630913 การบ้านอริยสัจ (5/2563) [8]

630913 การบ้านอริยสัจ (5/2563)

นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่  7 กันยายน – 13 กันยายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)

สรุปผู้ส่งการบ้านสัปดาห์นี้รวม 8 ท่าน

  1. พรพิทย์ สามสี
  2. พรรณทิวา เกตุกลม
  3. รวม เกตุกลม
  4. จิตรา พรหมโคตร
  5. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์
  6. โยธกา รือเซ็นแบรก์
  7. ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล)
  8. ชุติวรรณ แสงสำลี

12 thoughts on “630913 การบ้านอริยสัจ (5/2563) [8]”

  1. พรพิทย์ สามสี

    ไม่สบายใจ
    ทุกข์
    สมุทัย
    นิโรธ
    มรรค

    1. พรพิทย์ สามสี

      เมื่อก่อนเราไม่ค่อยจะชอบคนที่เล่นเฟรสเล่นลายสักเท่าไรนักเราคิดว่าไร้สาระ แต่มาตอนหลังเราก็หัดเล่นเฟรสเล่นลายแต่ตั้งใจเอาไว้ถ้าเล่นเป็นแล้วจะเล่นเฉพาะที่เป็นประโยชน์เท่านั้นเราก็ทำได้จริงๆคือวางแผนเวลาการใช้โทรศัพท์ไม่ให้เสียงานเสียการ แต่พ่อบ้านก็ชอบบ่นว่าวันๆหนึ่งไม่ทำอะไรแล้วดู เล่นฟังแต่โทรศัพท์ พ่อบ้านพูดเชิงด่าอยู่บ่อยทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเราบริหารเวลาเป็น เปิดฟังอาจารย์หมอเขียวไปก็ยังทำงานได้นิ
      ทุกข์ # เมื่อไหร่จะพูดกันรู้เรื่องสักที
      สมุทัย # ชอบที่จะให้พ่อบ้านเข้าใจว่าเราใช้โทรศัพท์เป็นใช้ในทางที่เป็นประโยชน์เท่านั้น ชังที่คิดว่าเราไม่เอางานเอาการบ้าแต่โทรศัพท์
      นิโรธ # พ่อบ้านจะคิดแบบไหนก็ได้ในเมื่ออธิบายให้ฟังหน่อยๆแล้วเขาก็ไม่ฟังอธิบายมากก็วิวาทะ คิดแบบของเราดีกว่าไม่ให้เสียพลังเขาจะเข้าใจก็ได้ไม่เข้าใจก็ได้ใจไร้ทุกข์ไร้กังวลเบิกบานดีกว่า
      มรรค # เรากับพ่อบ้านเราน่าจะทำไม่ดีกับเขาไว้เยอะเขาถึงไม่มาทางนี้เลย พูดกันไม่รู้เรื่องเกือบทุกเรื่องเป็นชาวสวนกันตลอดนี่ถ้าเราไม่ได้ฟังธรรมะที่ถูกต้องถูกตรงจากท่านอาจารย์หมอเขียวเราคงต้องทุกข์จนทนไม่ได้แน่ๆ ขนาดพบแล้วก็ยังทุกข์แต่ก็ทุกข์น้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ตอนนี้ไม่โทษใครไม่โทษพ่อบ้านสิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราทำมา โชคดีอีกแล้วได้ใช้วิบาก
      ใจก็เลยวางลงได้บ้างแม้ไม่ครบ 100% จะตั้งใจเพิ่มศีลต่อไป
      เบิกบานแจ่มใสอย่างเป็นอมตะธรรม

  2. พรพิทย์ สามสี

    ชื่อเรื่อง#ไม่ได้ดั่งใจ
    เนื้อเรื่องย่อ # เห็นขอทานขอเพื่อเก็บเรานั่งขาบของฝั่งตรงข้ามมีขอทานวันๆหนึ่งได้หลายบาทได้เป็นพันเลยหลายพันเราเห็นประจะวันเมื่อช่วงเรานั่งขายของ ใจเรากเพ่งโทษขอทานอยู่บ่อยๆ
    ทุกข์ # เรื่องของเขาเราคิดแทนเราทุกข์
    สมุทัย # ชอบที่จะให้ขอทานขอแบบพอเพียง ชังที่ขอทานขอเอาไปเก็บ
    นีโรธ # ขอทานจะขอยังไงขอได้ใจไร้ทุกข์ไร้กังวล
    มรรค # เราเพ่งโทษคนอื่นเราผิดเราเสียพลังเราต้องคิดแบบไม่ให้เสียพลัง เปลี่ยนเป็นเมตตา ใจไร้ทุกข์ไร้กังวลเบิกบานแจ่มใส

  3. นางพรรณทิวา เกตุกลม

    เรื่อง บ่นทำไม
    ระหว่างการเดินทางกลับจากสวน 2 เพื่อนร่วมเดินทางมีหลายคนมีคนหนึ่งบ่นเป็นระยะๆตลอดเส้นทางด้วยคำเดิมๆว่าไกลกว่าเส้นทางที่เขาเคยใช้ อ้อมกว่าอีกเส้นทาง ทำไมไม่ไปเส้นทางนั้นเส้นทางนี้ทั้งๆที่ได้บอกเหตุผลแล้วว่าที่กลับทางนี้เพราะต้องมาส่งเพื่อนอีกสองคนนั่งฟังแล้วคิดในใจว่าบ่นทำไมนี่
    ทุกข์:รำคาญนิดๆ
    สมุทัย:เราไม่ชอบที่เพื่อนบ่น ถ้าเพื่อนไม่บ่นเราจะชอบ
    นิโรธ:เพื่อนจะบ่นหรือไม่บ่นเราก็สุขใจไม่รำคาญ
    มรรค:เพื่อนบ่นก็เป็นเรื่องของเขาเรานิ่งฟังด้วยความยินดีคิดว่าเราเคยทำมามากกว่านี้อีกเพราะแต่ละคนทำชั่วมามากหาที่ต้นที่สุดไม่ได้แค่เพื่อนบ่นแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ จึงพร้อมรับเต็มๆ หมดเต็มๆ เราจะโชคดีขึ้น

  4. นายรวม เกตุกลม

    เรื่อง งานใหม่
    ได้รับมอบหมายจากหมู่กลุ่มให้ทำงานซึ่งไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เกิดความวิตกกังวลล่วงหน้ากลัวว่างานจะออกมาไม่ดี เนื้อหาไม่ครบ งานไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
    ทุกข์:กลัว วิตกกังวล
    สมุทัย:เกิดอาการชอบชังขึ้นในใจ จะชอบใจถ้างานที่ทำสำเร็จ ชังถ้างานที่ทำไม่สำเร็จจึงเกิดความวิตกกังวล
    นิโรธ:งานจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เราจะไม่กลัว ไม่กังวล ไม่ทุกข์
    มรรค:ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ทำเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไร คือสุดยอดแห่งความอิ่มเอิบ เบิกบาน แจ่มใส ก็ดีที่สุดแล้ว สาธุ

  5. จิตรา พรหมโคตร

    เรื่อง:ไม่ให้ทำชั่ว
    กำลังจะออกไปเก็บค่าเคเบิ้ลทีวี.พ่อบ้านฝากซื้อยาเส้น รู้สึกกลัวบาปเพราะรู้ว่าไปซื้อของอบายมุข
    ทุกข์:กลัว
    สมุทัย:เกิดอาการชอบชังในใจ จะชอบใจถ้าไม่ไปซื้อยาเส้น ชังเมื่อต้องไปซื้อยาเส้น
    นิโรธ:จะไปซื้อยาเส้น หรือ ไม่ไปซื้อยาเส้น เราจะไม่กลัว ไม่ทุกข์
    มรรค:ปล่อยวางความยึดดี เข้าใจเรื่องกรรมว่าเคยไปส่งเสริมให้คนสูบบุหรี่มาก่อน สำนึกผิด ยอมรับผิดในสิ่งที่เคยทำมา ยินดีไปซื้อยาเส้นให้พ่อบ้านเพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะ.
    ผลวิบากดี:ซื้อยาเส้นไม่ได้เพราะร้านปิด โชคดีอีกแล้วร้ายหมดไปอีกแล้ว

  6. ตรงพุทธ ทองไพบูลย์

    กินเยอะไป นอนไม่สบาย
    เรื่องมีอยู่ว่า เกิดหิวตอนช่วงเย็น ซึ่งปกติจะกิน 1 มื้อ ตอนเช้าเป็นหลัก หากหิวรู้สึกโหยก็จะกินเติมเพิ่มตอนบ่าย ๆ นิดหน่อย แต่วันนั้นหิวเลยกินไป แต่ว่าดันกินเยอะเกินไป เอาซะอิ่มมากเลย แต่มันอิ่มแล้วก็ไม่ได้ไปทำอะไร นอนก็รู้สึกนอนไม่อิ่ม อึดอัด ๆ น่าจะเพราะการกินเกินของเรา

    ทุกข์ : กลัวหิวตอนดึก เลยกินเกิน
    สมุทัย : เกิดจากความกลัวจะหิว กลัวจะนอนไม่หลับ ไม่รู้จักประมาณให้ดี
    นิโรธ : ไม่ต้องไปคิดล่วงหน้า หากร่างกายต้องการ หิวตอนไหนก็กินเติมตอนนั้น ไม่ยึดว่าจะต้องกินเมื่อไร กินก็ได้ ไม่กินก็ได้ ก็แค่ทุกข์ทางกายเล็กน้อย คนเราอดอาหารได้มากกว่า 1 วัน อยู่แล้ว
    มรรค : รู้จักการประมาณในการกิน พิจารณาตามความเป็นจริงว่ากินเพราะหิว หรืออยากกิน ฝึกกินให้พอดี ไม่ต้องกลัวอด กินเกินก็มีโทษ ทำให้เราไม่สบาย กินน้อยไปก็มีโทษทำให้ไม่มีแรง ต้องฝึกความพอดี ไม่กังวลให้ได้

  7. โยธกา รือเซ็นแบรก์

    13 September 2563
    ทุกข์ เพราะรู้สึกเสียดาย ลืม ,หลับเลยเวลาไม่ได้เข้าร่วมประชุมสรุปกาย-ใจ
    สมุทัย เช้าตรู่วันนี้พี่น้องเข้า อปริหานิยธรรมแดนไกลแต่ตื่นสาย ได้คุยกับพี่น้องเล่าว่าสภาวะธรรมที่ได้เข้าร่วมประชุมเราก็ยังไม่เข้าใจ ประชุมอะไรเมื่อไหร่พี่น้องเล่าซ้ำอีกรอบถึงเข้าใจรู้สึกเสียดายเพราะเรารู้ก่อนว่าว่าวันอาทิตย์จะประชุม แต่เราลืมเลย เห็นใจตัวเองว่าชอบ ที่จะไม่ลืม,หลับเลย ไม่ชอบ ที่จะไม่ลืม,หลับเลยเวลา
    นิโรธ : แม้จะลืมวันนัด หรือหลับเลยเวลา ไม่ชอบ ไม่ชัง
    มรรค: พิจารณาตอนนี้รับวิบากเข้าป่วยร่างกายอ่อนแอ สมองก็เบลอๆลืม ถึงกายอ่อนแอ แต่ใจไม่อ่อนแอ และ ฝึกตัดรอบไปด้วยไม่ยึดมั่นถือมั่นและได้ล้างชอบล้างชังไปด้วยว่าเราจะต้องได้เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ถึงแม้จะหลับเลย และลีมนัดก็ไม่เป็นไรใจเบิกบาน กราบสาธุค่ะ

  8. น.ส ชรินรัตน์ ชุมจีด (น้ำน้อมศีล) รหัส 6112008004

    ส่งการบ้าน ทุกข์อริยสัจ
    เรื่อง ได้รับหน้าที่ให้บำเพ็ญเรื่องที่ไม่ถนัด
    ทุกข์ กลัวว่าทำออกมาได้ไม่ดี
    สมุทัย ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องผลงานออกมาดีเราจะสุขใจจะชอบใจถ้าผลงานออกมาไม่ดีเราจะชังจะทุกข์ใจไม่ชอบใจ
    นิโรธ ตรวจใจวางใจวางความยึดมั่นถือมั่นว่าจะออกมายังไงก็ได้ออกมาดีหรือไม่ดีก็สุขใจในเมื่อเราได้ยินดีทำให้ดีที่สุดแล้วตามความสามารถของเรา
    มรรค ดับเหตุแห่งทุกข์คือความกลัวเพราะความกลัวคือกิเลส กิเลสทำให้เราโง่เพราะฉะนั้นเราต้องมีฉันทะยินดีพอใจกับสิ่งที่เราได้รับมอบหมายหาประโยชน์ในงานที่ทำวางความยึดมั่นถือมั่น
    ทำเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ สุขเต็มที่ ไม่เอาอะไร
    คือ สุดยอดแห่งความอิ่มเอิบเบิกบานแจ่มใส
    สาธุ

  9. นางพรรณทิวา เกตุกลม

    เรื่อง ข้อสอบยาก
    การสอบวิชาสุดท้ายของ มสธ.หลังจากเลื่อนการสอบหลายครั้งช่วงวิกฤตโควิดทำให้ได้เตรียมความพร้อมด้วยการอ่านหนังสือสอบเต็มที่แต่ถึงเวลาทำข้อสอบยากกว่าที่คิด ยิ่งทำยิ่งยากทำให้ไม่มั่นใจในการทำข้อสอบ
    ทุกข์:ไม่มั่นใจ ทุกข์ใจ
    สมุทัย:เพราะยึดมั่นถือมั่นว่าต้องทำข้อสอบได้แต่เมื่อทำข้อสอบไม่ได้ตามหวังไว้จึงไม่มั่นใจและทุกข์ใจ
    นิโรธ:ข้อสอบยากหรือง่ายและทำข้อสอบได้หรือไม่ได้ก็มีความมั่นใจ ไม่ทุกข์ใจ
    มรรค:ยินดียอมรับความจริงในขณะนั้นพร้อมทำข้อบสอบด้วยใจที่ไร้ทุกข์เพราะได้เตรียมตัวเต็มที่ ทำเต็มที่ เหนื่อยเต็มที่ ไม่มีอะไรคาใจ ไม่เอาอะไรและสุดท้ายผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่ทุกข์ใจ

  10. นายรวม เกตุกลม

    เรื่อง พร้อมปรับพร้อมเปลี่ยน
    ตั้งใจจะไปทำธุระเกี่ยวกับโทรศัพท์ และเช็ครถยนต์ แต่ต้องไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ป่วย พร้อมกับได้ช่วยเหลือด้วยยา 9 เม็ดตามสมควร ในที่สุดก็ทำธุระที่ตั้งใจไว้ไม่ทัน
    ทุกข์ กังวลใจ ทุกข์ใจ
    สมุทัย มีความกังวล กลัวว่าจะมาทำธุระ ในเรื่องที่ตั้งใจไม่ทัน
    นิโรธ จะทำทันหรือไม่ ก็จะไม่กังวล ไม่ทุกข์ใจ
    มรรค ยินดีเต็มใจรับ กับเรื่องที่ได้ทำในปัจจุบันนั้น ไม่ยึดมั่นถือมั่น พร้อมรับพร้อมปรับพร้อมเปลี่ยนตลอดเวลา ด้วยใจที่เป็นสุข

  11. ชุติวรรณ แสงสำลี

    เรื่อง กิเลสขอเวลาทำโอทีภาคค่ำ
    วันหนึ่งมีกิเลสหลงงานในช่วงเวลาเย็นเกือบมืดแล้วจิตยังคิดถึงจะเดินไปใส่ปุ๋ยใส่อินทรียวัตถุแปลงแตงโมที่ปลูก เพราะเห็นว่าหลังฝนตกใหม่ๆ เราก็ขุดหลุมไว้แล้วนี่นา อยากปลูกแตงโมเพิ่ม คิดว่ายังมีเวลาพอน่าจะทำได้ ทั้งๆที่วันก่อนๆก็เลิกเย็นๆมาหลายวัน ยุงกัดก็ไม่เลิกทำ ทำไปเกาไป มืดแล้วมองไม่ค่อยเห็นก็ยังทนทำอยู่อีก มีกิเลสอยากได้ผลของการปลูกแตงโมมากๆ
    ทุกข์ อยากปลูกแตงโมเร็วๆ
    สมุทัย ถ้าได้ใส่อินทรียวัตถุในหลุมที่เตรียมไว้แล้วได้ดั่งใจจะเป็นสุขใจ ถ้ายังไม่ได้ใส่ปุ๋ยจะเป็นทุกข์ใจอยากให้ดีเกิดเร็วๆ
    นิโรธ ทำดีตามกำลังที่ทำได้ก็สุขใจ ถ้าตอนนี้ยังทำดีไม่ได้ดั่งใจหมายก็สุขใจ
    มรรค ทำตามเวลาที่ทำได้เหมาะควร ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีอะไรเป็นของเรา ทุกอย่างเป็นสาธารณโภคี เป็นของส่วนกลาง เราทำตัวเอง ติดดี หลงดี กิเลสอัตตาอภิชาวิสมโลภะ ละโมบเพ่งเล็งอยากได้ ก็เลสสลายหายไป ตัดรอบการงาน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ วันนี้ทำดีเต็มที่แล้วก็พอใจ สุขใจ ตามแรงที่ทำได้ ด้วยใจผาสุกเบิกบาน

Comments are closed.