631011 การบ้าน ความจริงและความลวง (7/2563)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน ความจริงและความลวง ประจำวันที่ 5-11 ตุลาคม 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สรุปสัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านรวมทั้งหมด 18 ท่าน
631011 การบ้าน ความจริงและความลวง (7/2563)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน ความจริงและความลวง ประจำวันที่ 5-11 ตุลาคม 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สรุปสัปดาห์นี้มีผู้ส่งการบ้านรวมทั้งหมด 18 ท่าน
นศ.นวลนภา ยุคันตพรพงษ์
#5913006250
เรื่องเบียดเบียนผู้อื่นแต่คิดว่าได้กุศล
ตั้งแต่มีการถ่ายทอดธรรมะพาพ้นทุกข์ของท่านอาจารย์หมอเขียวใจเพชรกล้าจนทุกเช้าตอน 4:00 น ก็เปิดฟังไม่ได้ขาด บางทีเริ่มเปิดตั้งแต่ตี 3 กว่าโดยเปิดลำโพงของมือถือไม่ได้ใช้หูฟังเพราะออกกำลังกายไปด้วยแล้วมีอาการปวดหูเพราะคิดว่าถ้าใช้หูฟังจะเพิ่มความร้อนและประมาทที่คิดว่าแยกมาอยู่กระท่อมเสียงที่เปิดจะไม่ดังจนไปรบกวนเพื่อนมาตลอดระยะเวลา
ผัสสะ : เสียใจตกใจ ที่เพื่อนรุ่นพี่มาเตือนตอนที่เห็นใส่หูฟังในระบบซูมว่า”มีหูฟังด้วยหรือ ช่วยใช้ฟังในเวลาตอนเช้ามืดด้วยนะ” ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจและเสียใจสำนึกผิดรีบยกมือไหว้ขอโทษท่าน รับปากว่าจะไม่ทำเสียงรบกวนอีกแล้ว
ความลวง : คิดมาตลอดเวลาว่าได้บุญกุศลสูงสุดที่ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์หมอเขียวในทุกเช้ามืดและจะเป็นแรงเหนี่ยวนำที่ดีถ้าเพื่อนจะได้ฟังด้วยย่อมจะได้รับประโยชน์ธรรมะในทุกๆเช้า
ความจริง : เสียงธรรมะที่ดังจากลำโพงไปรบกวนเบียดเบียนให้เพื่อนที่ยังไม่ตื่น ยังไม่พร้อมที่จะฟังธรรมะในตอนเช้ามืด เช้าเกินไปทำให้ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ ต้องทนต่อสภาพนี้มานานจนทราบว่าความจริงเรามีหูฟังใช้แต่ไม่ได้ใช้
ต้องขอบคุณอย่างมากในการอยู่ร่วมกันกับหมู่กลุ่มมิตรดีสหายดีที่มีการขัดเกลาบอกกล่าวกัน ขอบคุณที่ท่านมาบอกความจริงช่วยไม่ให้ก่อวิบากต่อไปเรื่อยๆเป็นการขัดเกลาให้ยอมรับความจริงว่าสิ่งที่ประพฤติอยู่ถ้าประมาท ไม่รอบคอบไม่คิดถึงผู้คนที่อยู่รอบข้างทั้งกาย วาจา ใจ ก็อาจจะทำให้ผิดศีลโดยไม่รู้ตัว แม้เทพมารตีสารถีจะมาเตือนให้มีอาการปวดหูโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็ยังหาต้นเหตุไม่พบ จนเมื่อท่านมาเตือนเรื่องเสียงที่ไปรบกวนท่าน เมื่อสำนึกผิด ยอมรับผิด ขอโทษทันที ทำให้ลมออกจากหูหายปวดแล้วคันทันทีเกิดวิบากดีได้อย่างฉับพลัน
ความจริงความลวง
เรื่อง จนลงแล้วแต่มีความมั่นคงมากขึ้น
เนื้อเรื่อง
ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับเพื่อนเก่าหลายคน ในการสนทนากับเพื่อนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต ผมพบว่าทุกคนยังมีความกังวลหวั่นไหวในเรื่องการหาเงินหรือเก็บเงินให้ได้มากพอสำหรับชีวิตในอนาคตด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่คนที่มีฐานะค่อนข้างดีอยู่แล้วก็ตาม ก็ยังคงรู้สึกว่าต้องหาทางสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ให้มากที่สุดไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะต้องเจอกับโรคหรือเหตุการณ์อะไรบ้าง มีเงินเผื่อไว้มาก ๆ ก่อนดูเหมือนจะอุ่นใจกว่า เมื่อก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีความกังวลในเรื่องทำนองนี้เหมือนกัน แม้จะไม่ได้มุ่งมั่นที่จะร่ำรวยอะไรมากมาย แต่ก็หวังอยู่ว่าจะเก็บเงินได้มากพอสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต
แต่จากประสบการณ์ในช่วงที่แม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ผมจึงได้รู้ความจริงว่าการมีเงินมากไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้อย่างแท้จริง เพราะเงินทั้งหมดที่เราจ่ายออกไปให้แก่โรงพยาบาลและคลินิคพิเศษนั้น ไม่สามารถทำให้แม่หายจากโรคหรือแม้แต่อาการดีขึ้นได้เลย และในช่วงเวลานั้นที่ผมให้ความสนใจข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็งค่อนข้างมาก จึงได้รับรู้เรื่องราวปัญหาของคนอื่น ๆ ด้วย และได้เห็นอย่างชัดเจนว่าแม้แต่คนที่มีเงินมากเป็นร้อยล้านพันล้าน สามารถพาคนที่เขารักไปรักษาถึงต่างประเทศ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าที่สุด แพงที่สุด ก็ยังไม่สามารถรักษาคนที่เขารักให้หายจากโรคได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเงินทองมากมายเหล่านั้นไม่อาจบรรเทาความทุกข์ในใจของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
นับแต่นั้นมา ผมจึงเลิกมุ่งแสวงหาเงินมาก ๆ เลิกคิดหวังที่จะสร้างธุรกิจ ขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้น แล้วหันมาฝึกฝนเรียนรู้ที่จะมีชีวิตที่เรียบง่าย มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่ดีงาม มีมิตรดีที่พอจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ในยามจำเป็น ตามทิศทางที่ครูบาอาจารย์สอน ผมเรียนรู้มาเรื่อย ๆ จนเริ่มเห็นความจริงตามที่ครูบาอาจารย์บอกว่า เศรษฐกิจสาธารณโภคีเป็นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด และอาชีพทำงานฟรีเป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุดในโลก
ผัสสะ
กลางเดือนกันยายน 2563 ช่วงก่อนจะเดินทางไปบำเพ็ญบนภูผาฟ้าน้ำ ผมได้ยื่นแบบเสียภาษีประจำปีทางอินเตอร์เน็ต และได้พบว่าในช่วงสองปีมานี้ผมมีรายได้ลดลง และน้อยกว่าฐานรายได้ที่จะต้องเสียภาษี พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องเสียภาษีเพราะเป็นผู้มีรายได้น้อยเกินไป ในขณะที่เมื่อสองปีก่อนหน้านั้น ผมยื่นแบบแสดงรายได้และต้องเสียภาษีอยู่ปีละประมาณ 5-6 พันบาท แปลว่าในช่วงสองปีหลังมานี้ผมมีฐานะยากจนลงแล้ว จากคนที่เคยเสียภาษีอยู่ปีละ 5-6 พันบาท กลายเป็นคนที่ไม่ต้องเสียภาษีเพราะหาเงินได้น้อยลง แต่ผมกลับรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เดือดร้อนอะไร แถมยังมีความรู้สึกมั่นคงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย การยื่นภาษีในปีนี้ทำให้ผมเห็นความจริงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
ความลวง
การหาเงินได้มาก ๆ หรือการมีเงินเก็บไว้มาก ๆ เป็นความมั่นคงของชีวิต แม้จะไม่ได้โลภมากถึงขั้นอยากร่ำอยากรวยเป็นเศรษฐี แต่การมีเงินออมหรือเงินเก็บไว้หลาย ๆ ล้านก็ช่วยให้อุ่นใจได้ว่าในอนาคตเมื่อมีเหตุจำเป็น เราจะมีเงินมากพอสำหรับแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการช่วยเหลือเกื้อกูลพ่อแม่ญาติพี่น้อง เป็นต้น
ความจริง
เงินไม่สามารถแก้ปัญหาได้มากนัก พิสูจน์ได้จากประสบการณ์ตรงในช่วงที่แม่ผมป่วยเป็นโรคมะเร็ง และจากเรื่องราวของบุคคลอื่นที่ได้รู้เห็นมา ตรงกันข้าม การมีเงินมาก ๆ กลับจะกลายเป็นเครื่องกั้นไม่ให้เราได้พบได้เห็นวิธีรักษาโรคที่ประหยัดเรียบง่ายและได้ผลดีที่สุด เพราะเราจะหลงทางไปใช้เงินมาก ๆ กับวิธีรักษาโรคที่สิ้นเปลืองมาก ยุ่งยากซับซ้อน และไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
นอกจากเรื่องของความเจ็บป่วยแล้ว เงินยังไม่สามารถเป็นหลักประกันความมั่นคงของชีวิตได้เลย เพราะแม้แต่คนที่มีเงินมาก ๆ ก็สามารถล้มละลายได้ในพริบตาเมื่อต้องเจอกับวิกฤติที่รุนแรง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเงินนั้นไม่สามารถช่วยให้เรามีอาหารการกินที่ไร้สารพิษได้อย่างแท้จริง คนมีเงินมาก ๆ ส่วนใหญ่ใช้เงินซื้อหาแต่สิ่งที่เป็นพิษภัยมาบริโภค ไม่ค่อยได้กินอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าสักเท่าไร ร่างกายจึงอ่อนแอและเป็นโรคมาก
แม้แต่เรื่องการทำประโยชน์ให้แก่สาธารณะ เงินก็ไม่สามารถสร้างความผาสุกให้แก่ชุมชนหรือสังคมได้จริง ช่วยได้แค่ในเรื่องวัตถุต่าง ๆ เท่านั้น แต่ไม่สามารถช่วยคนให้ลดกิเลสซึ่งเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาได้ กลับกัน เงินนี่แหละที่ทำให้คนมีกิเลสเพิ่มขึ้น ทำให้ชุมชนหรือสังคมมีความผาสุกน้อยลง เงินจึงไม่ใช่คำตอบของการทำงานสาธารณกุศลด้วยเช่นกัน
เป็นจ่าฝูงก็ต้องรับวิบากเต็มๆ
สมัยเด็กๆเคยยึดเอาหมาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ หมายกให้เป็นจ่าฝูงเดินไปไหนตามกันเป็นพรวน แค่มองตากันเห็นปฏิกิริยาก็รู้ว่าหมาคิดอะไร แต่คนที่เคยกินนอนด้วยกัน เป็นพี่น้องกันทำไมคุยกันไม่รู้เร่ือง แม้จะเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก็ยังหักหลังกัน โกหกหลอกลวงกันเลยคิดไปว่าสัตว์บางจำพวกน่าจะเป็นมิตรที่ดีกว่ามนุษย์ที่มีปัญญา ที่เค้าเชื่อฟังเราเพราะทำให้อิ่มท้อง ไม่เคยขัดใจกัน หมาไม่ได้มาปกป้องเรา แต่เป็นเราที่คอยดูแลคุ้มภัยให้ ยิ่งมาเลี้ยงที่ต่างประเทศค่าใช้จ่าย ค่าดูแลรักษา ค่าอาหารจะสูงมากตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคมนั้นๆ แต่ยังคิดว่ามันดีที่ได้คุยกับหมาแมวเป็นภาษาไทย พอเลี้ยงไปก็เห็นความลำบากเป็นภาระไปไหนมาไหนเริ่มไม่คล่องตัวจะขังไว้ พวกเขาก็หากินเองไม่ได้อีก ผิดกฎหมาย รอจนกระทั่งหมดอายุขัยกันไปและเริ่มรับรู้แล้วว่ามันไม่ถูกต้องในสิ่งที่เราไปหลงสายตาซื่อๆที่แอบดื้อตามประสาสัตว์หน้าขน และแข็งใจไม่ไปจ้องสายตาหมาตัวไหนอีก พยายามไม่เดินเข้าไปลูบหัวเหมือนอย่างที่ทำด้วยความเคยชิน
ตอนฟังพ่อครูกับอาจารย์เรื่องสัตว์เลี้ยงก็ยังคิดว่าหมดกรรมกันไปในชาตินี้ก็คงจะหมดวิบากที่ทำร่วมกันมา
จนมาอ่านการบ้านของเพื่อนจึงได้มองย้อนกลับไปว่าเราเจอสภาวะอะไรมาบ้าง เห็นจริงว่าพี่น้องคนในครอบครัวเราพูดภาษาเดียวกันแท้ๆแต่มักจะเข้าใจกันไปคนล่ะทาง หากไม่อยากเกิดความขัดแย้งต่อกันก็ยอมสงบนิ่งไม่ดิ้น ไม่ร้อนรน ยามทำหรือพูดไม่ถูกใจกัน พอจะมองด้วยความเข้าใจว่าเราอาจจะมีทั้งวิบากใหม่และเก่าที่ทั้งได้รับและใช้ให้หมดไป ทำความเข้าใจจากการอ่านการบ้านเพื่อนเรื่องของสัตว์ จึงสามารถตัดขาดจากการผูกพันกับสัตว์ไปจากเดิมได้มากกว่าครึ่ง
ผัสสะ : คิดว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน แล้วทำไมถึงต้องเจอวิบาก
ความลวง : คือเชื่อว่าแม้จะเสียทรัพย์จากการเลี้ยงดูแต่เรายังมีเพื่อนที่ดีและซื่อสัตย์ไม่ทำร้ายเราเหมือนคน เพราะเราไม่ชอบคนพูดไม่ดีกับเรา ไม่จริงใจหรือโกหก จึงยึดเอาความซื่อสัตย์ของหมาแมว มากกว่าจะเปิดใจให้คนบางคน โดยเฉพาะในสังคมที่โดดเดี่ยวตัวใครตัวมัน ในต่างประเทศ
ความจริง : เป็นกามเป็นกิเลสของเราเอง ที่ต้องถูกจูงไปทางนู้นทีทางนี้ที จากวิบากเราเองที่เคยทำกับสัตว์เลี้ยงแบบนั้น ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดคุยกับพวกเขาชาวต่างชาติคนล่ะภาษา อึดอัดที่อธิบายตามใจนึกไม่ได้ ถูกขัดใจตามกฎ และวัฒนธรรมของเมืองนั้นๆ ใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
พอเข้าใจผลของวิบากกรรมที่ตามมาจากการเลี้ยงสัตว์ ก็สำนึกผิดขออโหสิกรรมกับทุกชีวิตที่เราได้เบียดเบียนธรรมชาติของพวกเขา อะไรไม่ดีที่เราไม่ชอบให้ใครทำกับเราก็ไม่ทำหรือคิดและพูดกับคนอื่นเช่นกัน ตั้งใจจะเป็นคนที่พูดแต่ความจริงเป็นคนซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเสมอกัน
เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือพึ่งพาตัวเอง และเลือกที่จะสื่อสารให้ถูกต้องและถูกตรงเพื่อช่วยให้คนพ้นทุกข์
การแต่งงานคือการรวมหัวกันทำชั่ว
เนื่องจากพี่น้องได้ทำคำคมจากคำสอนของอาจารย์หมอเขียวขึ้นมาในบทที่ว่า การแต่งงานคือการรวมหัวกันทำชั่ว รวมหัวกันเสพกาม เสพอัตตา สนองความต้องการของกันและกันที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการทำเหตุแห่งทุกข์ เป็นการสร้างศัตรู และวิบากร้ายให้กับตนเองและผู้อื่น พอเราเจอคำคมนี้มันโดนใจของตัวเองมาก เรามีสภาวะ ภาพเก่าๆเหมือนกับดูหนังเลยมันเกิดขึ้นมาในหัวเรา ภาพรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ตอนที่ได้ดั่งใจ ภาพร้องไห้ โศกเศร้าเมื่อต้องสูญเสีย เสียงคำชื่นชม คำดูถูกดูหมิ่นดูแคลน ความกลัว กังวล หวั่นไหว มันมีแต่ทุกข์ คิดถึงน้องๆก็เลยแชร์เข้าไปในไลน์ครอบครัวคิดว่าเขาน่าจะได้ประโยชน์จากคำคมนี้ ผิดความคาดหมายเขาเห็นว่าเราโดนล้างสมองและงมงาย พอโดนว่าอย่างนี้ก็มาดูใจของตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร ใจมันอยากโต้ตอบ มันรู้สึกเสียใจว่าน้องๆเขาเสียประโยชน์ใหญ่ แต่ดูแล้วเขาไม่ฟังเรา เราก็ทำใจว่าทุกคนมีฐานจิตต่างกันเราควรประมาณการกระทำให้เหมาะสมกับฐานจิตของแต่ละคน ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ปล่อยวาง เราจะไม่ไปยัดเยียดดีให้ใคร เราจะทำความผาสุกที่เรา
ผัสสะ โดนน้องๆว่าเรา ทั้งๆที่เราหวังดี
ความลวง ถ้าน้องๆได้ประโยชน์จากคำคมเราจะชอบใจดีใจ แต่เสียใจที่โดนว่า
ความจริง เราประมาณผิดเองเราส่งคำคมที่ไม่เหมาะสมกับฐานจิตของน้องๆเอง ทีหลังเราต้องรู้จักการประมาณที่พอเหมาะ อย่าไปยัดเยียดดีให้ใคร ให้ทำความผาสุกอยู่ที่ตน ช่วยคนที่ศัทธา
ผัสสะ เพื่อน. ความจริง เพื่อนฟังมติหมู่เราจะสุขใจ เพื่อนไม่ฟังมติหมู่เราก็สุขใจ. ความลวง เพื่อนฟังมติหมู่เราจะสุขใจ เพื่อนไม่ฟังมติหมู่เราจะทุกข์ใจ
1. ชื่อเรื่อง อยากกินอาหารเจรสจัด
2. เนื้อเรื่อง ผมได้ตั้งศีลไม่กินอาหารรสจัด เลิกกินเต้าหู้ช่วงเข้าพรรษา แต่พอออกพรรษาแล้ว อยากกลับไปกินอีกครับ
3. ผัสสะ อยากกินอาหารเจปรุงรสจัด
4. ความลวง ถ้าได้กินอาหารเจ ปรุงแต่ง รสจัด จะสุขใจ ไม่ได้กินอาหารเจรสจัด ปรุงแต่ง จะทุกข์ใจ
5. ความจริง เราไม่กินอาหารเจ ปรุงแต่ง รสจัด เราก็อยู่ได้ สุขภาพดีกว่า เราปลูกผักเองดีกว่าไปซื้อกินอาหารเจตั้งเยอะ แถมกินแล้วป่วย ไม่หาย
จากที่ผมตั้งศีลกินจืดช่วงเข้าพรรษา สามารถกินได้ เลิกกินเต้าหู้และน้ำเต้าหู้ได้ พอออกพรรษาก็หิวอีก อยากกลับไปกินเหมือนเดิม ก็เลยสงสัยตัวเองว่า ทำไมเราต้องกลับไปกินอีก เพราะเราก็จะกลับไปป่วยอีก และเป็นการเนิ่นช้าที่จะพ้นทุกข์
ผมก็เลยมาพิจารณา ว่าทำไม เราออกจากอาหารปรุงรสจัด ไปกินอาหารเพื่อสุขภาพ (ผักลวก เกลือ)ไม่ได้
ทำไมเราทำได้แค่กดข่ม แต่ไม่สามารถล้างความอยากได้ ผมก็พิจารณาต่อไปอีก ถึงรูปธรรม ว่าเราจะทำอย่างไรดี
ถึงจะตัดขาดความอยากจากการกินอาหารรสจัด และปรุงแต่งได้ ก็ได้พบว่า ในเฟสบุ๊คของตัวเอง
ยังกดติดตาม อาหารเจ และ กลุ่มของอาหารเจ จากที่อื่นๆอยู่ ซึ่งอาหารของที่อื่น จะเป็นอาหารปรุงแต่ง
ไม่ใช่อาหารเพื่อสุขภาพ เหมือนของแพทย์วิถีธรรม เนื่องจากเรายังอาลัยอาวร ที่จะกินอาหารรสจัด หรือปรุงแต่ง
จากที่เมื่อก่อน เรากำลังพึ่งเลิกเนื้อสัตว์ใหม่ๆ(สองปีที่แล้ว) ต้องอาศัยอาหารเจปรุงรสจัด เพื่อเป็นที่พัก
แต่ตอนนี้ เราจะเลื่อนฐานขึ้นไป จำเป็นต้องตัด อาหารเจปรุงแต่งออก ผมเลยตัดสินใจ ที่จะยกเลิกติดตาม เพจอาหารเจ ปรุงแต่ง อาหารวีแก้น จากเพจอื่นๆทั้งหมด
จะติดตามแต่อาหารเพื่อสุขภาพของแพทย์วิถีธรรมเท่านั้น เพื่อไม่ให้เห็นอาหารปรุงแต่ง ทำให้เราอยากกินอาหารเหล่านั้น
เพราะเป้าหมายของเรา คือปฏิบัติธรรม ถึงแม้อาหารจะ ไม่มีสารพิษ แต่การติดรสชาติในอาหารนั้น ก็เป็นอุปสรรค เป็นข้าศึกศัตรูต่อนักปฏิบัติธรรม ไม่แตกต่างจากพิษในอาหารเช่นกัน ซึ่งผมจะพากเพียรต่อไป เพื่อที่จะออกจากอาหารปรุงรสจัด ไปกินอาหารเพื่อสุขภาพ ได้อย่างเบิกบาน ไม่ต้องกดข่ม เท่าที่ทำได้ครับ สาธุครับ
ชื่อเรื่อง สวย หอม นุ่ม
เนื้อเรื่อง ไปจ่ายกับข้าวที่ตลาด พอเดินเข้าไปยังไม่ทันจะซื้ออะไร ก็ได้กลิ่นหอมของทุเรียนลอยมา (กิเลส)เดินตามกลิ่น ยิ่งใกล้ยิ่งห้อมหอม พอไปถึงนอกจากหอมแล้วยังสีสวย เนื้อนุ่มกำลังดี ถ้าได้กินแล้วคงจะชอบใจ สุขใจ อยากกินทุเรียน
ผัสสะ :เดินไปตลาดได้กลิ่นหอมทุเรียน เดินตามกลิ่นห้อมหอม สีสวย เนื้อนุ่มกำลังดี
ความลวง :ทุเรียนสีสวย กลิ่นหอม เนื้อนุ่ม ถ้าได้กินจะสมใจ อยากกินทุเรียน(กิเลส)
ความจริง :ความหอม สวย นุ่มไปดึงจิตปรุงว่าอร่อยพอได้กินสมใจ แต่สักพัก(กิเลสเล่นงาน) รุ้สึกร้อนภายในร่างกาย เหงื่อออก มึนหัว ลิ้นชา นอนไม่หลับร้อนอึดอัด ตื่มน้ำสมุนไพรก็ไม่ดีขึ้น จึงได้พิจารณาความชอบความชังทุเรียน ชอบที่ได้กิน ชังที่กินแล้วส่งผลให้ทุกข์ ประโยชน์ต่อร่างกายก็ไม่มี ความหอม สวย นุ่มอยุ่ไม่เที่ยง ความหวานก็ทำลายสุขภาพ จะไม่หลงโง่ให้กิเลสหรอกอีก
1.กลิ่นกาแฟหอมน่าดื่ม
มีหน้าที่ทำกาแฟถวายพระ ทั้งเช้ากลางวันทุกวัน วันนี้ไปเปืดตู้ที่เก็บของ เตรียมจะทำกาแฟถวายพระ เหลือบไปเห็นกาแฟบดยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงโฆษณาหอมรสชาติดี ตั้งอยู่บนหิ้งตงมีใครนำมาถวายท่าน เพราะเมื่อวันก่อนไปวัดยังไม่เห็นกาแฟ ยี่ห้อนี้ ปกติไม่กินกาแฟมาหลายปีแล้ว หักดิบตั้งแต่ออกจากค่ายเดือนเมษายน พศ 2555 คือเลืกกินเลย แต่ทำไมมีกิเลสอยากรู้ว่าที่เขาโฆษณาว่ารสชาติเลอเลิศขนาดไหน แต่ก็วางใจ เลยเปิดถุงตักมาใส่ผ้ากรอง และเติมน้ำในเครื่อง ทำกาแฟโดยไม่คิดอะไร
2.ผัสสะ กลิ่นหอมโชยมาชวนให้ลิ้มรสทดลอง สีสรร ดูชวนลิ้มรสว่าจะกลมกล่อมแค่ไหน
3.ความลวง หอมไอกลิ่นโชยมาจากน้ำกาแฟที่ไหลริน มันช่างหอมอบอวลกระไรเช่นนี้สีสรรสวยเป็นสีคล้ำๆอ่อนๆ ถ้าได้ดื่มคงจะวิเศษ ตาสว่างกระปรี้กระเปร่าแน่ๆ
4.ความจริง กาแฟนี้ เขาปลิดเมล็ดออดจากิ่งแก่ๆ เอามาตากแห้งและคั่วผ่านความร้อนซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายเเละมีงานวิจัยว่ากาแฟมีสารคาเฟอีนที่เป็นสารยาเสพติดชนิดหนึ่ง เมื่อเสพเข้าไปแล้วจะติดมันไปกระตุ้นเยื่อประสาทเซลของร่างกายให้ขยายตัวเช่น ม่านตา และบังคับเซลให้อยู่ในสภาพภาวะดูดซิมกระทบกระเทือนต่อมไร้สารของร่างกาย เมื่อเสพติดแล้วก็สดชื่นแต่เมื่อไม่ได้เสพจะกระวนกระวายปวดหัว กระหายคอแห้งปวดศรีษะ หวุดหงิด ประสาทเสื่อม มีแต่โทษ แต่บางตำราวิจัยว่าถ้าเสพแต่น้อยจะมีประโยชน์์ในการระบายท้องตอนเช้า ถึงอย่างไรก็ไม่เชื่อเพราะมีสารคาเฟอีน เมื่อเสพมากๆจะสะสมในร่างกายทำให้ประสาทเสื่อมกระทบกระเทือนอวัยะต่อมไร้ท่อต่างๆ ยิ่งถ้าผสมน้ำตาลและผงครีมยิ่งมีอันตรายมาก มีแต่โทษไม่มีประโยชน์ โชคดีที่หักดิบไม่เสพมาเกือบสิบปี ทำให้เรารู้ว่านี่คือสุขลวง เป็นอุปทานว่าหอมหวานอร่อยมัน
ห่วงเพื่อน
มีเพื่อนชื่อ ก ได้เล่าเรื่องของเพื่อนชื่อ ข ให้ฟังว่าเพื่อนชื่อ ข เลี้ยงลูกแบบบังคับอยากให้ลูกทำตามใจตนเองไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของลูกทำให้ลูกมีความประพฤติไปในทางในทางแข็งกร้าว ไม่มีความเคารพพ่อแม่ และไม่สนใจว่าแม่จะรู้สึกอยากไร พูดอะไรซึ่งจุดนี้ทำให้เพื่อนเครียด และเริ่มมีอาการป่วยทางจิต คือซึมเศร้าไม่คบและพูดคุยกับใคร
ผัสสะ ห่วงเพื่อนเพราะเพื่อนเริ่มมีอาการเจ็บป่วยทางใจ เพราะลูกไม่ได้ดั่งใจตนเอง
ความลวง เพื่อนชื่อ ข อยากให้ลูกทำตามคำสอนของตนเอง ลูกทำอะไรที่ไม่ถูกใจตนเองก็โกรธและไม่คุยกับลูก
ความจริง ลูกเขาจะทำอะไร อย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ที่ลูกจะพูดจะทำได้ เพราะลูกเขาโตแล้ว และลูกก็มีความมั่นใจในตนเอง สามารถดูลตนเองได้ แม่ก็ไม่ควรจะไปบ้งคับลูกมากจนเกินไป เพราะในที่สุดหากวันข้างหน้าเมื่อไม่มีแม่ลูกก็ต้องดูแลตนเองด้วยตนเองอยู่แล้ว
หลังจากที่พิจารณาแล้วจึงวางใจได้ว่าต้องปล่อยไปตามวิบากกรรม ครั้งนี้เพื่อนเราก็กำลังรับวิบากกนรมอยู่ เราก็วางใจได้และใจก็สงบลง เบาสลาบคะ
สาธุ
เรื่อง:รูปน่ากิน(ขนม)
เนื้อเรื่อง:ขณะนั่งรอพี่สาวไปผ่าตา ตาไปมองเห็นข่าวในโทรทัศน์นายกกำลังชิมขนมปาท่องโก๋จิ้มมันม่วงสังขยา หลังจากเลิกกินมานานแล้วเพราะกินแล้วไอ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้กินอีกเลย แต่มาวันนี้เห็นรูปขนมปาท่องโก๋แล้วนึกถึงลักษณะความเหนียวแล้วก็ยังรู้สึกอยากกิน
ผัสสะ: ได้เห็นรูปขนมปาท่องโก๋นึกถึงความเหนียวแล้วรู้สึกว่า”รูปน่ากิน”
ความลวง:รูปของขนมปาท่องโก๋เวลาเคี้ยวกินมันมีความเหนียว อยากเอามากินเพราะมันอร่อย
ความจริง: ความเหนียวมันไม่มีประโยชน์ ความเหนียวตัวนี้พื้นฐานเกิดจากการผสมของแป้งสาลีบดกับน้ำมานวดให้เข้ากันแล้วนำมาทอดให้สุก รูปน่ากิน. เป็นสัญญาเก่าที่เคยหลงว่าความเหนียวมันอร่อยเป็นอุปทานที่เราสร้างขึ้นมา เมื่อรู้ความจริง จึงพิจารณาว่ารูปไม่เที่ยง เกิดขึ้นแว๊บก็หายไป ความรู้สึกถึงความเหนียวก็ไม่เที่ยง สักพักก็หายไปเราไม่ได้ต้องการกินขนมปาท่องโก๋ แม้จะมีรูปน่ากินก็ไม่ต้องกินก็ได้กินไปก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับกินข้าว ไม่อิ่มเท่ากับกินข้าว
1-ชื่อเรื่อง: อย่ากินมัน(ไม่ใช่หัวมันนะ) อีกต่อไปเลย
2-เนื้อเรื่อง: เมื่อช่วงสองอาทิตยี่ที่ผ่านมา ถึงคราวต้องออกนอกบ้าน เพื่อที่จะจัดซื้อหา
วัตถุดิบในการเตรียมอาหาร และของใช้จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
(Asian Grocery Store) หลังจากได้จัดหาซื้อสิ่งของต่างๆได้ครบแล้ว กำลังเดินไปชำระ
ค่าสินค้า ฉับพลันนั้น ได้เดินผ่านชั้นวางสินค้าประเภทขนมต่างๆ ซึ่งมีขนมที่ชื่นชอบและ
โปรดปราณเป็นอย่างมาก เพราะทุกๆครั้งที่เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต(Asian Grocery Store)
จะต้องแวะและหยิบขนมที่ชื่นชอบและโปรดปราณใส่ตะกร้ารถเข็นทุกๆครั้ง เช่น ขนม
ดอกจอก ขนมเปี๊ยะ ถั่วเคลือบ ขนมกรุบกรอบต่างๆ และการจัดหาซื้อสินค้าต่างๆในครั้ง
นี้ก็เช่นเดียวกันกับทุกๆครั้ง พลับหยิบขนมต่างๆใส่ตะกร้า ได้เกิดความรู้สึกคิดขึ้นมาได้ว่า
หากตัวของเราจะกินขนมจำพวกที่เราจะซื้อนี้เข้าไปแล้ว
1-กินเพื่ออะไร
2-กินทำไม
3-กินแล้วจะได้ประโยชน์อะไร
4-สิ้นเปลืองหรือไม่
5-หากไม่กินล่ะ จะเป็นอะไรไหม
3-ผัสสะ: ที่ได้รับในระหว่างจะซื้อขนมต่างๆดังที่กล่าวมานั้น เปรียบเทียบได้ดั่งนี้
1.ผัสสะ ทางกาย ที่มีความต้องการ กระทบกับความรู้สึกของกิเลส การได้ถูกต้อง
สัมผัสกับสินค้าที่ชื่นชอน
2.การที่ตา หู จมูก ลิ้น และกายกระทบกับรูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่รับรู้ได้ด้วย
กายสัมผัส หรือ ความสุขทางสัมผัส – รูปร่าง หน้าตา กลิ่นที่โชยออกมาจากห่อ
นึกถึงรสชาติที่เคยได้กิน แม้กระทั่งเสียงของการเคี้ยวขนมต่างๆ ที่ทำให้ตัวของเรา
นึกคิดไปต่างๆนาๆ
4-ความลวง: การคาดการณ์ คาดเดา สถานการณ์ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นของร่างกาย
หรือเหตุการณ์ต่างๆภายนอกรอบๆตัวของเรา
กิเลสของตัวของเราเอง ทำให้ความรู้สึกนึกคิดพาไปต่างๆนาๆไปเรื่อยๆ ถึง รูป รส
กลิ่น เสียง ดั่งในผัสสะต่างๆดังที่กล่าวมานั้น ทำให้ตัวของเราเกิดความรู้สึกต่างๆนาๆ ที่
จะต้องเตรียมไว้ประจำในยานพาหนะที่ใช้ในการขับขี่ ที่จะต้องมีขนมกรุบกรอบต่างเอาไว้
ในระหว่าการขับขี่ เพื่อแก้อาการง่วง ซึม มึนต่างๆ และเป็นความรู้สึกที่ต้องมีขนมขบเคี้ยว
ให้เกิดเสียงดังเข้าไปในรูหู จะได้ปลุกประสาทให้ตื่นตัว
5-ความจริง: เรื่องจริงๆที่ตัวของเราสามารถพิจารณาได้ คือ วัตถุดิบหลักที่นำมาทำขนม
เป็นวัตถุดิบที่เกิดจากการแปรสภาพจนกระทั่งไม่หลงเหลือสภาพเดิมๆ ส่วนผสมต่างๆ
ที่นำมาประกอบในการทำขนมนั้น ล้วนเป็นส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ
ร่างกาย และเป็นตัวก่อให้เกิดได้สารพัดโรค สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการซื้อขนมต่างๆ
เพิ่มภาระและพื้นที่ในการจัดเก็บขนมในบ้าน
สภาวธรรมหลังจากที่ไม่ต้องซื้อขนมต่างๆมากินอย่างจริงจัง ตัวของเราเองไม่เกิด
อาการใดๆทั้งสิ้น เช่น อาการการลงแดง อาการกระวนกระวายใจ หงุดหงิดใจ ที่ไม่ได้
กินขนม (ชอบ ที่ไม่ได้กินขนม ไม่ชอบ ที่ได้กินขนม) และ สามารถขับรถยนต์ได้โดย
ไม่ต้องเคี้ยวขนมให้มีเสียงรูหูอีกต่อไป อีกทั้ง ไม่เป็นการเพิ่มภาระ เพิ่มพื้นที่ ในการ
เก็บขนมเอาไว้ในรถยนต์ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวของเราเองในระ
หว่างขับยานพาหนะ
เจริญธรรม สำนึกดี ไม่โทษใคร มีใจไร้ทุกข์ สาธุครับ
ผัสสะ ชวนเพื่อนไปรดน้ำต้มส้มสายน้ำผึ้งด้วยน้ำสมุนไพรไล่แมลง ความจริง เราวางใจและพอถึงเวลาเพื่อนก็ไปช่วย ความลวง เพื่อนไม่ว่างเขาก็มีธุระของเขา
แก้ไขการบ้านของวันที่10.10.2020 เรื่องห่วงเพื่อน
เพื่อนชื่อ ก มาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนชื่อ ข เขาเลี้ยงลูกแบบบังคับไม่ฟังเหตุผลของลูก ทำให้ลูกเขามีพฤติกรรมกรรมกร้าวร้าว ไม่มีความเคารพพ่อแม่และผู้ใหญ่ ทำให้ข้าพเจ้าเป็นห่วงลูกของเพื่อนคนนี้ เพราะเกรงว่าเขาจะเป็นเด็กมีปัญหา และจะเป็นปัญหาของสังคมในวันข้างหน้า ทำให้ข้าพเจ้าไม่ชอบที่เพื่อนเลี้ยงลูกแบบนี้
ผัสสะ เพื่อนกับหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ดี
ความลวง เพื่อนไม่สอนลูกด้วยเหตุผล เป็นแม่ที่ไม่ดี ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของลูก เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูก และไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ความจริง เพื่อนจะสอนลูกอย่างไรก็ได้ เพราะเขาเป็นแม่ ถ้าเขาสอนลูกดีลูกเขาก็จะดีเหมือนเขาสอน แต่ถ้าเขาสอนลูกไม่ดี ประพฤติตนไม่เหมาะสมไม่เคารพผู้ใหญ่ลูกเขาก็จะทำตัวเหมือนเขา
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเพื่อน เขาจะเลี้ยงลูกเขาอย่างไร ก็แล้วแต่ถ้าเขาเป็นแม่ที่ดี เชื่อว่าลูกเขาก็จะเป็นต้นไม้หล่นไม่ไกลต้น อย่างแน่นอน
เรื่อง ยึดแล้วไม่สบายใจ
เรื่องย่อ ในการรวมพลังทำงานกสิกรรม ปลูกผัก ที่แปลงเลี้ยงง่าย ตลอดเวลาที่บำเพ็ญในระหว่างค่ายพตฏ.ครั้งที่30 ต้องแบ่งเวลาไปบำเพ็ญหน้าที่อื่นๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งไม่ได้ไปช่วยงานปลูกผักไม่เต็มที่ ไม่เต็มเวลา มีความเกรงใจหมู่กลุ่ม ยึดว่าจะไม่ให้พร่อง จึงไม่สบายใจ
ทุกข์ : ความไม่สบายใจ ทำให้ทุกข์
สมุทัย : การจัดสรรเวลาไปทำหน้าที่อื่นๆ ในเวลาที่ซ้ำซ้อนกัน ได้ไปช่วยงานในแปลงเลี้ยงง่ายเท่าที่แบ่งเวลาได้ เป็นการยึดว่าต้องได้ร่วมทำงานกับหมู่กลุ่มจึงจะดี เกิดความรู้สึกว่ามีความเกรงใจหมู่กลุ่ม จึงค่อนข้างไม่สบายใจ
นิโรธ : ยึดก็ได้ วางก็ได้ พร่องก็ได้ ไม่พร่องก็ได้ สบายใจจริง
มรรค : จะยึดทำไม ยึดแล้วทุกข์ ถ้ายึดในการทำงานทุกอย่าง แล้วทุกอย่างไม่เที่ยง พร่องก็ได้
เมื่อได้ทำเต็มที่แล้ว เหนื่อยเต็มที่แล้ว ใจพร้อมยึด พร้อมวาง พร้อมปรับพร้อมเปลี่ยน ให้เหมาะสมกับเหตุปัจจัย ณ เวลานั้นๆ วางใจได้ สบายใจได้ เพราะรู้เท่าทันกิเลสตัวยึด ตัวเกรงใจ นั้นคือทำให้เป็นทุกข์ แล้วจะทุกข์ให้โง่ทำไม
ชื่อเรื่อง วางร่างวางขันธุ์
เนื้อเรื่อง
วันหนึ่งมีอาการไม่สบายหลังจากได้ทำการถอนพิษแล้วอาการไม่ทุเลาจึงนั่งสมาธิเพื่อใช้เทคนิคการหายใจเพื่อรักษาโรค ต้องการลดความร้อนออกจากร่างกายด้วยลมหายใจ และได้ตั้งจิตวางร่างวางขันธ์ ตั้งใจว่าถ้าตายขอตายแบบนี้ ในระหว่างนั้นก็นึกได้ว่าเรายังไม่ได้เขียนจดหมาย”เบาใจ”จิตก็นึกถึง สมบัติและญาติพี่น้องว่าควรจะจัดการอย่างไรก่อนตาย “เอ…เราจะปลุกพ่อบ้านมาสั่งเสียหน่อยไหม หรือจะเขียนไลน์บอกพ่อบ้านดี หรือจะเขียนไปบอกพี่สาวด้วยดี บ้านจะทำยังไง เงินในธนาคารเขาจะเอามาใช้ได้ไหม ที่ดินแปลงนั้นเขาจะจัดการอย่างไร เออ ช่างเขาเถอะให้เขาจัดการกันเอง ถ้าเขาจะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้อะไรที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง ก็ให้เป็นไปตามวาสนา ปัญญา บารมีของเขาเถอะ เวลานี้เรามาสนใจวางร่างวางขันธ์ดีกว่า แล้วก็นั้่งสมาธิตามลมหายใจเข้าออก แล้วจิตก็นึกได้ว่าอ้าววันนี้เรามีนัดเข้าZoom เพื่อสอบสภาวะธรรมกับทางหมู่กลุ่มนี่นา งั้นก็เอาอันนี้แหละไปสอบ อดทนหน่อยนะ จึงย้ายจากนั่งไปนอนหลับตาฟังเพื่อนๆสอบ และรอคิวที่ตัวเองจะได้สอบ และทำการฝึกลมหายใจร้อนเย็น การวางใจ ไม่กลัวโรค ไม่กลัวตาย ไม่กลัวทรามาณไปด้วย
ผัสสะ
สภาพร่างกายที่ไม่สบาย มีอาการคลื่นเหียร เวียนศีรษะ มึนและหนักใหนศีรษะและแม้จะถอนพิษแล้วแต่อาการไม่ทุเลาจิตใจมีกังวลบ้างเล็กน้อย สภาพจิตใจที่ห่วงสมบัติอยากให้พี่น้องญาติมิตรได้ใช้ของเราหลังจากเราจากไปเพราะยึดว่าญาติของเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้าวของของเรา
ความลวง
ความกังวลว่าสามีจะควรจะรักครอบครัวเราเท่าๆกับที่เรารัก ควรจะแบ่งปันให้ครอบครัวเราเสมือนหนึ่งว่าเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเราต้องการความมั่นใจว่าพี่น้องเราจะได้ใช้ทรัพย์สินส่วนของเราหลังจากเราตายไปแล้วเราก็ควรจะจัดการเสียให้เรียบร้อยก่อนตาย
ความจริง
เรายังไม่ได้ทำจดหมายเบาใจหรือถึงแม้เราจะทำหากผู้อยู่เบื้องหลังไม่ทำตามที่เราเขียนไว้เราก็ไม่สามารถบังคับเขาได้เพราะเราตายไปแล้ว ส่วนญาติของเราจะได้ใช้ทรัพย์สมบ้ติของเราหลังจากที่เราตายไปหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับไม่ว่าเขาจะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ก็นั่นก็เป็นสิ่งที่เหมาะกับสภาพวิบากดีร้ายของเขา ส่วนเราร่างกายไม่สบายก็เป็นเพราะร้อนเย็นไม่สมดุลก็ปรับสมดุลให้ร่างกายเข้าสู่สมดุลและถ้าร่างกายเมื่อถึงเวลาที่เขาไม่สามารถสมดุลได้เขาก็แตกสลายไป และเราก็ไม่ควรประมาทในชีวิตว่าเรายังอายุไม่มากยังไม่ตายวันนี้พรุ่งนี้หรอกเราบอกไม่ได้ว่าเราจะมีชีวิตถึงวันใหนจะตายตอนใหน ตอนหายใจเข้าหรือตอนหายใจออก
ความยึดมั่นถือมั่น
ได้ร่วมบำเพ็ญฐานงานการทำกสิกรรมกับพี่น้องแล้วท่านพูดอยู่ตลอดว่าจะทำงานให้เสร็จก่อนลงกลับบ้านเพราะพี่จิตอาสามอบหมายงานให้แล้ว ทำให้เรารู้สึกเบื่อไม่อยากทำงานด้วยเพราะดูเหมือนท่านเร่งทำให้เราต้องรีบตาม แต่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานของท่านแล้วนึกสงสารรู้สึกเห็นใจและเข้าใจท่าน จึงช่วยทำงานต่อ
ผัสสะ
ท่านพูดย้ำบ่อยๆ(ท่านเร่งตัวท่านเอง)ให้งานสำเร็จเร็วๆ แต่เรารู้สึกว่าท่านเร่งเราด้วยและเราก็ไม่ชอบ(ชัง)การออกคำสั่ง
ความลวง
เรามองว่าทำไมท่านต้องยึดมั่นถือมั่นด้วยจะเร่งรีบอะไรนักหนา งานจะเสร็จหรือไม่เสร็จก็ช่างมันเป็นไรในเมื่อเราก็ทำเต็มที่ ทำดีที่สุดแล้ว ได้เท่าไรก็เอาเท่านั้นเป็นไร
ความจริง
เรานี่ก็กระไรยึดมั่นถือมั่นอยู่ได้ ยึดอยู่นั่นแหละว่าถ้าท่านไม่พูดยัำว่าจะทำงานให้เสร็จเราก็จะสุขใจ ถ้าท่านพูดบ่อยๆเราก็จะทุกข์ใจเพราะชังการที่มีใครมาพูดเหมือนออกคำสั่งและเร่งเราเวลาทำงาน
ชื่อเรื่อง; สวมชุดนักเรียน
เนื้อเรื่อง; ช่วงเย็นพาลูกมัธยมปลายไปเรียนพิเศษ ที่สถาบันเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่่ง ระหว่างนั่งรอรับลูกกลับบ้าน ที่่บริเวณโถงที่พักรอมีที่นั่งรอกว้างขวางและโอ่อ่า มีทั้งนักเรียนที่สวมชุดนักเรียนหลากหลายสถาบันนั่งอยู่เป็นหย่อมๆจำนวนครึ่่งๆคละเคล้ากับผู้ปกครอง ในโชนที่เรานั่งรอ ที่นั่งเป็นโซฟานุ่ม นั่งเว้นระยะห่างกันโซฟาละท่านตามมาตราการป้องกันการติเชื้อโรคCOVID-19
ผัสสะ มีเด็กนักเรียนมัธยมปลายชายหญิงสวมชุดสถาบันเดียวกันคู่หนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาเดียวกัน ดูสนิทสนมกัน ตอนแรกที่เห็นก็นั่งห่างกันเล็กน้อย แต่สักพักนักเรียนชายก็เริ่มเอนตัวพิงพนักเก้ากี้โซฟา และเอนตัวมาใกล้กันมากขึ้นๆจนจะซบไหล่นักเรียนหญิง ดดยฝ่ายหญิงก็ดูจะเคลิ้มไปด้วย
ความลวง; เราเป็นแม่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงนั้น เริ่มหวั่นไหวรู้สึกไม่ชอบกับอาการที่เห็นเด็กนักเรียนที่สวมชุดนักเรียนอยู่ทำกิริยาอาการไม่เหมาะสมในสถาบันการศึกษาด้วย และพิจารณาว่าเราจะช่วยนักเรียนทั้งคู่ได้อย่างไรบ้าง เมื่อมีอาการไม่ชอบใจก็คิดว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างที่แสดงให้เขาทั้งสองรู้ว่ามันไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงออกกำลังกายกดจุดลมปราณแขนไปพลางจนเสร็จก็แล้วเด็กก็ยังไม่สนใจว่าเรามองเห็นเขาอยู่ ฝ่ายชายจะเริ่มซบไหล่จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและลุกเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามทำทีเป็นถือเพื่อถ่ายรูปให้เขาเห็น ปรากฏว่าเด็กนักเรียนผู้หญิงเริ่มรู้สึกตัวจึงรีบลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำทันที่ เราขวางเขาสำเร็จ แต่ก็ยังรู้สึกขุ่นใจอยู่จึงพิจารณาต่อ จึงรู้ว่าตัวไม่ใช่เด็กนักเรียนหญิงโดนเด็กนักเรียนชายหลอก เราต่างหากที่โดนกิลสความชังหลอกเข้าให้แล้ว
ความจริง; การได้พบกับเหตูการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ด้่งใจเราเป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส คือความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเราและทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา เราก็คงเคยทำมาถึงได้มาเจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง ส่วนเขายังไม่เห็นว่ามันเป็นทุกข์ในวันนี้ก็ต้องให้เขากระทำไปเรื่อย เมื่อทุกข์เกินทน ก็ให้ทุกข์สอนเขา เราไม่ใช่สัตตบุรุษของเขา จะไปยุ่งกับเขาไม่ได้ เรามีหน้าที่ต้องล้างใจล้างความไม่ชอบใจต่างหาก
Comments are closed.