ข่าวการบ้านวิชชาราม
การบ้านที่น่าสนใจประจำสัปดาห์ วันที่ 4 – 10 มกราคม 2564
การบ้านอริยสัจ 4
1. ไม่ได้ดั่งใจ (ตอนที่ 3) ชื่อ เป็นเราอีกแล้ว เรานั่นแหละ ! คือ เหตุแห่งทุกข์
วางโทรศัพท์ติดขาตั้งไว้บนเก้าอี้ก่อนไปทำกสิกรรม กลับมาพบว่า โทรศัพท์และขาตั้งแยกออกจากกันวางอยู่บนเก้าอี้ที่เดิม เมื่อตากระทบรูปเกิดรู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพบพ่อบ้าน จึงได้ถามว่าทำไมโทรศัพท์มันจึงหลุดออกจากขาตั้ง โดยที่ในใจคิดว่าพ่อบ้านน่าจะทราบว่าโทรศัพท์หลุดออกจากขาตั้งได้อย่างไร พ่อบ้านตอบว่าไม่ได้ไปทำอะไร ใจก็รู้สึกว่าเอาอีกแล้ว ตอบไม่ตรงคำถาม แต่ก็ไม่ได้ตั้งคำถามต่อ คิดใหม่ว่าเราถามไม่ตรงคำตอบเอง ต่อมาเมื่อขึ้นรถจะกลับที่พักอีกแห่ง ได้วางแก้วน้ำไว้ในตะกร้าหาของกันแก้วน้ำล้มวางไว้ เมื่อรถเลี้ยวก็ได้ยินเสียงแก้วล้ม มองไปก็เห็นแค่เอียงไม่มีน้ำหก จึงพูดขึ้นว่าได้ไปจัดตะกร้าใหม่หรือเปล่าเพราะคิดว่าแก้วน้ำไม่น่าล้มได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือไม่ได้คำตอบ แต่การขับรถดูจะผิดไปจากปกติบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ระบายผ่านการขับรถ เหตุการณ์เกิดต่อเนื่องกัน 2 ครั้งนี้ เป็นภาวะที่เคยเกิด และความเข้าใจของพ่อบ้าน ที่แสดงให้ทราบอยู่เสมอ คือ การโทษว่าพ่อบ้านเป็นผู้กระทำเรื่องที่ถาม เคยพยายามที่จะอธิบายแต่ไม่เคยสำเร็จ มักจะลงเอยด้วยวิวาทะถ้าไม่ยอมจบเรื่อง ในครั้งนี้สิ่งที่อยู่ในใจ คือ ยอมรับว่าเป็นวิบากร้ายของตนที่ทำให้การสื่อสารเกิดการเข้าใจผิดมากบ้างน้อยบ้างมาตลอดชัดเจนขึ้น เข้าใจเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจเรา ว่าเป็นเพราะเราเองได้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น
ทุกข์อริยสัจ ทุกข์ใจจากเหตุการณ์ที่ถามพ่อบ้านแล้วไม่ได้คำตอบดังใจหมาย
สมุทัย อยากให้พ่อบ้านตอบคำถามดี ๆ จะเป็นสุขใจ ถ้าพ่อบ้านไม่ตอบจะเป็นทุกข์ใจ
นิโรธ พ่อบ้านจะตอบคำถามหรือไม่ตอบคำถามก็เป็นสุขใจได้
มรรค ในชีวิตคู่ที่ดูเหมือนราบรื่น ใครพบเห็นก็ว่าเป็นตัวอย่างของชีวิตคู่ที่เป็นสุข ในความเป็นจริง ก็มีคลื่นของการวิวาทะเกิดขึ้นเป็นระยะระยะ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ตามสถานการณ์ มีเหตุการณ์ที่รุนแรงที่พอจำได้ในรอบ 43 ปี สัก 2-3 ครั้ง แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ดี
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เดินมรรคล้างทุกข์ด้วยการเข้าใจเรื่องกรรม ยอมรับได้ว่าทุกอย่างที่เราได้รับ คือ สิ่งที่เราทำมาด้วยสัมมาทิฏฐิ เมื่อมาเรียนรู้ในเรื่องเหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์อริยสัจ ทำให้แม่นประเด็นขึ้นว่า เหตุการณ์ที่ไม่ชอบใจมากระทบนั้น คือ กิเลส และเรานั่นแหละ ! คือ ต้นเหตุ ไม่ต้องไปหาคนผิดที่ไหนอีกแล้ว สิ่งที่จะต้องทำก็คือพร้อมที่จะยอมรับว่าเป็นคนผิด ทำความเห็นให้ถูกตรงว่า “การยึดความได้ดั่งใจเป็นโรคและถือว่าอยู่ในขั้นร้ายแรงถ้าไม่แก้ไข เราได้เก็บรักษาเอาไว้มานานแล้วเพราะไม่รู้จักวิธีที่จะล้างความยึดนี้ออกไป” คิดทบทวนซ้ำ ๆ 2-3 รอบความรู้สึกไม่ชอบใจก็สงบลง สร้างความรู้สึกว่าถ้าจะพูดคุย จะไม่นำเอาความไม่ชอบมาติดค้างไว้และปนเปื้อนไปในการสื่อสาร สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ตอนนี้ก็เป็นอดีตไปแล้วไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาคิดไห้เปลืองสมองให้เปลืองเวลาและเป็นทุกข์ บอกกับตัวเองว่าเราเป็นต้นเหตุ เรา นั่นแหละ ! คือ ต้นเหตุ จนใจยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่มีอะไรต้องสงสัยต้องถามหรือต้องรู้ให้ได้ ผลก็คือสามารถพูดคุยกันด้วยความปกติ เหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เป็นข้อคับข้องใจมาก่อน ไม่เอาความยึดว่าจะต้องถามให้รู้ให้ได้ ในครั้งนี้เห็นความรู้สึกว่าถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นเช่นนี้อีกคงจะสามารถล้างได้เร็วขึ้นจนถึงกับหมดไปได้ในที่สุด
ขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่ทำให้ได้เกิดการเรียนรู้ ขอบคุณอาจารย์และมิตรดีที่ให้ปัญญาจนล้างทุกข์ได้จริง
สาธุค่ะ
2. สอบ
พี่น้องลงชื่อเพื่อจะเข้าสอบหลายท่านคึกคักน่าสนุก อยากจะลงสอบบ้างจึงมาถามพี่น้องมิตรดีว่าจะสอบประมาณใหนเพราะอยากเตรียมตัวเอาไว้ พี่น้องแซวว่ายังไม่ลงชื่อเลยทุกข์รอแล้ว ข้าพเจ้าลงชื่อเข้าสอบร่วมกับพี่น้องด้วย มีท่านพี่น้องจิตอาสาเมตตาติวให้พี่น้องก่อนถึงวัน แต่พอเห็นหนังสือที่จะออกข้อสอบไม่เคยอ่านเลยขณะที่ฟังพี่น้องติวอ่านให้ก็ไม่สะดวกฟังเต็มที่เพราะทำอาหารให้ลูกด้วย เห็นใจตัวเองอยากจะขอถอนตัวเพราะยึดดีว่าต้องได้เตรียมตัวอ่านทบทวนก่อนไม่มีความมั่นใจถ้าจะสอบโดยไม่ได้อ่านหนังสือก่อน และมีเวลาแค่ 2 วัน แต่รู้ว่าการมาร่วมสานพลังกับพี่น้องมิตรดีๆกว่า จึงหยุดความคิดจะถอนตัวและเข้าสอบร่วมกับพี่น้องด้วย.
ทุกข์ : ไม่แช่มชื่น ขาดความมั่นใจ ในการสอบ
สมุทัย : ยึดดี ชอบ-ที่จะได้เตรียมตัว/อ่านหนังสือให้พร้อมก่อนสอบ ชังที่ไม่ได้เตรียมตัว/ไม่ได้อ่านหนังสือก่อนสอบ
นิโรธ : วางใจ แม้ไม่ได้เตรียมตัว/อ่านหนังสือก่อนก็ไม่ทุกข์ใจ
มรรค : พิจารณา คิดทบทวนนี่เราจะมาเอาอะไรกัน บททบทวนธรรมก็อ่านก็ท่องทุกวันว่า “ไม่ยึดมั่นถือมั่น ยึดเป็นทุกข์ ไม่เอาอะไร” สักแต่ท่อง ๆ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าถึงจิตวิญญาณเลย สนทนาธรรม กับพี่น้องมิตรดี ให้ชี้ขุมทรัพย์ให้มองเห็นว่าเรายังติดโลกธรรมพอมีคำว่า ”สอบ” ต้องทำได้ดี นั่นมันทางโลก ๆ เขาทำกัน นี่เรามาเดินทางธรรมแล้วพิจารณาเห็นว่าใช่จริง ๆ พอมีคำว่า ”สอบ” ทุกครั้งทุกข์รอเลย พี่น้องมิตรดีเมตตา ขยายต่ออีกเราเข้าไป เพื่อสานพลังร่วมกับพี่น้อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ในสิ่งที่ไม่รู้ แม้ทำข้อสอบผิดเราก็ได้กลับมาทบทวนใหม่ มีแต่ได้ไม่มีอะไรเสียเลย และที่สำคัญอย่าลืมจิตวิญญาณงานในของเรา
ซึ่งก็เคยฟังท่านอาจารย์หมอเขียวเทศน์บ่อย ๆ ว่า “งานนอกไม่เน้น เอางานในใจ” พอวิบากเข้าคิดไม่ออกเลย เชื่อกิเลสเลย มาตาลีเทพสารถีส่งข้อสอบมาอีกแล้วเพราะยังสอบไม่ผ่าน แต่โชคดีดี ที่ได้เห็นตัวเองว่ายังมี อัตตาตัวใหญ่ ที่จะต้องรีบสลายอัตตาตัวเป้ง ออกแม้จะต้องใช้เวลาก็ขอจะต่อสู้ต่อไปค่ะ
กราบขอบพระคุณพี่น้องมิตรดีค่ะ
สรุปวันที่สอบมีแต่ความแช่มชื่นใจ เบิกบาน อบอุ่นและมีพลังรวมของพี่น้องทั่วโลก แม้จะไม่เข้าใจความหมายคำถามและตอบไม่ได้ ตอบผิด ทำข้อสอบด้วยใจไร้ทุกข์ค่ะ
กราบสาธุค่ะ