630920 การบ้านอริยสัจ (6/2563)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 14 กันยายน – 20 กันยายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
สรุปผู้ส่งการบ้านสัปดาห์นี้ รวม 20 ท่าน
- พิเชษฐ์ บุญย์วิรุฬห์
- ขวัญจิต เฟื่องฟู
- นงลักษณ์ สุวรรณคีรี
- ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์
- แสงสว่าง ฤทธิช่วย
- พรพรรณ เอ็ทสเลอร์
- ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
- พรพิทย์ สามสี
- คำเพียงเพชร
- ชรินรัตน์ ชุมจีด
- พรนภา บุรณศิริ
- โยธกา รือเซ็นแบรก์
- สำรวม แก้วแกมจันทร์
- นงลักษณ์ สมศรี
- จิตรา พรหมโคตร
- อรวิภา กริฟฟิธส์
- รวม เกตุกลม
- พรรณทิวา เกตุกลม
- ชุติวรรณ แสงสำลี
- ณ้ฐพร คงประเสริฐ

แนะนำบทความที่มีเนื้อหาใกล้เคียง
Post Views: 219
ทำเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร
เมื่อคืน (13 ก.ย. 63) มีเพื่อนคนหนึ่งโทรมาถามว่าจะมีค่ายหมอเขียวที่ไหน เขาอยากไปเข้าค่ายเพราะไปตรวจสุขภาพมาพบว่าอาจจะเป็นโรคมะเร็ง ผมตอบไปว่าตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดก็ไม่มีการจัดค่ายอีกเลย… แล้วเราก็ได้พูดคุยรายละเอียดกันถึงที่มาและอาการต่าง ๆ ของเพื่อน สุดท้ายผมกับแม่บ้านก็ช่วยกันให้คำปรึกษาและแนะนำเรื่องการทำใจและวิธีการต่าง ๆ ในการดูแลสุขภาพ เท่าที่เรารู้และพูดได้ ระหว่างนั้น ในใจก็มีความรู้สึกลำบากใจอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะปกติเราไม่ค่อยได้มีโอกาสให้คำปรึกษากับใคร และรู้ตัวเองดีว่าไม่เก่งในทางให้คำปรึกษารักษาโรคเลย มีความกังวลใจอยู่บ้างว่าจะแนะนำได้ไม่ดีหรือทำให้เพื่อนเข้าใจผิด แต่สุดท้ายผมกับแม่บ้านก็ช่วยกันแนะนำเพื่อนคนนี้ผ่านทางโทรศัพท์เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนทำให้เพื่อนรู้สึกว่าสบายใจมากขึ้น และมีความตั้งใจจะปฏิบัติตามแนวทางของแพทย์วิถีธรรมต่อไป
ทุกข์ : มีความกังวลใจว่าเราจะแนะนำเพื่อนได้ไม่ดี
สมุทัย : อยากให้คำปรึกษาที่ดี อยากให้เพื่อนได้คำแนะนำที่ดี อยากให้เพื่อนพ้นทุกข์ได้เร็ว
นิโรธ : แนะนำเพื่อนได้ดีก็สุขใจ แนะนำได้ไม่ดีก็สุขใจ และเพื่อนพ้นทุกข์ได้เร็วก็สุขใจ เพื่อนพ้นทุกข์ได้ช้าก็สุขใจ ทุกอย่างเป็นไปตามวิบากกรรม
มรรค : ทำใจในใจให้ยอมรับเรื่องวิบากกรรม ทำความเข้าใจว่าเพื่อนจะพ้นทุกข์ได้เร็วหรือช้าก็เป็นวิบากกรรมของเพื่อน เราจะแนะนำได้ดีหรือไม่ดีก็เป็นวิบากกรรมเรา พยายามทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ณ เวลานั้น มีความรู้ความจริงในตัวเองเท่าไรก็แบ่งปันให้เพื่อนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คิดว่าทำดีเต็มที่แล้วก็สุขใจได้แล้ว ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร
อริยสัจ 4
เรื่อง ทุกข์ที่พูดให้เเม่ไม่สบายใจ
ทุกข์ ทุกข์ที่พูดให้เเม่ไม่สบายใจ
สมุทัย ระหว่างที่โทรศัพท์คุยกับเเม่ ท่านก็เล่าให้ฟังว่าหลานที่เรียนเงินไม่พอ ข้าพเจ้าก็เลยบอกเเม่ว่า เงินที่มีในธนาคาร เเม่เบิกออกมาเเบ่งหลานใช้ด้วยก็ได้นะ เเม่จะเก็บเอาไว้ทำไม ท่านตอบมาว่าไม่
เสียงท่านเเข็งขึ้นมา ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร
พอวันต่อมาได้โทรหาพี่ที่ดูเเลแม่อยู่ พี่ก็เล่าให้ฟังว่า แม่น้อยใจที่ข้าพเจ้าไปพูดอย่างนั้น ท่านรู้สึกว่าข้าพเจ้ากระเเนะ กระเเนท่าน เห็นกิเลสตัวความห่วงเเม่ ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรเเละรู้สึกไม่สบายใจที่เเม่รู้สึกอย่างนั้น
นิโรธ ไม่หวั่นไหว ไม่กังวล ใจไร้ไร้ทุกข์ เบิกบาน
มรรค ตั้งสติ ทำอริยสัจ4 ความกลัว กังวลก็หายไปทันที เเล้วขอโทษเเละสำนึกผิดที่ได้พูดอะไรให้เเม่ไม่สบายใจเเละอธิบายว่าที่พูดไปนั้นหมายถึงอย่างที่พูดจริงๆไม่ได้ตั้งใจพูดให้ท่านไม่สบายใจ และบอกกับท่านว่า ต่อไปนี้ลูกจะตั้งศีลไม่พูดเล่นกระเเนะกระเเนให้คนอื่นไม่สบายใจ ทั้งในความคิดและการกระทำ เเม่ร่วมอนุโมทนาสาธุด้วยคะ
ชื่อเรื่อง กลัวว่าพี่น้องจะตำหนิ
ทุกข์ กลัวว่าพี่น้องจะว่า จะตำหนิ
สมุทัย ที่เก็บข้อมูลในมือถือใกล้เต็มเเล้ว ข้อความเตือนขึ้นที่มือถือของข้าพเจ้า ก็เลยนั่งลบข้อมูลที่กลุ่มพี่น้องจิตอาสาไปเรื่อยๆ พอลบเสร็จก็มาเข้ามาตรวจดูใหม่ ว่าลบได้ไหม ก็เห็นว่าข้าพเจ้าได้ไปลบรูปของในอั้มบั้มพี่น้องที่ท่านส่งเข้ามาเก็บไว้ ตกใจเเละกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าพี่น้องจะว่า จะตำหนิ รีบกดออกจากกลุ่มทันที รีบหนี โดยไม่ทันกิเลส
นิโรธ มีใจไร้ทุกข์ ถ้าพี่น้องจะตำหนิเรา ยินดีรับความผิดของตนเอง
มรรค ตั้งสติ พิจารณาว่าสิ่งเราทำไม่ถูก ที่เราหนีความผิดออกมาเฉยๆโดยที่เราไม่อธิบายหรือชี้เเจงเลย เราทำผิดโดยไม่ตั้งใจเพราะไม่รู้ว่าการที่เราลบข้อมูล รูปภาพในมือถือเรา จะไปลบข้อมูล รูป ที่พี่น้องแชร์มาได้ ตั้งจิตขอโทษ ขออภัยพี่น้องที่ข้าพเจ้าได้กระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดได้อย่างนั้น ความทุกข์ ความกลัวที่มีอยู่ก็หายไป
และมีโอกาสได้เล่าและขอโทษพี่น้องหมู่กลุ่มฟัง ขณะที่ประชุมอปริยหาธรรมกันซึ่งพี่น้องก็เจริญอภัยให้ เเละได้เชิญเข้าหมู่กลุ่มอีกครั้ง ข้าพเจ้าก็ได้เขียนชี้แจงพี่น้องไปคะ ว่ากระทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สาธุคะ
ทุกข์จากความโกรธ
เมื่อวาน ในขณะพิมพ์งานในคอมฯ เสร็จสิ้นแต่จัดระเบียบเข้าแบบฟอร์ไม่ถูกจึงขอให้เพื่อนร่วมงานมาทำให้ เขาก็บอกว่าได้ แต่เราต้องไปทำงานที่เขากำลังทำอยู่ให้ด้วยแลกกัน ในใจเรารู้สึกโกรธ และมารในใจเราบอกกับตัวเองว่าเพื่อนคนนี้ไม่น่าคบเป็นคนไม่มีน้ำใจ ทำไมต้องใช้วิธีแลกเปลี่ยนหมูไปไก่มา ฉันจะทำงานให้เธอก็ต่อเมื่อเธอทำประโยชน์ให้ฉัน ในใจเราจึงรู้สึกชิงชังรังเกียจแล้วผูกใจโกรธว่าจะไม่พูดคุยกับเพื่อนคนนี้อีก
ทุกข์: โกรธเพื่อน
สมุทัย : ตั้งความหวังว่าเพื่อนยินดีมาช่วยเราด้วยความเต็มใจไม่มีข้อแม้
นิโรธ : ชอบ/ยอมรับทุกพฤติกรรมที่เขาแสดงกับเรา
มรรค : การไปร้องขอโดยที่คนอื่นไม่ได้ให้ เท่ากับเราได้ไปเบียดเบียนเวลาที่เขาทำงาน(เขากำลังทุกข์กับงานที่ทำ) เรากำลังทำบาปผิดศีลข้อที่1,2 ทุกสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา
จึงได้ไหว้พระกราบขอโทษขออโหสิกรรม ขอตั้งจิตจะไม่โกรธและกล่าวโทษต่อผู้อื่นอีก
หลงทาง
ไปธุระที่โคราช หลังเสร็จธุระก็จะไปเยี่ยมญาติตามคำเชิญชวน แต่พอถึงเวลาไป net ก็ไม่เสถียร ทำให้ใช้ gps ไม่ได้ แม้จะเก็บรูปมาแล้ว แต่โคราชก็ยังเป็นเมืองที่รายละเอียดเยอะ แถมถนนเฉียงไปมาเยอะด้วย ก็เลยหลง… และหลงวนมาที่เดิม ตอนแรกคิดว่าจะตีรถกลับบ้านเลย แต่ก็ฉุกคิดอีกทีว่า ถ้าหลงกลับมาที่เดิม ก็ยังได้ลองใหม่อีกรอบไง ว่าแล้วก็เลยขับวน ๆ หลง ๆ ไปอีกสักพักจนถึงจุดหมาย
ทุกข์ : ความอึดอัด กดดัน บนท้องถนนที่ไม่คุ้นชิน
สมุทัย : ความคาดหวังว่าจะต้องไม่หลงมาก ถึงจุดหมายไม่ยากไม่ลำบากนัก
นิโรธ : หลงก็ได้ ไม่ไปก็ได้ และไปก็ได้เช่นกัน ใจจะต้องไม่ทุกข์ตลอดเวลาที่หลง หลงมากหลงน้อย เดี๋ยวก็ถึงสักวันถ้าไม่เลิกพยายาม
มรรค : เลิกใช้ความเห็นตัวเอง พึ่งพาหมู่มิตรดี คือญาติพี่น้อง คอยให้รายละเอียด แม้ตอนแรกจะติดต่อญาติที่จะไปหาไม่ติด แต่ก็ติดต่อไปหาลูกเขา สุดท้ายแม้จะอธิบายกันยาก เขาก็แนะนำให้ถามจากคนแถวนั้น ซึ่งก็ได้ผลดี ถ้ากำหนดจุดเป้าหมายที่คนรู้จักไว้ จะไปง่าย เราก็ทิ้งความเห็นตัวเอง พึ่งพาคนอื่น พื้นที่นี้เราไม่เก่ง เราก็ต้องเรียนรู้จากคนอื่น ปล่อยวางความคาดหวังจากตัวเองได้ มันก็เบาลงไปเยอะเลย ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง
ชื่อเรื่อง อยากมีอยากได้อยากเป็นอยากจะพูดเก่งแบบเขา
เมื่อวันที่17 ณ ภูผาฟ้าน้ำผมได้ไปทำงานที่สวนสตอเบอรรี่กับพี่น้องในตอนเย็นๆพอไปถึงสวนสตอเบอรี่และได้ขุดดินไปสักพักใหญ่ๆก็ได้เห็นพี่น้องท่านหนึ่งคุยไปทำงานไปและพอเราได้สังเกตุเขาก็จะพูดได้เยอะคล่องแคล่วพูดดีทำให้เกิดกิเลสในใจผมว่ามีความอิจฉาอยากจะพูดได้แบบเขาอยากจะพูดคล่องแคล่วแบบเขาทำไมเราไม่พูดได้แบบเขามั้งเพราะที่ผ่านมาผมจะเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดต่อยจาพอเห็นใครทำได้ดีแล้วมักจะมีความอยากเป็นอยากมีในใจ แต่พอมารู้จัก อ.จ.หมอเขียวก็ได้ทำตามคำสอนท่านปฏิบัติตามท่านมาตลอดก็ได้เข้าใจเรื่องกรรมแจ่มแจ้งมากขึ้นเชื่อในเรื่องวิบากกรรมก็ทำให้เราคลายใจหายสงสัยในบางเรื่องมากขึ้น กลับมาเหตุการณ์ ณ สวนสตอเบอรี่ พอผมทุกข์ทำไมพูดไม่ได้แบบเขา ผมก็นึกถึงคำที่ อ.จ.สอนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจงท่องไว้กูทำมา จะพูดก็ได้ไม่พูดก็ได้ เข้าใจเรื่องกรรมให้มากขึ้น สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมาในอดีตทำใจยอมรับสิ่งที่เป็น ถึงเราจะไม่ได้พูดเราก็สามารถทำประโยชน์โดยการณ์ขุดดินของเราไป ไม่พูดแต่ข้างในเบิกบานใจวิบากร้ายตรงนี้ก็หมดไปวิบากดีก็เข้ามาทำใจในใจยอมรับวางใจกับสิ่งที่เกิดยินดีกับสิ่งที่เข้ามาเราเคยทำไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรเราก็ต้องรับผลในปัจจุบันกับสิ่งที่ทำจนทำให้ผมคลายใจทำงานอย่างเบิกบานใจความอยากก็คลายหายไป
ทุกข์:กังวลใจทุกข์ใจที่พูดไม่ได้แบบเขา
สมุทัย:อยากพูดได้แบบเขาทำไมเราพูดไม่ได้แบบเขาบ้างนะอยากเก่ง
นิโรธ:เข้าใจเรื่องกรรมว่าเราเคยทำชั่วมากจนหาที่สุดไม่ได้เราก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้นรับแล้วก็หมดไปแล้วดีจะเกิดขึ้นทุกวินาทีคือการใช้วิบากถึงเวลาให้พูดเขาก็ให้พูดเอง
มรรค:อ่านจิตอ่านใจบอกเหตุผลกับกิเลสบ่อยๆว่าคิดแบบนี้มันไม่ดีมันโง่มันทุกข์น่ะ เราเป็นแบบนี้พากเพียรทำดีตั้งศีลบ่อยๆแล้วดีจะเกิดขึ้นเอง
การบ้านเรื่องทุกข์อริยสัจ
ทุกข์ เพราะแม่ฟังเรื่องการเมืองมากเกินไป
สมุทัย แม่ชอบฟังนักการเมืองซึ่งเป็นฝ่ายไม่รักประเทศไทย และแม่ก็เชียร์และพูดว่าเขาดี เขาช่วยประเทศไทย เขารักคนจน แล้วทำไมคนดี ๆ อย่างนี้ต้องโดนไล่ออกนอกประเทศ ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกว่าพูดไม่ออก ชอบที่จะให้แม่รู้ความจริงว่าใครเป็นคนรักประเทศ รักคนไทย หรือ คนช่วยประเทศชาติ ไม่ชอบที่แม่ไปเข้าใจว่าคนไม่ดี คือคนดี
นิโรธ แม่จะชอบคนดีหรือคนไม่ดี ก็ได้ เพราะนั่นคือความสุขของแม่ เราก็ดูห่างๆ และยิ้ม
มรรค การที่แม่ชอบฟังนักการเมืองที่ไม่ดีก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแม่ และเป็นความสุขของแม่ เราจะไม่ไปก้าวก่าย ล่วงล้ำ สิทธิของแม่ แต่ก็เพียงพูดว่า “แม่อย่าดูมากนะจ้ะเด๋วความดันจะขึ้น เพราะเรื่องการเมืองเป็นเรื่องหนัก ไปฟังหมอลำ และ พระเทศน์ จะดีกว่า” แต่เราก็ดีใจที่แม่ทันสมัยและมีความสุขที่ได้ฟังและไม่เหงา นะคะ สาธุ
เวลามีงานศพตอนเย็นเจ้าภาพก็นิมนต์พระมาสวดศพพระต้องมาสวดทุกวันสวดทุกครั้งก็ต้องใส่ซองให้พระที่สวดทุกครั้งบางวันมีญาติเพื่อนฝูงผู้ตายมาร่วมในงานศพแจ้งว้าจะสวดให้ผู้ตายบางวันสวด2-3 ครั้งเขาเรียกอีกชื่อว่าสวด 2-3 เตียง ก็ต้องใส่ซองให้ทุกเตียง เรามีความรู้สึกว่าเศรษกิฐแบบนี้คนยังไม่เข้าใจการทำบุญ ทำกุศลที่ถูกต้องถูกตรง ทำมานมนานทำให้คิดไปว่าจะต้องใช้เงินเป็นสะพานส่งให้คนตายกระนั้นหรือถึงจะทำให้คนตายได้บุญ แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ทุกข์ # ไม่มีใครมาช่วยแก้
สมุทัย # ชอบที่จะให้ทำบุญด้วยเงินแบบพอดี ๆ สงสารและเห็นใจชาวบ้านบางคนที่ไม่ค่อยมีเงินแต่คิดอย่างเดียวว่าจะต้องทำบุญส่งให้คนตาย
นิโรธ # การได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ไม่ได้ดั่งใจเรา
เป็นสุดยอดแห่งเครื่องมืออันล้ำค่า ที่ทำให้ได้ฝึกล้างกิเลส
คือความหลงชิงชังรังเกียจ หลงยึดมั่นถือมั่นในใจเรา
และทำให้ได้ล้างวิบากร้ายของเรา ช่วยอะไรใครไม่ได้ก็วางให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละคน ใครจะคิดเป็นไม่เป็นใจเราก็ยินดีในความไม่ชอบไม่ชัง ใจไร้ทุกข์ไร้กังวล
มรรค # เดียวนี้อะไรๆชาวโลกเขาก็คิดเป็นเงินหมดดีนะที่เราได้มาพบแพทย์วิถีธรรมได้เข้าใจธรรมะที่ถูกต้องถูกตรง
เรามีหน้าที่ทำแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง ให้อยู่สภาพที่ดีที่สุด
เท่าที่พึงทำได้ ให้โลกและเราได้อาศัย
ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับไปเท่านั้น จงเบิกบาน เบิกบาน
และเบิกบาน .อย่างเป็นอมตะธรรม
ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ
เรื่อง อยากช่วยให้พี่คนหนึ่งให้ได้ไปบำเพ็ญค่ายพระไตรปิฎกที่ภูผาฟ้าน้ำ
มีพี่ท่านนึงเราเห็นถึงความตั้งใจของท่านว่ามีความปสงค์ที่จะไปภูผาฟ้าน้ำ(อยากไปมาก)และคิดว่าถ้าชาวยให้พี่เค้าไปค่ายได้จะสามารถช่วยพี่เค้าได้เรื่องทางอารมณ์และเรื่องต่างๆ(พี่เค้ามีภาวะเรื่องอารมณ์สองขั้ว)จากการที่ได้คุยกันท่านบอกว่าโรคดีขึ้นได้เพราะได้ฟังธรรมะอาจารย์ค่ะจึงได้สังเคราะห์กันของมติหมู่กลุ่มของจ.ตรังว่าพวกเราจะช่วยให้พี่แกได้ไปค่ายจึงโทรสังเคราะห์กับพี่น้องหลายท่านและแจ้งไปในหมู่กลุ่มใหญ่(สวน2)หมู่กลุ่มใหญ่ๆสังเคราะห์กันแล้วก็ได้อนุมัติให้ไปได้
แต่หลังจากหมู่กลุ่มอนุมัติเหมือนมีมาตลีเทพสารถีมาเตือนพวกเราอยู่2เรื่องเพราะแทมก็ได้โทรไปคุยกับพี่เค้าๆพูดคุยออกมาแล้วทำให้เรารู้สึกได้ว่าถ้าพี่เค้าไปกับเราแล้วเราฐานของเราน่าจะเอาพี่เค้าไม่อยู่จากที่เมื่อก่อนเราพูดอะไรท่านจะหยุดฟังและเรื่องที่สองคือพี่แกได้ส่งข้อความบางอย่างไปในไลน์ของพี่จิตอาสาจ.ตรังอีกท่านซึ่งพี่แกส่งให้ผิดคน
พวกเราจึงสังเคระห์กันอีกครั้งมติหมู่กลุ่มจึงเปลี่ยนให้พี่แกบำเพ็ญอยู่รอบนอกไปก่อนพี่แกก็ยินยอมดีค่ะ
ทุกข์. เกิดจากความอยากความยึดมั่นถือมั่น
สมุทัย.ถ้าเราช่วยเค้าได้ก็สมใจสุขใจช่วยไม่ได้้ก็ทุุกข์ใจ
นิโรธ.ช่วยได้ก็ได้ช่วยไม่ได้ก็วางใจได้ใจก็ไม่ทุกข์วางดีให้ได้ ใครจะได้รับผลอย่างไรก็อยู่ที่อุกศอกุศลของแต่ละชีวิตตามวิบากดีร้ายของแต่ละชีวต
มรรค.พิจารณาโทษของความอยากความยึดมั่นถือมั่นวางดีทำดีที่ทำได้อย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น
อย่าแบกชีวิตคนอื่น อย่าทำผิดหน้าที่ อย่าทำเกินหน้าที่ ถ้าเขาไม่ฟังเราให้เขาเป็นให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการจะทำปล่อยวางให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละชีวิต ถ้าเราพยายามแล้ว สอนแล้ว เตือนแล้วแต่เขายังไม่ฟังเราไม่ใช่สัตบุรษของเขา หน้าที่เรา คือ ทำเต็มที่เต็มแรงอย่างรู้เพียรรู้พักแล้วปล่่อยวางให้เป็นไปตามวิบากดีร้ายของแต่ละชีวิติ
และเราเองก็ตั้งศีลเพิ่มศีลให้ยิ่งขึ้น ทำดีทีตน ช่วยคนที่เขาศรัทธา
สาธุ.
เรื่อง : ทำของมีค่าและจำเป็นสำหรับเราหาย
เมื่อ 15 กค 2563 ได้ใส่เครื่องฟังหูข้างขวาแล้วขึ้นมาปฏิบัติธรรมที่ภูผาฟ้าน้ำได้ 20 กว่าวันก็มีเหตุให้ต้องลงไปทำธุระที่บ้าน แล้วก็ทำเครื่องฟังหูข้างขวาตกหายไปข้างถนนราคา16,000 บาท ต้องแจ้งความหายจึงจะทำใหม่ได้
ทุกข์ : จากการทำของมีค่าและจำเป็นหาย และกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อใหม่ การได้ยินจะไม่ค่อยดี
สมุทัย : กังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อใหม่ การได้ยินจะไม่ค่อยดี การทำเครื่องฟังราคาแพงหายไปและมีความอายที่จะบอกหมอว่าเราทำของหาย มีความกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อใหม่และกลัวว่าการได้ยินจะไม่ดีพอ
นิโรธ : ของจะหายก็ได้ ไม่หายก็ได้ ได้ซื้อใหม่ก็ได้ ไม่ได้ซื้อใหม่ก็ได้ อย่างไรก็จะใช้เท่าที่มีอย่างไม่ทุกข์ใจ
มรรค : ทำใจว่าหายก็ไม่เป็นไร ใช้หูข้างซ้ายข้างเดียวตามเดิม ไปพบแพทย์ก็บอกราคาเครื่องและเห็นว่าเราก็ไม่อยากซื้อใหม่เท่าไหร่ แพทย์ก็บอกว่าข้างขวาก็ช่วยแค่รับฟังว่าเสียงมาทางไหนเท่านั้น และกลับมาบ้านพ่อบ้านก็บอกว่าจะให้เงินไปทำใหม่ถ้าอยากจะทำ รวมทั้ง อ.หมอเขียวเคยบอกว่าอยู่ที่ภูผาไม่ต้องใช้หูใช้แต่แรงงาน ทำใจได้ใส่เครื่องฟังข้างซ้ายข้างเดียวตามเดิมอย่างไม่กังวล ไม่หวังผลว่าจะได้ใส่อันใหม่หรือไม่ได้ใส่ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเราทำมา แล้วกลับขึ้นมาปฏิบัติธรรมที่ภูผาฟ้าน้ำต่ออย่างผาสุข เบิกบาน แจ่มใสและไร้กังวล
20 กันยายน 2563
สภาวะธรรม/ทุกข์อริยสัจ
อริยสัจ ๔ ปฏิบัติอริยศีล จนเกิดอริยปัญญา
ทุกข์:เพราะ สังขารไม่ไหวแต่ใจยังห่วงงานที่ทำค้างอยู่ไม่อยากให้เป็นภาระของพ่อบ้าน
สมุทัย : ก้มเร็วผิดท่าทำให้เป็น ยอกนาน2อาทิตย์ และต่อยาว3 และ4 อาทิตย์เริ่มีอาการ หนาวสั่นท้องเสียอาเจียนปวดท้อง แต่ไม่เป็นไข้ ประคบ ดึ่มน้ำ 4พลัง กดจุด กัวซา ยาเม็ดเลิศธรรมะรักษาโรคตั้งศีลสู้ ไม่กลัวเป็น ไม่กลัวตาย และภาวนาพุทโธ ตลอดเวลาเข้มข้น 4วัน เสาร์ -อังคาร ทานน้ำ อาหารไม่ได้เลย น้ำลงไปอาเจียนออก ปวดท้อง ท้องบวม ดีท๊อกทุกวัน ช่วยระบายพิษ วันจันทร์เย็นหมดแรงข้าวต้ม หนาวสั่นเห็นตัวเอง สั่น ชักเหมือนกบ ที่กำลังจะตายแต่ยังไม่ขาดใจ คิดทบทวนอะไร ที่เรายังไม่ได้ทำ ห่วงใยแม่ น้อง ลูก พ่อบ้าน ไม่มี แต่!!!มีงานอย่างหนึ่ง ที่เรายังไม่ได้ทำ
และเพิ่มปัญหากับพ่อบ้านแน่นอน ถ้าไม่ทำไว้.
ชอบ-ที่ จะทำงานให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ชอบที่งานไม่เสร็จ เรียบร้อย. หลังจาก อาการชัก พอสมควรวิบากผ่อนลงตั้งใจว่าจะทำงาน ที่ทำค้างอยู่จึงเอางานมานอนทำ คุณพ่อบ้านถามว่าทำอะไร ? ตอบงานค้าง ไม่อยากมีอะไรค้างคาใจ ทำงานไป ประมาณ 30-40นาที อาการหนาวสั่น เริ่มเหงื่อออก ท่วมตัว ทำงานต่อแต่ยังไม่เสร็จ อย่างที่ตั้งใจ .
นิโรธ: งานจะเสร็จก็ได้ ไม่เสร็จก็ได้
มรรค: พิจารณา และบอกใจตัวเองว่าจะไม่ทิ้งภาระและปัญหาให้พ่อบ้านเป็นบาป ผิดศีล .แต่ก่อนไม่เคยกลัวบาปกลัวผิดศีล นึกถึง สัตว์มากมายโดยเฉพาะ กบ อิ่ง ที่เราทำร้าย เอาชีวิตเขามาต่อชีวิตเรากินไข่ ลูก ของเขาด้วย และกว่าเขาจะตาย เจ็บปวด ทรมาน เหมือนเรา ตอนนี้ ชีวิตใครๆก็รัก เขาไม่มีโอกาสต่อรองเลย กราบขอโทษ ขออโหสิกรรมแก่ สัตว์ที่เรา คิดเอาเองเองว่าเขาเป็นอาหารของเราและเราได้รับรู้ความเจ็บความปวด กำลังจะตายว่าเป็นเช่นไร. เจริญภาวนาและบททบทวนธรรมไม่โกรธ ไม่กลัวเป็น ไม่กลัวตาย ไม่กลัวโรค ไม่เร่งผล ไม่กังวล ไม่หวั่นไหว ตายก็ให้มันตาย ไปเกิดใหม่จะทำดีต่อ ,สิ่งที่เราได้รับ คือสิ่งที่เราทำมา ไม่มีสิ่งใดที่เราได้รับโดยที่เราไม่เคยทำมา .และเจริญภาวนาตลอด และได้เห็นการพัฒนาทางจิตวิญญาณของตัวเอง เข้มแข็งขึ้น ไม่ห่วงใคร เพราะสุดท้ายเราก็ไปคนเดียวจริงๆนอนเป็นผักทำอะไรไม่ได้มีข้าว มีน้ำ ก็กินไม่ได้. แต่ทำเต็มที่แล้ว **ที่สำคัญคือ”ใจ”ที่ไม่กลัวตาย
วันรุ่งขึ้นลูกชายพาไปหาหมอ หมอฉีดยา แก้อาเจียน ก็ดีขึ้นตามลำดับ .
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอเขียวที่สอนยาเม็ดเลิศ ธรรมะรักษาโรค
กราบขอบพระคุณพี่น้องหมู่มิตรดีที่ส่งพลังใจ
กราบขอบคุณตัวเองที่มีชีวิตใหม่ จะพากเพียรทำดีต่อไป .กราบขอบคุณวิบากร้ายที่ได้ชดใช้
กราบสาธุค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ.
เรื่อง: “ชอบกินข้าวเหนียว”
เนื้อเรื่องย่อ : เนื่องด้วยที่ตัวเองชอบกินข้าวเหนียวมากๆ มาตั้งแต่เด็กๆ แม้ว่าใช้ความพยายามในการ ลด ละ มาตามลำดับๆ แต่ยังเลิกเด็ดขาดไม่ได้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปตลาด เดินผ่านแม่ค้าขายข้าวเหนียวไก่ทอด ไม่กินไก่ทอดแล้ว คือไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดได้แล้ว ไม่ชอบ-ไม่ชัง กับรสชาติของเนื้อสัตว์ได้แล้ว แต่ด้วยใจที่ชอบกินข้าวเหนียวเปล่าๆ จึงซี้อ 5 บาท ใส่ตะกร้าหิ้วมาบ้าน พอถึงหน้าบ้านวางตะกร้าลงบนพื้นทรายหน้าบ้าน แล้วก้มลงเก็บมังคุด2-3ผล ที่หล่นอยู่ใกล้ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็น หมากำลังคาบห่อข้าวเหนียววิ่งไป เห็นข้าวเหนียวหล่นตุ๊บลงบนพื้นทรายทันที หมาคาบได้แต่กระดาษเปล่าๆ ที่ห่อข้าวเหนียวมา ตอนนั้นใจเราก็คิดเห็นใจหมานะ ที่มันทำกิริยาเช่นนั้นเพราะมันหิว จึงไม่โกรธหมา ไม่โทษหมาแต่อย่างใด แต่ด้วยที่ตัวเองชอบกินข้าวเหนียว จึงก้มลงหยิบข้าวเหนียวอย่างบรรจงค่อยๆ เอาไปล้างน้ำ แล้วเอาไปนึ่งใหม่ ด้วยความชอบ จึงเอามาเคี้ยวกิน แต่ปรากฎว่า คำแรกก็เจอทรายกินไม่ได้ต้องคายทิ้ง คำที่สองเคี้ยวไม่ได้อีกต้องทิ้ง ถึงคำที่สามก็ต้องคายทิ้ง
ทุกข์ : ทุกข์เพราะผิดหวังไม่ได้กินข้าวเหนียวของชอบ
สมุทัย: ความผิดหวังที่ม่ได้กินข้าวเหนียว เป็นทุกข์
นิโรธ : ไม่ขอบ-ไม่ขัง สบายใจเป็นพอ
มรรค : พิจารณาใคร่ครวญ ตัวชอบ เป็นกิเลส กินก็ได้ไม่กินก็ได้ เมื่ไหร่ควรกินให้เป็นประโยชน์ เมื่อไห่กินแล้วเป็นโทษไม่ควรกิน
เมื่อได้พิจารณาซ้ำๆๆๆ ในการต่อสู้กับ”กิเลสตัวขอบกิน” ก็สนุกดี ยังต้องต่อสู้อีกต่อไป แต่จะมีความผาสุกเบิกบานมากขึ้นตาลำดับ
อริยสัจ 4
เรื่อง กังวลว่าส่งงานไม่ทัน
ช่วงนี้มีส่วนตัวงานเยอะ และทำงานพี่น้องมาหลายอย่าง ก็เห็นกิเลสตัสเองที่อยากทำหลายๆอย่างให้เสร็จ ทั้งงานส่วนตัวเเละงานกลุ่ม และรู้ตัวเองว่าพักซักนิดน่าดีขึ้น
ทุกข์ กัวงลว่าจะส่งงานไม่ทัน
สมุทัย ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เเล้วคิดว่าวันนี้ควรจะทำอะไรบ้าง ก็เห็นว่าตัวเองมีงานค้างหลายอย่างที่อยากทำ อยากส่งงาน อยากทำ ขณะที่คิดก็มีตัวกังวลว่าจะเสร็จทันไหม? จะทำทันไหม?
เดี๋ยวเราต้องออกไปกับพ่อบ้านอีก เเล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเองเเรงตก มีอาการเพลีย
นิโรธ ไม่ว่างานจะเสร็จหรือไม่ จะไม่ทุกข์ ไม่กังวล
มรรค ตั้งสติ ดูตัวเอง เห็นว่าตัวเองเเรงตกก็ทำยาเม็ดที่ 9 คือรู้เพียร รู้พัก พอตื่นขึ้นมามีเเรงก็มาเขียนการบ้านส่งประจำหลายสัปดาห์ ที่ได้ตั้งศีลไว้ว่าจะส่งการบ้านทุกอาทิตย์
และเตรียมทำงานที่ค้างไว้ด้วยใจเบิกบาน ทำงานไปเรื่อยๆ รอออกไปข้างนอกพร้อมพ่อบ้านด้วยใจที่ผาสุข คำสอนของท่านอ.ก็ลอยมา….ความสำเร็จของงาน ไม่ได้อยู่ที่ผลของงาน ความสำเร็จของงานอยู่ที่ผลสำเร็จของใจ ขณะนี้ใจคลายกังวล หานฝยไปเเล้วคะ จะเสร็จก็ได้ ไม่เสร็จก็ได้ สาธุค่ะ
เรื่อง การคาดเดาใจคนอื่น
ได้รับหน้าที่ประสานงานค่ายสุขภาพออนไลน์ ทางต่างประเทศได้ให้ข้อมูลและแบ่งงานกับพี่น้อง ค่ายแรกทุกท่านก็กระตือรือล้น ร่วมพลังกันเป็นอย่างดี แต่มาถึงครั้งที่2 พอถึงกำหนดวันส่งคลิปกันแล้ว แต่เพื่อนบางท่านเงียบไปไม่ตอบไลน์ก็เริ่มกังวลเลยคาดเดาใจเพื่อน จนเกือบจะเข้าใจผิดกัน
ทุกข์ เพราะยึดงาน กังวลว่าเพื่อนโกรธ
สมุทัย กังวลว่าเพราะเพื่อนไม่พอใจเรา เลยไม่ส่งคลิป
เราไม่มีเจตนาอย่างนั้น ติดต่อไปทางไลน์ส่วนตัว มาปรุงต่อว่า งานที่ทำเป็นกลุ่ม อยู่กัน
คนล่ะฟากฟ้า เป็นเพราะเราประสานงานบกพร่องจึงไม่ได้ใช้คลิปครั้งก่อน ถ้าเพื่อนไม่
ให้ความร่วมมือ งานอาจจะพังหรือจะมาเติมคลิปกันเอง ปรุงเสร็จ รสชาติมันไม่อร่อย
นิโรธ วางใจเรื่องงาน มีคลิปก็ได้ไม่มีก็ใช้ของเดิม สำนึกผิดได้ก่อน เพื่อนจะเข้าใจผิดก็ได้
ทำดีแล้วให้โดนด่าให้ได้
มรรค พอสบายใจ ความผาสุกกลับมา ได้รับคำตอบว่าเพื่อนกำลังเจอวิบาก จึงได้เห็นกิเลสที่
ไปเดาใจเพื่อน พอรีบวางและทำความเข้าใจมีความเมตตาต่อกัน ทุกอย่างมันง่ายขึ้น
พอจับได้ว่าเรายึดดีเกินไปอยากให้ทุกอย่างได้ดังใจว่าครั้งนี้เราจะได้ทำงานง่ายขึ้น
เสร็จทันเวลา พอไม่เอามายึด เสร็จก็ได้ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ก็สัมผัสได้ว่าเบากาย
เบาใจ เห็นความโง่ของตัวเอง ที่ไปอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา มันยังไม่ถึงเวลา
เราโชคดีแล้วที่แม้งานจะพังแต่เรายังมีพลังของหมู่มิตรดีอยู่ ที่พร้อมจะเข้าใจและคอย
ช่วยช้อนกัน
เรื่อง ชังพฤติกรรมของตัวละครผู้ชาย
เนื้อเรื่อง ลูกสะไภ้มานอนที่บ้าน ประมาณ3ทุ่ม ลูกสะไภ้เปิดละครดู เป็นฉากแสดงผู้ชายกับผู้ชายชอบกัน ข้าพเจ้ารู้สึกชังพฤติกรรมผู้ชายในละครมาก กำลังจะหันหน้าหนีไม่ดู แต่นึกถึงคำสอนของพ่อครูว่าต้องมีผัสสะ จึงหันกลับมาดูอีกครั้งแต่ไม่ได้พิจารณา สักพักจึงตัดใจไม่ดูแล้วนอนเพื่อจะได้ตื่นแต่เช้ามาฟังธรรมอาจารย์ วันใหม่ตื่นมาตี4กว่า เปิดฟังธรรมและช่วยลูกทำขนมจีบ ข้าพเจ้าทำน้ำสมุนไพรขาย ประมาณ11โมงทำกับข้าวสุขภาพและทานอาหารร่วมฟังอปริหานิยธรรม ด้วยความคิดดีทำดีในวันนี้ เป็นเหตุให้มาระลึกย้อนตรวจสอบความชังพฤติกรรมในตัวละครผู้ชายชอบผู้ชาย
ทุกข์:ยึดดี เพราะอยากให้คนทำพฤติกรรมถูกต้อง
สมุทัย:มีอาการชอบชังเกิดขึ้นในใจ จะชอบใจถ้าคนทำพฤติกรรมถูกต้อง ชังเมื่อคนทำพฤติกรรมไม่ถูกต้อง จึงมีอาการทุกข์เกิดขึ้น
นิโรธ:คนจะทำพฤติกรรมถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องก็ไม่ทุกข์ เพราะแต่ละคนมีกรรมเป็นของตน ใครก็ไม่อยากเป็น เราเมตตาขอให้คิดได้เร็วๆนะ
มรรค:ตั้งศีลปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น พร้อมกับสู้กับเรื่องอาหาร กินมื้อเดียวเป็นบางวัน
ความฟุ้งซ่าน
อยู่ๆพ่อบ้านเขาก็ถามขึ้นมาว่าถ้าเทคโนโลยีเจริญกว่านี้ชีวิตมนุษย์จะเจริญกว่านี้มั้ยเราก็เลยตอบไปว่าถ้าไม่มีธรรมะมันก็มีแต่จะเสื่อมลงเท่านั้น เขาตอบกลับมาว่าไม่เห็นด้วยกับเรา แต่เขาอยากรู้ว่าอาจารย์หมอเขียวจะมีความเห็นอย่างไร เราก็ว่าอย่าว่าแต่อาจารย์เลย พระพุทธเจ้ายังหนีออกมาจากสิ่งที่ชาวโลกเขาเห็นว่าเจริญเลย แล้วก็บอกเขาไปว่าอย่าไปคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเลยอยู่กับปัจจุบันนี้เวลานี้เถอะเพราะเป็นเวลาที่ที่มีพลังที่สุด มีฤทธิ์ที่สุด
ทุกข์ อยากให้เขาอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่าน
สมุทัย ถ้าเขาเป็นอย่างที่เราต้องการจะสุขใจ ถ้าไม่เป็นอย่างที่เราต้องการจะทุกข์ใจ
นิโรธ เขาจะเป็นอย่างที่เราต้องการหรือไม่ก็ได้เพราะเราเข้าใจเรื่องกรรมอย่างแจ่มแจ้ง มันเป็นวิบากกรรมเขา วิบากกรรมเรา
มรรค ดูจิตใจของเราว่ามีอาการ ชอบชัง มั้ยที่เขามีความเห็นต่างจากเรา ก็ไม่มี คือเราก็เข้าใจว่าแต่ละคนมีฐานจิตแตกต่างกัน ช่วยได้ก็ช่วยช่วยไม่ได้ก็ปล่อยวาง เราก็ทำดีที่ทำได้ด้วยใจเป็นสุข
เรื่อง เครื่องตัดหญ้าเสีย
ได้ตัดหญ้าในสวนเพื่อจะได้ปลูกไม้ยืนต้น โดยได้แบ่งการตัดหญ้าออกเป็น 2 ระยะช่วงแรกตัดได้เรียบร้อยด้วยดีพร้อมปลูกพอจะตัดช่วงที่ 2 ปรากฏว่าเครื่องตัดหญ้าสตาร์ทไม่ติด
ทุกข์:หงุดหงิด ทุกข์ใจ
สมุทัย:ยึดดี ไม่ต้องการให้เกิดข้อบกพร่อง ชอบที่งานเดินไปตามที่เราได้คิดไว้ ชังถ้างานที่ทำไม่สำเร็จพองานไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้คิดไว้จึงเกิดอารมณ์หงุดหงิด
นิโรธ:งานสำเร็จหรือไม่ เราก็จะไม่หงุดหงิด ไม่ทุกข์ใจ
มรรค:ต้องยอมรับความจริงตามความเป็นจริง โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ ตัวเราเองก็มีความพร่องอยู่ ทำไมเครื่องตัดหญ้าจะเสียบ้างไม่ได้เชียวหรืพลาดก็ได้ พร่องก็ได้ สบายใจจริง ฉลาดที่สุด
เรื่อง ยุ่งจริงๆ
ใกล้วันเดินทางไปภูผามีการเตรียมงานต่างๆทั้งในสวนและในบ้านซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างมากงานนั้นก็ต้องทำ งานนี้ก็จำเป็น งานโน้นก็น่าทำ งานค้างก็ยังมีอยู่ แถมมีงานเร่งด่วนเข้ามาเป็นระยะๆจนไม่รู้จะทำงานไหนก่อนดีเพราะในความเป็นจริงทำได้ไม่สำเร็จทุกงานในเวลาเดียวกันและจำกัด
ทุกข์:อึดอัดใจ ไม่เบิกบาน
สมุทัย:ยึดดีให้ได้ดั่งใจว่างานต้องทำได้สำเร็จไปทุกๆอย่าง ทั้งงานในบ้านในสวนตามที่คิดไว้แต่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ตามที่คิด
นิโรธ:งานจะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็สบายใจ เบิกบานใจ ไม่อึดอัด
มรรค:ตั้งไว้ว่าจะทำงานในทุกส่วนให้สำเร็จในเมื่อทำได้ไม่สำเร็จทุกงานเราก็ยินดีแม้งานนั้นจะทำไม่สำเร็จหรือบางงานยังไม่ได้ทำเพราะงานทำสำเร็จหรือทำไม่สำเร็จแต่ใจไม่อึดอัดถือว่างานสำเร็จแล้ว
เรื่อง มือหายชาเพราะผลดีการบำเพ็ญกิจตน-กิจท่าน
เนื้อเรื่องย่อ รู้สึกมีปิติที่มีพี่น้องพวธ.จิตอาสาภาคกลางเข้ามารวมพลังบำเพ็ญกันที่สวนป่านาบุญ9ในวันที่ 18-19กันยายนนี้มีกิจกรรมจัดบันทึกสาธิตยาเม็ดที่2ทำเทปค่ายออนไลน์ และบำเพ็ญพื้นที่ฐานกสิกรรม พี่น้องมารวมพลังกันรวมกับพี่น้องในพื้นที่ รวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นความประทับใจเหมือนมีค่ายเกิดขึันจริงๆ เป็นบรรยากาศที่รอคอย ที่จะได้ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติอีกครั้งในรูปแบบที่เคยทำ
รู้สึุกซาบซึ้งในคุณงามความดีของพี่น้องที่เดินทางมาไกลและยังต้องเผ้าระวังเรื่องโควิดอีก แต่พี่น้องก็มาด้วยใจผาสุกพร้อมกับรอยยิ้ม ความเบิกบาน ตัวเราเองก็มีความสุข ถึงแม้เวลาที่ผ่านมาไม่ได้จัดค่าย เราเองก็มีความสุขอยู่แล้วที่ได้มีโอกาสอยู่ในพื้นที่ได้บำเพ็ญขุดดินปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ทุกวัน สิ่งนี้ก็เป็นกุศลที่เราพอทำได้เพื่อจะได้มีอาหารไว้กินและแบ่งปัน แต่ก็เพียรมากไปหน่อย มีอาการมือเกร็ง แข็งและชา
ทุกข์ : มือเกร็ง แข็ง ชา 3 วัน (15-17)
สมุทัย : รักษาดูแลตนเองใช้ยา 9 เม็ด แต่มือยังไม่หายรู้สึกทำใจเฉยๆ
นิโรธ : ใช้บททบทวนธรรม “ทำใจว่าหายเร็วก็ได้ หายช้าก็ได้ หายตอนไหนช่างหัวมัน”
มรรค :ตั้งศีลมาปฏิบัติ ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส และกินอาหารสูตร1พลังพุทธ แม้ต้องทำครัวทำอาหารปรุงบ้างนิดหนึ่งให้พี่น้อง แต่เราก็ไม่ได้กินอาหารปรุงใดๆเลยเป็นการบำเพ็ญหน้าที่กิจตน -กิจท่าน ทำอาหารปรุงไปด้วย ชำระกิเลสไปด้วย
ด้านจิตใจที่ต้องสังวรณ์ศีล เป็นช่วงเวลามีพี่น้องเข้ามาบำเพ็ญเราได้ทำความดีมากพอหรือยังที่จะให้คนดีเข้ามารวมพลังกับเรา พากเพียรกำจัดกิเลสและดูแลตนเองไม่ย่อท้อ ไม่เร่งผล ไม่กังวล หยิบไม้กัวซาที่มีเหรียญเสียบอยู่มาทำพร้อมกับน้ำมันสาบเสือมานวดที่นิ้วมือ วันนี้ตาดีจับกิเลสได้ และจึงสังเกตเห็นว่า ฝ่ามือขวาเรามันด้านตรงนิ้วนางมันนูนและกดทับร่องเส้นนิ้วข้อมือ ก็เลยกัวซาซ้ำๆไม่กีนาที รู้สึกมือหายเกร็ง แข็ง และหายชาไปเลย มือก็กลับมาเป็นปกติได้ทันเวลาวันที่มีกิจกรรมกับพี่น้องค่ะ
ขอขอบพระคุณพี่น้องที่ได้ให้มีโอกาสร่วมบำเพ็ญในพื้นที่และอาจารย์หมอเขียวที่ได้ส่งพี่น้องเข้ามารวมพลังจัดทำบันทึกกิจกรรมเตรียมค่ายออนไลน์ และบททบทวนธรรมพาพ้นทุกข์ได้สำเร็จด้วยใจเราเองมีฤทธิ์แรงและเร็วค่ะ
17 กันยายน 61
ช่วงวันหยุดนี้ฝนตก เกิอบตลอดวัน มีนัดทำฟันตอนเช้า ให้ลูกนำผ้าขาวไปแปรงซักคราบปกเสื้อก่อนนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่พอกลับมาถึงบ้านใกล้บ่ายโมงแล้วลูกยังซักไม่เสร็จจึงยังไม่ได้นำเข้าเครื่องซักผ้า แวบนึงใจรู้สึกหวั่นไหว ร้อนใจอยากให้รีบซักรีบตากจะได้แห้งเร็วนำมารีดได้ช่วงเย็นได้ และเพราะแดดมีน้อยด้วย
ทุกข์;หวั่นไหว ร้อนใจ อยากให้ลูกทำตามที่ยึดที่อยากเร็วกว่านี้
สมุหทัย;ชอบถ้าลูกทำตามที่ต้องการจะสุขใจ หวั่นไหว ร้อนใจถ้าลูกไม่ทำตามที่ต้องการ
นิโรธ;ลูกจะทำตามไม่ทำตาม จะทำเร็วทำช้า ก็สุขใจ
มรรค;เห็นกิเลสตัวไม่ได้ดั่งใจโผล่ขึ้นมา ตัวหวั่นไหว ตัวร้อนใจ ตัวสงสัยว่าลูกลืมหรือเปล่า คำถามในหัวเถึยงกันมากมาย แต่ใจเรากำลังดูเขากระเพื่่อม และรู้ชัดว่าเป็นกิเลส ก็รีบล้างใจ ด้วยการใช้คำคมเพชรจากใจเพชรของอาจารย์หมอเขียวว่า “….. เท่านี้ก็ดีมากแล้ว” กิเลสก็วิ่งหนีไป แม่ลูกก็ช่วยกันอย่างผาสุก แถมมีพลังขัดพื้นต่อได้อีก ไม่หลงโง่เสียพลังให้กิเลสนาน ดีใจจังไม่ได้ดั่งใจ วิบากหมด กิเลสตาย ได้กุศล สาธุ
Comments are closed.