630906 การบ้านอริยสัจ (4/2563)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 31 สิงหาคม – 6 กันยายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
รวมผู้ส่งการบ้านในสัปดาห์นี้ 4 ท่าน
630906 การบ้านอริยสัจ (4/2563)
นักศึกษาสถาบันวิชชารามส่งการบ้าน อริยสัจ 4 ประจำวันที่ 31 สิงหาคม – 6 กันยายน 2563 (อ่านที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติมของการบ้าน)
รวมผู้ส่งการบ้านในสัปดาห์นี้ 4 ท่าน
ชื่อเรื่อง:ขนมรวมมิตร
เนื้อเรื่อง:วันที่2กันยายน2563 ไปซื้อกับข้าวในตลาดสด ตาไปเห็นขนมรวมมิตรเป็น เส้นสีเขียว แดง เหลืองผสมน้ำกะทิใส่ไว้ในโหล แว๊บหนึ่งรู้สึกอยากกิน แต่ก็สามารถตัดได้ว่าไม่มีประโยชน์ความรู้สึกอยากหายไป พอกลับมาถึงบ้านภาพขนมรวมมิตรมากวนใจตลอดเวลา จึงตั้งสู้ว่าวันนี้จะไม่กินขนมรวมมิตร
ทุกข์:มีอาการอยากกินขนมรวมมิตร
สมุทัย:(เหตุแห่งทกข์)มีผัสสะทางตาคือมองเห็นขนมรวมมิตรแล้วชอบใจ
นิโรธ:(สภาพดับทุกข์)กินก็ได้ไม่กินก็ได้แต่ตั้งศีลสู้ก่อน ถ้าสู้ไม่ได้ก็กิน
มรรค:(วิธีการปฏิบัติ) เมื่ออยากกินขนมรวมมิตรกดข่มไม่ซื้อกินให้เหตุผลว่าไม่เป็นประโยชน์ความอยากกินหายไปทันที กลับมาถึงบ้านขณะกำลังทำกับข้าวความอยากกินขนมรวมมิตรผุดขึ้นมาอีก จึงตั้งศีลว่าวันนี้จะไม่กินขนมรวมมิตรและมีสติสู้กับขนมรวมมิตรผ่านไปโดยไม่มีความอยากกินเลย ตอนเย็นน้องสะไภ้ให้ขนมเทียนกับขนมเข่งมา
สรุป:ผลปรากฏว่าแพ้กิเลสราบคาบกินขนมเทียน1อัน ขนมเข่ง1อัน กิเลสมักลวงให้เราหลงทางเสมอ.ที่อยากกินขนมรวมมิตรเพราะหลงชอบความเหนียวกับความหวาน
ทุกข์เพราะอยากดูข่าวที่เราชอบ
สมุทัย: นั่งรถกลับกลับพี่น้องขับรถ นอนไม่หลับจึงเปิดมือถือ เห็นข่าวที่เราชอบจอยากดู แต่ยังไม่ได้ทำการบ้านส่ง ความอยากดูข่าวมากกว่า เพราะกิเลสอ้างว่า ถึงบ้านแล้วทำก็ได้ แต่อีกใจก็เห็นก็เห็นว่าทำการบ้านดีกว่าน่า ชอบ-ที่ดูข่าว ไม่ชอบที่จะไม่ได้ดูข่าว
นิโรธ: ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ ไม่ชอบไม่ชัง
มรรค: พิจารณา อยากดูเพราะชอบ (กิเลส)ข่าวดังมากดังนาน แต่อีกมุมก็เห็นความจริงของชีวิตคนเราว่าไม่มี อะไรแน่นอน แต่ข่าวจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ทำการบ้านดีกว่า ได้ประโยชน์กว่าเพราะได้ขัดใจกิเลสด้วยและล้างตัวกิเลส ที่ชอบอ้างนั่นอ้างนี่ตลอด เดี๋ยวก็ได้ยังมีเวลาตอนเย็นก็ได้ ฯ ถึงเวลาก็ไม่ได้ทำ เป็นเช่นนี้บ่อยๆ เมื่อพิจารณาหาเหตุผลมาบอกกิเลส ๆ จึงยอม จึงทำการบ้านส่งด้วยใจเบิกบาน กราบสาธุค่ะ เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ
ทนร้อน
วันก่อนทำงานก่อปูน ตั้งแต่สาย ๆ จนถึงเกือบเที่ยง แดดก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำงานกลางแดดร่างกายก็สะสมความร้อน แล้วงานก็ใกล้จะเสร็จ ก็เกิดมีความรู้สึกอยากจะทำงานให้เสร็จ ๆ จะได้ไปพักเสียที
ทุกข์ : ความร้อนใจอยากทำงานให้เสร็จ + ร้อนกาย
สมุทัย : หลงผิดว่างานเสร็จจึงจะพัก แล้วผ่อนคลายได้
นิโรธ : งานเสร็จหรือ ไม่เสร็จก็พักได้ ร้อนเกินไป หนักเกินไปก็วางได้
มรรค : ลองเดินไปพักดู ถอดหมวก ถอดถุงมือ ยืนรับลมในร่ม พบว่า การที่เราไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเสร็จตอนไหนนี่มันสบายกว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ติดพัก ได้ผ่อนคลายความร้อนสักหน่อยก็ไปทำงานต่อ ตามหลัก รู้เพียรรู้พัก รู้พักแล้วก็กลับไปเพียรจนงานเสร็จอย่างเป็นสุข และไม่ป่วย
ก็มีครั้งก่อนมีเรื่องราวแบบนี้เหมือนกัน แต่เลือกที่จะไม่พัก ทำงานกลางแดดต่อเนื่อง ผลคือร้อนเกิน ไม่สบาย น้ำมูกไหล มาครั้งนี้ตัดสินใจได้ดี ผลคืองานก็เสร็จ ใจก็โล่ง แถมยังแข็งแรงอีกต่างหาก
Comments are closed.