม่สบายมันไม่สบายเลย ไม่มีพลัง ไม่ดี มันทุกข์ สภาพใจที่สบายกว่านี้มีอยู่ อิสระ สบายกว่า ตามที่ท่านอาจารย์หมอเขียวได้สอนไว้ว่า ใจที่ ยินดีในความไม่ชอบไม่ชัง ได้พลังสุดๆ *เหตุเพราะกิเลสส่วนเหลือ ความอยากแบบยึดมั่นถือมั่น อยากได้สภาพดีๆ สภาพความสบายทางร่างกาย จิตที่ตั้งไว้ผิด นำทุกข์มาให้ เป็นพลังเหนี่ยวนำให้คนอื่นสัตว์อื่นเป็นตาม ไม่สิ้นสุด ทำให้เขาทำไม่ดีได้ทุกเรื่อง เป็นผลทำให้เราเสียพลังทั้งใจและร่างกาย และด้วยศีลที่ตั้งไว้ว่า ให้สิ่งที่เข้ามาในชีวิตเรา เข้ามาในขีดที่เราและโลกได้ประโยชน์สูงสุดให้เข้ามาตามธรรม เป็นศีลใหญ่เป็นเกราะกันภัย เป็นเจตนาของการปฏิบัติสู่ความพ้นทุกข์ตามฐานตามธรรมไปเป็นลำดับ คือ เราลดกิเลสได้มากที่สุด ตามที่ท่านอาจารย์หมอเขียวได้นำพาตั้งจิตไว้ และตั้งศีลไม่โทษสิ่งใดและใคร ใจไร้ทุกข์ ทำให้เห็นอาการของจิตที่คิดผิด ยังมีส่วนโทษ ในสิ่งของ วัตถุอยู่ ด้วยพลังแห่งอธิศีล พลังกุศลทำให้มีปัญญารู้ เห็นเรื่องกรรมและผลของกรรมได้เร็ว แม้มโนกรรม ความคิด ทั้งการคิดผิดศีลและคิดถูกศีล เห็นอาการทางใจ และผลทางร่างกายที่สัมพันธ์กับความคิด มาจากสังกัปปะ เคลื่อนมาเป็นมโนกรรม ของเราว่าคิดถูกหรือคิดผิดอย่างชัดขึ้น
    *พิจารณาเรื่องกรรม วิบากกรรมของเรา ส่วนปัจจุบันสังเคราะห์กับอดีต เคลื่อนเข้ามา เป็นรูป บุคคล เหตุการณ์ ให้ ให้เราได้รับ เสวยผล จากจิต ที่เรามีความหวัง ด้วยเหตุผลใด ความคิดใดก็ตาม หวังเท่าไหร่ก็ทุกข์เท่านั้น เป็นเหตุสั่งสมความได้สมใจ เมื่อไม่ตรงใจก็ทุกข์ เมื่อได้สมใจก็สุข นี่คือสิ่งที่เราสั่งสม เราทำมา
    ส่วนวิบากกรรมเขา ท่านจะหวัง ไม่หวัง ก็เป็นส่วนของท่าน

    ทบทวน สุข ทุกข์ ในส่วนการเป็นผู้รับ และในส่วนการเป็นผู้ให้ ในเรื่องราว ย้ำซ้ำ อริยสัจ 4 บุปเพนิวาสานุสสติญาณ สาธุครับ

    1. รูปแบบ ผ่าน (เว้นบรรทัดแต่ละหัวข้อก็จะช่วยให้อ่านได้ดีขึ้น)
      สภาวะ ผ่าน

  22. ประคอง เก็บนาค

    1. ชื่อเรื่อง : ป้าพ่นยาเคมีกำจัดวัชพืช

    2. เนื้อเรื่อง : ระหว่างบ้านเรากับบ้านป้ามีที่ว่างตรงกลาง เจ้าของเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เรากับป้าจึงเช่าที่ว่างนั้น โดยแบ่งเนื้อที่กันคนละครึ่ง เพื่อปลูกผักสวนครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามประสา เย็นวันหนึ่งเราก็เข้าไปดายหญ้า รดน้ำในสวนผักปกติ สักพักป้าแบกเป้พ่นยาเคมีมากำจัดวัชพืชในฝั่งที่ท่านทำสวนผัก เนื่องจากฝั่งของป้ามีวัชพืชขึ้นสูงมาก ความรู้สึกชิงชัง ไม่พอใจ อยากจะถามนักว่าจะมาพ่นยาพิษนี่ทำไม สวนเราปลูกแบบไร้สารพิษนะ ตอนนั้นคิดอยากได้กำแพงอิฐหนา ๆ มากั้นนัก อาการไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แววตา แต่ดีที่ยังยั้งปากได้ไม่ต่อว่าเขา ได้สติจึงนั่งลงและหันหลังไม่มองป้า แล้วนั่งพิจารณา 1 2 3….ต่อไป

    3. ทุกข์ : ชังที่ป้าพ่นยาเคมีกำจัดวัชพืช และกังวลว่าสารเคมีจะซึมลงไปในดินและจะไหลมายังสวนที่เราปลูกพืชผักไว้ ทำให้พืชผักเราดูดซึมสารพิษ เราก็จะได้รับสารพิษนั้นไปด้วย

    4. สมุทัย : ยึดว่าการพ่นยาเคมีกำจัดวัชพืชจะทำให้เกิดสารเคมีตกค้างในดินไปอีกหลายสิบปี เป็นพิษต่อชีวิตคนและสัตว์

    5. นิโรธ : ป้าเขาจะพ่นยากำจัดวัชพืชหรือจะไม่พ่นยากำจัดวัชพืช เราก็ไม่ทุกข์ใจ

    6. มรรค : ป้าเขาทำในที่ของเขา เขามีสิทธิ์เต็มที่ ส่วนเรามันเป็นวิบากของเราเคยทำมา อดีตเราคงได้เคยฉีดพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชแบบนี้แหละ ไม่ใช่แต่พ่นยาพิษให้พืช ยังพ่นยาพิษให้สัตว์อีก แมลง มด ปลวก เราทำมาแล้วทั้งหมด เราก็ไม่ได้ทำมาครั้งเดียวด้วย นี่แค่โดนครั้งเดียวจะมาโอดโอยอะไร อีกอย่างแต่ก่อนมาเจอแพทย์วิถีธรรม มาเรียนรู้การปลูกผักไร้สารพิษ ก็ทานผักที่เป็นพิษมาเยอะแล้วนี่ก็ยังมานั่งได้ตรงนี้ ไม่เห็นตายเลย แล้วจะมากังวล มากลัวเรื่องที่สารพิษจะกระเด็นจะซึมลงไปในดินเข้ามาสวนผักที่เราปลูกทำไม ทุกวันนี้เราก็ได้เรียนรู้การระบายพิษออกได้หลายช่องทาง ยังโชคดีกว่าคนอื่น ๆ ที่เขายังไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และได้ระบายพิษด้วยซ้ำ มานั่งกลัวกังวลเพื่ออะไร …คิดได้จึงเดินไปคุยกับป้าว่า รบกวนฉีดพ่นลงต่ำ ๆ นะ ยาเคมีจะได้ไม่ฟุ้งไปไกล อีกอย่างถ้าต่อไปป้าอยากกำจัดวัชพืชขอให้บอกเราก็ได้นะ เพราะเราใช้วัชพืชมาคลุมแปลงผักและทำปุ๋ยหมัก ป้ายิ้มและบอกขอบคุณล่วงหน้า…แล้วก็พ่นยาพิษนั้นต่อไป…

  23. นางพรรณทิวา เกตุกล

    เรื่อง หมากัด
    เทศกาลเจปีนี้ได้นำเต้าหู้ไปร่วมสมทบกับมูลนิธิกู้ภัยข้างบ้านส่งมอบเต้าหู้เรียบร้อยแล้วหันไปคุยกับน้าเจ้าของบ้านได้ยินเสียงน้องๆที่อยู่แถวนั้นตะโกนให้ ระวังหมา แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะตัวเองรู้สึกเหมือนอะไรกระแทกที่น่องข้างซ้ายจนเจ็บแสบๆหันไปดูเห็นหมาอยู่ข้างหลังและข้างหน้ามีลูกหมาเล็กๆหลายตัวจากนั้นสำรวจดูแผลไม่ลึกแต่มีเลือดซึมๆสองแผลอาจเป็นเพราะในวันนั้นสวมกางเกงขายาวจึงเป็นแผลไม่ลึก
    ทุกข์:เจ็บแผลและกังวลใจ
    สมุทัย:หมากัด เกิดความกังวลใจว่าหมาได้ฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือเปล่าหมาจะมีเชื้อหรือไม่
    นิโรธ:หมาจะได้ฉีดยาป้องกัน มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่ก็ไม่กังวลใจ
    มรรค:ยอมรับความจริงด้วยใจที่เบิกบานเพราะเชื่อในเรื่องกรรมที่ทำชั่วมามากหาที่ต้นที่สุดไม่ได้ตามบททบทวนธรรมที่ว่า”ทำดีแล้วยังถูกเรื่องร้าย วิบากบาปเล่นงานหนักแสดงว่าชาติก่อนเราทำบาปมาก เราแสบมาก เราแสบสุดๆ มัน..ก็ต้องรับ.. สุดๆ มัน..จะได้หมดไป..สุดๆ เรา..จะได้เป็นสุข..สุด” ในใจไม่ได้เคืองหมาแม้น้อยพร้อมทั้งไม่ได้กังวลกับแผลจะหายเมื่อไรก็ได้

    1. รูปแบบ ผ่าน (ควรเว้นบรรทัดแต่ะละหัวข้อ)
      สภาวะ พอใช้ได้ (ควรปรับ นิโรธที่ใจตัวเองไม่ใช่ที่หมา)

  24. นางจิราภรณ์ ทองคู่

    เรื่อง ไม่ประมาณในการบริโภค
    เนื้อเรื่อง ช่วงนี้บำเพ็ญที่ภูผาฟ้าน้ำอากาศเย็นจึงได้กินถั่วลิสงเพื่อปรับสมดุล แต่กินมากเกินไป ไม่ประมาณในการบริโภคจึงทำให้ผายลมบ่อยและผายลมทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อย วันต่อมาจึงตั้งศีลไม่กินถั่วทุกชนิดและกินอาหารสูตร 1 อาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายในที่สุด
    ทุกข์ กินถั่วลิสงมาก
    สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ ถ้าผายลมมากจะทุกข์ใจ แต่ถ้าผายลมปกติจะสุขใจ
    นิโรธ สภาพดับทุกข์ จะผายลมมากหรือผายลมปกติก็สุขใจ
    มรรค วิธีดับทุกข์ เชื่อเรื่องกรรม ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าคือไม่รู้จักประมาณในการบริโภค จึงได้รับเหตุการณ์ที่ไม่ดีกับตัวเอง และได้สำนึกผิด ยอมรับผิด ขอรับโทษเต็มใจรับโทษ ตั้งจิตหยุดทำสิ่งที่ไม่ดีและตั้งจิตทำสิ่งดีตามรอยอาจารย์และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จิตก็เบิกบานแจ่มใส ใจไร้ทุกข์ และขอทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ

    1. รูปแบบ ผ่าน (ควรเว้นบรรทัดแต่ละหัวข้อ)
      สภาวะ พอใช้ได้
      คำแนะนำ
      1. ควรปรับชื่อเรื่องให้สอดคล้องกับเนื้อหาของสภาวะ
      2. หัวข้อมุกข์ ควรปรับเป็น ทุกข์ใจจากการผายลมมาก

  25. นางก้าน ไตรยสุทธิ์

    เรื่อง.ไม่ชอบแม่ครัว
    ทุกข์.เขาทำอาหารมากเหลืออุ่นหลายวันไม่ชอบ
    สมุทัย.เห็นอาหารเหลือมากก็ทุกข์เหลือน้อยหรือไม่เหลือเลยจะสุขใจ
    นิโรธ.เขาจะทำเหลือมากเหลือน้อยกก็ไม่ทุกข์ใจเอาสุขให้ได้.
    มรรค.พิจารณากรรมอย่างแจ่มแจ้งเพราะสิ่งที่เราเห็นเขาทำอย่างนั้นเราเคยทำมามากกลั่วนั้นเกิดสิ่งใดจงท่องกูทำมา

    1. รูปแบบ ผ่าน (ควรเพิ่มเนื้อหาของเหตุการณ์สั้น ๆ)
      สภาวะ พอใช้ได้ (หัวข้อมรรค ควรเพิ่มการพิจาณาให้มากขึ้น เช่น ไม่รีบด่วนตัดสินเพื่อน เพื่อนอาจจะเหตุผลที่สมควรก็ได้)
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เช่น กลั่ว = กว่า

  26. รูปแบบ ดี
    สภาวะ ผ่าน (ควรเพิ่มสภาวะหัวข้อสมุทัยที่มีในใจว่าอยากจะช่วยเพื่อน)

  27. นางก้าน ไตรยสุทธิ์

    เรีอง.ไม่ชอบครัว.คือความลวง
    เขาจะทำอะไรไม่ถามหมู่ ชอบทำถั่วก็ทำมากเกินไปเหลือมากอีกทุกข์ใจ
    ความจริงเขาจะทำมากทำน้อยก็วิบากเขาเราไม่ทุกข์ใจสุขใจให้ได้

    1. ส่งการบ้านผิดหัวข้อ ควรส่งให้ตรงหัวข้อความจริงความลวง
      รูปแบบ ปรับปรุง (ศึกษาวิธีการเขียนตามหัวข้อความจริงความลวง)
      สภาวะ พอใช้ได้ (พิจารณาให้ละเอียดเพิ่มขึ้น)
      คำแนะนำ พิมพ์ผิดบ้าง เช่น เรีอง = เรื่อง

  28. ชลิตา แลงค์

    เรื่องไม่สะดวกในการเดินทาง

    ข้าพเจ้าทำงานนวดแผนไทย ซึ่งรับนวดนอกสถานที่ด้วย ได้รับข้อความจากลูกค้านัดให้ไปนวดที่บ้าน พอดูเวลานัดแล้วก็เห็นว่าหลังจบงานแล้วการเดินทางกลับบ้านคงลำบากเพราะไม่ค่อยมีรถโดยสารในช่วงเวลานั้น แต่ถ้าไปทำงานก็จะมีรายได้ ทำให้ลำบากใจในการตอบรับหรือปฎิเสธงาน ท่านนี้เป็นลูกค้าประจำ ปกติแล้วข้าพเจ้าก็จะตอบรับในช่วงเวลานี้อยู่เสมอ และทุกครั้งก็จะมีปัญหาในการเดินทางและกับคุณพ่อบ้านด้วย เรากลับบ้านดึกท่านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเรา จึงคิดจะเสนอลูกค้าให้เรียกแท็กซี่ให้หลังจบงาน หรือไม่ก็เลื่อนเวลานัดให้เร็วขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกเกรงใจลูกค้ามากเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้ท่าน

    ทุกข์ : ในเหตุการณ์นี้ข้าพเจ้าเห็นทุกข์หลายตัว คือ
    1.กังวลใจเรื่องการเดินทาง
    2.เกรงใจลูกค้า ถ้าต้องยื่นข้อเสนอเพื่อตัวเอง
    3.กลัวจะมีปัญหากับคุณพ่อบ้าน
    4.เสียดายเงินรายได้

    สมุทัย :1. อยากให้ลูกค้าเสนอเวลาทำงานที่เราสามารถเดินทางไป-กลับได้สะดวกสบาย
    หรือ ถ้าไม่เปลี่ยนเวลาก็เรียกแท็กชี่ให้หลังจบงาน 2. เกรงใจลูกค้า ไม่กล้ายื่นข้อเสนอ 3. อยากได้เงินรายได้

    นิโรธ : กล้ายื่นข้อเสนอกับลูกค้าตามที่เราเห็นสมควร ส่วนลูกค้าจะตอบรับ หรือปฎิเสธ ข้อเสนอก็ยินดี จะมีรายได้จากงานหรือไม่ สุขใจได้

    มรรค : ตั้งสติเห็นอาการเกรงใจ กังวล กลัว เสียดาย ทั้งหมดนี้เป็นทุกข์เบียดเบียนตนเองไม่ควรเก็บไว้นาน ตัดสินใจยื่นขอเสนอให้ลูกค้า แล้วไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าจะได้ดั่งใจหวังหรือไม่ ปล่อยให้วิบากดีร้ายของเรา ของลูกค้า ของโลก ณ เวลานั้นเป็นผู้ตัดสิน พอคิดได้อย่างนี้ข้าพเจ้ารู้สึกหมดความทุกข์ใจในปัญหาต่างๆของตนเองลงได้ 100% ผลปรากฎว่าลูกค้ายินดีที่จะเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นตามที่ข้าพเข้าเสนอ

    ในเหตุการณ์นี้ข้าพเจ้าได้ประโยชน์ตน คือได้ล้างกิเลสความไม่กล้า ความเกรงใจคนอื่น ได้มีรายได้ และได้เดินทางไป-กลับสะดวกตามที่ต้องการ

    ได้ประโยชน์ท่าน คือลูกค้าได้นวดตามต้องการ งานนี้จบลงด้วยดี กราบสาธุค่ะ

  29. นางมันฑณา ชนัวร์ร เตี้ย ศีลประดับ

    เรื่องสงสารไส้เดือน
    เมื่อกลาง ตุลาคม 2563 ได้ไปขุดดินถมเพอร์มาคัลเจอร์ที่ทำไว้ ขณะที่ทำก็มีความสุข พอขุดไปได้เห็นไส้เดือนครึ่งตัวดิ้นก็รู้สึกตกใจ เกิดอาการสงสารและก็ได้ขุดต่ออีก ก็ได้เห็นไส้เดือนขาดครึ่งตัวอีก รู้สึกสลดใจ และนึกไปทำไมไส้เดือนเยอะจังและมีแต่ตัวใหญ่ๆ ก็หยุดยืนดูและใจก็ไม่อยากทำต่อ พอตั้งสติได้ก็นึกขอโทษ ขออโหสิกรรม เราไม่ได้เจตนาที่จะทำร้ายท่านนะ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำ และนึกถึงธรรมะที่ท่านอาจารย์หมอเขียบรรยายไว้ว่า เราไม่ใช่นักบวชจะพลาดไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้เจตนา เห็นใจตัวเองคลายลง90% ก็ตั้งใจทำต่อไปด้วยความระวังกว่าเดิม ก็เจอไส้เดือนแต่ไม่โดนเขาแค่เขากลิ้งไปตามก้อนดิน ก็ทำงานต่อไปจนเสร็จได้ด้วยใจผาสุก คลายความตกใจ สลดใจได้

    ทุกข์: ตกใจและสลดใจ สงสารไส้เดือนขาดครึ่งตัว

    สมุทัย: กลัวปาบที่ไปสับใส้เดือนขาดสองท่อนโดยไม่ตั้งใจ

    นิโรธ: คลายความตกใจได้และทำสวนด้วยใจที่ผาสุข

    มรรค:ตั้งสติ ก็นึกขออโหสิกรรมและระลึกถึงวิบากกรรมของเราและไส้เดือน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายท่านและมันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำ และระนึกถึงบทธรรมที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายไว้ว่า เราไม่ใช่นักบวชจะพลาดไปบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะเราไม่ได้เจตนา ตั้งสติตั้งใจทำต่อไปด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม ก็เจอไส้เดือนแต่ไม่โดนเขา แค่เขากลิ้งไปตามก้อนหิน จึงตรวจดูใจตัวเอง เห็นว่าใจตัวเองก็ทำงานต่อได้ด้วยใจผาสุกเบิกบานคลายความตกใจ สลดใจได้100%

  30. ณ้ฐพร คงประเสริฐ

    ชื่อเรื่อง ค้าขายต้องซื่อสัตย์
    เนื้อเรื่อง
    ไปตลาดซื้อผักผลไม้มารับประทานปกติ ซื้อเสร็จก็จะเดินทางกลับบ้านแล้ว มาที่รถที่จอดรถอยู่ริมฟุตบาท เห็นรถกระบะขายส้มมีส้มครึ่งกระบะ เหมือนรถพุ่มพวง แต่ขายส้มอย่างเดียว รถจอดอยู่ด้านหน้ารถเรา ได้ยินเสียงป่าวประกาศดังมาจากลำโพงที่ติดไว้หลังรถข้างป้ายเล็กที่เขียนว่า ส้มเชียงใหม่ เสียงคนขับรถพูดเชิญชวนให้มาซื้อส้มธนาธร สด ๆ ใหม่ ๆ จากจังหวัดเชียงใหม่ราคาถุงละ 2 กิโลกรัม 60บาท ยังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ ขับรถออกมา รถขายส้มก็ออกรถพร้อม ๆ กัน ขับนำหน้าเรามาสักครู่รถจะติดไฟแดงข้างหน้า รถส้มก็แวะจอดข้างทางเพื่อขายส้ม มีคนเดินมาซื้อส้มอยู่ พอไฟเขียวรถส้มก็ขับมาเข้าเลนมาอยู่ด้านหน้ารถเราอีก ใกล้ถึงทางเข้าบ้าน รถส้มก็จอดรถอีกครั้ง เราก็ไม่ได้ซื้อส้มทานมานาน เห็นว่าจอดรถได้สะดวก อุดหนุนพ่อค้าซะหน่อย นึกไปถึงเกษตรกรผู้ปลูก จึงจอดรถตามแล้วไปซื้อส้มมา 1ถุง2 กิโลกรัม พ่อค้าเค้าแพคใส่ถุงใสเรียงรายไว้แล้ว

    ผัสสะ; เห็นว่าส้มธนาธร ไม่ได้ทานมานานแล้ว สลับมาทานส้มบ้างก็ดี ราคาก็ไม่แพง ประจวบเหมาะสะดวกที่จะซื้อได้ สินค้าก็ดูสดดี พอมาถึงบ้านเตรียมรับประทานอาหาร ตอนล้างผลส้มก็รู้สึกว่าแปลก ๆ สัมผัสผิวเปลือกเขาไม่เหมือนส้มธนาธรที่จดจำไว้เท่าไหร่ พอแกะส้มออกก็รู้ว่าไม่ใช่ส้มธนาธรแน่ ๆ

    ทุกข์; รู้สึกขัดเคืองในใจที่ ถูกหลอกให้เข้าใจผิด

    สมุหทัย; ได้ยินเสียงพ่อค้าขายส้มเชิญชวนให้มาซื้อส้มธนาธร ในราคาถูก ความยึดมั่นถือมั่นว่า พ่อค้าจะซื่อสัตย์ พูดความจริง เราก็เลยอุดหนุนซื้อส้มธนาธรเขามารับประทาน

    นิโรธ; พ่อค้าส้มจะซื่อสัตย์ จะพูดความจริง หรือไม่ ใจเราก็ผาสุกได้

    มรรค; เห็นความขัดเคืองในใจโผล่ขึ้นมาน้อย ๆ ตอนที่ล้างผลส้ม โผล่เห็นตัวชัดเจนก็ตอนแกะส้มเขียวหวานออกมา พอเห็นว่าไม่ใช่ส้มธนาธรสักหน่อย เห็นว่าใจไม่ปกตินิดหน่อยแล้ว ก็รู้ชัดว่ามีแขกมาเยือนแล้ว ก็ตั้งสติคิดใหม่ พิจารณาว่าขัดเคืองอะไรหละ ก็เราทำมา ทำมามากว่านี้ด้วย ที่รับนี่นับว่าเล็กน้อยมาก ๆ รู้สึกสำนึกผิดที่เราเคยพลาดทำมา สมัยที่เราเคยทำงานอยู่ในแผนกขาย ตั้งจิตว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว มันไม่ดีเลย ขอโทษ ขออโหสิกรรม ตั้งจิตทำแต่ความดี โดยฝึกฝนการแบ่งปัน การให้แล้วคิดที่จะไม่เอาอะไรจากผู้ใดให้ได้ พากเพียรที่จะคิดดี พูดดี ทำดี ถ้าหากชีวิตจะต้องไปทำการค้าก็ทำ แต่จะทำตามแบบอย่างที่ดีที่พ่อครูและอาจารย์หมอเขียวพาทำเท่าที่ทำได้ เป็นการค้าแบบบุญนิยม เป็นต้นแบบที่ดี คิดแบบนี้ใจก็ผาสุก ใจก็ยิ้มได้ ความขัดเคืองในใจก็หายไปสิ้นเกลี้ยง

  31. จรัญ บุญมี

    เรื่อง ใจหายเพราะข้อมูลหาย
    ทุกข์ ง่วง เหนื่อนใจ ใจหาย รู้สึกยากมาก
    สมุทัย ไม่ได้ดังใจ อยากได้เร็ว ได้มาไม่อยากให้หายไป

    ส่งการบ้านกสิกรรมไร้สารพิษ ครั้งแรก ค่ำวันศุกร์ ก็เขียนในกระดาษไว้เรียบร้อยแล้ว กลางวันอาจารย์พาลุยกุศล ถึงเกิบสองทุ่มดูแลตัวเองก็ 21:00 น ตั้งใจจะส่งการบ้านให้เสร็จ มาเปิดไลน์นักศึกษาวิชาราม นั่งทำความเข้าใจการส่ง สุดท้ายง่วงไปไม่ไหว ล้มตัว นอนหลับไปเลย เช้ามาตื่นฟังอาจารย์ แล้วช่วงที่เป็นเรื่องการเมือง ก็เริ่มพิมพ์การบ้าน พิมพ์ไปฟังอาจารย์ไปก็ง่วงอีกเหมือนกันก็ลุกไปเดิน พอพิมพ์เสร็จ ก็จะพาฟายรูปวีดีโอแนบ หารูปรูปก็ไม่ได้โชว์ หาไปก็ไม่พบ วางเอาเท่าที่ได้ จิ้มมาจิ้มไปหายไปทั้งข้อความโหลดก็ไม่ได้หายหมดเลย ถอนหายใจเฮือก!ใจหายวูบ รีบถอนทุกข์ก่อนว่า มีใจหายให้เห็นแล้วเรายังหวั่นไหวอยู่ ก็ทบทวนธรรม อะไรๆจะเป็นก็เป็นเรื่องธรรมดา ตามกุศลอกุศลของเราไม่หวั่นไหวทำต่อไป ก็เริ่มทำใหม่ ที่นี้โหลดภาพก่อนหาวิธีที่ปลอดภัยต่อการหายของข้อมูล แล้วมาเจอว่าพูด พิมพ์ได้ วิบากใช้ไปดูดกุศลเข้ามา ทีนี้พูดได้ไม่ต้องนั่งเพ่งตาพิมพ์อีก แป๊บเดียว ก็เสร็จ มีกำลังใจส่งอริยสัจต่อ
    นิโรธ : เป้าหมายคือใจเป็นสุข โปร่งโล่งสบาย ไม่แบกสิ่งได เบาสบายใร้กังวล
    มรรค: ทบทวนธรรม อะไรๆก็เป็นเรื่องธรรมดา ไปตามโกศลอกุศลที่เราทำมาหาที่ต้นที่สุดไม่ได้ ไม่หวั่นไหวทำต่อไป เอาประโยชน์อาศัย ทำให้หนักพักให้พอ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นของใคร เหนื่อยก็หาข้อดีพบหนักก็หาข้อดีพบยากลำบาก ทุกข์เท่าไหร่ก็มีข้อดี ผู้มีปัญญาแม้ตกทุกข์ก็หาสุขพบ เปลี่ยนทุกวิกฤตเป็นโอกาส เข้าใจกรรมของเรา
    ” ความยินดีและเบิกบาน เป็นที่พำนักใจ “

  32. นฤมล จารุเดช

    ชื่อเรื่อง: วิบากที่ยึดดี
    เนื้อเรื่องย่อ: ทนใช้ชีวิตร่วมกับสามีหลังแต่งงานมา 1 ปีเพราะคิดว่าความดีของเราคงพอเหนี่ยวนำให้เขามาปฏิบัติดีถูกตรงได้
    ทุกข์ : เสียใจที่ได้ยินได้ฟังคำพูดของสามี สะท้อนถึงตัวเองได้เอาชีวิตของเราไปแบกชีวิตเขาเอาไว้ ปล่อยให้ตัวเองทำบาปกับตัวเอง ทำร้ายตนเองได้ถึงขนาดนี้ (ความรู้สึกคือไม่ได้โกรธเขา แต่เสียใจที่ทำร้ายตัวเองมาถึงจุดจุดนี้ได้)
    สมุทัย : ไปอยากได้ในสิ่งที่ยังไม่สมควรได้ เพราะตอนนี้ความผาสุกยังไม่ใช่ของเราแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว วิบากยังมีอยู่ แต่ใจร้อน อยากให้ทุกข์หรือวิบากชุดนี้หมดไปไว ๆ
    นิโรธ : วางใจไม่โกรธสามีได้ เบิกบานแจ่มใส พึ่งตนได้และทำความดีกับตนเองและผู้อื่นได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
    มรรค : คำสอนของพ่อท่านและอาจารย์ ให้เป็นผู้แพ้ ยอมแพ้ ไม่ทะเลาะวิวาท ยืนหยัดด้วยความจริง ความซื่อสัตย์ ความดี การเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง

  33. ทุกข์ไม่ได้ดั่งใจ
    สมุทัยอยากได้ดังใจหมาย
    นิโรธได้ไม่ได้ดังใจก็ไม่ทุกข์
    มรรคตั้งศีลไม่เอาแต่ใจ
    เรื่องกระทบปุ๊ปตอบโต้ปั๊ป
    ขึ้นรถเดินทางไปวัดปัญญาลุงตุ๊ก็ขับไปพอถึงทางแยกลุงตุ๊ ก็เกิดอาการ จำทางไม่ได้ไม่แน่ใจก็จะเอ่ยปากบอกว่า ไม่แน่ใจ พอ หูกระทบเสียง ก็เห็นอาการกิเลสความโกรธ ไม่พอใจ ก็ตอบโต้ทันทีว่าทำเป็นจำได้ก็เห็นกิเลสแต่ยังทำอะไรไม่ได้พอได้สติก็เงึยบยังไม่ใช้ปัญญาพิจาราณาก็จะพากเพียรอ่านกิเลสตั้งศีลมีสติกับปัจจุบันขอบคุณอาจารย์หมอเขียวและคุรุทึ่ให้ทำการบ้านส่งค่ะเราได้เอาเหตุการณ์ทึ่เป็นจริงมาอ่านดูกิเลสอาการแล้วเขียนเป็นการบ้านตึแพร่จะพากเพียรล้างกิเลสด้วยปัญญาอย่างรู้เพียรพักตามฐานค่ะ

  34. นวลนภา ยุคันตพรพงษ์

    ทุกข์จากการต้องย้ายออกจากกระท่อมที่เคยอยู่ประจำที่สวนป่านาบุญ 3
    ทุกข์ : ทุกข์จากการที่จะต้องใช้ชีวิตตามใจตัวเองที่อยู่ในกระท่อมส่วนตัว เพราะทั้งฝนและหนูถล่มกระท่อมด้านรวมทั้งฝนที่ตกตลอดเมื่อช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์ที่แล้วทำให้เปียกแฉะไปหมด
    สมุทัย : สภาพทุกข์ใจที่จะต้องออกจากพบจากข้องของตัวเองที่สร้างขังไว้ว่าจะต้องอยู่กระท่อมถึงจะมีชีวิตส่วนตัวที่ทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองได้ตลอดเวลา เหตุที่ไม่อยากออกจากกระท่อมก็เพราะว่ายังยึดติดอยู่ว่าอยู่คนเดียวน่าจะสบายใจกว่าที่จะย้ายก็มานอนในร้านค้ากองบุญ จะสุขใจถ้ายังได้อยู่ในกระท่อมแยกต่างหากคนเดียวต่อ ทุกข์ใจที่ต้องย้ายเข้ามาอยู่ร่วมในร้านค้าที่กลางคืนจะทำสิ่งใดก็ไม่สะดวกหรือตอนเช้ามืดก็ตื่นเช้าไม่ได้อีกแล้ว
    นิโรธ : สภาพดับทุกข์ สุขใจแม้ไม่ได้อยู่กระท่อมอีกแล้วไม่ทุกข์ใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในร้านค้า เมื่อเข้าใจถึงกฎของไตรลักษณ์ก็เกิดสภาพที่ตัดคลายความยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องอยู่ที่กระท่อมแล้วเราก็จะสบายใจถ้าได้อยู่คนเดียวจะทำอะไรก็ได้ตามสะดวกจะนอนเมื่อไหร่ก็ได้จะตื่นเช้าเมื่อไหร่แค่ไหนก็ได้ แต่เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะต้องฝึกในขั้นต่อไปที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นว่าจะต้องมีความเอาใจใส่เกรงใจโดยการอยู่แล้วสุขใจได้โดยที่ไม่ทั้งเดือดร้อนตัวเองและผู้อื่นสมกับที่เราตั้งศีลไว้ว่าจะสุขได้กับทุกสถานการณ์
    มรรค : หนทางที่ดับทุกข์ เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วเราก็ได้ชดใช้วิบากกรรมก็คงเคยไปแย่งที่อยู่ของหนูเคยไปทำร้ายหนูทำให้เขาจะต้องมาแย่งบ้านของเราโชคดีอีกแล้วเราได้ชดใช้วิบากกรรม และพิจารณากฎของไตรลักษณ์ว่าทุกสิ่งอย่างไม่มีความคงทนถาวรกระท่อมก็ย่อมจะต้องมีการทรุดโทรมน้ำก็เข้ามาได้หรือเต็นท์ก็ย่อมไม่อยู่จีรังถาวรจะต้องมีการเสื่อมสลายไปไม่ยึดติดยึดมั่นถือมั่นว่าต้องอยู่ในสภาพดี้ ที่จะต้องไม่เอาแต่ใจตัวเองเปลี่ยนมานอนมุ้งบางโปร่งโล่งบ้างทำอะไรจะได้มีความเกรงใจผู้อื่นไม่เอาแต่ใจตัวเองทำให้ได้ฝึกอีกขั้นหนึ่งที่จะทำให้สำรวมได้ทั้งกายวาจาใจตลอดเวลาทุกๆวินาทีเมื่อเห็นประโยชน์ว่าการที่จะมานอนในที่รวมกับผู้อื่นก็จะช่วยทำให้เราได้ดัดจริตล้างอุปทานขันธ์ 5ในสิ่งที่เราเคยยึดติดทำตามใจตัวเองมาตลอด ต้องขอบคุณมิตรสหายดีที่ได้ช่วยขัดเกลาให้เราได้มีความละเอียดพอที่จะเข้าใจและเมตตาผู้ที่อยู่ด้วยทำให้ได้มีศีลที่ละเอียดขึ้นเพื่อสู่การบรรลุธรรมให้ได้สมกับที่เราตั้งใจไว้ว่าจะมีความสุขได้กับทุกสถานการณ์

  35. นฤมล ยังแช่ม

    เรื่อง ยึดมั่นถือมั่น

    วันนี้เป็นวันอาทิตย์จะต้องส่งการบ้านวิชชาราม อ่านคำแนะนำการส่งการบ้านแล้วในช่วงสุดท้าย สามารถใส่รูปประตัวได้ด้วย พอดีมีรูปพึ่งถ่ายกับแม่ตอนกินข้าวใช้รูปนี้ดีกว่า จึงทำตามขั้นตอนที่บอกไว้ แล้วลองเข้าไปใช้งานในmail นั้น ปรากฎว่าใส่รหัสผ่านอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่ถูกต้อง รู้สึกจะเริ่มตึบๆที่หัว คล้ายๆความเครียดจะเริ่มมาแล้ว ลองอีกทีถ้าไม่ได้ก็ยังไม่ต้องทำก็ได้ ไปทำงานอื่นดีกว่า สุดท้ายก็เข้าใช้งานไม่ได้ ลุกเดินออกมาข้างนอกบ้าน ขนเศษใบไม้ไปทำแปลงผักดีกว่า แต่อาการตึบๆ ที่หัวยังไม่หาย ไม่หายก็ไม่หาย ขุดดินลงเททับบนเศษใบไม้แห้งพร้อมกับโรยขุยมะพร้าวอีกหนึ่งชั้น พร้อมปลูกผักแล้วคะ ได้เหงื่อแถมอาการตึบๆหัวก็หายไป แล้วลองกลับมาแก้ไข้รหัสผ่านใหม่ก็สามารถเข้าใช้งานได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ทำ แต่ไม่ได้เลือกในส่วนนี้ ไปทำอีกอย่างหนึ่ง จึงไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เพราะความยึดที่จะเข้าไปใช้งานให้ได้ พอวางใจได้ ก็มีปัญญาทำได้คะ

    ทุกข์ ไม่สบายใจที่จำรหัสผ่าน เข้าmailไม่ได้

    สมุทัย ถ้าจำรหัสผ่านได้สบายใจ แต่ถ้าจำรหัสผ่านไม่ได้ไม่สบายใจ

    นิโรธ จำรหัสผ่านได้หรือจำไม่ได้ก็สบายใจให้ได้

    มรรค จำได้ว่าอาจารย์เทศน์ว่าถ้าของหาย ต้องวางใจ ถึงจะหาของเจอ ก็นึกถึงคำที่อาจารย์สอนมาบอกกับตัวเองว่านี้เธอกำลังยึดอยู่นะ สังเกตได้จากพลังงานจากใจที่มันยึดว่าจะต้องได้ ทำให้ร่างกายที่ก่อนหน้านี้สบายๆ อยู่เกิดอาการมึนๆตึบๆที่หัว พร้อมกับใจที่ไม่แช่มชื่น แน่นๆที่ใจ นี้เป็นความคิดที่ผิดเป็นความคิดของมาร ไม่ใช่พุทธะ ต้องวางใจจึงจะได้ ลืมรหัสผ่านเข้าใช้งานไม่ได้ก็ไม่เป็นไร มันแก้ไขได้ ทุกข์ที่ใจสำคัญกว่า จิตเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง เราทุกข์ใจทำให้ทุกข์กายด้วยเลย เปลี่ยนความคิดมาเป็นพุทธะดีกว่า ได้ก็ได้ไม่ได้ก็ได้

  36. นฤมล ยังแช่ม

    เรื่อง ส่งการบ้าน

    วันนี้เป็นวันที่จะส่งการบ้าน มีอุปสรรคหลายอย่างในการส่งการบ้าน ส่งครั้งที่หนึ่งกำลังจะกดส่งหายไป ครั้งที่สองเหมือนจะได้ แต่พอกลับไปเช็คดุ ไม่มีการบ้านของเรา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไว้ส่งอาทิตย์หน้าก็ได้

    ทุกข์ ทุกข์ใจที่การบ้านหาย

    สมุทัย การบ้านหายทุกข์ใจ การบ้านไม่หายสุขใจ

    นิโรธ การบ้านจะหายหรือไม่หายก็สุขใจให้ได้

    มรรค ยินดีที่การบ้านหายไป จะได้พิมพ์ใหม่อีก โชคดีอีกแล้ว ร้ายหมดไปอีกแล้ว ความสำเร็จของใจคือ ความสำเร็จของงาน การบ้านหายไปใจก็ไม่ต้องทุกข์ จริงๆแล้วการบ้านครั้งที่สองที่กดส่งไปอาจจะยังอยู่แต่เราหาไม่เจอเองก็ได้นะ

  37. พรพรรณ เอ็ทสเลอร์

    ทุกขอริยสัจ 4

    เรื่อง อินเตอรเนทไม่ได้ดั่งใจ

    วันพฤหัสบดีที่แล้ว ข้าพเจ้าเข้าเรียนสาระธรรมประกอบรูปภาพ รู้สึกเป็นทุกข์เพราะอินเตอรเนทหลุดบ่อย ทำให้เกิดความรำคาญ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนจากคุรุ และพี่น้อง พอรู้สึกตัวก็รีบเจริญภาวนารู้ตัวอยู่กับปัจจุบัน และล้างทุกขที่เกิดขึ้นด้วย ทุกขอริยสัจ 4 ทันที

    ทุกข์ รำคาญที่อินเตอรเนทหลุดบ่อย

    สมุทัย อินเตอรเนทหลุดบ่อย ทำให้ไม่พอใจและเกิดความรำคาญ จะยินดีพอใจหากอินเตอรเนทสเถียร ไม่มีปัญหา และจะไม่พอใจที่อินเตอรเนทไม่เสถียร

    นิโรธ อินเตอรเนทจะเสถียรหรือไม่เสถียรก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ ที่เราจะแก้ไขให้เสถียรได้ นอกจากโทรแจ้งเครือข่ายอินเตอรเนทที่เรามีสัญญาอยู่ แล้วให้บริษัทแก้ไขให้เราได้

    มรรค อินเตอรเนทไม่เสถียร ไม่เป็นไร เพราะแจ้งบริษัท ท่านก็สามารถแก้ไขให้ได้ แต่ใจของข้าพเจ้าจะไม่ให้ทุกข์ แค่อินเตอรเนทไม่เสถียรเอง ข้าพเจ้ากลับมาดูที่ใจของตนเองว่าทุกข์อยู่เพราะเกิดความรำคาญ จึงได้ล้างกิเลส โดยใจเย็นรอคำแนะนำจากบริษัท และยอมรับวิบากกรรมเพราะวันนั้นมีลมแรงมากที่บ้าน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระทบให้อินเตอรเนทไม่เสถียร และที่สำคัญอาจจะ เป็นวิบากเราและหมู่กลุ่มร่วมกัน ไม่ได้ข้อมูลจากคุรุครบถ้วนแค่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ใจก็เบาสบาย ทุกข์หายไปเลยคะ

  38. จิตรา พรหมโคตร

    เรื่อง:ไม่ชอบเสียง

    เนื้อเรื่อง:น้องสะไภ้ชวนไปกินอาหารเจวันเสาร์ เมื่อถึงเวลา ข้าพเจ้าเตรียมตัวแต่น้องยังไม่เปิดประตูบ้านจึงเดินไปหาพี่สาวเพื่อช่วยซื้อของให้พี่ก่อน แล้วรีบกลับมา พ่อบ้านแจ้งว่าน้องสะไภ้โทรศัพท์มาแต่รับไม่ทันข้าพเจ้าเดินไปหา แม่น้องสะไภ้บอกว่าขึ้นไปอาบน้ำแล้ว ข้าพเจ้าเดินกลับมาบ้าน สักพักน้องสะไภ้โทรมา เมื่อรับสายได้ยินน้ำเสียงพูดด้วยความโมโหว่า”อยู่ไหน จะไปหรือไม่ไป”แว๊บหนึ่งมีความรู้สึกไม่พอใจ

    ทุกข์:ทุกข์จากการได้ยินเสียงพูดด้วยความโมโหของน้องสะไภ้

    สมุทัย:(เหตุแห่งทุกข์)ไม่อยากได้ยินเสียงพูดด้วยความโมโห

    นิโรธ:(สภาพดับทุกข์)จะได้ยินเสียงพูดด้วยความโมโหหรือไม่ได้ยินเสียงพูดด้วยความโมโหก็ไม่ทุกข์ใจ

    มรรค(วิธีปฏิบัติ)

    1.พิจารณาความไม่เที่ยงของความรู้สึกไม่พอใจในเสียงพูดว่า มันเกิดแล้วก็ดับแว๊บเดียวก็หายไป มันไม่เที่ยง ไม่มีสาระอะไร เราเคยมีความรู้สึกพอใจเมื่อได้ยินเสียงพูดด้วยดีและไม่พอใจในเสียงพูดด้วยความโมโหมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เก็บไม่ได้เลย เดี๋ยวก็รู้สึกพอใจ เดี๋ยวก็รู้สึกไม่พอใจ มันไม่เที่ยงนะ ความรู้สึกพอใจมันไม่มีจริง

    2.พิจารณาความเป็นทุกข์ว่าถ้ามีอาการของความรู้สึกไม่พอใจ ใจที่เป็นทุกข์เกิดพลังความร้อนทำให้เซลในร่างกายพังก่อให้เกิดการเจ็บป่วยทางกายได้

    3.พิจารณาประโยชน์ของการไม่มีอาการความรู้สึกไม่พอใจว่า ใจก็เป็นสุข กายก็แข็งแรงเป็นพลังความดีเป็นแรงเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นทำตาม เป็นวิบากดี มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง

    4.พิจารณาโทษของการมีอาการความรู้สึกไม่พอใจว่า ใจทุกข์ กายก็เจ็บป่วยเป็นพลังความความชั่วเป็นแรงเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นทำตาม เป็นวิบาก
    ร้าย เกิดสิ่งไม่ดีกับตัวเอง

    ผลการล้างเรื่องไม่ชอบเสียงจาก100%ล้างได้50%

  39. อภินันท์ อุ่นดีมะดัน

    เรื่อง:ทำงานใจร้อนโลภมากและอยากสบาย
    เรื่องย่อ: ช่วงนี้ผมกสิกรรมไร้สารพิษ แต่อยากได้งานเยอะๆ แต่ไม่ต้องลงมือทำมาก อยากทำน้อยๆแต่ได้มากๆ อยากได้เครื่องทุ่นแรง
    ทุกข์:ขี้เกียจทำงาน ไม่อยากทำงาน ไม่มีฉันทะ
    สมุทัย:ต้องการทำงานแบบสบาย ติดความสบาย และอยากได้มากๆ
    นิโรธ: วางใจว่าไม่ชอบไม่ชัง ทำงานได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่ยึดมั่นถือมั่น
    มรรค: ตรวจสอบอาการว่าเราติดความสบาย ติดความขี้เกียจ ค่อยๆทำงาน โดยไม่ต้องคิดว่าจะได้งานมากหรือน้อย ทำไปเรื่อยๆ เรายินดีที่ได้ทำงานเต็มที่ สุขเต็มที่ครับ สาธุครับ

  40. นายรวม เกตุกลม

    เรื่อง หล่นจากต้นขี้เหล็ก
    ได้ไปขึ้นต้นขี้เหล็ก เพื่อเอายอดและดอกมาทำเป็นอาหาร หลังจากที่ได้ตัดกิ่งตามที่ต้องการแล้ว ก็จะลงมาเก็บที่ใต้โคน ในขณะที่ลงมาได้ก้าวพลาด ทำให้หล่นจากต้นขี้เหล็กตกลงไปในคูน้ำ ซึ่งในคูมีวัตถุมีคมอยู่ใต้น้ำ บาดเข้าที่ฝ่าเท้า ออกอาการเจ็บแสบที่ฝ่าเท้า จึงได้ตรวจดูถึงรู้ว่า มีของมีคมบาดเข้าที่ฝ่าเท้าเป็นแผล
    ทุกข์ แผลที่ฝ่าเท้าและกังวลใจ
    สมุทัย มีความกลัวกังวลใจ เพราะไม่แน่ใจว่า สิ่งที่บาดฝ่าเท้านั้น มีเชื้อที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือไม่
    นิโรธ วัตถุที่บาดจะเป็นอันตรายหรือไม่ เราก็ไม่กังวล
    มรรค ยินดีเต็มใจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เจ็บก็ให้มันเจ็บ ปวดก็ให้มันปวด ทรมานก็ให้มันทรมาน ตายก็ให้มันตาย เป็นไงเป็นกัน รับเท่าไรหมดเท่านั้น เพราะสุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับไป ไม่มีอะไรเป็นของใคร จะทุกข์ใจไปทำไม ไม่มีอะไรต้องทุกข์ใจ เบิกบานแจ่มใสดีกว่า สาธุ

  41. น.ส. ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)6112008004

    ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ
    เรื่อง. ยืนรอกดน้ำร้อน
    ทุกข์.รู้สึกไม่พอใจคนที่มาถึงแล้วมากดน้ำเลยโดยไม่ได้ดูว่าน้ำเดือดรึยังหรือมีคนยืนรออยู่ก่อน
    สมุทัย.คนอื่นทำตามที่เราคิดเราจะสุขใจไม่ทำตามที่เราคิดเราจึงทุกข์ใจ
    นิโรธ. ใครจะทำตามที่เราคิดได้เราก็สุขใจไม่ทำตามที่เราคิดเราก็สุขใจ
    มรรค. ล้างความยึดมั่นถือมั่นที่เราอยากให้เค้าทำเค้าเป็นอย่างที่เราคิด ล้างความอยากได้อยากเป็นอยากมีให้ได้ดั่งใจหมายเข้าใจชัดเรื่องกรรมอย้างแจ่มแจ้งใช้บททบทวนธรรมที่ว่า
    เราเคยทำเช่นนั้นมามากกว่านั้นได้รับแล้วร้ายด็หมดไปเราจะโชคดีขึ้น

  42. ศิริพร ไตรยสุทธิ์

    ชื่อเรื่อง ปั่นจักรยาน

    วันนี้(24 ตุลาคม 2563)อากาศดีประมาณ 15 องศา(ประเทศเยอรมนี) ไม่มีฝน มีแดด หลังจากที่ฝนตกมาทั้งสัปดาห์(อากาศก็หนาวเย็น) เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว อยากจะไปปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย แต่ว่า วันนี้มีการเรียนการทำการบ้านและตรวจการบ้านผ่านZOOM ของห้องเรียนนักศึกษาวิชชาราม

    ทุกข์ คือ อยากเข้าเรียน แต่ก็อยากไปปั่นจักรยาน
    สมุทัย คือ กลัวว่าฝนจะตก กลัวว่าแดดจะหมด แล้วจะไม่สามารถไปปั่นจักยามได้
    นิโรธ คือ เข้าเรียนให้เรียบร้อยก่อน การปั่นจักรยานนั้น จะได้ไปก็ได้ จะไม่ได้ไปก็ได้
    มรรค คือ เข้าห้องเรียนวิชชารามอย่างเป็นสุข โดยพิจารณาประโยชน์การเข้าเรียนคือ ได้เรียนรู้การเขียนการบ้านที่ถูกต้อง พร้อมคุรุและพี่น้อง มีการพูดคุยกัน เป็นแรงเหนี่ยวนำที่ดีให้เราพิจารณาอริยสัจ 4 ได้เข้าใจมากขึ้น ดีกว่าการมาติดตามดูย้อนหลัง
    ส่วนการปั่นจักยาน การออกำลังกายนั้น จะมีแดดหรือไม่ก็ตาม ถ้ายังไม่มืด ฝนไม่ตก ก็ยังสามารถไปปั่นจักรยามได้ ถ้าฝนตกก็ออกกำลังกายอยู่ที่บ้านก็ได้

  43. ขวัญจิต เฟื่องฟู

    อริยสัจ4
    เรื่อง กลัวส่งการบ้านไม่ทัน
    ทุกข์ กลัวส่งการบ้านไม่ทัน
    สมุทัย ถ้าได้ไม่ส่งการบ้านจะไม่ชอบใจ ถ้าได้ส่งการบ้านจะชอบใจ
    นิโรธ มีสุขใจเเม้ได้ส่งการบ้านหรือไม่ส่งการบ้านก็ตาม
    มรรค ตั้งใจเขียนเเล้วก็เขียนส่งการบ้านเเม้จะนาทีสุดท้ายก็ตาม ทำได้เท่าที่เราทำเเล้วครั้งหน้าก็จะไม่รอจนจวนตัว ส่งทันเสร็จก่อนเวลาที่ตัวเองกำหนด เขียนไปทำอริยสัจไปใจก็เบาสบายหาย100% สาธุค่ะ

  44. พลศักดิ์ สุขยิ่ง เพชรแก่นพุทธ

    เป็นทุกข์แทนเพื่อนที่เกิดการเข้าใจผิด

    เป็นการเข้าใจผืดระหว่างบุคคลทั้งสองที่เราคบคันกัน เเละเราเองเป็นคนกลาง รับฟังทั้งสองข้าง ทั้งๆเรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากอีกหนึ่งฝ่ายพูดให้คนอื่นฟังแต่ไม่ได้เป็นความจริงเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ เธอไลน์มาบอกว่า โดนเพื่อนด่าเพราะเอาเรื่องไม่เป็นความจริงไปบอกต่อคนอื่นทั้งๆที่เขาไม่ได้พูด เราจึงไปสอบถามว่าจริงไหม แต่เขาปฎิเสธไม่ได้พูด เราเลยไม่อยากให้เพื่อนสองคนนี้ทะเลาะกัน

    ทุกข์ เกิดจากไปวิตกกังวลกลัวว่าเพื่อนสองคนที่เรารักจะเกิดความไม่เข้าใจกันเพราะคำพูด โดยปากของคนอื่นที่จับใจความไม่ชัดแล้วไปขยายต่อเรื่องเลยถึงหูเพื่อนอีกคน เป็นการพูดที่ส่อเสียดยุยงผิดศีลข้อสี่ คืออทินนา จึงเกิดความทุกข์ในจิตของตนเองกลัวเพื่อนทั้งสองจะมองหน้ากันไม่ติดเพราะคำยุยงส่อเสียด

    สมุทัย สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์หรือต้นตอของมันก็คือเพราะเราไปกังวลกับปัญหาของเขา รู้ทั้งรู้ว่าเป็นปัญหาระหว่างบุคคลทั้งสองไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่เราก็ยังนำไปคิดเกิดโทษให้กับตนเอง ทำให้เกิดความทุกข์อยากให้เขาคืนดีกัน

    นิโรธ เราจะแก้ปัญหาสภาวะนี้ได้อย่างไร ทำไมเราจะต้องไปทุกข์กับเขา เรื่องของเขา เกิดจากการยั่วยุส่อเสียดติฉินนินทา โลภโมหะของคนที่ไม่รู้จักกิเลสที่ชอบเห็นผิดต้องการให้คนทั้งสองทะเลาะกัน เมื่อเราเข้าใจแล้วเราก็วางตัวเป็นกลาง ไม่ไปพูดต่อให้ยาวเพราะการที่เรานิ่งเมื่อทั้งสองคนต้องการให้เราตอบ เราก็เพียงบอกเขาว่าเราเข้าใจปัญหาของทั้งสองฝ่าย และยกเอาบททบทวนธรรมของอาจารย์หมอเขียวและพระพุทธเจ้ามาสอนทั้งสองคนว่า “เรื่องความเข้าใจผิดของเราต่อผู้อื่นมันเป็นวิบากกรรมเขาวิบากรรมเรา แก้ไขได้ด้วยการทำดีไม่มีถือสาไปเรื่อยๆ แล้ววันใดวันหนึ่งข้างหน้าความเข้าใจผิดนั้นก็จะหมดไปเอง ทำดีเรื่อยไปใจเย็นข้ามชาติ” เราคิดได้เราก็วางใจโล่งเบิกบาน หมดสภาวะไม่ทุกข์ไม่กังวลอีกต่อไป

    มรรค หนทางที่จะดับทุกข์และสภาวะทุกข์ที่เกิดขึ้น เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องให้ดับไปโดยน้อมนำใช้ปัญญามาดับความโง่ของเราที่ไปหลงทุกข์ที่เกิดขึ้น เพราะมันไม่ใช่เกิดขึ้นกับเรา แต่ทำไมเราทุกข์ พอรู้สาเหตุและสภาวะของมันเราก็ต้องมาแก้ ต่อไปทุกข์นี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเมื่อเห็นคนอื่นไม่เข้าใจกัน เราก็จะได้ไม่กังวลกับมันเพราะเรารู้จริงแท้ว่า ทุกข์เกิดจากอะไร แก้สภาวะทุกข์อย่างไร เอาอะไรมาแก้ เราต้องใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ ความสุขเบิกบานก็จะเกิดขึ้นให้แก่ตนเองอย่างแท้จริง

Comments are closed.